เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 131 – หยินซาง อย่ากลัวที่จะออกมาเจอบิดา…

“บางคนที่มาจากเมืองดาบสวรรค์?!”

เงามือดิ่งมาที่พื้นและมีการปรากฏขอชายดูเหมือนเป็นนักวิชาการขึ้นมาอีกคน เขาขมวดคิ้วขณะที่มองไปที่เลือดพิราบ“ข้าไม่คิดว่านิกายเลือดปีศาจจะถ่อมาทำธุรกิจกับคนก็ไม่ใช่ แมลงก็ไม่เชิง.”

การแสดงออกของหยินซางเปลี่ยนไปอย่างมากขณะที่เขาตะโกน “เจ้าเรียกใครว่าคนไม่ใช่ แมลงไม่เชิง?!”

“หืม?”

“สาวกทะเลเมฆ?”

“แล้วไง…”

เลือดพิราบมองไปที่สัญลักษณ์ที่อยู่หน้าอกของนักวิชาการและกลายเป็นตกใจ“เจ้ามาจากราชวงศ์?”

การแสดงออกของนักวิชาการเปลี่ยนไปเล็กน้อย.

เมื่อเห็นว่านักวิชาการไม่พูดอะไร เลือดพิราบก็หายใจเข้าลึกๆและยิ้มอย่างเหี้ยมโหด “จริงๆแล้วเป็นเชื้อพระวงศ์ กลิ่นเลือดของเขาหอมมาก.”

“เฮ้ย เฮ้ย!”

“อาวุโสเลือดพิราบ นี่เป็นอาณาเขตของราชาทมิฬ.”

“ศพดีๆอย่างเชื้อพระวงศ์ของเมืองดาบสวรรค์ แน่นอนว่าจะต้องเป็นของข้า.”หยินซางเริ่มจับจอง.

ความแข็งแกร่งของราชวงศ์เมืองดาวสวรรค์เป็นดั่งตำนาน.

ความสามารถในการควบคุมผู้อื่นแน่นอนว่ามันต้องมีประโยชน์อย่างมาก.

เลือดพิราบยิ้มเย็นและพูดอย่างเย็นชา “ผู้นำราชาทมิฬ ข้าเพียงต้องการเลือดของเขาเท่านั้น ส่วนศพนั่นจะเก็บไว้ให้ท่าน.”

หยินซางยิ้มอย่างพึงพอใจและพูดว่า“ดี!”

เลือดพิราบก็เคลื่อนไหวและรูปร่างของเขาก็เปลี่ยนไป พร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชาบนใบหน้าของเขาขณะมองไปที่นักวิชาการและพูด“ตอนนี้เป็นเด็กดีและเชื่อฟังสักเล็กน้อยพร้อมกับแสดงท่าทางต่างๆของเจ้า ข้าอยากจะเห็นว่านิกายทะเลเมฆให้อะไรเจ้ามาบ้าง.”

ดวงตาของนักวิชาการกลายเป็นน่ากลัว มือขวาของเขาเคลื่อนไหวและปรากฏดาบขึ้นมา.

ส่วนของใบดาบมีแสงสีฟ้าที่ไหลออกมาเหมือนกับน้ำไหล หลังงานมันยังไม่ทันได้กระตุ้นแต่ก็มีพลังฉีที่คมกริบคุมไว้แล้ว จากรู้ลักษณ์ของมันบอกได้เลยว่าระดับของมันไม่ได้ธรรมดาเลย.

นักวิชาการวาดดาบและมีเงาดาบปราฏกขึ้นตามการวาดนั้นก่อนที่จะไหลมาบรรจบในท่าสุดท้ายก่อนที่จะตะโกน“ข้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการเจ้า!”

“ฮึ่ม!”

“ช่างพูดอะไรน่าอายเช่นนี้!”

เมื่อเสียงของเลือดพิราบหายไป เขาก็พุ่งเข้าใส่นักวิชาการทันที.

เสื้อคลุมดำกลายเป็นหมอกเลือดกระจายทันใดนั้นร่างกายของเขาก็หายไป กลิ่นเหม็นกระจายเต็มห้องโถงคล้ายกับทะเลเลือด กลิ่นเหล่านั้นฉุนเป็นอย่างมาก!

“ทะเลโลหิต!”

มีเสียงที่ส่งผ่านออกมาจากความว่างเปล่า.

ร่างกายของนักวิชาการเคลื่อนไหวราวกับภาพลวงตาจนใช้ดาบขวางไว้ที่ด้านหน้าอก ร่างกายของเขาก็เริ่มควบรวบฉีจักพรรดิ เนื่องจากพวกนั้นรู้ว่าเขามาจากราชวงศ์ดังนั้นจึงไม่ต้องปกปิดตัวเขาอีกต่อไป เมื่อฉีจักรพรรดิถูกปล่อยออกมามันก็ช่วยกำจัดละอองเลือดออกไป ดาบที่ขวางอยู่ด้านหน้าของหน้าอกของนักวิชาการก็แทงไปยังอากาศที่ว่างเปล่าพร้อมกับตะโกน “ทักษะดาบสายฟ้าฟาด!”

“ปัง~!”

เกิดประกายแสงในห้องโถง.

มีเสียงโลหะที่กระทบกันและมีร่างหนึ่งกระเด็นออกมา.

เลือดพิราบเริ่มหัวเราะอย่างเย็นชาจากความว่างเปล่า “หึ! ทักษะดาบสายฟ้าฟาด?มันไม่ได้มีพลังเท่ากับเฒ่าเฉินคนนี้ ดูเหมือนว่าเจ้าไม่มีอะไรมากไปกว่าหมอนปักเข็ม ดังนั้นเจ้าก็มาตายซะ!”

นักวิชาการไม่พูดอะไรออกมา.

ฉีจักรพรรดิเริ่มล้อมรอบตัวเขามากขึ้นเรื่อยๆ

ดวงตาของนักวิชาการแวววาวขณะที่เขากำลังจับจ้องบางอย่าง ทันใดนั้นพลังปราณจากตันเถียนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีแสงสั้นๆออกมาก่อนที่ดาบฉีจะถูกปล่อยออกมาและครอบคลุมห้องโถงทั้งหมด.

ในเวลานั้น…

มีดาบนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาขณะที่เฉือนพวกเขาอย่างต่อเนื่อง.

พลังปราณของเลือดพิราบที่ทะลักออกมาจากตันเถียนของเขาพุ่งออกมาราวกับเป็นคลื่นของทะเลเลือด.

“ตูม~!”

“ตูม~!”

หยินซางไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้ขณะที่เขาพูดเบาๆ“ข้าอนุญาตเมื่อไหร่ให้พวกเจ้าสู้ในห้องโถงนี้?”

นอกจากนี้…

เขากลัวเลือดพิราบจะทำลายร่างกายที่สมบูรณ์ของนักวิชาการ

เพื่อที่จะสร้างยามที่สมบูรณ์แบบที่สุด มันต้องเป็นแบบเป็นๆและยังคงเหลือการบ่มเพาะเอาไว้ มีรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่บนริมฝีปากของหยินซาง ก่อนที่จะแมลงที่เติบโตอยู่บนหัวเขาเริ่มขยายออกมาและปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายจนกลายเป็นเปลวเพลิง.

เลือดพิราบและนักวิชาการต่อสู้กับอย่างดุเดือนและเขาก็ไม่อาจป้องกันตัวได้ในเวลานี้.

เลือดพิราบมีการบ่มเพาะอยู่ในระดับสูง แต่ฉัจักรพรรดิที่ปล่อยออกมาจากร่างนักวิชาการก็สามารถยับยั้งความสามารถของทะเลโลหิตของเขาได้ นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทั้งสองถึงได้ต้องตายตอนนี้.

แต่…

นักวิชาการไม่ได้มีพลังงานที่มากพอที่จะปัดการโจมตีด้วยปราณเหมือนกับเลือดพิราบ.

เลือดพิราบแข็งแกร่งกว่าเขา เพราะงั่นมันจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่นักวิชาการจะตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ.

นี่คือสิ่งที่นักวิชาการกังวล.

จากเหตุผลนี้…

ดาบเมฆคล้อยที่อยู่ในมือนักวิชาการเกิดการเคลื่อนไหวเล็กน้อยและแผ่กลิ่นอายเป็นระลอกใหญ่ๆ ขณะที่เลือดพิราบพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วปานฟ้าผ่า ใบดาบก็ขยายและหนักขึ้นเป็นสองเท่า.

มีความตกตะลึงบนใบหน้าของเลือดพิราบและเขาก็ถอยหลังกลับไปทันที.

“ลองดูว่าเจ้าจะหลบหนีอย่างไร!”

นักวิชาการตะโกน.

ในเวลานั้นกลิ่นอายแห่งความตายก็พุ่งเข้ามาด้านหลังนักวิชาการ.

“ฮุ่มมมมม~…”

ก่อนที่ดาบจะได้ฟันออกมาอย่างเต็มที่ กลิ่นอายแห่งความตายที่เหมือนกับเปลวเพลิงได้ล้อมไปที่ตัวนักวิชาการ มันได้ทะลวงเข้าไปในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง สารพิษจากความตายได้ไหลไปทุกส่วนของร่างกายนักวิชาการ นอกเหนือจากหัวใจ,ทะเลสติและความคิดของเขา ที่เหลือกำลังถูกกลินกินอย่างหนัก.

ฉากนี้ราวกับแมงมุมที่จับเหยื่อม้วนด้วยใยของมันอย่างรวดเร็ว.

ฉีจักรพรรดิของนักวิชาการไม่อาจต้านทานได้.

ภายในนั้น…

เกิดลำแสงที่พุ่งออกมาจากร่างกายเขาพร้อมกับลอยออกไปจากห้องโถง.

นักวิชาการตะโกน “อย่าทำให้ข้ารำคาญ พวกเจ้าทุกคนควรจะรีบไสหัวไปซะ!”

การแสดงออกของหยินซางเริ่มดุดันขึ้นขณะที่เขาตะโกนอย่างเย็นชา“ยังมีอีกไหม? ถ่ายทอดคำสั่งข้า ปิดประตูเมืองและค้นหาอย่างละเอียด จับพวกมันทั้งหมดและเอามาให้ข้า จำเอาไว้ ข้าต้องการให้มันมีชีวิตอยู่ ข้าต้องการกลั่นให้มันกลายเป็นยามที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า 555…”

เลือดพิราบปรากฏร่างขึ้นมาขณะที่เขาเฝ้ามองกลิ่นหายแห่งความตายที่เป็นเหมือนพับเปลวเพลิงที่กลืนกินนักวิชาการเข้าไป เขาเลียริมฝีปากของเขาขณะที่แสดงออกถึงความไม่เต็มใจและเย็นชาอยู่ในดวงตาของเขา.

“ตูม~!”

มีลูกธนูที่ถูกยิงเจาะเข้าไปในเมฆเหนือเมืองซากศพทมิฬ.

เสียงของนักวิชาการที่ถูกขยายออกมาด้วยพลังปราณทำให้ทุกคนในเมืองได้ยินเสียงของเขา รวมทั้วเพือนร่วมทีมของเขาที่พามาที่นี่ด้วย.

“ติงหมิง…”

“องค์ชายเก้า…”

“รุ่นน้อง…”

มีเสียงร้องออกมาในมุมหนึ่งของเมืองซากศพทมิฬ.

จากนั้นก็มีคนสามคนพุ่งเข้ามายังราชวังราชาทมิฬ.

อย่างไรก็ตาม…

เมื่อดั่งคลื่นยักษ์ ยามนับไม่ถ้วนวิ่งออกมาจากถนนสายหลัก.

มันเป็นทะเลที่มืดมิดไหลออกมาทุกทิศทางและแต่ละคนก็มีกลิ่นอายแห่งความตาย พวกนี้ไม่ได้เป็นยามปกติที่อยู่ด้านนอก แต่เป็นทหารที่ยอดเยี่ยมของหยินซาง ก่อนที่พวกมันจะตาย แต่ละคนอยู่ในขอบเขตปราณสุดยอดเชียวชาญ!

“วิ่ง!”

“วิ่งเร็ว! บามไม่มีรู้จักตายมีมากเกินไป!”

“แต่องค์ชายเก้าอยู่ด้านใน มันทำได้…”

“ไม่มีทางเลือกอื่น เขาอาจจะ…”

ต่อหน้าคลื่นของยามไม่รู้จักตาย อีกไม่นานมันก็วิ่งใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะรีบพุ่งเข้าไปยังราชวังแต่มันก็ไม่อาจช่วยได้เพียงลำพัง.

ทันใดนั้น…

ทั้งสามคนวิ่งออกนอกเมืองอย่างไม่ลังเล.

ด้านในราชวังราชาทมิฬ.

เลือดหนอนและเลือดเด็ก ยิ่มเบาๆและกล่าวว่า“ผู้นำราชาทมิฬ เราจะช่วยด้วยได้ไหม?”

โดยไม่รอการตอบกลับของราชาทมิฬ ทั้งสองได้เปลี่ยนเป็นหมอกก่อนที่จะบินออกไป.

ทั้งสามคนยังคงฆ่าอยู่ขณะหลบหนี…

ทั้งสามคนเต็มไปด้วยเลือดและพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วในขณะนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะไปถึงประตูเมือง แต่เมื่อพวกเขามาถึงก็พบว่าประตูได้ถูกปิดแล้ว และสิ่งที่รออยู่ที่ประตูนั้นก็คือยามจำนวนมากมาย.

ทั้งสามคนสูญเสียความหวังไปแล้ว.

“พี่สาวเจ้าออกไปก่อน! ข้าจะคลุมครองเจ้าเอง!”

หนึ่งในพวกเขาอยู่ด้านหน้าเพื่อเปิดเส้นทางการหลบหนี ขณะที่อีกคนป้องกันด้านหลัง.

“เจ้าต้องการหนี?”

“ฮี่ฮี่…น้องชาย,หญิงงามคนนี้จะเป็นของข้า ขณะที่อีกสองเป็นของเจ้า.”เลือดหนอกเริ่มพูดพร้อมกับรอยยิ้มวิปลาศ.

เลือดเด็กพยักหน้าและตอบ “ว่าตามนั้น.”

ในช่วงเวลานั้น…

ก่อนที่จะถึงประตู ก็มีร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับจิตสังหารที่ไหลออกมาจากตัวเขา หมัดของเขากำแน่นก่อนที่เขาจะระเบิดประตูและตะโกน“หยินซาง อย่างกลัวที่จะออกมาเจอบิดา!”

“ตูม~!”

———-

Comment

Options

not work with dark mode
Reset