เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 27 – คำรามก้องฟ้าคะนอง

ทุกคนต่างอ้าปากค้างเหมือนกับคนโง่.
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
กระทิงที่กำลังพุ่งเข้าชนกับลั่วเทียนและจะส่งเขาไปสู่ความตายในอีกไม่กี่นาที. ทันใดนั้นกระทิงก็หยุดลงและวิ่งไปรอบๆลั่วเทียนอย่ากับลูกสุนัข.มันเหมือนกับลูกสุนัขตัวน้อยๆที่กำลังอ้อนเอาใจเจ้าของของมัน…นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น?
นี่มันภาพลวงตา? หรือไม่ก็กระทิงเสียสติ?
พวกเขาไม่สามารถมองเห็นชื่อข้างบนได้หรืออย่างไรก็ตามถ้าเขาเห็นอย่างอื่นๆทุกอย่างก็ชัดเจน.
กระดิงเดือดฟ้าคะนอง(ลั่วเทียน)!
นั่นคือชื่อปรากฎอยู่บนชื่อของกระทิงตัวนี้ แน่นอนว่ามันเป็นลูกน้องของลั่วเทียน!
มันเป็นสัตว์เลี้ยงสงครามที่สุดยอดและทำตามทุกอย่างที่ลั่วเทียนสั่ง
นี่คือพลังที่อยู่เบื้องหลังมนต์เสน่ห์ซึ่งสามารถทำให้สัตว์ปีศาจมาเป็นสมุนของตนได้!
ลั่วเทียนเพียงแค่คิดและกระทิงก็ลุกขึ้นระเบิดพลังแห่งความชั่วร้ายของสัตว์ปีศาจ ผสมผสานกับกลิ่นอายแห่งความชั่วร้ายและมีอำนาจแห่งการฆ่าที่ท่วมถ้น!
ลั่วเทียนกวาดตามองไปยังผู้คนและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีอำนาจว่า “ตอนนี้ไม่อยากตาย ตอนนี้ก็เริ่มกรีดร้องได้แล้ว!”
นี่คือว่าเป็นความเมตตา.
ความเมตตาที่ลั่วเทียนกำลังให้ตระกูลลั่ว.
เขาไม่ต้องการลบมันออก!
แต่…
เมื่อลั่วเทียนพูดอย่างนั้น สาวกตระกูลลั่วก็ปรากฎสายตาที่ดูถูกอยู่ในสายตาของเขา
มีหลายคนก้าวเดินไปอย่างช้าๆและพูดเยาะเย้ยว่า “ลั่วเทียนการตายของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว แต่เจ้าก็ยังทำตัวเหมือนอึขณะที่ไม่ได้มองสถานการณ์ของตนเอง. ถ้าข้าเป็นเจ้าข้าจะแทงตัวเองตายและจบชีวิตอย่างรวดเร็ว.”
“ข้าจะทำอย่างไรหากเขาฆ่าตัวตาย? นายน้อยลั่วหลินบอกว่าการแทงหรือการตัดเนื้อของเขาจะได้ราววัลเป็นหัวสัตว์ปีศาจ แม้ว่าเขาจะตายเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือพวกเขา.”
“ถูกต้อง การตายของเขามันง่ายเกินว่าจะปล่อยเขาไปง่ายๆ.”
“ถึงแม้ว่าเขาจะตายแต่ให้บิดาได้แทงสักสองสามแผล อย่าคิดว่ามันจะออกไปได้อย่างง่ายดายด้วยการฆ่าตัวตาย!”
ริมฝีปากของรั่วเทียนโค้งขึ้นเขาคิดว่านี่มันเกิดเยียวยา จานั้นเขาก็ยิ้มแล้วกล่าวเบาๆ “พวกเจ้าเป็นเพียงกลุ่มคนโง่ที่ไม่รู้ถึงความหมายของความตาย.เนื่องจากพวกเจ้าต้องการตายข้าสามารถตอบสนองความต้องการของเจ้าตาย.”
อยู่ห่างไกลออกไปลั่วหลินยิ้มอย่างยโสและตะโกนออกไป “เคลื่อนไหวได้!”
“พี่ใหญ่ลั่วเทียน เร็วๆรีบหนีไป!”
“วิ่งงง นายน้อย!”
“หุบปากอีแพศยา!”ลั่วหลินตะโกนด่าพร้อมกับกระตุกผมของหลี่ซูเอ๋อร์อีกครั้ง.
ฟางเล่ยทำได้เพียงยกศรีษะของเขาขึ้นมาก่อนที่จะตะโกนไปได้ 2-3 คำก่อนที่จะมีคนอีก 4-5 คนเหยียบย่ำให้เขาจมลงไปในโคลนอีกครั้ง.
ตาของลั่วเทียนขมวดแน่น เมื่อเห็นสภาพของซูเอ๋อร์และฟางเล่ย ไฟเผาใจของเขาอย่างไม่สามารถช่วยได้ แต่เมื่อมันลุกขึ้นมาอีกครั้งเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ซ่งหยวนไคว่ไม่ทราบว่าเหตุใดกระทิงเดือดถึงเป็นเช่นนี้ แต่กับสาวกตระกูลลั่วรวมถึงลั่วหมิงและโจวเฮินหร่านทั้งสองคนที่อยู่ในขั้นก่อตั้ง เขาไม่ได้เป็นฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาสิ่งเดียวที่เขาทำได้คือหนีออไป.
ซ่งหยวนไคว่เหลือบไปมองที่ลั่วเทียนแต่ไม่ได้พูดอะไร.
ลั่งเทียนหัวเราะเมื่อเห็นใบหน้าของเขาและพูด “อาวุโสซ่ง ท่านควรถอนตัวออกได้แล้วตอนนี้เป็นการแสดงของข้า.”
เมื่อลั่วเทียนพูดจบ…
ลั่วเทียนก้าวออกมาพรือมกับกระทิงตามมาด้วยเสียง “บูม” ที่สั่นไหวไปถึงสวรรค์ในแต่ละก้าว.
“ตาย แกไอ้ขยะสารเลว!”
สาวกตระกูลลั่วสองคนกระโจนออกมาข้างหน้า.
มีรอยยิ้มจางๆที่ริมฝีปากเขา “ฆ่าเขา!”
ด้วยคำสั่งภายในใจกระทิงก็จ้องมองไปที่พวกเขาทั้งสอง โดยไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าใกล้ลั่วเทียนพร้อมกับยกขาหน้า
“วูซ~ วูซ~”
ลมกรรโชกอย่างรุนแรงพัดไปที่พวกเขาทั้งสอง
“ฟุ่บ ฟุ่บ!”
ทั้งสาวกทั้งสองถูกลมกรรโชกแรงดัดผ่านร่ายกายพวกเขาเป็นชิ้นๆและมีเสียงแจ้งเตือนในใจของเขา
ทุกคนจ้องมองอย่างโง่งม
กระทิงทำตามคำสั่งของลั่วเทียน?
นี่มันคือทักษะการต่อสู้ชนอดไหน?
ในตอนนี้เหล่าผู้คนได้ตกอยู่ในความวุ่นวายและความหวาดกลัวภายในสายตาของเขา ไม่ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนพวกเขาก็ไม่อาจเป็นฝ่ายตรงข้ามของกระทิงได้.
การแสดงทางสีหน้าของลั่วหลินเปลี่ยนไปก่อนจะตะโกนออกมา “อย่าโจมตีกระทิงให้ความสนใจกับกระทิงเขามีเพียงคนเดียวและเมื่อเขาตายกระทิงจะไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป”
เหมือนกับว่าเขาสามารถมองเห็นสภาพของกระทิง
ความจริง…
สิ่งที่ลั่วหลินกล่าวถูกต้องเมื่อลั่วเทียนตาย กระทิงก็จะตายตาม ไม่ใช่ว่าลั่วหลินเห็นเงื่อนไขเหล่านั้น แต่นี่เป็นเพียงคาดเดาเท่านั้น.
ถ้าเขาไม่สามารถรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ในปัจจุบันทุกคนจะอยู่ในความสับสนและเมื่อเป็นแบบนั้นลั่วหลินก็ไม่อาจทำอะไรนอกจากเป็นอาหารของสัตว์เมื่อเขาต้องจัดการลั่วเทียน!
เมื่อเสียงของลั่วหลินหายไปมีบางคนที่มีไฟลุดโชนทันที.
“นายน้อยลั่วหลินกล่าวถูกต้อง เราทุกคนมุ่งโจมตีขยะลั่วเทียนเมื่อเขาตายแล้วกระทิงก็จะจบ.”
“ตราบใดที่ต่อยเขาได้สักหมัดการเป็นสาวกหลักก็รออยู่ไม่ใช่หรือ?”
“ฆ่าเขา!”
ในช่วงเวลาสั้นๆคนเหล่านี้วิ่งต่อไปโดยไม่กลัวความตายเมื่อเขาคิดถึงโอกาสที่จะเป็นสาวกหลักของตระกูลลั่ว.
ลั่วเทียนหมองคล้ำและตะโกน “เมื่อพวกเจ้าต้องการจะตายแล้วงั้นก็ไปนรกเพื่อข้า!”
“กระทิงเดือดฆ่าพวกเขาเพื่อข้า!”
“ม่อ… ม่อ… ม่อ…”
กระทิงคำรามขึ้นไปบนอากาสก่อนที่จะพ่อนสิ่งที่ดูเหมือนเปลวเพลิงออกมา.มันยกขาหน้าขึ้นก่อนที่จะกระแทกลงไปยังภูเขา. ความกดดันขนาดใหญ่กระจายไปหลายสิบเมตรโดยรอบเหมือนกับกรงขัง.สาวกทั้งหลายที่อยู่ขั้นพื้นฐานระดับ3หรือต่ำกว่ากระอักเลือดออกจากปากของพวกเขา!
แม้กระทั่งเรื่องนี้เกิดขึ้นพวกเขาก็ยังคงวิ่งเข้าหาลั่วเทียนอย่างเยือกเย็น.
ลั่วเทียนยิ้ม “ฆ่าตัวตายหมู่?”
เมื่อเห็นคนหลายสิบคนวิ่งเข้ามาหาเขาลั่วเทียนกอดอกและแสดงถึงความหวดกลัวออกมา “ข้ากลัวแล้ว!”
“ลั่วเทียนไม่ว่าอย่างไรเจ้าจะต้องตายในวันนี้” ลั่วหลินกล่าวอย่างหยิ่งๆ.
“ชิบ!”
“โปรดปล่อย้ขา อาวุโสลั่วหลิน ข้ากลัวจริงๆ.ข้ากำลังจะตายจากความตกใจ.”ลั่วเทียนยืนนิ่งๆขณะที่กระทิงกำลังแสดงความก้าวร้าว.ลั่วเทียนยังคงจมอยู่ในความคิดของเขาเมื่อเห็นหลายสิบคนวิ่งเข้ามาริมฝีปากของเขาก็ยกยิ้มและพูด “ได้เวลาแล้ว!”
“ถถถถ…”
“พวกเจ้าเห็นไหมว่าไอ้ขยะลั่วเทียนกำลังกลัว?”
“น้องสาวซูเอ๋อร์ เจ้ามองเห็นพี่ใหญ่ลั่วเทียนของเจ้าหรือไม่? เขาเป็นขยะโดยสมบูรณ์.”ลั่วหลินหัวเราะอย่างหยิ่งๆ.
น้ำตาไหลออกจากตาของซูเอ๋อร์ก่อนที่เธอจะตะโกนอีกครั้งว่า “พี่ใหญ่ลั่วเทียนหนีไปเร็วๆ!”
เสียงของเธอแตกและทุกคนรู้สึกได้ถึงความเสียใจเมื่อได้เห็นฉากนี้.
ลั่วหลินรู้สึกภูมิใจเมื่อได้เห็นความจริงเบื้องหน้า จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ลั่วเทียนและด่าออกไป “มันมีทางเป็นไปได้ที่จะไว้ชีวิตเจ้า… คุกเข่าโขกศรีษะและเรียกปู่สามครั้งมันอาจจะช่วยเจ้าได้. 5555….”
ลั่ววหมิงที่จ้องลั่วเทียนก่อนกระซิบ “นายน้อยระวังตัวให้ดี.”
ลั่วเทียนทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไม โดยเฉพาะดวงตาที่มองไม่เห็นความกลัวในสายตาของเขา.
“555… มันก็แค่เศษขยะที่กำลังจะถูกข้าฆ่า.”
“ที่ข้ามาที่นี่ก็ดีเหมือนกัน!”
“ไปนรกซะ!”
ฝูงชนเข้าโจมตี.บรรดาสาวกของตระกูลลั่วมีสีแดงอยู่บนหน้าด้วยความตื่นเต้น.พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยวามคาดหมายในใจของพวกเขา เพราะเมื่อหากลั่วเทียนตายพวกเขาจะกลายเป็นสาวกหลักตระกูลลั่ว!
ในเวลาเดียวกัน…
ลั่วหลินดึงฝนเพื่อให้ศีรษะของหลี่ซูเอ๋อร์ยกขึ้นมาอีกครั้งและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องสาวซูเอ๋อร์ให้ข้าแสดงให้เห็นว่าขยะลั่วเทียนตาย. 555…”
“ไม่… ไม่…” ซูเอ๋อร์ส่านหน้าอย่างแรงพร้อมกับหยดน้ำตาของเธอที่ไหลออกมาจากความกังวลของเธอ เธอรีบมองไปรอบๆ, “ลั่วหลินเจ้าไม่ได้ต้องการครอบครองร่างกายของข้าไม่ใช่หรือ? ปล่อยพี่ใหญ่ลั่วเทียนไปแล้วข้าจะเชื่อฟังเจ้า…”
เพื่อลั่วเทียนเธอเต็มใจที่จะมอบทุกอย่างในตัวของเธอ.
เธอโง่เกินไป.
โง่เกินกว่าที่จะเสียใจกับเหตึการณ์แบบนี้
ลั่วหลินเริ่มหัวเราะในอากาศอีกครั้ง.เมื่อมองไปที่หน้าอันงดงามของซูเอ๋อร์เขาก็กล่าวว่า “น้องสาวซูเอ๋อร์ไม่ว่าเขาจะมีชีิวตหร่ือตายร่างกายของเจ้าก็จะเป็นของข้า.คืนนี้ข้าจะช่วยให้ร่างกายของเจ้ารู้ว่าสวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจ 5555…”
ตาของลั่วเทียนตมลึกลงไปพร้อมกับความต้องการฆ่าออกมา จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้น “กระทิงเดือด!”
“มออออ…”
กระทิงเดือดคำรามอีกครั้งและแรงกดดันก็เพิ่มขึ้นไปอีก.
ลั่วเทียนกระโดดขึ้นไปอยู่ด้านหลังของกระทิงก่อนจะบอกว่า “คำรามก้องฟ้าคะนอง ฆ่า!!!”
เมฆเริ่มปั่นป่วนขณะที่ฟ้าและผืนดินเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงความกดดันทางบรรยากาศโดยรอบเริ่มอึดอัด.
ภายในอึดใจมีเมฆห้อนใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟ้าร้องฟ้าผ่าขึ้นบนท้องฟ้าในพื้นที่ล่าสัตว์ การกระพริบของสายฟ้าสามารถมองได้เห็นอย่างชัดเจนท่ามกลางหมู่เมฆทั้งหลายก่อให้เกิดภาพของวันสิ้นโลก.
ทันใดนั้น
มีหมอกสายฟ้าออกมาจากจมูกของกระทิงขาหน้าที่เหยียบแน่นอยู่ที่พื้นและพลังสายฟ้าที่พุ่งผ่านกลีบเมฆ หลังจากนั้นการสั่นสะเทือนไปถึง9ชั้นฟ้าก็เริ่มขึ้นและพลังอำนาจที่ยอดเยี่ยมก็แผ่ออกมา สัตว์ปีศาจนับพันนอนราบกับพื้นปิดตาแน่นด้วยความกลัว.
“ครึ่กๆๆ…”
“ครึ่กๆๆ…”
“ครึ่กๆๆ…”
ฟ้าผ่าและฟ้าแล่บมันพันสายพุ่งออกมาพร้อมกัน บรรดาสาวกตระกูลลั่วที่ถูกจู่โจมกลายเป็นผุยผงเลือดของพวกเขากระจายออกเหมือนกับพายุฝน.
น่ากลัว น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!
และภายในใจของลั่วเทียนก็มีเสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นเหมือนกับพุนับพันที่ถูกจุดขึ้นพร้อมกัน.
“ติ้งๆๆๆ…”
มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดอย่างยิ่ง!
ทันใดนั้น…
ด้วยการเสียชีวิตจำนวนมากและค่าประสบการณ์จำนวนมากทำให้ลั่วเทียนไม่อาจรำคาญมันได้กับผลลัพท์ของมัน เขาชี้ไปยังลั่วหลินก่อนจะกล่าวว่า “แกจะเป็นรายต่อไป!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset