เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 35 – ปากที่พ่นแต่อึ

ถังขนาดใหญ่ที่สาดเข้าไปพร้อมกับอึสดๆที่ยังอุ่นๆที่ถ่วมตัวของคนนึงหลังจากที่มันถูกโยนออกไป.
นั่นเจ้าตัวประหลาด…
ข้าจะกวาดใบหน้าของมัน!
แบรรสาวกตระกูลลั่วกระโดดหนีออกไปเนื่องจากกลัวว่ามันจะสาดลงไปที่ตัวเขา.
ลั่วเฉินไม่ได้เตรียมตัวไว้สำหรับเรื่องนี้.
พ่อของเขาคืออาวุโสที่สองซึ่งอยู่บนเวที การบ่มเพาะของเขาสูงมากและได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉะริยะในตระกูลลั่ว แม่ว่าลั่วเทียนจะมีความกล้าหาญนับหมื่นเท่าแต่เขาก็ไม่มีทางที่จะกล้าทำเขาได้.
นี่เป็นจุดที่ทำให้เขาหยิ่งออกมาได้.
นอกจากนี้การบ่มเพาะของเขาอยู่ที่ระดับ 7 เขายังต้องกลัวว่าจะไม่อาจเอาชนะเศษขยะได้?
นี่คือเหตุผลที่ทำให้เขาเย่อหยิ่งและมองดูลั่วเทียนได้ความรังเกียจและเย็นชา รอยยิ้มอันเจิดจ้าของเขาเหมือนกับจะพูดว่า: บิดาคนนี้ไม่จำเป็นต้องรักษาคำพูด แต่เศษขยะไม่สามารถกลับคำบิดาคนนี้ได้?
เขาไม่คิดว่าลั่วเทียนจะสาดขี้ในถึงออกมา
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้.
ควากดดัน!
ความกดดันมหาศาลที่กดทับไม่ให้ลั่วเฉินเคลื่อนไหวได้ เขาสามารถมองเห็นถังขนาดใหญ่ที่มีอึกำลังพุ่งตรงมาที่ใบหน้าของเขา.
“ฟุบ!”
ลั่วเทียนได้สาดอึที่อยู่ในถึงไปโดนหน้าของลั่วเฉินอย่างไม่ผิดพลาด สิ่งสีดำที่เหนียวเหนอะหนะไหลร่วงลงมาทุกหนทุกแห่ง ลั่วเทียนได้กระโดดออกไปหลายเมตรแล้วก่อนที่จะปล่อยมือซ้ายของเขา เขามองไปที่ใบหน้าราคาถูกและมีรอยยิ้ม “โอ้ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะโชคดีไม่น้อยที่กระโดดถอยออกไปก่อนที่จะโดนสาดใส่ข้า.”
ในขณะที่มือของลั่วเทียนปล่อยออกไป ถังอึขนาดใหญ่หล่นไปยังใบหน้าของลั่วเฉิน
อึที่มีขนาดใหญ่สีน้ำตาลเริ่มไหลลงช้า
เพราะว่าเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เนื่องจากความกดดันของลั่วเทียนและปากของลั่วเฉินก็งับเข้าไปกับอึสีน้ำตาล…
ในปาก ในจมูก ตา หรือแม้แต่หัวและหน้าอก เขามีแต่อึอย่างสมบูรณ์.
ตาของลั่วเฉินที่ปูดโปนออกมาจากศีรษะของเขาราวกับจะฉีกลั่วเทียนออกไปได้สัก 18,000 ชิ้น ความรู้สึกของเขาพุ่งขึ้นภายในหัว แต่ไม่มีอะไรที่เขาทำได้หรือแม้แต่พูดสักคำเดียว.
นี่เป็นแรงกดดันจากความแตกต่างของระดับ.
“5555…”
“5555…”
สภาพลั่วเฉินปัจจุบันดูอับอายเป็นอย่างมาก เหล่าสาวกรอบๆพยายามจะยื้อเอาไว้เพราะสถานะของเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถกลั้นไว้ได้อีกต่อไปและเริ่มหัวเราะ
ภายลักษณ์ที่อับอายนี้ทำให้เข้าไม่สามารถเดินไปได้อย่างภาคภูมิใจอีกครั้ง.
ด้านบนเวที ดวงตาของลั่วซางซานกลายเป็นคลุ้มคลั่ง ร่างกายของเขาพร่าเลือนและมาปรากฎอยู่ด้านหน้าของลั่วเทียน มืิอสำดำยักษ์ที่ยื่นออกมาจากช่องว่างขณะที่เขาคำรามด้วยความโกรธ “กล้าขู่ลุกชายข้า? รนหาที่ตาย!”
คิ้วของลั่วเทียนขมวดแน่นขณะที่เขาขยับถอยหลังและเขายังตะโกนในเวลาเดียวกัน “ฆาตกร! ฆาตกร! อาวุโสสองของตระกูลลั่วพยายามที่จะฆ่านายน้อยตระกูลลั่ว!”
“ทุกเร่เข้ามา!”
“เขากำลังฆ่าข้าเพื่อที่เข้าจะได้เป็นผู้นำตระกูล!”
ลั่วเทียนเหมือนกับสาวน้อยโรคจิตที่กำลังตะโกนขณะวิ่ง
เหล่าสาวกตระกูลลั่วที่อยู่รอบๆซ่อนตัวขณะที่ลั่วซางซานมองด้วยสายตาแปลกๆ.
ลั่วชางซางมืดครึ้มและขบกรามแน่นขณะพูกกับตัวเอง “ใจเย็นๆ ถ้าลั่วเทียนตายง่ายๆแบบนี้ลั่วจินซานจะเป็นผู้นำได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าข้าจะไม่ให้เขาจับเส้นอคิลิสนี้แน่นอน.”(เส้นอคิลิส=จุดตาย)
ลั่วชางซางมีอายุได้ 40 ปี แล้วทำให้เขาฉลาดไม่น้อย
แม้ว่าความโกรธของเขากำลั่งวิ่งขึ้นไปถึงสวรรค์เขาก็ยังบอกว่าไม่สามารถทำพลาดได้.
ลูกชายเขาเป็นคนผิดและตอนนี้เขากำลังอยู่ที่กลางลานฝึก ไม่ว่าจะมองแบบไหนมันก็ไม่สมเหตุสมผล และ ลั่วจินซาน คงไม่ปล่อยเขาอย่างแน่นอน.
ภายในไม่กี่วินาทีลั่วจินซานก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เขายับยั้งการโจมตีของเขาและมือยักษ์ที่เกิดจากปราณก็หายไปอย่างไร้ร่อยรอย.
ลั่วเทียนก็หยุกตะโกนและยิ้มน้อยๆพึมพำดับตัวเอง “ไอ้เฒ่าซากศพคิดที่จะเล่นกับข้า? เจ้ายังไม่ดีพอ.”
ช่วงเวลาที่ลั่วเทียนกำลังหลบซ่อนในฝูงคนความกดดันที่ครอบงำลั่วเฉินก็หลุดออกและเขาก็ขยับได้.
ลั่วเฉินจ้องไปที่ลั่วเทียนก่อนที่จะกำหมัดแน่นและคำรามด้วยความโกรธ “ข้าจะฆ่าเจ้า!”
ขณะที่เขาเปิดปากอึก็ออกมาจากปากของเขา มันเป็นก้อนที่ใหญ่มากเมื่อมันออกมามันก็มีเสียง “พรืด”ออกมา ฉากนี้มันน่ากลัวมากเมื่อลั่วเทียนมองไปที่ปากของเขา สิ่งนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน? บังเอิญว่าเขาไม่เคยเห็นใครที่พ่นอึออกมาจากปากมาก่อน มันเป็นอะไรที่น่าตกใจสัสๆเป็นอย่างมาก.
เมื่อปากที่กำลังพ่นอึเริ่มที่จะออกมามากขึ้นเรื่อยที่ปากของลั่วเฉินราวกับกระสุนปืน มันเป็นการฆ่ากันแบบถึงตายถ้าเขาอยู่เพียงลำพังไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน.
นี่เรียกว่าเสียหน้าไปถึงบรรพบุรุษที่สั่งสมมานาน.
ลั่วเทียนแกล้งทำเป็นหวาดกลัวและพูดว่า “ผู้รักษาการณ์ผู้นำ เขาต้องการฆ่าข้า ท่านจะไม่ทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
ลั่วจินซานคิ้วกระตุกก่อนที่จะกะแอมคอของเขา เขาโคจรพลังปราณของเขาและลอยออกจากเวทีและลงบนพื้น จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “พอแล้ว อย่าสร้างความลำบากมากกว่านี้อีก.”
หลังจากที่พูดออกไปแล้วลั่วจินซานมองไปที่ลั่วเทียนอย่างเย็นชา.
น้ำลายเริ่มไหลออกจากปากของลั่วเทียน.
ลาสบอสและมันก็อยู่ใกล้กับข้า…
แสงสีทองที่ระยิบระยับที่กำลังออกมาจากลั่วจินซานเกือบจะทำให้ลั่วเทียนไม่อาจจะเปิดตามองออกไปได้ เขาอยากจะฉีกลั่วจินซานออกจากกันตอนนี้ แต่ความผมเหตุสมผลกลับบอกว่าไม่อาจทำได้ตอนนี้.
ความแข็งแกร่งของลั่วจินซานควรจะเป็นอะไรที่โดดเด่นเป็นที่สุดไม่งั้นเขาไม่อาจจะเป็นผู้รักษาการณ์ประมุขของตระกูลลั่วได้.
หากต้องการที่จะท้าทายเขา เขาต้องมีพลังมากพอ
ลั่วเทียนกลืนน้ำลายก่อนที่จะพึมพำกับตัวเอง “บิดาจะทำให้เจ้าระเบิกของออกมา.”
ลั่วจินซานขยับไปอยู่ข้างๆหัวของกระทิงเดือดฟ้าคะนองก่อนที่จะส่งพลังปราณของเขาออกจากฝ่ามือ พลังงานที่ปล่อยออกมาเริ่มที่จะกระทบกะโหลกของกระทิง, “แก่นปีศาจหายไปจริงๆ!”
จากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่เวทีและตะโกนดังๆว่า “นับต่อไป!”
เจ้าหน้าที่รับผิดชอบตอย “รายงานผู้นำลั่วเทียนเป็นคนสุดท้าย.”
ในเวลานั้น…
ลั่วคุณซานเดินเข้ามาที่ลานฝึกและเดินไปยังเวทีเขาสรรเสริญลั่วจินซานก่อนจะพูดว่า “สาวกทั้งหมดออกจากพื้นที่ล่าสัตว์แล้ว.”
“ห๊ะ?!”
ลั่วจินซานขมวดคิ้วและสั่นก่อนที่จะถามอย่างช้าๆ “แล้วลูกชายข้า?”
ลั่วคุณซานส่ายหัว “เขาไม่ได้ออกมา ถ้างั้น…”
“เป็นไปไม่ได้!”
“เป็นไปไม่ได้.ลูกชายของข้าอยู่ในระดับที่ 8 ปราณพื้นฐาน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตายที่นั่น.”เสียงของเขาสั่นและดวงตาของเขาก็คลอน้ำตา “บางทีอาจจะยังหาไม่ทั่วภูเขา ลูกชายของข้ามีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน.”
ลั่วเซียวซานเดินออกมาและตะโกน “เจ้ากำลังรออะไรอยู่? ทำไมยังไม่รีบไปค้นหาที่ภูเขา?!”
“เดี๋ยวก่อน!”
“พื้นที่ล่าจะถูกป้องกันไว้เป็นเวลาสามวัน หลังจากสามวันแล้วสัตว์ปีศาจจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามา ดังนั้นข้ากลัวว่าเราจะไม่มีทางถอย…” ลั่วโจวซานได้เตือนทุกคน.
ตาของลั่วเซี่ยวซานเบิกกว้างและคำราม “เจ้าหมายถึงอะไรลั่วโจวซาน? มันเป็นเพราะลูกชายของเจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น?!”
ลั่วชางซานเดินขึ้นมาบนเวทีและกล่าวว่า“มันไม่ใช่เรื่องของลูกชายของใคร เทือกเขาวิญญาณเต็มไปด้วยความอันตรายดังนั้นเราต้องเตรียมตัวอย่างเต็มที่.”
“ตระเตรียมอันใดกัน? ไปจัดการมาเร็วๆ!”
“อาวุโสห้ามีสติเล็กน้อย? เป็นไปได้ไหมว่าคุณจะยุ่งเกี่ยวกับชะตาของตระกูลลั่ว?”
“อาวุโสสอง ลูกชายของคุณออกมาแน่นอนคุณไม่ต้องกังวล ลั่วหลินเป็นอัจฉริยะที่ไม่เคยพบมาก่อนในตระกูลลั่วในศตวรรษที่ผ่านมา ถ้าคุณล่าช้าในการค้นหาเขามันไม่ใช่เรื่องชะตากรรมของตระกูลลั่ว? คุณสามารถแบกรับความผิดชอบไว้บนบ่าได้หรือไม่?”
“เจ้า…”
“เจ้า เจ้าอะไร? พี่ใหญ่ ข้าจะระดมพลสาวกชั้นสูงของตระกูลลั่วเพื่อเริ่มค้นหา แน่นอนว่าข้าจะนำลั่วหลินออกมา.”
หลังจากพูดจบลั่วเซียวซานกำลังเดินออกไป…
ลั่วจินซานถอนหายใจอย่างหนักก่อนจะพูดว่า “พี่น้องไม่ต้องไป.”
เนื่องจากลั่วหมิงที่อยู่ปราณก่อตั้งระดับสามไปกับลั่วหลิน พวกเขาควรจะสามารถหนีไปได้อย่างปลอดภัยแม้ว่าจะเจอกับกระทิงเดือดฟ้าคะนองก็ตาม สำหรับพวกเขาที่ไม่ได้ออกมานั่นหมายความว่าพวกเขาต้องเจอเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่แล้วมันจะต้องใช้เวลาเล็กน้อยเมื่อออกมา.
ทันทีหลังจากที่เขาคิดเรื่องเหล่านั้นเสร็จสายตาของลั่วจินซานก็จ้องมองไปที่ลั่วหลิน…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset