เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 39 – อย่าพยายามขโมยผู้ชายของข้า

ซูเม่ยยืนพิงมุมห้องด้วยใบหน้าที่ซึดเซียวและไม่กล้าจ้องมองกลุ่มของลั่วเทียน.
เธอเคยชินกับเรื่องนี้ค่อนข้างมาก…
ลั่วเทียนจ้องมองซูเม่ยจากหัวจรดเท้าก่อนที่จะมาหยุดที่หน้าอกของเธอพักนึง.เสียง “อึก” ที่อาจได้ยินหลังจากที่เขากลืนน้ำลายและบ่นกับตัวเอง “แม่เจ้านี่มันใหญ่โครตๆ.”
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าซูเม่ยมีพัฒนาการที่ดีอย่างมาก.
ยอดเขาแฝดของเธอใหญ่โตเป็นอย่างยิ่งมันทำให้น้ำลายสอได้เลย.
ร่องอกของเธอก็เหมือนเหวลึกระหว่างขุนเขา เพียงแค่มองไปที่ทรวงอกเหล่านั้นก็ไม่สามารถยกไหล่ได้ว่าไม่อยากเห็นก้นเหวอันนั้น.
นอกจากสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นซูเม่ยเป็นสาวสวนที่มีเสน่ห์และโตเต็มที่ เธอเป็นเหมือนลูกพีชที่สุดที่เพียงแค่กัดไปหน่อยก็มีน้ำไหลทะลักออกมา ภายในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองภูเขาหยกมีสาวกนับไม่ถ้วนที่หลงเสนห์ของเธอและต่อสู้กันเพื่อความหึงหวงที่เกี่ยวข้องกับเธอมากมาย.
หนึ่งในความสามารถพิเศษของเธอก็คือเธอรู้ว่าผู้ชายต้องการอะไร.
ตัวอย่างเช่น:เพียงแค่เธอมองไปที่ลั่วเทียนและเธอก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในใจเขา.
ทันทีหลังจากนั้น…
ซูเม่ยเผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และดึงเสื้อผ้าของเธอลงครึ่งนิ้ว การชักชวนอย่างผ่อนคลายที่เกือบจะเผยให้เห็นลูกพรุนทั้งสองของเธอ ถ้ามีร่างที่ใกล้เข้ามาอีกนิดจะเห็นเค้ารางของเสียงโหยหวยอย่างรันจวญ “พี่ใหญ่ลั่วเทียน…”
เสียงนี้…
การที่มีเสียงออดอ้อนที่เร่าร้อนของเธอทำให้ทุกคนอยากจะผลักเธอลงบนเตียงและคร่อมร่างของเธอ.
ลั่วเทียนยังคงเวอร์จิ้น!
เขาเป็นเวอร์จิ้นอายุ20ในชาติก่อน.
แต่…
แล้วคนอย่างซูเม่ยคืออะไร? เธอเป็นของสาธารณะและคนน่าสะอิสเอียน สิ่งนี้ทำให้ลั่วเทียนฟื้นตัว
ขณะเดียวกัน…
หลี่ซูเอ๋อร์เดินมาข้างหน้าลั่วเทียนเบาๆและจับแขนลั่วเทียนอย่างเป็นธรรมชาติและพูดว่า “พี่ใหญ่ลั่วเทียนไปทานข้าวกันเถอะ.”
การเคลื่อนไหวของเธอเป็นธรรมชาติและสนิทสนมอย่างก็ไม่ใช่ไม่คุ้นเคย ทั้งสองราวกับเป็นคู่รักมาหลายปีแล้ว.
การแสดงดังกล่าวของเธอและมือที่ราวกับหยกของเธอมาคล้องแขนทำให้หลี่หยูอยู่ในสภาวอิ่มเอม เปลวไฟแห่งความปรารถนาที่ชั่วร้ายได้เริ่มตื่นอีกครั้ง.
หลังจากที่มองซูเอ๋อร์ ตาของซูเม่ยดูน่ากลัวเล็กน้อย.
มันเห็นได้ชัดว่าซูเม่ยรู้สึกได้ว่าเธอไม่สามารถเปรียบเทียบกัลหลี่ซูเอ๋อร์ได้.
เธอสูญเสียอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการมอง,รูปร่าง,ความงดงาม,หรือแม้กระทั่งยอดเขาคู่นั้น สิ่งที่เธอรู้สึกภูมิใจก็สูญหายไปกับหลี่ซูเอ๋อร์.
แค่รูปโฉมเพียงอย่างเดียวซูเม่ยก็พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์.
ลั่วเทียนรู้สึกอย่างกับลอยอยู่บนเมฆชั้นเก้าขณะที่หลี่ซูเอ๋อร์พาเขาออกจากห้องส่วนตัว หัวใจของเขาราวกับมีปีกกระพือและบินสูงขึ้น.
เมื่อพวกเขาออกจากห้อง ซูเอ๋อก็กล่าวว่า “พี่ใหญ่ลั่วเทียนและเจ้าอ้วนไปที่ห้องส่วนตัวของเราก่อนที่ข้าจะตามไป.”
หลังจากที่หลี่ซูเอ๋อพูดจบเธอก็กลับไปยังห้องของซูเม่ย.
ใบหน้าที่น่ารักของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นดุร้ายและเย็นชา เธอเดินไปหาซูเม่ยในท่าทีที่เอาเรื่อง “ข้าไม่สนว่ามีเรื่องอะไรระหว่างเจ้ากับพี่ใหญ่ลั่วเทียนในอดีต หลังจากนี้ไปถ้าข้าได้ยินสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับปากของเจ้าอีกครั้ง ข้าจะทำให้ตระกูลซูทั้งหมดหายไปตจากโลกนี้!”
น้ำเสียงของเธอหนาวเย็นและเต็มไปด้วยความเจตนาฆ่า.
ร่างกายของซูเม่ยตัวสั่นมากและไม่กล้าที่จะเงยหน้ามอง ตระกูลซูอีกหลายคนที่ถูกสะกดโดยกลิ่นอายที่หนาวเย็นก็ไม่กล้าที่จะเงยหน้ามอง.
หลี่ซูเอ๋อร์หันไปรอบๆและกล่าวว่า “อย่ามาขโมยผู้ชายของข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะทำให้เจ้าเสียใจที่เกิดมา!”
เธอไม่ได้หันกลับไปและเดินออกไปจากห้องอย่างยโส.
ร่างกายของซูเม่ยสั่นและนั่งลง แรงกดดันที่หลี่ซูเอ๋อร์ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ทำให้เธอรู้สึกอึดอัด.
เมื่อมองไปยังเงาที่หลี่ซูเอ๋อร์ไ ความเกลียดชังน้อยๆเกิดขึ้นในสายตาของเธอก่อนที่จะพูดกับตัวเองสั่นๆ “ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างง่ายดายนัก.”
ขณะที่หลี่ซูเอ๋อร์ออกจากห้องใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นน่ารักและร่าเริง.
——————
ทั้งสามคนกำลังทานอาหารขึ้นชื่อของอมตะเมามายจนไปกลางดึก.
ลั่วเทียนจงใจให้หลี่ซูเอ๋อร์ดื่มไวน์องุ่นเพื่อที่จะให้เธอเมาและความหรรษาจะบังเกิดแต่เขาเป็นคนแรกที่ล้มลง.
กลับไปที่บ้านของเขา…
หลี่ซูเอ๋อร์จุ่มผ้าในถังน้ำและเธอก็เช็ดตัวให้ลั่วเทียน จากนั้นเธอก็ลังเลอยู่นานและหน้าแดงที่ไม่กล้าจะเลิกกางเกงของเขา…หลังจากที่เธอทำอย่างนี้ซูเอ๋อก็นั่งข้างๆเตียงลั่วเทียนและตบแก้มของเธอรัวๆ เธอจ้องมองไปที่ลั่วเทียนและบางครั้งก็เห็นรอยยิ้มที่หวานบริสุทธิ์และไร้เดียงสา รอยยิ้มของเธอจะเผยให้เห็นจุดที่ตื้นเขินบนแก้มทำให้เธอดูน่ารัก
อีกสักครู่…
หลี่ซูเอ๋อร์มองไปรอบๆขณะที่เธอกำลังดึงมุมผ้า ในที่สุดหลังจากคิดสักพักเธอก็เอนตัวลงและจูบไปที่ลั่วเทียนอย่างรวดเร็ว
คิ้วของลั่วเทียนขมวดน้อยๆ.
ทันทีหลังจากนั้น…
หลี่ซูเอ๋อร์ก็เป็นเหมือนกระต่าย ขณะที่เธอวิ่งออกจากห้องไปทั้งๆที่หัวใจเต้นแรงในอกของเธอ พวงแก้มบนใบหน้าของเธอในขณะที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนไหวของเธอน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก.
ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความตื่นเต้นราวกับว่าเธอทำอะไรที่เลวร้ายออกมา
ผู้หญิงคนนี้น่ารักเป็นอย่างมาก.
ขณะที่เธอวิ่งออกไป ลั่วเทียนก็เปิดตาขึ้นและยิ้ม “ยัยโง่.”
หลังจากนั้นลั่วเทียนก็ถอนหายใจอย่างข่มขื่น“เฮ้อ… ทำไมไม่มีอะไรดีๆเกิดขึ้นในคืนนี้นะ?”
ลั่วเทียนได้แต่ฝัน.
ว่าน้องสาวคนสวยจะเป็นคนกดเขาแทนที่จะเป็นเขา…
ลั่วเทียนได้คิดถึงเหตุการณ์หลายๆอย่างเกี่ยวกับมันที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ แต่สุดท้าย…มันเป็นความผิดของตนเองที่ไม่อาจควบคุมได้ หัวใจของลั่วเทียนเริ่มอบอุ่นและครุมเครือเมื่อคิดถึงสิ่งที่หลี่ซูเอ๋อจูบเขาก่อน ความรู้สึกนั้นตื่นเต้นมากอย่างไม่อาจอธิบายได้.
เฮ้อ…”
ลั่วเทียนลงจากเตียงและถอนหายใจ. “ข้าจะต้องสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 4 ในครึ่งเดือนนี้ ข้าควรจะใช้เวลานี้เพิ่ออัพเวล.”
หลังจากที่ใส่เสื้อผ้าแล้วลั่วเทียนก็ไปที่ด้านหลังภูเขาของตระกูลลั่ว.
ไม่มีสัตว์ปีศาจตัวไหนที่จะไม่ถูกฆ่าในภูเขาหลังตระกูลลั่ว เหตุผลเดียวนั่นเพราะลั่วเทียนไปที่นั่นเพื่ออัพเลเวลของเทคนิคเชิดหุ่น!
———–
ตระกูลลั่ว ภายในบ้านของลั่วเซียวซาน.
ลั่วหยูคลานกลับไปหาตระกูลลั่วได้ แต่เหลือเพียงครึ่งชีวิตเท่านั้น.
เขากำลังนอนอยู่บนเปล ใบหน้าของเขาอมดำ,อมฟ้า ราวกับกำลังจะตายทุกเวลา.
ด้วยมือข้างหนึ่งที่จับไปที่แขนของพ่อเขา ลั่วเซียวซาน“บิดา ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า ท่านต้องสับลั่วเทียนเป็นพันๆชิ้น.”
เขาตัวสั่นขณะที่บาดแผลของเขาเปิดออก.
ลั่วเซียวซานกำหมัดของเขา ความโกรธในใจของเขาเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นลูกชายของเขาอยู่ในสภาเช่นนี้ จากนั้นเขาก็ปลอบโยนและพูดว่า “หยู่เอ๋อไม่ต้องกังวล พ่อสัญญา่าจำแก้แค้นให้อย่างแน่นอน!”
“นำเขาไปและหายาที่ดีที่สุด”ลั่วจินซานตะโกนเบาๆไปยังด้านข้าง.
คนทั้งสองก็พาลั่วหยูออกจากลานไปอย่างรวดเร็วและได้ยินเสียงเจ็บปวดออกมาจากที่ไกลๆ.
“พี่ใหญ่ ข้าไม่อาจอดทนได้อีกแล้ว.”
“ข้าจะไปฆ่าเขาเดี๋ยวนี้.” ลั่วเซียวซานไม่สามารถระงับความโกรธของเขาได้ ดวงตาของเขาก็กระหายเลือดจากความโกรธเกลียดลั่วดเทียนไปถึงกระดูก
ลั่วจินซานขมวดคิ้ว“เซียวซาน ยังไม่ใช่ตอนนี้ ปัจจุบันลั่วเทียนไม่ใช่ลั่วเทียนคนเดิม.”
หลังจากคำนวนหัวสัตว์และสอบสวนแล้ว แต่ไม่สิ่งใดเกิดขึ้น
บรรดาผู้ที่ออกมาจากล่าสัตว์ไม่ได้เปิดเผยอะไร บางคนถูกทรมาณจนกระทั่งไม่มีอะไรออกมา นี่หมายความว่าคนเหล่านี้จงรักภักดีต่อลั่วเทียน.
สิ่งนี้ทำให้ลั่วจินซานไม่พอใจ.
(ลั่วเทียนคิดว่าลั่วจินซานจะรู้ทุกอย่างในตอนนี้ แต่เขาไม่คิดว่าสาวกตระกูลลั่วจะยืนอยู่เคียงข้างเขาอย่างหนักแน่นแม้กระทั้งชีวิตของพวกเขาก็๋ไม่ได้เปิดเผยอะไร.)
ลั่วเซียวซานถาม “เราต้องรออีกนานแค่ไหน?”
ลั่วจินซานดวงตาหกแคบและยิ้มอย่างเย็นชา “ข้ากำลังเจรจากับลั่วโจมซานและเขาจะยืนอยู่ข้างข้าไม่นานมานี้ เมื่อถึงเวลานั้นการจะจัดการกับเขาก็ง่ายเหมือนแบ่งพาย!”
ความจริง…
นี่เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้นเพราะสิ่งที่ลั่วจินซานต้องการคือแก่นปีศาจของกระทิงเดือดฟ้าคะนอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset