เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 43

“นายน้อยลั่วเทียนในที่สุดท่านก็กลับมา.”

 

เมื่อเห็นลั่วเทียนจากด้านนอกหม่าท้ง(ตาแกเลี้ยงม้า)ได้วิ่งเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม.

 

ตอนนี้เขาไม่กล้าไม่สุภาพกับลั่วเทียนหรือฟางเล่ย เพราะก่อนหน้านี้โดนลั่วเทียนสั่งสอนไปแล้ว แน่นอนว่าเขาโกรธเคือง แต่เขาก็ไม่มีความสามารถทำมันได้

 

ลั่วเทียนโบกมือไหวๆไม่แม้แต่จะมองและพูดว่า “คนรับใช้หม่า ข้าจะปิดประตูทำสมาธิข้าไม่ต้องการให้ใครมากวนข้า.”

 

หม่าท้งคำนับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ข้าน้อยเข้าใจแล้วและข้าจะปิดคอกม้าทันที!”

 

“งั้นข้าก้ขอบคุณมากคนรับใช้หม่า” ลั่วเทียนยิ้มน้อยๆก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังที่เล็กๆหลังคอกม้า.

 

เมื่อเห็นลั่วเทียนเดินไกลออกไปตาของหม่าท้งหรี่ลงวและวิ่งไปหาลั่วจินซาน.

 

เมื่อกลับมาที่ลานน้อยๆ…

 

ลั่วเทียนหยิบเอาเหล็กออกมาจากป้ายมิติและมีแววตาที่ตื่นเต้นอย่างไม่สามารถอดใจได้.

 

“ถ้าข้าประสบความสำเร็จ…”

 

“มันจะมีลักษณะอย่างไร?”

 

“555… บิดาฉลาดโครตๆ!”

 

หลังจากที่เอาเหล็กกองใหญ่ๆออกมามันก็ได้กินไปครึ่งของลานเลี้ยงม้า มันน่าประทับใจมาก.

 

ลั่วเทียนหยิบยา 10 เม็ดเข้าไปในปากและพลังปราณก็เพิ่มขึ้น จากนั้นเขาก็คำรามและพลังปราณก็กระจายออกมา.

 

หลังจากนั้นไม่นานพลังปราณที่ถูกควบแน่นออกมาจากฝ่ามือ.

 

แสงจางๆที่สว่างออกมาอย่างเห็นได้ชัดตรงข้ามกับตอนเย็นเบื้องนอก ถ้าเป็นไปตามที่เทคนิคเชิดหุ่นบอกเขาควรจะปลดพลังปราณออกมา แต่ลั่วเทียนไม่ได้ทำอย่างนั้นและเหนี่ยวรั้งพลังปราณไว้.

 

เขาจะใช้พลังปราณสามเท่า!

 

พลังปราณที่เกิดการผันผวนอยู่บนฝ่ามือของเขาที่กำลังควบแน่นอย่างต่อเนื่องและดูราวกับมันจะระเบิด

 

ตาข้างขวาของเขาสว่างวาบ…

 

“ย่าห์!”

 

ลั่วเทียนคำรามและกระแทกปราณที่อยู่บนฝ่ามือพร้อมกับใช้เทคนิคหุ่นเชิด พลังปราณไปยังที่ลั่วเทียนกำหนดและพุ่งออกไปเหมือนน้ำยังกองวัสดุ.

 

“บริท… บริท…”

 

แรงเสียดสีจากเหล็กที่ทำการเปลี่ยนรูปร่างส่งเสียงและดางตาที่ส่องวาบออกมา.

 

“ยังไม่พอ?”

 

ทัเหล็กมากเกินไปมันเลยพยายามผสานกันอย่างยากลำบาก ตอนนี้ลั่วเทียนก็เหมือนกับนักวิทย์ฯที่บ้าคลั่งที่พร้อมจะทำหุ่นขนาดใหญ่.

 

“แม่ง!”

 

“ข้าจะใช้ทุกอย่างที่มี!”

 

ลั่วเทียนกัดฟันและคำรามเสียงต่ำออกมา “Berserk!”

 

“บูมม!”

 

ร่างกายของเขาส่งเสียงออกมาและพลังปราณของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้น พลังงานที่วิ่งออกจากฝ่ามือไปถึงกองเหล็กตรงหน้า.

 

“แกร๊ก… แกร๊ก…”

 

การปรับเปลี่ยนเหล็กที่รวบรวมเข้าด้วยกันทำให้เกิดเสียงที่แสบหู แต่สำหรับลั่วเทียนนี่เป็นเหมือนกับเสียงเพลงที่ไพเราะ.

 

“ใกล้เสร็จแล้ว.”

 

“555…”

 

การเฝ้ามองดูกองเหล็กเบื้องหน้าทำให้ลั่วเทียนตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เลือดของเขากำลังเดือดเพราะความฝันของเขากำลังเป็นความจริง.

 

“จงออกมา ออฟติมัสไพมร์!”

 

“บูมม!”

 

เมื่อเหล็กได้ผสานเข้ากันเสร็จก็แผ่กลิ่นอายออกมา.

 

หลังจากนั้นก็เกิดร่างหุ่นจำลองในใจลั่วเทียนและลั่วเทียนก็หัวเราะออกมา “ลุกขึ้นเพื่อข้า!”

 

“บูมๆๆ…”

 

ขณะที่หุ่นทหารขื่นขึ้นก็มีเสียงดังออกมาจากหุ่น เมื่อมันยืนเสร็จแล้วลั่วเทียนก็ถึงกับตะลึง

 

“แม้เจ้าใครจะกล้าทำแบบนี้?”

 

“บิดานี่แมร่งฉลาดสวดๆ.”

 

“มันอัจฉริยะเกินไปแล้ว.”

 

ลั่วเทียนได้คิดถึงภาพออฟติมัสไพมร์จากทรานฟอร์เมอร์ นอกจากที่มันจะมีสีเหมือนกันแล้วทุกอย่างก็ถูกทำออกมาเหมือนกันมากกว่าที่คิด.

 

นี่เป็นเรื่องที่โครตตื่นเต้นสดๆ.

 

ขนาดลั่วเทียนเป็นคนทำเขายังตะลึงเสียเอง เขาคิดจะทำออฟติมัสไพทร์แต่ไม่คิดว่าจะสำเร็จจริงๆ.

 

ยาก – มันดูจะทำยากจริงๆ!

 

“จากนนี้ไปเจ้าชื่อออฟติมัสไพทร์ 555…” ลั่วเทียนหัวเราะอย่างกับคนบ้า ทุกวันที่ทำงานอย่างยากลำบากมันก็คุ้มกับสิ่งที่ใช้จ่ายออกไป!

 

เนื่องจากมีออติมัสไพมร์ แล้วทำไมไม่ทำเมกาทรอนหล่ะ?

 

บ้าบิ่น!

 

บ้าบิ่นอย่างแท้จริง!

 

ลั่วเทียนเริ่มเดินไปยังกองเหล็ก หลังจากนั้นครึ่งชั่วโทงเมกาทรอนก็ยินขึ้น.

 

ทักสองที่ยืนอยู่สูงอย่างน้อยกว่า 4 เมตรร่างกายของพวกมันคล้ายกับตู้กับข้าว.

 

เมื่อพวกมันถูกส่งไปยังรอบนอกของเทือกเขาวิญญาณใครจะต้านทานมันได้?

 

ความตื่นเต้น!

 

เขาอยากจะออกไปลองเร็วๆ!

 

ลั่วเทียนยังไม่ได้หยุดและยังคงทำหุ่นเชิดขึ้นอีก ตัวที่สามชื่อว่า โอเมก้า สุพรีม และตัวที่สี่ชื่อว่า บับเบิลบี หุ่นทั้งสี่ตัวมาจากทรานฟร์อมเมอร์ ดูเหมือนกับเหล่าออโต้บอทกำลังลงมาที่โลกนี้ ฉากที่น่าตะลึงที่ไม่อาจมีคำบรรยายใดๆได้.

 

“โอ้พระเจ้า…”

 

“เจ้านายนั่นคืออะไร?” ฟางเล่ยเดินเข้ามาในลานและเมื่อเขามองตาของเขาก็โปนออกมา.

 

หลี่ซูเอ๋อร์ยังมีอาการช๊อคอยู่บนใบหน้าของเธอขณะที่เธอมองไปยังเครื่องจักรทั้ง4และไม่รู้ว่ามันคืออะไร.

 

ลั่วเทียนยิ้มและตอบว่า “พวกมันคือสุดยอดเครื่องจักรต่อสู้!”

 

“คุณสร้างพวกเขา?” ซูเอ๋อร์ถาม.

 

ลั่วเทียนพยักหน้าและพูด “ใช่!”

 

ฟางเล่ยยิ้มและมีความสุขมากๆจากภายใน “นายท่านข้าเทิดทูนท่านยิ่งนัก ท่านน่ากลัวเกินไป! สิ่งเหล่านี้ดูทรงพลังมาก!”

 

ฟางเล่ยมีใบหน้าที่เปี่ยมความเชื่อมั่น จากนั้นเขาก็วิ่งไปใกล้ๆเครื่องจักรและสัมผัสมันอย่างมีความสุข.

 

ลั่วเทียนหัวเราะ “พวกมันไม่แข็งแกร่งเท่าไร แค่เปรียบได้กับสัตว์ปีศาจระดับ 3.”

 

ถ้าไม่เพราะข้อจำกัดของมัน หุ่นเชิดเหล่านี้จะเทียบได้กับสัตว์ปีศาจระดับ 10 และมีถึง 5 ตัว!

 

“3… 3… สัตว์ปีศาจระดับ 3?”

 

ฟางเล่ยและซูเอ๋อร์ต่างตกตระลึงพร้อมๆกัน.

 

สัตว์ปีศาจระดับ 3! พวกมันเทียบได้กับปราณเชี่ยวชาญ…และมีถึง 4 ตัวที่นี่! นี่…

 

เวรเอ้ย นี่ท่านต้องการให้คนตายจากการตกใจ? นี่ไม่ใช่คนปกติที่จะทำได้สำเร็จ!

 

อัจฉริยะที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในตระกูลลั่วคือลั่วหลิน ตระกูลซ่งก็มีเช่นกันคือ ซ่งเจ๋ว ตระกูลโจว โจวซางเฟย ตระกูลซู ซเฉียน พวกเขาทั้งหมดเหล่านี้คือสุดยอดอัจฉริยะและเป็นเพียงอึต่อหน้าลั่วเทียน!

 

“นายท่ายสุดยอดสัสๆ ท่านทำอะไรอย่างนี้ได้อย่างไร?”ฟางเล่ยตะลึงอีกครั้งเนื่องจากว่าเขาไม่เข้าใจลั่วเทียนได้อีกต่อไป.

 

มันเหมือนกับหลี่ซูเอ๋อร์.

 

เขาสร้างสัตว์ประหลาดเหล็กเหล่านี้ได้อย่างไร?

 

เป็นไปได้ไหมที่ลั่วเทียนปิดด่านจรถึงทุกวันนี้เพราะฝึกฝนทักษะนี้?

 

เขาทำได้อย่างไร?

 

หลี่ซูเอ๋อร์ค่อยๆที่จะเห็นลั่วเทียนเลือนลางออกไปเรื่อยๆเหมือนกับว่าเขาอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก ยิ่งเธอไม่อาจมองเห็นเขาชัดเท่าไรเธอก็ยิ่งคิดไม่ออกมากเท่านั้น ตอนนี้เธอสนใจลั่วเทียนโดยไม่รู้ตัว.
(อ้าวไหนว่าชอบไง งงจริงๆ/ไรต์)

 

แต่…

 

ซูเอ๋อมีความสุขกับลั่วเทียนลึกๆภายในใจของเธอ มีเทวดาน้อยๆที่อยู่ข้างเธอคอยกระโดดโลดเต้นอย่างกับเชีนร์ลีดเดอร์ “พี่ใหญ่ลั่วเทียนของข้าดีที่สุด พี่ใหฐ่ของข้าดีที่สุด สุด สุด สุด…”

 

————

 

ภายในบ้านของลั่วจินซาน.

 

หม่าท้งยืนอยู่อีกด้านไม่กล้าแม้แต่จะหายใจหนักๆหลังจากที่วิ่งกระหืดหระหอบก่อนหน้า.

 

คิ้วของลั่วจินซานขยะเล็กน้อยขณะที่เขาหลับตาลง เขาดูเหมือนจะคิดอะไรอยู่ก่อนที่จะถามว่า“เจ้าพูดว่าลั่วเทียนปิดด่านฝึกตน?”

 

“เอ่อ นั่นคือสิ่งที่เขาพูด”

 

“แต่จากที่ข้าน้อยสังเกตลั่วเทียนอย่างลับๆ2-3วันที่ผ่านมาเหมือนกับว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่ ผู้นำข้ากลัวว่าหลังจากที่เขาต้องสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 4 ข้ากล้วว่าเขาจะวางแผนหนีไป?”หม่าท้งตอบด้วยท่าทีอ่อนน้อม.

 

ตาของลั่วจินซานลืมขึ้นทันที ริมฝีปากของเขาเยาะเย้ยอย่างเย็นชา “เกี่ยวกับการหนี? ข้าก็อยากจะรู้ว่าเขาจะสามารถวิ่งไปที่ไหน…”

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset