เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 49 – ตัวแดกขี้มาอีกแล้ว

ในเมือกเขาวิญญาณ…
ลั่วเทียนลืมทุกอย่างและฆ่าอย่างไม่หยุดยั้ง เขาฆ่าเหมือนคนบ้าและเหมือนปีศาจ.
เพื่อที่จะให้มีชีวิตอยู่ต่อไป…
เพื่อให้ลั่วจินซานเสียหน้า…
เพื่อฟางเล่ย, ซูเอ๋อร์, เพื่อสาวกตระกูลลั่วที่อยู่ข้างเขาและเพื่อที่จะฆ่าลาสบอส ลั่วเทียนพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น.
หนึ่งมนุษย์สามหุ่นเหล็กที่อยู่รอบๆเทือกเขาวิญญาณวิ่งไปมาเหมือนกับคนบ้าที่คลั่งและดีเดือด
“ติ้ง!”
“ขอแสดงความยินดีผู้เล่นลั่วเทียนได้ฆ่าสัตว์ร้ายวายุกระหน่ำ.ท่าจะได้รับค่าประสบการณ์ 350 และปราณ 35 แต้ม…”
“ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่นลั่วเทียนได้รับแก่นโลหิตของสัตว์ร้ายวายุกระหน่ำ สายเลือดหมื่นสัตว์ร้าย +1.”
“ติ้ง!”
“ขอแสดงความยินดีด้วยผู้เล่น…”
“ติ้ง…”
การแจ้งเตือนจากระบบส่งเสียงอย่างไม่หยุดนิ่ง เสียงของมันทำให้เขารำคาญหูอย่างมาก แต่มันก็ทำให้ลั่วเทียนตื่นเต้นมากเช่นกัน
แถบประสบการณ์และปราณของเขาพุ่งทะยานอย่างมากและเขาก็ยังได้รับแก่นโลหิตสำหรับสายเลือดหมื่นสัตว์ร้ายเพิ่มขึ้นด้วย
มันกลายเป็นลานสังหารของลั่วเทียนเพื่อเพิ่มเลเวล.
1 วัน…
2 วัน…
3 วัน…
ไม่รู้กลางวันกลางคืนขณะที่เขายังคงสังหาร เขาไม่เคยหยุดนิ่งจนกระทั่งร่างกายของเขาหมดแรง ลั่วเทียนไม่กล้าที่จะหยุดและใช้ทุกวินาทีเพื่อเพิ่มเลเวล ทุกแต้มของค่าประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญและพลังปราณทุกแต้มจะทำให้เขามีชีวิตรอดหรือตายไป ด้วยเหตุนี้เขายังคงฆ่าอย่างบ้าคลั่ง…
สัตว์ร้ายระดับ 4 ที่มีอย่างไม่สิ้นสุด
เพื่อความอยู่รอด เขาต้องแข็งแกร่งขึ้นมาก
หลังจากที่ฆ่าสัตว์ปีศาจระดับ 4 แล้วจะเป็นตาของลั่วจินซาน!
ลาสบอสตัวนี้เมื่อถึงเวลา ต้องจัดการ!
“ฆ่า!”
เสียงที่แหบแห้งออกมาจากปากของลั่วเทียน เลือดที่ปกคลุมทั้งหมดเหมือนกับเกราะที่ส่องแสงอ่อนๆจากดวงอาทิตย์ แสงนี้เหมือนกับแสงแห่งความตาย
เมื่อได้ยินเสียงนั้นของลั่วเทียนและสามหุ่นเหล็ก – ออปติมัสไพรท์, บับเบิ้ลบี, และเมกะทรอน ได้วิ่งกรูกันเข้าไปสั่งหารสัตวปีศาจทุกตัว.
“เวลอัพ… เวลอัพ…”
“ข้าต้องเวลอัพไวๆ!”
———–
เวลาได้บินผ่านไปถึง 8 วันแล้ว พรุ่งนี้ลั่วเทียนจะต้องต่อสู้กับสัตว์ปีศาจระดับ 4 ที่สนามต่อสู้
ช่วงเย็นตอนที่ดวงอาทิตย์กำลังตกลงแสงที่ส่องออกมาเหมือนกับเลือด เมื่อภูเขาหยกเหมือนถูกปกคลุมด้วยเลือดจากแสงอาทิตย์ซึ่งทำให้ใครบางคนรู้สึกหงุดหงิด.
ที่พนันตรงสนามต่อสู้
“ข้าถือหางว่าลั่วเทียนจะแพ้ 100 เงิน.”
“ข้าถือหางว่าลั่วเทียนไม่อาจอยู่รอดได้ถึงนาที 30 เงิน.”
“ถ้าเดิมพัน 70 เงินถือหาง…”
“เด็กลั่วเทียนกำลังจะตายและเราก็จะได้เงินจำนวนมาก เราต้องขอบคุณเขา 555+…”
“ดันเถียนของเขาพิการและการย่มเพาะของเขาก็หายไป แม้ว่าเขาจะได้รับการฟื้นฟูอย่างน่าอัศจรรย์แต่การบ่มเพาะของเขาก็ไม่สูงนัก กล้าที่จะสู้สัตว์ปีศาจระดับ 4? เขาแทบจะเดินลงหลุมไปก้าวหนึ่งแล้ว.”
“555… เจ้าได้ยินไหม? เมื่อแปดวันก่อนขยะลั่วเทียนได้ไปฝึกในเทือกเขาวิญญาณและยังไม่ได้กลับมา เขาอาจจะถูกกินโดยสัตว์ปีศาจ?”
“ใครสน? เราก็ยังคงชนะเดิมพันหากว่าเขาไม่ปรากฎ ตายก่อนหรือตายหลังก็ไม่แตกต่างกัน มันยังให้ผลแบบเดียวกัน.”
———–
การเดิมพันเริ่มที่สนามต่อสู้ของเมืองภูเขาหยก.
มีการประกาศอย่างมากเกี่ยวกับลั่วเทียนที่จะต่อสู้สัตว์ปีศาจระดับ 4 ในสนามต่อสู้ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนในเมืองภูเขาหยกจะรู้ แม้กระทั่งบางคนที่มาจากเมืองใหญ่ๆห่างออกไปกว่าหลายพันไมล์ก้ยังเข้ามาร่วมการเดิมพันบางรายการ
อัตตราต่อรอง 1:10.
ลั่วเทียนเป็น 1 สัตว์ปีศาจระดับ4 เป็น 10 การเดิมพันเทไปด้านเดียวและภายในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็มีน้อยกว่า 10 เงินที่แทงข้างลั่วเทียน.
นี่เป็นบางคนที่เผลอแทงลงไปและไม่สามารถเอาเงินคืนได้.
สนามต่อสู้เป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับทุกเมือง มันถูกออกแบบมาเพื่อความบัญเทิงสำหรับมนุษย์และมีการเดิมพันและเงินที่ทำให้พวกเขาร่ำรวย สนามรบทั้งหมดนี้ถูกควบคุมโดยองค์กรลึกลับ พลังที่เขาครอบครองนั้นใหญ่มากและไม่มีใครรู้จักเจ้านายขององค์กรเหล่านี้.
ขณะเดียวกัน…
ด้านในห้องที่หรูหราของสนามต่อสู้.
ผู้บริหารอาวุโสหลายคนมีเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผาก.
“การเดิมพันข้างสัตว์ปีศาจมันเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งและเร็วๆนี้มันได้ทะลุเกินลานแท่งเงินแล้วหากยังคงเพิ่มต่อไปเราอาจจะต้องเสียรายได้ทั้งปีไปจ่ายพวกเขาแน่นอน.”
“หัวหน้าผู้จักการหลี่ เราควรจะปัดข้างสัตว์ปีศาจนิดหน่อยได้หรือไม่? ข้าได้รู้จักยาบรรเทาความแข็งแกร่งของสัตว์ร้ายให้ต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ด้วยวิธีนี้เราสามารถทำได้…”
“หุปปาก! องค์กรสีม่วง(ไวโอเลต)ของเราไม่เคยโกง หากเจ้ายังพูดอีกข้าจะเตะโด่งออกไป!”
“ครับ ครับ ครับ!”
ผู้บริหารอาวุโสหลายคนรักษาความเงียบและไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงสักนิด.
หลี่กุ๊ยจับมือของเขาไว้ข้างหลังและมองออกไปนอกห้องมีส่งแสงสีแดงเลือด คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อยและพูดเบาๆกับตัวเอง “น้องสาวที่สาม เจ้าไปอยู่ส่วนไหนของโลก? เจ้าคิดว่าเด็กน้อยสามารถเอาชนะสัตว์ปีศาจระดับ 4 ได้? นี่เป็นไปไม่ได้เลย.”
“องค์กรสีม่วงของเราไม่ทำงานที่เสียผลประโยชน์ คราวนี้ข้ากลัว…”
หลี่กุ๊ยถอนหายใจภายในใจ.
ทันใดนั้น…
ก็ได้ยินเสียงเคาะห้องอย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอให้มีใครบางคนเปิดออก ก็มีคนที่เหงื่อโชกเปิดประตูเข้ามา.
คนที่อยู่ในห้องทั้งหมดขมวดคิ้วขณะที่คนอื่นๆกำลังจะสาปแช่งออกมา ชายคนนั้นก็ชิงพูดออกมา “หัวหน้า… หัวหน้าผู้จัดกาาหลี่ มะ… มีบางคนเข้ามาพนันด้วยหินหยวนสิบก้อน.”
“ห๊ะ?”
“ใครกันที่สามารถมีของใช้ที่ฟุ้มเฟือยขนาดนั้นได้ในเมือภูเขาหยกเล็กๆนี้?”
“แม้ว่าทั้งสีร่ตระกูลใหญ่รวมกันก็ยังไม่สามารถมีหินหยวนได้ถึง 10 ก้อน ใครกันที่สามารถมีได้?”
“เรากลัวว่าการสูญเสียของเราจะยิ่งแย่ลง.”
ใบหน้าของคนเหล่านี้เริ่มมืดลงเรื่อยๆ เนื่องจากผลกำไรจากสนามรบเกี่ยวข้องกับโบนัสของพวกเขาโดยตรง พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดการต่อสู้ครั้งนี้ถูกได้รับรู้จากผู้คนมากมายที่ห่างไหลออกไปหลายพันไมล์ แม้แต่ในราชวงศ์ของเมืองหลวงดาบสวรรค์ก็รู้เรื่องเหล่านี้
นี่เกิดอะไรขึ้น?
ที่นี่ไม่มีใครรู้แม้แต่ลี่กุ๊ย เขาเป็นเพียงคนที่ได้รับคำสั่งจากเบื้องบน.
หลี่กุ๊ยขมวดคิ้วและถามว่า “ได้สังเกตไหมว่าพวกเขาเป็นใคร?”
ชายคนนั้นส่ายหัว “ไม่ บุคคลนั้นแต่งตัวโดยมีผ้าคลุมสีดำดังนั้นจึงไม่อาจเห็นหน้าเขา สิ่งที่เดียวข้าแน่ใจคือคนๆนั้นเป็นผู้หญิง.”
“ผู้หญิง?”
“จากการได้ยิน เสียงของเธอเป็นเหมือนสาวน้อย.”
“สาวน้อย?”
ชายคนนั้นคิดอะไรได้บางอย่างและพูด “เธอแทงข้างลั่วเทียน.”
“ลั่วเทียน? หินหยวน10ก้อน? 5555….”
“พระเจ้าเฝ้ามองพวกเราอยู่! คราวนี้เราจะได้รับกำไลมหาศาล.”
“หญิงคนนั้นช่วยชีวิตเราอย่างแท้จริง”
ในเวลาเดียวกันกับเสียงที่หัวเราะออกมาจากห้องที่หรู้หรา หัวใจของหลี่กุ๊ยผ่อนคลายและเกิดรอบยิ้มจางๆบนใบหน้า
ตระกูลลั่ว.
ภายในโรงเลี้ยงม้าง่ายๆของลั่วเทียน.
ซูเอ๋อร์ได้ออกมาจากห้องของเธอในชุดสีขาวที่สวยงามโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดวงอาทิตย์สีแดงเลือดที่เป็นฉากหลัง.
เธอนั่งอยู่บนหินตรงลานเลี้ยงม้าขณะที่พองแก้มและเคาะเบาๆ หลี่ซูเอ๋อร์จ้องมองไปที่ทางเข้าและมักพูดพึมพำเป็นครั้งคราว “พี่ใหญ่ลั่วเทียน เมื่อไหร่ท่านจะกลับมา? ซูเอ๋อร์คิดถึงท่าน…”
อยู่ถัดออกไปจากหินที่เธอนั่งฟางเล่ยที่ยืนรักษาความปลอดภัยก็มีรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน.
เส้นตายเกือบจะถึงเวลาแล้ว!
เมื่อลั่วเทียนยังไม่ปรากฎพวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มกังวล.
“ทำไมยังไม่มา!”
“ข้าจะออกไปตามเจ้านายก่อน!” ฟางเล่ยลุกขึ้นด้วยความมุ่งมั่นและกำลังจะรีบออกไป.
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของปางเล่ย ซูเอ๋อร์ก็วิ่งตามเขาไปและพูด “ข้าจะไปด้วย.”
ก่อนที่ทั้งสองจะออกจากคอกม้าก็ถูกล้อมด้วยคนของลูกชายอาวุโสสอง – ลั่วเฉิน!
“พวกเจ้าสองคนอย่างได้คิดว่าจะออกไปได้ง่ายๆ.”
ลั่วเฉินป้องกันทางของฟางเล่นยและซูเอ๋อร์ก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชา “เศษขยะลั่วเทียนอาจจะตายในเทือกเขาวิญญาณนั่นคือเหตุผลที่เขายังไม่กลับมา อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเขาอาจจะปล่อยให้พวกเจ้าสองคนทิ้งไว้และหนีเอาตัวรอดหรือไม่งั้นเขาอาจจะกลับมาทีหลัง.”
“เจ้านายของข้าไม่มีวันตาย!” ฟางเล่ยคำรามกร้าว.
ซูเอ๋อร์ยังเข้าร่วม“พี่ใหญ่ลั่วเทียนจะไม่ทิ้งและเอาตัวรอดแน่นอน ฮึ!”
“ถ้าเขาไม่หนีไปข้าจะกินขี้บนพื้นนั่น” ลั่วเฉินชี้ไปยังก้อนขี้ใกล้ๆเท้า.
“เกิดห่าอะไรนั่น?!”
“ข้าเคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะบิดเบี้ยวขณะนี้ เขาชอบมันจริงๆ!”
ภาพเงาใกล้เข้ามาและได้ยินเสียงเมื่อท้องฟ้าใกล้มืด คนนั้นยังคงหัวเราะยิ้มแย้มบนใบหน้า.
ฟางเล่ยเกาหัวและยังส่งรอยยิ้มโง่ๆออกมา
ซูเอ๋อร์ยังยิ้มลักยิ้มของเธอทำให้เธอดูน่ารักมาก
ลั่วเฉินรู้สึกโง่เง่า เหล่าสาวกชั้นสูงยังดูตกตระลึง.
ลั่วเทียนปรากฎตัวต่อหน้าพวกเขาและยังเหลือบมองอย่างจริงจังไปยังฟางเล่ยพวกเขาสบตากัน แต่ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำสำหรับพี่น้อง จากนั้นเขาก็ชี้นิ้วไปที่จมูกหลี่ซูเอ๋อร์“สาวน้อยเจ้าคิดถึงข้าไหม?”
“อืม! คิดถึงท่านมาก.” ซูเอ๋อร์พยักหน้าขณะที่น้ำตาเกือบจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ.
เมื่อเป็นท่าทางน่ารักของเธอลั่วเทียนอยากจะดึงเธอเข้ามากอด เขาต้องการทำอย่างนั้นจริงๆแต่สุดท้ายเขาก็ต้องทนกับความต้องการของเขา
เมื่อเห็นทั้งสองปลอดภัยดีและหัวใจของเขาก็โล่งอย่างมากก่อนที่ลั่วเทียนจะหันไปทางลั่วเฉินและยิ้มกว้าง “ฟางเล่ยเจ้ากำลังรออะไรอยู่? ส่งขี้ให้เขา!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset