เกิดใหม่พร้อมกับระบบไร้พ่าย – ตอนที่ 68 – พิการหรือตาย

Chapter 68 – พิการหรือตาย

ฝูงชนแยกย้าย

ตระกูลลั่วอยู่ในอารมณ์ที่หมองหม่น.

พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการมีส่วนร่วมแข่งขันระหว่างสี่ตระกูล.

ลั่วเทียนไม่มีทางเลือกอื่น

หนึ่งเดือนมันเป็นระยะเวลาสั้นๆสำหรับนักต่อสู้ มันสั้นมากจนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมายนักและระดับการบ่มเพาะแทบจะไม่กระเตื้องแม้แต่น้อย.

แข่งขัน?

พวกเขาจะแข่งขันด้วยอะไร?

พวกเขาจะเอาอะไรมาแข่งกับตระกูลลั่วที่เป็นอยู่ในตอนนี้ แทบจะไม่มีสาวกที่เหมาะสมขึ้นบนเวที หากคนเหล่านี้ืที่เหลืออยู่เกิดอะไรขึ้นตระกูลลั่วจะถูกทำลาย.

หลายคนในตระกูลลั่วเริ่มเกิดคำถามเกี่ยกับการตัดสินใจ.

ไม่ว่าพวกเขาจะอายุ 16 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงเห็นว่าเขาเป็นเด็กในสายตาของคนส่วนมาก เป็นเหตุให้หลายคนไม่ยอมรับการเป็นผู้นำของเขา.

ลั่วเทียนเพิ่งจะได้อำนาจของตระกูลมา ถ้าเขาไม่ต้องการให้คนอื่นมาแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับอำนาจของเขา เขาต้องแสดงความแข็งแกร่งของเขา การแข่งขันระหว่างตระกูลเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาระงับปัญหาเหล่านี้.

ถ้าเขาชนะในการแข่งขันครั้งนี้จะไม่มีใครกล้ามาถามเกี่ยวกับอำนาจของตระกูลลั่วจากเขาอีก.

กลางโถงหลัก.

ทุกคนจ้องมองด้วยสายตาอย่างเป็นกังวลและไม่พูดอะไรสักคำ.

ลั่วเทียนแสดงออกมาว่าไม่แย่แสขณะที่เขากำลังคิดหาวิธีต่างๆมากมายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง.

เขาเป็นคนไร้ความปราณีเมื่อพูดถึงการบ่มเพาะ ไม่ว่าจะเป็นพลังปราณจากสวรรค์และโลก และไม่แม้แต่จะเข้าใจความสามารถทางกายภาพของมนุษย์ที่เขาไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย.

วิธีการบ่มเพาะของเขาคือการฆ่าคนและมอนเตอร์ ถ้าสาวกตระกูลลั่วมีการบ่มเพาะเหมือนกับเขา เขาจะนำสาวกเหล่านี้เข้าไปยังเทือกเขาวิญญาณเพื่อฝึกฝน.

“เทือกเขาวิญญาณ?”

ทันใดนั้นเอง…

เขาก็ตระหนักถึงวิธีการแข่งขันของตระกูลลั่วในหนึ่งเดืิอนก่อน หัวใจของลั่วเทียนเต้นไม่เป็นจังหวะขณะที่เขาพูดกับตัวเอง: “ทั้งสองตระกูลโจวและซูต้องกาฆ่าแน่นอน มันจะเป็นการรอดชีวิตหรือตายบนเวที แทนที่จะให้พวกเขาเพิ่มระดับการบ่มเพาะเพียงเล็กๆน้อยๆแล้ว มันคงจะดีว่าที่จะให้พวกเขาสัมผัสกับความเป็นความตาย เมื่อความเป็นความตายเหล่านี้มาถึง พวกเขาจะเผชิญหน้ากับมันอย่างเยือกเย็น.”

เดินไปบนเส้นทางระหว่างชีวิตและตาย.

การก้าวเดินไปบนเส้นทางระหว่างชีวิตและตายจะช่วยให้เขาปรับปรุงจิตใจและพัฒนาบุลคลิกได้ดีขึ้น.

มันจะดีถ้าพวกเขาไม่เคลื่อนไหว แต่เมื่อพวกเขาทำผลก็คือมีแค่ตายเท่านั้น!

“แค่กๆ~…”

ลั่วเทียนกระแอมและพูด: “ลุงคุนซาน โปรดเลือกสาวกสิบคนที่มีความแข็งแกร่งในด้านการบ่มเพาะหรือพวกที่มีพรสวรรค์มากๆหน่อน”

ลั่วคุนซานตอบ: “ได้ ผู้นำ แต่ท่านจะทำอะไรกับพวกเขา?”

จากนั้นลั่วเทียนก็พูด: “ท่านสามารถบอกพวกเขาได้ว่าเป็นการฝึกซ้อมเกี่ยวกับความเป็นความตาย ข้าจะปล่อยให้พวกเขาไว้ที่เทือกเขาวิญญาณ แต่ข้าก็ไม่ต้องการให้พวกเขาฆ่าสัตว์ร้ายใดๆ พวกเขาจะต้องอยู่รอดในระยะเวลาหนึ่ง ถ้ามีคนที่ไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมการฝึกซ้อมข้าก็จะไม่บังคับ ข้า ลั่วเทียน จะไม่บังคับให้ใครทำอะไรที่เขาไม่ชอบทำ.”

“เทือกเขาวิญญาณ?”

“ผู้นำ นี่…”

ทุกคนตกใจ.

เทือกเขาวิญญาณเป็นอันตรายอย่างยิ่งเกี่ยวกับความบ้าคลั่งของสัตว์ปีศาจ ปล่อยสาวกชั้นสูงตระกูลลั่วไว้ที่นั่น…นั่น ไม่เท่ากับว่าเจ้าจะส่งพวกเขาไปตาย?

สาวกชั้นสูงของตระกูลลั่วเหมือนกับดอกไม้ที่กำลังผลิดอกที่ต้องการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง วิธีที่ทำกับพวกเขาอย่างนั้น?

คนในห้องโถงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ฟางเล่ยเกาหัวและถาม: “นายท่าน เทือกเขาวิญญาณอันตรายอย่างมาก ถ้าให้พวกเขาไปฝึกที่นั่น มันไม่หมายความว่าให้พวกเขาไปตาย ถูกมั๊ย?”

ลั่วเทียนตอบ: “เวลาหนึ่งเดือนมันสั้นเกินไป ต้องการให้เขาทะลวงการบ่มเพาะมันเป็นไปไม่ได้เลย ตราบเท่าที่พวกเขาผ่านเส้นทางชีวิตและความตาย หัวใจของพวกเขาจะแตกต่างจากที่เคย และมีความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาบนเวทีก็จะเพิ่มอย่างมากกับการฝึกฝนนี้.”

คนบางคนรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการอธิบายของลั่วเทียน จะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาที่จะถูดทำลายในเทือกเขาวิญญาณ?

“ลุงคุนซาน ท่านต้องบอกพวกเขาให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการบังคับใดๆและเหลือทางเลือกไว้ให้เขา ฟางเล่ยและข้าจะเป็นผู้นำกลุ่มฝึกฝนในขณะที่ท่านและลุงยูซานจะดูแลกิจการต่างๆในตระกูลลั่ว.”

“ครั้งก่อนมีเพียงสาวกที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่จะได้เข้าศาลาห้องสมุด ตอนนี้เราจะเปิดให้ทุกคนเข้าได้อย่างทั่วถึง.”

“นอกจากนี้ เรายังจัดหายาสร้างรากฐานและยาที่คล้ายๆกันให้อีกด้วย ตอนนี้การแข่งขันกระชั้นเข้ามา เราจะต้องทำทุกอย่างด้วยสิ่งที่เรามี”

ลองทำให้มันสุดยอด!

ตั้งแต่พวกเขาเข้ามาร่วมกัน พวกเขาจะวางทุกอย่างตามที่เขากำหนด!

ทั้งสองตระกูลโจวและซู อาจจะต้องพิการหรือตาย!

ศาลาห้องสมุดจะเปิดให้ทุกคนและยาจะถูกแจกจ่ายให้กับทุกคน เรื่องดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นกับตระกูลลั่วมาก่อน.

มีสาวกบางคนของตระกูลลั่วยังคงฝึกทักษะการต่อสู้จากตลาดริมถนน มีสาวกบางคนที่ไม่เคยเห็นยารักษารากฐานทั้งชีวิต พวกเขาจำนวนมากรู้สึกว่าเลือดของพวกเขากำลังเดือดเพราะการกระทำของลั่วเทียน!

หัวใจของผู้คนกำลังสั่นไหว!

————

“รายงาน!”

นอกโถงหลัก สาวกตระกูลลั่วรีบวิ่งเข้ามา.

“รายงานผู้นำ ตระกูลซ่งได้ส่งหีบขนาดใหญ่เข้ามา.”

“5555…”

“น้องลั่ว พี่ชายคนนี้มาหาเจ้า” ซ่งหยวนไคว่ยิ้มกว้างขณะที่เดินเข้ามา ด้านหลังเขามีสาวกสี่คนของตระกูลซ่งกำลังแบกหีบขนาดใหญ่.

ลั่วเทียนเดินออกมาอย่างรวดเร็วและยิ้มทักทาย: “ข้ายินดีต้อนรับ.”

ซ่งหยวนโคว่โบกมือและพูด: “นี่เป็นของขวัญเล็กน้อย ที่พี่ชายอย่างข้าจะให้น้องลั่ว.”

หลังจากพูดแล้วหีบก็ถูกเปิดและมีอาวุธแวววาวมากมาย.

พวกมันทั้งหมดเป็นอาวุธ ชั้น 1!

พวกมันทั้งสามสิบกว่าเล่ม มีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นทอง!

อาวุธที่ดีเป็นสิ่งที่ตระกูลลั่วกำลังขาดอยู่ เมื่อใช้อาวุธชั้น 1 ทั้งหมดความแข็งแกร่งโดยรวมของตระกูลลั่วจะเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น ตระกูลซ่งได้ส่งถ่านมาให้ในฤดูหนาวท่ามกลางพายุ ลั่วเทียนขอบคุณอย่างมากในหัวใจของเขา เขาติดหนี้ตระกูลซ่งเป็นอย่างมาก!

ลั่วเทียนป้องมือและพูดว่า: “ข้าจะไม่สุภาพมากไปกว่านี้แล้ว ขอบคุณผู้นำซ่ง โปรดบอกผู้นำซ่งเมื่อท่านได้กลับไปว่า ข้าลั่วเทียนจะรับขวัญที่ใจกว้างเหล่านี้ ข้าจะไม่พูดมากไปกว่าการขอบคุณ แต่เมื่อมีโอกาสที่ข้าได้ตอบแทน ข้าจะทำมันให้ดีที่สุดจากความเมตตาครั้งนี้!”

ซ่งหยวนโคว่หัวเราะอย่างสนิมสนมและพูดว่า: “น้องลั่วเกรงใจไปแล้ว ข้าจะไม่รบกวนเจ้าอีก ดังนั้นเมื่อการแข่งระหว่างตระกูลสิ้นสุกลง ข้าจะมาดื่มเหล้าและพูดคุยกับเจ้า.”

จากนั้นลั่วเทียนก็กล่าวว่า: “เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะเลี้ยงเหล้าที่ดีที่สุด”

คราวนี้จะไม่แตกต่างไปจาก พิการ หรือ ตาย!

ตระกูลโจว.

“ห๊ะ?”

“ตระกูลซ่งส่งอาวุธชั้น 1 ให้เปล่าๆ? ซ่งหยวนหนานวางแผนอะไรอยู่?” โจวเหรินหร่านตกใจกับข่าวนี้ แต่ยังคงมีริมฝีปากที่โค้งเป็นรอยยิ้มที่เย็นชา. “โฮ้ ซ่งหยวนหนาน ซ่งหยวนนาน…จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ จากมุมมองของข้า เจ้าจะเป็นจิ้งจอกที่ตายแล้ว 5555…”

“เหล่าอาวุโส ทุกท่านได้เห็นแล้วว่าตระกูลซ่งได้วางแผนที่จะปรองดองกันกับตระกูลลั่ว.”

“สมองของซ่งหยวนหนานไปหมดแล้ว? ทำไมเขาต้องเป็นพันธมิตรกับตระกูลลั่วที่กำลังถูกทำลาย?”

“ซ่งหยวนหนาน ที่สว่างไสวตลอดชีวิตของเขา แต่ก็ยังพลาดในการเลือกของเขา คราวนี้เขาทำผิดพลาดอย่างมาก.”

“เหล่าผู้อาวุโส นี่เป็นโอกาสของเรา มีโอกาสที่จะครอบครองเมืองภูเขาหยกทั้งหมดในครั้งเดียว!”

โจวเหรินหร่านหัวเราะ: “มันเป็นเรื่องดีที่ตระกูลซ่งได้เข้าร่วม เราสามารถใช้เรื่องนี้ในการสยบเขาได้เช่นกัน เมื่อเราได้ครองอาณาเขตทั้งหมดจากตระกูลลั่วแล้วเราก็ยังมุ่งความสนใจไปยังพื้นที่ของตระกูลซ่งได้ เมื่อถึงเวลานั้น…เมืองภูเขาหยกทั้งหมดจะตกเป็นของตระกูลโจว! 5555…”

ทุกคนในตระกูลโจวมีการแสดงออกที่ตื่นเต้นบนใบหน้าขณะที่พวกเขาหัวเราะร่าออกมาอย่างหยาบช้า ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นตระกูลโจวของพวกเขา ได้ปกครองเมืองภูเขาหยกแต่เพียงผู้เดียว.

ตระกูลซู.

เมื่อซูเหยาซงได้รับข่าวว่าตระกูลซ่งได้ส่งอาวุธชั้น 1 ให้กับตระกูลลั่ว เขาก็รู้สึกตกใจและหัวเราะอย่างเย็นชา.

มองออกไปที่นอกโถงหลักและท้องฟ้าที่กำมืด ซูเหยาซง ไขว้มือไว้ข้างหลังด้วยท่าทีที่ยากหยั่งถึง.

สักพัก…

ซูเหยาซงถาม: “สามปีมาแล้ว นานแค่ไหนที่ซางเฟิงจะกลับมาอีกครั้ง?”

ซูเหยาซูยิ้ม “ประมาณสิบวัน ข้าได้รับจดหมายเมื่อวานและซางเฟิงกล่าวว่าเขาจะนำพี่น้องฝึกหัดสองคนมากลับเขา.”

“ดี!”

“ซางเฟิงไม่เคยทำให้ข้าผิดหวัง.”

“มันเป็นเพราะตระกูลซูของเราได้เลี้ยงดูเขามาหลายปี.” ซูเหยาซงมีใบหน้าที่ตื่นเต้นขณะที่เขาพูดเบาๆกับตัวเอง: “เมืองภูเขาหยกทั้งหมดจะต้องเป็นของตระกูลซู 55555…”

ซูซางเฟิงเคยเป็นสุดยอดอัจฉริยะในเมืองภูเขาหยกซึ่งเป็นคนที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเทียบได้ เมื่อห้าปีก่อนเขาได้เข้าสู่นิกายเมฆคราม.

ตระกูลซูได้บอกโลกภายนอกว่าซูซางเฟิงได้ออกจากบ้านและไปยังที่ๆใครก็ไม่อาจหาได้.

นี่คือสุดยอดอาวุธลับของตระกูลซู ซูเหยาซงตัดสินใจที่จะใช้เขาในเวลาที่สำคัญเพื่อให้พวกเขาพลิกโอกาส.

ด้วยนิกายเมฆครามที่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา จะมีใครบ้างที่จะเป็นศัตรูของตระกูลซู?

ในลานของตระกูลซู.

ซูเม่ยรำพึงอย่างสบายๆกับตัวเองและพูด: “พี่ใหญ่กำลังจะกลับมา? เขากำลังจะมาถึงแล้ว? ลั่วเทียน…ลั่วเทียน เจ้าเศษขยะสารเลว วันแห่งหายนะของเจ้ากำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้!”

เธอรู้สึกท้อแท้ในช่วงสองวันที่ผ่านมา แต่ตอนนี้รอยยิ้มของเธอเหมือนดอกไม้บาน!

“ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็จะตาย!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset