เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 7 หมูสามชั้นหนึ่งชิ้น

ตอนที่ 7 หมูสามชั้นหนึ่งชิ้น

ขณะที่พี่สาวไช่กำลังจมอยู่ท่ามกลางความสิ้นหวัง เสียงของเขาก็ฟังดูราวกับเทพยดามาโปรด

ในสายตาของพี่สาวไช่ จ้าวเหวินเทาดูราวกับเป็นเยาวชนดีเด่นห้าประการ[1] จริง ๆ หล่อนรู้สึกซาบซิ้งใจเหลือเกิน

เห็นเขาถูกคนรุมทุบตีมากขนาดนั้น หล่อนก็เกือบจะตะโกนห้ามแล้วยกเงินให้คนพวกนั้นเพื่อให้หยุดทุบตีเขาแล้ว

โชคยังดีที่พ่อค้าเนื้อไช่และสหายมาได้ทันเวลา

กลับมาพูดเรื่องตอนนี้กันก่อน

พ่อค้าเนื้อไช่ถูกเชิญให้เข้ามาในบ้าน คุณแม่จ้าวได้ยินการเคลื่อนไหวจึงเดินออกมา สิ่งแรกที่นางมองเห็นคือเนื้อชิ้นนั้น แต่นางไม่ได้เป็นคิดอะไรตื้น ๆ และรีบสั่งให้เถี่ยต้านไปเรียกคุณอาหกให้ลุกขึ้นจากเตียง

 

จ้าวเหวินเทาเดินออกมาพลางหาวหวอดก่อนจะเห็นพ่อค้าเนื้อไช่มาพร้อมกับเนื้อ แม้ในใจจะรู้สึกพอใจที่คนทำงานคนนี้อยู่เป็นและเอาใจใส่ผู้อื่น แต่ปากก็ยังเอ่ยด้วยความเกรงใจว่า “พี่ซื่อหูเกรงใจกันเกินไปแล้ว เรื่องเมื่อวานต่อให้เป็นคนอื่นผมก็ต้องทำแบบนั้นเหมือนกัน ทำไมต้องเอาเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้มาให้ผมด้วยล่ะครับ? พี่รีบเอาไปบำรุงร่างกายให้หลานชายหลานสาวของผมเถอะ ส่วนตัวผมไม่ต้องใช้มันหรอก!”

เมื่อคำพูดนี้ถูกลั่นวาจาออกไป พี่สะใภ้รองจ้าว พี่สะใภ้สามจ้าว และพี่สะใภ้สี่จ้าวต่างแทบหัวเราะไม่ออก

เนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้เชียวนะ!

คุณแม่จ้าวก็พูดว่า “นั่นสิ ๆ ถ้าหากเป็นคนอื่นก็คงทำแบบนี้เหมือนกัน ยังต้องนำเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้มาทำไมกัน? เธอรีบเอากลับไปกินกันเองเถอะ”

“มันเป็นเรื่องที่ต้องทำน่ะครับ ผมตั้งใจซื้อมาให้น้องชายโดยเฉพาะ ชายชาตรีแบบน้องจ้าวเหวินเทาควรได้รับรางวัลในความกล้าหาญต่อความถูกต้องเพื่อเป็นตัวอย่าง แต่ผมเองก็ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น ดังนั้นจึงทำได้แค่นำเนื้อชิ้นนี้มาให้น้องชาย น้องชายรับไว้เถอะ จะได้เอาไปบำรุงร่างกายให้น้องสาวฉันด้วย ว่าแต่หล่อนอาการดีขึ้นรึยังล่ะ?” พ่อค้าเนื้อไช่พูด

 

เรื่องที่เมื่อวานเย่ฉูฉู่สลบไป เขาเองก็รู้สึกไม่ดี เพราะภรรยาของเหวินเทาก็เกือบถูกไม้ทุบตีเหมือนกัน จึงตกใจจนเป็นลมหมดสติ

แต่ภรรยาของเขากลับไม่เป็นอะไรเลย

ดังนั้นวันนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมอบเนื้อชิ้นนี้ให้อีกฝ่าย

แต่ทางฝั่งตระกูลจ้าวยืนกรานที่จะคืนกลับไป เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมาจนเกิดเสียงดังอื้ออึงเหมือนกำลังทะเลาะกับอีกฝ่าย กระทั่งเพื่อนบ้านทุกคนได้ยินกันหมดและเข้ามาห้อมล้อมมุงดู

ท้ายที่สุดพ่อค้าเนื้อไช่ก็กลับไปพร้อมกับเหงื่อโชกทั้งศีรษะ แต่ตอนที่ขี่จักรยานออกไป ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ ตระกูลจ้าวนี้ไม่เลวเลยจริง ๆ นับว่าเป็นตระกูลที่มีศีลธรรมก็ว่าได้!

หลังจากกลับไปเขาก็เล่าให้ภรรยาฟัง ภรรยาของเขาไม่ได้รู้สึกว่าผิดคาดเลยสักนิด การที่ตระกูลนั้นสามารถอบรบสั่งสอนน้องชายเหวินเทาให้เป็นคนแบบนั้นได้ถือว่าไม่เลวเลย

ส่วนทางฝั่งตระกูลจ้าวก็ดีใจเป็นอย่างมาก

คุณแม่จ้าวถือเนื้อหมูสามชั้นล่อตาคนมองไว้ในมือ จากนั้นก็ออกไปยืนคุยโวกับเพื่อนบ้าน

  

ทั้งหมู่บ้านรู้เรื่องที่เมื่อวานนี้จ้าวเหวินเทาแสดงวีรกรรมเพื่อความถูกต้องแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ทว่าวันนี้อีกฝ่ายกลับถือเนื้อหมูชิ้นโตมาให้ตั้งแต่เช้าเพื่อเป็นการขอบคุณ เรื่องนี้จึงต่างไปจากเดิม

 

“คนคนนี้ก็เกรงใจเกินไป บอกให้เขาเอากลับไปก็ยังยืนกรานจะให้ มันก็ช่วยไม่ได้ ก็เลยทำได้เพียงแค่รับของขวัญขอบคุณชิ้นนี้มาน่ะจ้ะ” คุณแม่จ้าวพูดกับคนอื่น ๆ

 

“เหวินเทาลูกชายคนนี้ก็ควรจะได้กิน ลูกผู้ชายที่มีความกล้าหาญเพื่อความถูกต้องควรได้รับการยกย่องเช่นนี้แหละ” แม่เฒ่าหยางที่ป้อนน้ำมนต์ให้เย่ฉูฉู่ดื่มพูดขึ้น

“ถูกฟาดไม้เดียวแลกกับเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เรียกให้ฉันไปฉันก็ยินดีที่จะถูกทุบเหมือนกันนั่นแหละ!” คนอีกคนพูด

 

“ตอนที่ผมถูกไม้ทุบผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ใหญ่ไช่ทำงานอยู่ที่โรงฆ่าสัตว์ทางฝั่งนั้น ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร ก็บุกเข้าไปโดยไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงอะไรเลยน่ะครับ” จ้าวเหวินเทาพูด

พี่รองจ้าวและคนอื่น ๆ ทยอยลุกขึ้นจากเตียงแล้ว และพบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยมายืนอออยู่ที่หน้าประตูทางเข้า

หลังจากฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนเข้าใจ และได้เห็นว่ามีเนื้ออยู่ในมือของแม่พวกเขา ดวงตาก็พลันเป็นประกายแวววาวขึ้นมา

คิดไม่ถึงเลยว่าน้องหกจะอุทิศตนให้กับครอบครัวจริง ๆ!

คุณแม่จ้าวปล่อยให้เหล่าลูกชายยืนอยู่ที่นี่ ส่วนตนเองเดินหิ้วเนื้อกลับเข้าห้องไปแล้ว

 

ภายในบ้านไม่มีน้ำมันแม้แต่หยดเดียว แต่หมูสามชั้นนี้สามารถขับน้ำมันออกมาได้ไม่น้อย คุณแม่จ้าวจึงหั่นแล้วใส่ลงไปในหม้อ

เย่ฉูฉู่ยังงัวเงียอยู่ กว่าจะลุกขึ้นจากเตียง เก็บที่นอนและทำนู่นทำนี่อย่างเชื่องช้า

จ้าวเหวินเทาคุยโม้เสร็จก็เดินกลับมา ครั้นเห็นภรรยาของตัวเองตื่นแล้ว จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ภรรยา อรุณสวัสดิ์ครับ”

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เย่ฉูฉู่ใบหน้าแดงระเรื่อ เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

 

นี่ก็สายแล้ว นางต้องออกไปช่วยงาน แต่กลับถูกจ้าวเหวินเทาจับตัวไว้ “ไม่ต้องไปทำงานหรอก มีพวกพี่สะใภ้อยู่นะ”

“ฉันต้องไปช่วยเหลือสิคะถึงจะถูก” เย่ฉูฉู่พูด

อยู่ใต้ชายคาเดียวกัน หากตนเองไม่ทำอะไรเลย เช่นนั้นคงไม่ได้ ต่อให้ลำเอียงรักลูกสะใภ้ไม่เท่ากันแต่ก็ต้องทำในสิ่งที่พึงกระทำจึงจะถูก

เย่ฉูฉู่ออกไปช่วยงานหน้าบ้านแล้ว จ้าวเหวินเทาอดไม่ได้ที่จะพึมพำขึ้นว่า เหตุใดจู่ ๆ เธอถึงได้เปลี่ยนไปมากมายขนาดนี้ ภรรยาของเขาไม่ใช่คนขยันหมั่นเพียรสักหน่อย

แต่ก็เอาเถอะ อย่างไรก็ไม่ใช่งานหนักอะไร เขาคิดแล้วจึงเดินไปแปรงฟัน

เย่ฉูฉู่เดินมาด้านหน้าบ้านจึงได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้า ภายในใจกลับไม่ได้มีความสุขเท่าไรนัก ถูกทุบตีขนาดนั้นแต่กลับแลกได้แค่เนื้อชิ้นนี้หนึ่งชิ้น มันจะไปมีความสุขได้อย่างไรกันล่ะ?

แต่เห็นได้ชัดว่าเพราะเนื้อชิ้นนี้ ทุกคนจึงเกรงใจนางมากขึ้นสองส่วน

หากไม่มีเจ้าหก ในบ้านก็คงไม่มีทางได้รับเนื้อชิ้นนี้

ตอนนี้ทางฝั่งด้านในห้องครัวมีกลิ่นน้ำมันลอยออกมาแล้ว กลิ่นนั้นช่างหอมหวนจนทนไม่ไหวจริง ๆ

ถึงตอนเช้าจะรับประทานวอโถว[2]มันเทศ แต่คุณแม่จ้าวได้ใช้น้ำมันก้นหม้อผัดกับข้าวจานใหญ่ กลิ่นอาหารที่ผัดด้วยน้ำมันหมูช่างหอมน่ารับประทานเหลือเกิน ทั้งยังมีน้ำแกงมะเขือเทศไข่คน[3]ที่มีน้ำมันลอยเยิ้มอยู่อีกหนึ่งถ้วยด้วย

ต้องบอกว่าทุกคนต่างกินกันจนหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือ

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่เองก็กินจนหนำใจเช่นกัน

ในเวลานี้เสียงนกหวีดดังขึ้นจากด้านนอกแล้ว เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ก็เป็นเวลาที่ต้องไปทำงาน

“เหวินเทาเมื่อวานคุณถูกทุบตีมา ร่างกายยังไม่ปกติ กลับไปนอนต่อเถอะค่ะ ฉันไปทำงานเอง” เย่ฉูฉู่กล่าวโน้มน้าวสามีผู้บ้าระห่ำ

ครั้นเอ่ยวาจานี้ออกมา ทุกคนต่างเหลือบมองไปทางคุณพ่อจ้าว ก่อนจะมองมาที่สองสามีภรรยาคู่นี้

ดูสิ สองสามีภรรยาบ้านหกนี่ช่างสมกับเป็นคู่ชีวิตกันจริง ๆ สวมกางเกงตัวเดียวกัน ไม่ได้เปลี่ยนนิสัยหลังจากได้สร้างวีรกรรมเพื่อความถูกต้องเลย

“เจ้าหก ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?” คุณพ่อจ้าวถาม

 

“เจ็บอยู่ครับ ถ้าได้พักอีกสักวันคงดีมากเลย” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่เกรงใจ

  

เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองภรรยาตนเอง ภรรยาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นคนดีแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านี้เธอแทบจะหยิบไม้ขึ้นมาทุบไล่เขาให้ไปทำงาน แต่ตอนนี้กลับปล่อยให้เขานอนพักผ่อน

 

ได้ยินคำพูดในวันนี้แล้ว มันช่างตื้นตันใจมากขนาดไหน?

คำพูดดี ๆ เมื่อวานไม่ใช่คำพูดปลอบใจเขา แต่ดีกับเขาด้วยใจจริง!

 

“ในเมื่อไม่สบาย งั้นก็หยุดอีกวันก็แล้วกัน แต่พรุ่งนี้แกต้องไปทำงานนะ!” คุณพ่อจ้าวพูด

“ได้ครับ แต่ผมก็จะไม่อยู่บ้านเฉย ๆ นะ ผมจะขึ้นเขาไปตัดฟืนกลับมาสองมัด” จ้าวเหวินเทาพูด วันนี้ฤกษ์งามยามดีผลไม้ในป่าขึ้นเยอะ ภรรยาของเขารักเขาขนาดนี้ เขาก็ต้องเข้าป่าเก็บผลไม้ป่ากลับมาให้ภรรยาของเขาสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?

พี่สะใภ้สี่จ้าวบุ้ยปาก ทั้งยังรำพึงอยู่ภายในใจสองประโยค แต่พ่อแม่สามีตอบตกลงไปแล้ว หล่อนยังจะกล้าพูดอะไรอีก?

 

“ภรรยา ไปทำงานแล้วก็อย่าปล่อยให้ตัวเองเหนื่อยนะครับ” จ้าวเหวินเทาพูด ขณะที่ภรรยาสวมหมวกและกำลังจะเดินออกจากบ้าน

“ฉันรู้แล้วค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า

จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายทำหน้าที่ของตนเอง

คนที่ควรไปทำงานก็ไปทำงาน คนที่ควรซักเสื้อผ้าก็ไปซักเสื้อผ้า คนที่ควรอยู่บ้านเพื่อดูแลบ้านก็ดูแลบ้าน

จ้าวเหวินเทาถือไม้คานและสะพายตะกร้าใบเล็กไว้บนหลัง ก่อนจะเดินขึ้นเขาไปอย่างสบายๆ

………………………………………………………………………………………………………………………

[1] เยาวชนดีเด่นห้าประการ (五好青年) หมายถึง คนที่เรียนดี ความคิดดี ทำงานดี วินัยดี และพฤติกรรมดี

[2] อาหารแป้งที่ทำมาจากแป้งธัญพืชหยาบ รูปร่างทรงกรวย ตรงกลางมีช่องไว้ใส่ไส้ (ภาพจาก https://cookidoo.international/recipes/recipe/hu/r98257)

[3] น้ำแกงมะเขือเทศไข่คน (ภาพจาก https://www.zhifure.com/snzfj/56761.html )

สารจากผู้แปล

ทำไมบ้านหกมันงุ้งงิ้งงุงิกันน่ารักแบบนี้น้า แปลไปเขินไปเลยค่ะ

ทำดีแล้วเจ้าหก ต่อไปนี้คนในบ้านคงไม่มองว่าขี้เกียจแล้วล่ะ

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset