เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 130 ความสามารถในการโกยทรัพย์

นที่ 130 ความสามารถในการโกยทรัพย์

จ้าวเหวินเทาจ้องเขม็ง

ทำแบบนี้ช่างไม่ถูกสุขลักษณะเอาเสียเลย ทำตัวอย่างกับสุนัข หาที่ปัสสาวะเรี่ยราดตามอำเภอใจไปทั่ว!

คนคนนั้นคงอั้นมานานแล้ว ตอนที่ปลดปล่อยจึงถอนหายใจอย่างสบายใจ จากนั้นหันมามองจ้าวเหวินเทาที่กำลังมองเขา

“มองอะไร? ไม่เคยเห็นของใหญ่แบบฉันหรือไง!” คนคนนั้นพูดจาหยาบคาย

จ้าวเหวินเทานึกดูแคลน แบบนั้นเหรอเรียกว่าของใหญ่ ฉันหยิบออกมาเมื่อไรนายได้น้อยเนื้อต่ำใจจนไม่กล้าออกจากบ้านแน่!

แต่ก็อย่าพูดเลย จ้าวเหวินเทาเองก็รีบอยู่เหมือนกัน เขาหันซ้ายมองขวา เพื่อหามุมปลดปล่อย

คนคนนั้นตั้งใจเดินเข้ามามองเขา จ้าวเหวินเทาเห็นอีกฝ่ายชะโงกหน้าเข้ามาก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ประสาทเหรอ? ของตัวเองไม่มีหรือไง? ไปดูของตัวเองสิ!”

“เหอะ ไม่เล็กจริง ๆ ถ้าเทียบกับคนในหมู่บ้านของเรา พวกแม่ม่ายในหมู่บ้านเราคงรักนายตายเลย แม้แต่หนึ่งเฟินก็ไม่เรียกเก็บจากนาย” คนคนนี้หัวเราะหึหึ

จ้าวเหวินเทาไม่ถูกใจสิ่งนี้

คนคนนี้ยังพูดกับเขาต่อไปว่า “นายมาจากหมู่บ้านไหน ทำไมฉันไม่เคยเห็นนายมาก่อน?”

“หมู่บ้านตะวันออก” จ้าวเหวินเทาตอบเสียงเรียบ

“มาใหม่สินะ?” คนคนนี้กล่าว “นายเล่นอะไรล่ะ ให้พี่พานายไปไหม? ขอไม่มาก หนึ่งหยวนก็พอ”

“ไม่จำเป็น” จ้าวเหวินเทาดึงกางเกงขึ้น

คนคนนี้ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร ในบ้านก็มีคนตะโกนเรียก เขาจึงรีบพูดว่า “มาแล้ว ๆ!”

“พี่จ้าว พี่มายืนทำอะไรตรงนี้เนี่ย เข้ามาสิ!” หม่าเสี่ยวลิ่วตะโกนเรียกจากด้านใน

จ้าวเหวินเทาทำใจอยู่นาน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางกล่าว “มาแล้ว!”

จ้าวเหวินเทายืมเงินจากหม่าเสี่ยวลิ่วสิบหยวน บอกไปว่าถ้าชนะก็จะเล่นต่อ แต่ถ้าแพ้จะไม่เล่นแล้ว

เขาคิดว่าด้วยโชคของตัวเองแล้วต่อให้แพ้ก็คงแพ้ไม่มากเท่าไร เล่นจนถึงสามทุ่มก็คงกลับบ้านได้แล้ว สถานที่แห่งนี้เขาจะไม่มาเหยียบอีก!

ผลลัพธ์ที่ได้กลายเป็นว่าสิบหยวนนี้เมื่อแพ้แล้วก็กลับมาชนะ ชนะแล้วก็แพ้อีก จากน้อยเปลี่ยนเป็นมาก จากมากเปลี่ยนเป็นน้อย

เวลาล่วงเลยผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ภายในบ่อนการพนันไม่มีเวลา รู้ตัวอีกทีก็หลังเที่ยงคืนแล้ว

น้อยครั้งมากที่จ้าวเหวินเทาจะอยู่โต้รุ่งจึงเริ่มรู้สึกง่วง

บอกว่าจะไม่เล่นแล้ว แต่คนอื่นก็ไม่ยอมปล่อย เล่นชนะได้เงินแล้วคิดจะไปก็คงไม่ได้

ตอนนี้จ้าวเหวินเทาชนะได้เงินมาสิบห้าหยวนแล้ว เขานำเงินสิบหยวนนั้นคืนให้หม่าเสี่ยวลิ่ว จากนั้นก็ใช้เงินห้าหยวนนั้นเล่นโดยตลอด ปากก็พูดไปว่า “ฉันแพ้ห้าหยวนนี้ไม่เล่นแล้วนะ”

“ได้ ๆ!” ทุกคนต่างก็เห็นด้วย

แต่การเล่นไพ่ก็ไม่ได้เล่นไพ่อย่างเดียว กลุ่มผู้ชายรวมตัวกันพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีมากมาย

ยกตัวอย่างเช่นการถามผู้ชายที่อยู่ในบ่อนว่าเคยเป็นชู้กับภรรยาบ้านไหนหรือเปล่า? เคยไปเจาะกันที่ไร่ข้าวโพดใช่ไหม?

คนคนนั้นแสดงออกอย่างภาคภูมิใจ บอกว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ทั้งยังพูดว่าเริ่มได้ง่ายมาก หลังผ่านไปได้ด้วยดีแล้ว ต่อจากนั้นก็ทางสะดวกทำได้ตามชอบ

ทั้งยังพูดว่าเด็กของบ้านนั้นเกิดมาดูแล้วคล้ายกับเขามาก ไม่เหมือนกับพ่อแท้ ๆ เลย

ยังมีแม่ม่ายบ้านหนึ่งทนความโดดเดี่ยวไม่ไหว ช่วงกลางดึกเห็นผู้ชายก็ข้ามกำแพงออกไปหลายต่อหลายครั้ง

เรื่องเหล่านี้จ้าวเหวินเทาไม่ได้สนใจ ทำเพียงแต่เล่นไพ่ของตนเอง

แม้ว่าจะเล่นไพ่ แต่ก็ไม่ได้เล่นมากเหมือนกับไพ่ป๊อกเก้า แต่ก็ไม่น้อย เงินห้าหยวนเพียงพริบตาก็เปลี่ยนเป็นสิบหยวน สิบหยวนเปลี่ยนเป็นสิบห้าหยวน ตอนที่ท้องฟ้าเกือบสว่าง ปรากฏว่าเขาชนะได้มาตั้งยี่สิบกว่าหยวน!

หลังจากแพ้ไปหนึ่งตา ไม่ว่าจะพูดอย่างไรจ้าวเหวินเทาก็ไม่เล่นแล้ว

ตอนที่จะกลับเขาก็ให้เงินหม่าเสี่ยวลิ่วหนึ่งหยวน หนึ่งหยวนนี้ก็มีของเจ้าของบ้านด้วย

หนึ่งหยวนโดยปกติก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว แต่ในบ่อนกลับเป็นเงินไม่มาก หม่าเสี่ยวลิ่วจึงคิดว่าจ้าวเหวินเทาคงชนะไม่มาก

หลังจากเล่นไพ่ไปหนึ่งคืน ทุกคนต่างมีทั้งแพ้และชนะ ท้ายที่สุดก็ง่วงกันหมด จ้าวเหวินเทาชนะไปเท่าไรตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ตัวเลขที่แน่ชัดจริง ๆ

ตอนเช้าอากาศหนาวมาก จ้าวเหวินเทาหดคอกอดพลั่วเหล็กไว้ที่อกก่อนจะรีบเดินกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางก็เจอคนสองสามคนที่ขึ้นเขาไปแบกฟืน ฟืนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวัน ถ้าหากมีเวลาผู้คนก็จะไปเก็บ

บางคนที่รู้จักจ้าวเหวินเทาก็กล่าวทักทาย จ้าวเหวินเทาเองก็ทักทายเช่นกัน

“นี่จ้าวเหวินเทาไม่ใช่เหรอ? ไปไหนมาตั้งแต่เช้าตรู่เนี่ย?” อีกฝ่ายลากฟืนหนึ่งคันรถพลางเอ่ยถาม

“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก หึหึ ไปหาญาติที่หมู่บ้านตะวันตกน่ะ” ขอบตาทั้งสองข้างของจ้าวเหวินเทาดำคล้ำ ทั้งยังอ้าปากหาว พูดด้วยน้ำเสียงคลุมเครือหนึ่งประโยคก็เดินผ่านไป

คนที่รู้ข่าววงในก็พูดไปหนึ่งรอบแล้ว หมู่บ้านตะวันตกมีบ้านญาติที่ไหนกันล่ะ เห็น ๆ กันอยู่ว่าไปเล่นการพนันมา!

ทำให้คนถอนหายใจไม่หยุดหย่อนเลยจริง ๆ ปรากฏว่าเขาเล่นทั้งคืนเลย

ตอนที่กลับมาถึงบ้านเย่ฉูฉู่ก็ยังไม่ตื่น จึงเรียกให้เธอเปิดประตู

จ้าวเหวินเทาต้มน้ำร้อนหนึ่งกะละมัง จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อของตัวเองทั้งชุด เช็ดตัวให้สะอาดหนึ่งรอบ ก่อนจะพูดกับภรรยาว่า “ภรรยา มีเงินอยู่ในกระเป๋า ผมนอนแป๊บหนึ่งนะ ตื่นแล้วพวกเราค่อยคุยกัน”

พูดจบ เขาก็สวมชุดนอนเอนตัวนอนลงบนเตียงเตา

เย่ฉูฉู่เห็นสีหน้าของสามีไม่สู้ดี ภายในใจก็รู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ไหว เธอห่มผ้าให้สามี จากนั้นก็เริ่มจัดระเบียบธนบัตรเหล่านี้

เธอพบว่าตอนออกจากบ้านกระเป๋าเงินของเขาว่างเปล่า แต่ขากลับเขามาพร้อมกับเงินยี่สิบหยวน เย่ฉูฉู่จึงแอบรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็สามารถหอบเงินกลับมาได้จริง ๆ

แต่เย่ฉูฉู่ทราบดีว่านี่ไม่ใช่ความตั้งใจเดิมของเขา รอให้เขาตื่นค่อยว่ากัน

เมื่อคืนภรรยาของเหล่าหวังสามวิ่งมาบอกเธอว่าจ้าวเหวินเทาไปกับหม่าลิ่วจื่อแล้ว ย่อมต้องพูดเกินความจริงไปอีกหนึ่งรอบว่าหม่าลิ่วจื่อเป็นคนอย่างไร

เธอเองก็เข้าใจดีว่าสามีไปทำอะไรมา ก็ต้องเล่นไพ่น่ะสิ

แต่เธอไม่ได้กังวลใจนัก ก็เหมือนกับที่ตนพูดกับพ่อแม่สามีนั่นแหละ ว่าเธอเชื่อใจเหวินเทา

เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย เพราะเธอไม่เคยเห็นเหวินเทาชอบเล่นไพ่เท่าไร อีกอย่างในกระเป๋าของเขาก็ไม่มีเงินแม้แต่เฟินเดียว เขาคุ้นชินกับการกลับบ้านโดยที่มีเงินกลับมาให้เธอ

ตอนที่ต้องใช้เงินก็จะมาขอเธอ ไม่มีเงินแล้วจะไปเล่นการพนันได้อย่างไรกัน?

ภรรยาของเหล่าหวังสามกลับเข้าใจเป็นอย่างดี ยืมเงินอย่างไรล่ะ การยืมเงินกันที่บ่อนถือเป็นเรื่องปกติ

แม้จะได้ยินคำพูดเช่นนี้ เย่ฉูฉู่ก็ไม่ได้กังวลใจ เพียงแต่คิดว่าจ้าวเหวินยังไม่ได้รับประทานอาหารค่ำเลย

ถ้าภรรยาของเหล่าหวังสามทราบว่าภายในใจของเย่ฉูฉู่คิดเช่นนี้ คาดว่าคงพูดว่าลูกสะใภ้เล็กที่น่าสงสารอะไรทำนองนั้น

เย่ฉูฉู่เก็บเงินเรียบร้อยแล้ว เธอเห็นสามีกำลังหลับลึกจึงออกไปเตรียมอาหาร

เขาตื่นขึ้นมาก็จะได้รับประทานอาหารทันที

จ้าวเหวินเทานอนอยู่ที่บ้านจนฟ้ามืดดินมัว โดยไม่ทราบเลยว่ามีคนกำลังพูดถึงเขา

“ที่ดินติดเขาตรงหนานเหลียงฝั่งนั้น ที่ติดกับตะวันตกเป็นของใครเหรอ?” คนคนนี้เดินทางตามที่ดินมาถามคนในหมู่บ้าน

“ที่ดินติดเขาของหนานเหลียง ติดกับตะวันตก เป็นของตระกูลจ้าว นายถามทำไมเหรอ?” คนในหมู่บ้านพูดด้วยความไม่เข้าใจ

“ก็ไม่มีอะไรหรอก ตอนที่ฉันมาส่งปุ๋ยคอกดันไปทับที่ดินของเขาน่ะ เขาปรับพื้นดินไว้ดีมากเลย ฉันทับไปจนกลายเป็นรอยรถสองเส้น ยังไงก็ต้องบอกเขาสักหน่อย” คนคนนี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“แบบนี้เอง ตระกูลจ้าว บ้านพวกเขาอยู่ตรงนั้นน่ะ!” ผู้ที่กระตือรือร้นในหมู่บ้านชี้บอกทาง

“ขอบใจนะ!” เมื่อคนนี้ได้ยิน ก็รีบเดินเข้ามาหา

ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาหาผิดคน ดันไปหาบ้านของจ้าวเหวินอู่ลูกชายคนเล็กของลุงจ้าว

จ้าวเหวินอู่คือลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเหวินเทา และเป็นลูกคนเล็กในบ้าน อายุไล่เลี่ยกับจ้าวเหวินเทาด้วย

“ที่ดินบนเขาฝั่งตะวันตกของหนานเหลียง? นั่นไม่ใช่ที่ของฉันสักหน่อย!” จ้าวเหวินอู่ได้ยินก็ส่ายหน้า

“แต่เมื่อกี้คนนั้นบอกฉันว่าเป็นที่ดินของตระกูลจ้าวนะ” คนคนนี้พูดพลางกวาดตาสำรวจจ้าวเหวินอู่

จ้าวเหวินอู่เองก็หันไปมอง จึงพบว่าอีกฝ่ายเป็นคนรูปร่างผอม บนใบหน้ามีแผลเป็นจากคมมีดหนึ่งเส้น ดู ๆ แล้วเพิ่มความดุร้ายไปหลายส่วน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พรูดดด แปลตอนนี้ทำให้ได้รู้ว่า ของเหวินเทาไม่เล็กนะจ๊ะ ทำให้มังกรคนอื่นกลายเป็นหนอนชาเขียวได้ในพริบตา

เล่นพอหอมปากหอมคอนะพ่อกระต่าย อย่าเล่นจนติด จากหนทางรวยจะกลายเป็นหายนะ

ภรรยาเหล่าหวังสามนี่แอบสามีไปเล่นมั่งเปล่าเนี่ย รู้ลึกรู้จริงราวกับคนวงในมาเองขนาดนี้

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset