เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 143 ทำให้อิจฉาตาร้อน

“นั่นสิ เธอดูเลือดของเธอสิ!” แม่เฒ่าหยางพูดพลางปลดผ้าออก “มา ฉันจะเจาะอีกข้างหนึ่งให้”

ยังไม่รอให้พี่สะใภ้รองจ้าวตอบตกลง แขนอีกข้างก็ถูกดึงขึ้นมาและใช้วิธีเดิม

“เลือดเป็นสีดำทั้งคู่เลย!” ภรรยาของเหล่าหวังสามฉีกกระดาษทิชชู่ม้วนมาหนึ่งแผ่นเพื่อเช็ดให้

พี่รองจ้าวกล่าวอย่างประหม่า “เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นไหม?”

พี่สะใภ้รองจ้าวส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา อันที่จริงก็ไม่ได้ดีขึ้นหรอก หล่อนรู้สึกไม่สบายใจราวกับถูกไฟเผาเลยจริง ๆ

เรื่องนี้ทำให้หล่อนรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ทั้งยังทำให้หนักใจ ปวดศีรษะและคลื่นไส้ด้วย!

“ฉันจะเจาะที่ปลายนิ้วให้ด้วย” แม่เฒ่าหยางกล่าวพลางยกมือของพี่สะใภ้รองจ้าวขึ้นมา จากนั้นก็ใช้เข็มเจาะลงบนปลายนิ้วมือส่วนใต้เล็บทุกนิ้ว

นิ้วมือทั้งสิบนิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ เมื่อถูกเจาะนิ้วจึงทำให้เกิดความเจ็บปวดและดึงความสนใจของหล่อนได้บ้าง พี่สะใภ้รองจ้าวจึงรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย

“คงเป็นเพราะเหนื่อยมาหลายวัน สงสัยยังถอนวัชพืชรอบแรกในแปลงข้าวฟ่างยี่สิบหมู่ไม่เสร็จ ก็เลยเกิดความร้อนใจ” พี่รองจ้าวเห็นสภาพของหล่อนเป็นเช่นนี้ จึงพูดพลางถอนหายใจออกมา

“ก็ดูพวกเธอสิ ข้าวฟ่างนี่ดูแลยากที่สุด แต่พวกเธอก็ยังคิดจะปลูกเยอะแยะขนาดนี้อีก” แม่เฒ่าหยางกล่าว “ปลูกน้อยหน่อยก็ยุ่งยากน้อยลงไม่ใช่เหรอ?”

พี่สะใภ้รองจ้าวพูดเพียงแค่ว่า “พอดีมีลูกเยอะ เลยกลัวว่าจะมีไม่พอกินน่ะค่ะ”

แม่เฒ่าหยางถอนหายใจ นางไม่ได้กล่าวอะไรอีก เพียงเพ่งพินิจพี่สะใภ้รองจ้าวครู่หนึ่ง “สีหน้าดูยังไม่ค่อยดีเลย จะให้ฉันช่วยตีให้ไหม?”

“ยายยังต้องไปทำนาอีกนะคะ ฉันนอนอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดราวกับไร้วิญญาณ

แม่เฒ่าหยางมีน้ำใจมาก “ฉันมีที่ดินของฉันคนเดียว ยังมีลูกชายกับลูกสะใภ้อยู่ งานครึ่งบ่ายล่าช้าไปก็ไม่เป็นอะไรหรอก เดี๋ยวฉันช่วยจัดการให้เธอก็แล้วกัน!”

ภรรยาของเหล่าหวังสามก็ไม่อยากไปทำนา แต่นางก็สู้แม่เฒ่าหยางไม่ได้ “เธอกับฉันคงสู้ยายคนนี้ไม่ได้แล้ว ฉันยังต้องไปทำนาอีก สะใภ้รอง เดี๋ยวฉันเอาจอบกลับมาให้แล้วกันนะ”

พี่สะใภ้รองจ้าวรีบกล่าวขอบคุณ จากนั้นภรรยาของเหล่าหวังสามก็โบกมือเดินออกไป

แม้พี่รองจ้าวจะบอกว่าร้อนใจเพราะยังถอนวัชพืชภายในที่ดินที่ปลูกข้าวฟ่างยี่สิบหมู่ไม่เสร็จ แต่ภรรยาของเหล่าหวังสามไม่ใช่คนโง่ หล่อนย่อมรู้ดีว่าอันที่จริงแล้วเป็นเพราะอิจฉาต่างหาก

ได้ยินว่าน้องสามีคนเล็กขนอิฐจำนวนมากขนาดนั้นกลับมาเพื่อเตรียมสร้างบ้าน ก็เลยร้อนใจขึ้นมา

จะว่าไปก็ไม่แปลกใจเลย ถ้าเปลี่ยนเป็นหล่อนแล้ว คาดว่าภายในใจของหล่อนก็คงรู้สึกไม่ดีเช่นกัน

เจ้าหกจ้าวคนนี้ร่ำรวยจริง ๆ สินะ?

แม่เฒ่าหยางบอกให้พี่รองจ้าวไปยกถ้วยน้ำเย็นมา จากนั้นก็ใส่เกลือก้อนลงไปนิดหน่อย

เกลือที่ชาวบ้านรับประทานในยุคนี้ยังเป็นเกลือก้อนทั้งหมด เพราะมีราคาถูก

แม่เฒ่าหยางถลกแขนเสื้อขึ้นมา จากนั้นใช้สี่นิ้วจุ่มลงไปในน้ำเกลือแล้วเริ่มตีลงบนแขนของพี่สะใภ้รองจ้าว

นี่เป็นวิธีรักษาแบบพื้นบ้านของคนในหมู่บ้าน ที่สำคัญคือมันช่วยแก้อาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ แน่นหน้าอกและท้องเสีย

โดยทั่วไปแบ่งออกเป็นสามขั้น ขั้นแรกคือเจาะด้วยเข็ม เหมือนกับที่ทำให้พี่สะใภ้รองจ้าวเมื่อครู่ ขั้นที่สองคือการตีตามเนื้อตัวแบบที่ทำอยู่ตอนนี้ ขั้นที่สามคือยัดหัวผักกาดดองเค็มหรือขิงที่ฝานเป็นแผ่นเข้าไปในรูทวารหนัก ซึ่งปกติแล้วจะยัดหัวผักกาดดองเค็มเข้าไปมากกว่า

โดยส่วนใหญ่แค่ขั้นแรกก็ได้ผลแล้ว เว้นเสียแต่ว่าจะอาการหนักจึงจะทำขั้นตอนที่สอง เป็นเพราะการตีแบบนี้จะทำให้รู้สึกติด ตีครั้งนี้เสร็จแล้ว ครั้งต่อไปถ้าเป็นอีกก็ต้องตีอีก

ส่วนวิธีขั้นที่สาม ถ้าท้องเสีย หรือมีลมในท้องถึงจะใช้วิธีนี้

ท้ายที่สุดก็คือดื่มยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่(1)อีกสองสามวัน

แม่เฒ่าหยางบอกให้พี่รองจ้าวไปซื้อยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่มา พี่รองจ้าวจึงต้องไป

พี่สะใภ้รองจ้าวหยุดเขาไว้ “คุณกินข้าวก่อนแล้วค่อยไป”

ลูก ๆ ของพวกเขาเป็นคนทำอาหาร หลังจากทำเสร็จก็ใส่ไว้ในหม้อ

พี่รองจ้าวพูดโดยไม่หันกลับมา “กลับมาค่อยกิน”

แม่เฒ่าหยางตีไปพลางพูดไปพลาง “เธอดูสิ เขารีบร้อนขนาดนี้ นี่ก็เป็นเพราะใส่ใจเธอนั่นแหละ!”

พี่สะใภ้รองจ้าวรู้ดีว่าสามีคนนี้ของหล่อนไม่เลวเลย แต่กลับพูดไปว่า “พวกผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละคะ พอเห็นว่าป่วยถึงจะร้อนใจ เขาคงกลัวว่าจะไม่มีใครทำอะไรให้เขากินมั้ง”

ไม่เพียงแค่พูดจาไม่น่าฟัง ภายในใจของหล่อนก็รู้สึกขมขื่นเช่นกัน

“พูดอะไรของเธอเนี่ย โรคนี้ก็ไม่ใช่เขาที่ทำให้เธอเป็นสักหน่อย เจ้ารองจ้าวนิสัยดีจะตายไป ไม่เหมือนกับตาแก่ของฉันที่ตายไปแล้ว ปากก็เอาแต่ต่อว่ามือก็เอาแต่ทุบตี ทั้งชีวิตของผู้หญิงแต่งงานกับผู้ชายดี ๆ ดีกว่าเรื่องอื่นเป็นไหน ๆ!” แม่เฒ่าหยางกล่าว

พี่สะใภ้รองจ้าวทราบดีว่าแม่เฒ่าหยางกำลังสอนหล่อน จึงพูดตามน้ำไปว่า “เขาก็เป็นคนนิสัยดีนั่นแหละค่ะ ฉันก็ไม่รู้เป็นอะไร อาจเป็นเพราะอารมณ์ไม่ดีมั้ง เฮ้อ เป็นเพราะปัญหาที่นานั่นแหละ”

หล่อนย่อมไม่ยอมรับถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ตนร้อนใจจนเป็นแบบนี้

“เธอเองก็อย่าร้อนใจไปเลย ถอนวัชพืชรอบแรกออกไม่หมด ต่อให้รอบสองงอกออกมาอีกมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ยิ่งเธอรีบร้อนก็ยิ่งทำให้ล่าช้า เธอเองก็ต้องโน้มน้าวใจตัวเองสักหน่อย ดูสิ ต้องมานั่งทุกข์ทรมานขนาดนี้!” แม่เฒ่าหยางกล่าว

จากนั้นแม่เฒ่าหยางก็ยกมือขึ้นและตีมือลงมา ทำให้รอยช้ำบนแขนของพี่สะใภ้รองจ้าวมีมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากตีแขนทั้งสองข้างเรียบร้อยแล้ว นางก็ถลกเสื้อหล่อนขึ้นอีกครั้ง และตีตรงตำแหน่งบนซี่โครงทั้งสองข้างอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอยช้ำตรงนี้รุนแรงขึ้น

“ตีเส้นลมเส้นนั้นออกมาก็เรียบร้อยแล้ว!” แม่เฒ่าหยางกล่าว “เธอดูสิ ร้ายแรงขนาดนี้เลย!”

จางภูมิปัญญาของคนในหมู่บ้านก็คือ ความโกรธจะดึงโรคให้ออกมา ทำให้ภายในร่างกายสร้างเส้นลมขึ้นมาหนึ่งเส้น เส้นลมนี้ต้องตีออกมา ไม่จำเป็นต้องตีออกมาทั้งหมด แค่ให้ขาดออกจากกันก็พอแล้ว มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ลมนี้ไม่ไปรบกวนอวัยวะภายในร่างกาย เมื่อดึงโรคออกมาได้ก็เรียบร้อยแล้ว

นี่เป็นการอิงตามเส้นลมปราณของการแพทย์แผนจีน ไม่มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็มักจะได้ผลอย่างน่าอัศจรรย์

หลังจากตีซี่โครงทั้งสองข้างเสร็จแล้ว สีหน้าของพี่สะใภ้รองจ้าวก็ดีขึ้นมาก และดูมีชีวิตชีวาขึ้นเล็กน้อย

“ดูสิ กลับมาดีขึ้นนิดหน่อยแล้วใช่ไหม?” แม่เฒ่าหยางใช้มือตีต่อไป กล่าวว่า “อีกเดี๋ยวได้ดื่มยาน้ำฮั่วเซียงเจิ้งชี่สักหน่อย ตอนบ่ายนอนพักให้เต็มที่ ไม่ต้องไปคิดอะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”

พี่สะใภ้รองจ้าวเปิดใจปล่อยวางแล้ว และพูดมากกว่าเดิม “จบเห่แล้วจริง ๆ อยู่ดี ๆ ก็เกิดใจร้อนขึ้นมา นี่ตีเสร็จยังต้องเจ็บอีกหลายวันเลยนะคะเนี่ย!”

“ก็ใช่น่ะสิ ตีแรงขนาดนี้ เธอก็ต้องนอนพักอีกสองสามวันนั่นแหละ! ไม่ใช่แค่เธอที่เจ็บ ฉันเองก็เจ็บเหมือนกัน” แม่เฒ่าหยางยังคงตีด้วยท่าทางไม่รีบร้อนและไม่ได้ชักช้า พูดพลางยิ้มไปพลาง

ผลของการออกแรงเกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย หลังจากตีเสร็จพี่สะใภ้รองจ้าวก็รู้สึกเจ็บ มือของแม่เฒ่าหยางก็เจ็บเช่นกัน หากมืออ่อนสักหน่อย มืออาจหักได้เลย

“ต้องขอบคุณคุณยายมากจริง ๆ คนที่ตีไม่เป็น ไม่มีทางตีออกมาได้หรอก” พี่สะใภ้รองจ้าวรู้สึกซึ้งใจ

“มันจะยากเย็นอะไร ตีให้มาก ๆ ก็ทำเป็นแล้ว” แม่เฒ่าหยางกล่าว

หลังจากตีจนอาการทุเลาแล้ว แม่เฒ่าหยางจึงหยุดมือ จากนั้นก็ไปตักข้าวมาให้พี่สะใภ้รองจ้าวมาหนึ่งถ้วย อาหารที่เด็ก ๆ ทำคือข้าวฟ่าง ซึ่งมีกลิ่นไหม้ติดก้นหม้อด้วย

ตอนนี้พี่สะใภ้รองจ้าวก็หิวแล้ว จึงกินเข้าไป

แม่เฒ่าหยางรอจนพี่รองจ้าวกลับมา เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้รองจ้าวรับประทานยาแล้วจึงกลับไป

พี่รองจ้าวเห็นภรรยาอาการดีขึ้นแล้ว เขาจึงตักข้าวมารับประทานคู่กับหัวผักกาดดองเค็ม จากนั้นก็เอนตัวนอนบนเตียง

วันนี้เหนื่อยแทบตายอยู่แล้ว

พี่สะใภ้รองจ้าวก็ทำใจไม่ได้ที่จะเรียกเขา หล่อนลงมายืนบนพื้น เก็บกวาดบ้านแบบลวก ๆ แล้วหมุนตัวเดินไปด้านหลังสวน

ภายในบ้านไม่มีใคร เพราะต่างก็ลงไปทำนากันหมด รวมถึงน้องสะใภ้สี่จ้าวที่กำลังตั้งครรภ์ อย่าว่าอยู่ในช่วงไตรมาสแรกเลย ต่อให้ท้องโตก็ยังต้องไปทำงาน

ภายในบ้านจึงเหลือแค่คนๆ เดียว นั่นคือน้องสะใภ้เย่ฉูฉู่

เธอไม่ต้องทำอะไรเลยจริง ๆ วัน ๆ ก็อยู่แต่ในบ้านจัดการเรื่องงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้น ยังจะมีงานอะไรให้ทำ?

เธอยังคงเอาแต่นอนขี้เกียจอยู่ในบ้าน แต่ใครก็ไม่สามารถตำหนิเธอได้ เพราะแยกบ้านกันแล้ว อีกฝ่ายจะใช้ชีวิตอย่างไรก็ปล่อยให้ใช้ไป ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะเข้ามาจุ้นจ้าน

………………………………………………………………………………………………………………………

ยาน้ำแผนโบราณชนิดหนึ่งของจีน ใช้ขับความร้อนในร่างกาย ปรับสมดุลชี่ แก้หวัดที่เกิดจากลมภายนอก (ภาพจาก https://kknews.cc/zh-cn/health/46l4amq.html)

สารจากผู้แปล

วิธีรักษาดูเปิดโลกดีเหมือนกันนะคะ ตอนที่ตีตามตัวนี่นึกถึงตอนนวดไทยที่วัดโพธิ์ช่วงก่อนโควิดจะมาเลยค่ะ ร่างแทบแหลก เพราะหมอมือหนักมาก แต่พอนวดเสร็จคือหายเมื่อยตัวเบาสบายเลย

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset