เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 26 อยากซื้อจักรยาน

ตอนที่ 26 อยากซื้อจักรยาน

แน่นอนว่าพี่สาวห้าจ้าวเคยไปถนนอันซิ่งมาแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงมีประสบการณ์มาบางส่วน จึงบอกเล่าเกี่ยวกับสภาพโดยรอบของถนนอันซิ่งแห่งนั้นได้

อันที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรให้พูดคุยมากมาย เพราะสินค้าที่ขายมีอย่างจำกัด ก็มีพวกผักผลไม้อะไรทำนองนั้น แม้ว่าจะมีไข่ไก่และปลาต่าง ๆ แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังนับว่าน้อยกว่าอยู่ดี

“ที่ถนนอันซิ่งทางฝั่งนั้น ต่อให้นายนำถั่วงอกมาถุงหนึ่งก็สามารถขายออกไปได้” แม้ว่าพี่สาวห้าจ้าวจะกล่าวแบบนี้ แต่ก็ยังคงเป็นประโยคนั้น คือต้องใจกล้าหน้าด้านถึงจะขายได้

เพราะถ้าไปทำค้าขายทางฝั่งนั้นแล้วมีเพื่อนบ้านทราบ ก็จะถูกพูดถึงปากต่อปาก แม้แต่เด็กในครอบครัวก็จะถูกเด็กคนอื่น ๆ ทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มาเล่นกับเด็กของครอบครัวที่ทำการค้าขาย

เห็นได้ว่าการค้าขายนั้นถูกผู้คนดูหมิ่นขนาดไหน แต่พี่สาวห้าจ้าวคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับน้องชายหน้าหนาของหล่อน

สุดท้ายแล้วเขาก็มาซื้อขายด้วยตัวเอง ภรรยาและลูกต่างก็อยู่ต่างจังหวัดกันหมด อีกอย่างถ้าเขาสามารถหาเงินมาสร้างบ้านอิฐที่ชนบทได้ ก็จะไม่มีใครมาดูถูกเขา บางทีอาจจะต้องมาขอคำแนะนำจากเขาด้วยซ้ำ

ฐานะคนชนบทด้อยกว่าคนในตัวเมือง คนในตัวเมืองมีเงินเดือนหลายสิบหยวนต่อเดือน แต่ในชนบทล่ะ? หนึ่งปีอาจจะยังมีเงินไม่ถึงกี่สิบหยวนเลยด้วยซ้ำ

ดังนั้นผู้คนในตัวเมืองต่างก็กลัวเสียหน้า ย่อมไม่สามารถนำมาเทียบกันได้

จ้าวเหวินเทารู้ดีอยู่แก่ใจ ตอนนี้เขารู้สึกร้อนรนอยู่ภายในใจจริง ๆ ทนไม่ไหวจนแทบอยากจะกลับไปลองเพาะถั่วงอกตั้งแต่วันนี้เลย!

แต่เขารู้ว่าตนทำไม่ได้ ถ้าเขาจะทำอะไรก็ต้องแยกบ้านให้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้นเงินที่เขาหาได้มาจะกลายเป็นเงินส่วนรวม

“พี่ พี่ช่วยซื้อจักรยานให้ผมสักคันสิ” จ้าวเหวินเทากล่าว

ถ้าต้องการไปค้าขายที่ในเมือง ย่อมไม่สามารถเดินเท้าเข้าเมืองได้แน่ ๆ เพราะเปลืองเวลาเกินไป ไปกลับรอบหนึ่งต้องใช้เวลาเท่าไรกัน? จำเป็นต้องมีจักรยานสักคันถึงจะทำได้

“ที่บ้านพอจะมีคูปองอุตสาหกรรมอยู่หน่อยหนึ่ง พรุ่งนี้ฉันจะให้คนไปแลกมาให้ แล้วจะซื้อให้นายคันหนึ่งนะ” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

“พี่ลองดูให้หน่อยนะว่ามีรถมือสองหรือเปล่า ถ้าซื้อคันใหม่เกินไปคงแพงหูฉี่แหง ๆ” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ได้ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวจะลองถามให้ว่ามีใครอยากขายบ้าง” พี่สาวห้าจ้าวกล่าว

สายตาของจ้าวเหวินเทาถูกหมูแดดเดียวผัดมันฝรั่งที่พี่สาวของเขากำลังทำอยู่ดึงดูดไปแล้ว

การได้กินข้าวขาวกับหมูแดดเดียวผัดมันฝรั่งนั้นเป็นอะไรที่ไม่อาจอดใจไหว หลังจากที่รับประทานจนอิ่มแปล้ จ้าวเหวินเทาจึงบอกลาพี่สาวห้าจ้าวของเขา จากนั้นจึงขี่จักรยานไปซื้อเหล้าหนึ่งขวด แล้วกลับบ้าน

เขาไม่กล้านำเหล้าเข้าบ้าน ดังนั้นจึงนำมันไปซ่อนไว้ข้างนอก หลังจากนำจักรยานไปคืนแล้วจึงกลับมาบ้าน

ทุกคนในตระกูลจ้าวต่างรับประทานอาหารกันแล้ว น้ำแกงก้อนแป้ง(1)ในคืนนี้อร่อยมาก คุณแม่จ้าวยังเหลือให้เขาถ้วยหนึ่ง

จ้าวเหวินเทารับประทานไปพลางถอนหายใจไปพลาง น้ำแกงก้อนแป้งนี้อร่อยมากอยู่แล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเขาเพิ่งรับประทานข้าวกับหมูแดดเดียวผัดมันฝรั่งของพี่สาวห้าจ้าวกันล่ะ? พอได้รับประทานก็ไม่มีรสชาติเลยจริง ๆ

“พ่อของลูกบอกว่าพรุ่งนี้จะเชิญพวกลุง ๆ มาจัดการเรื่องแยกบ้านนะ” คุณแม่จ้าวกระซิบ

จ้าวเหวินเทาพยักหน้ากล่าวว่า “รีบแยกเร็วเท่าไรยิ่งดีครับ!”

เขาต้องการซื้อจักรยานมาทำการค้าขาย ของเหล่านี้ล้วนเป็นเงินทุนทั้งนั้น เขามีต้นทุนเป็นเงินจากการขายโสมป่าอยู่แล้ว แต่จักรยานอะไรพวกนั้นก็ต้องรอวันแยกบ้านก่อน

เมื่อเขากล่าวจบจึงได้ยินเสียงถอนหายใจของคุณแม่จ้าว

“แม่ แม่วางใจเถอะ ต่อให้แยกบ้านไปอยู่กับฉูฉู่แล้วก็ยังต้องกตัญญูกับพ่อกับแม่อยู่ รอให้ผมมีบ้านอิฐก่อนนะ ถึงเวลานั้นผมจะเหลือห้องให้พ่อกับแม่ด้วย!” จ้าวเหวินเทากล่าว

พี่สามจ้าวที่แอบฟังอยู่ด้านนอกรู้สึกตื่นเต้นมาก แยกบ้าน? ในที่สุดก็แยกบ้านแล้วเหรอ?

เขาไม่สนใจคำพูดสุดท้ายของเจ้าหก เจ้าหกเป็นคนขี้โม้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มีแค่พ่อแม่เท่านั้นแหละที่เชื่อคำพูดของเขา!

พี่สามจ้าวกลับบ้านอย่างตื่นเต้น พี่สะใภ้สามจ้าวที่กำลังเย็บเสื้อผ้าอยู่ในห้องเห็นเขาเข้ามาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดไป “ดูลูกชายของคุณสิคะ เสื้อตัวนี้ฉันเพิ่งจะเย็บให้เขาได้ไม่นานก็กลับมาอยู่สภาพนี้อีกแล้ว”

พี่สามจ้าวไม่สนใจที่จะฟังเรื่องนี้ เขาปิดประตูห้อง

พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “คุณจะปิดประตูทำไมเนี่ย? ห้องมืดหมดแล้ว”

พี่สามจ้าวจึงเล่าในสิ่งที่เขาเพิ่งแอบฟังมาจากห้องโถง พี่สะใภ้สามจ้าวตาโต “แยก…แยกจริง ๆ เหรอ?”

“จะโกหกเพื่ออะไรล่ะ?” พี่สามจ้าวพึมพำ จากนั้นจึงมองหล่อนด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไรนัก “ทำไม ดูคุณไม่ค่อยมีความสุขเลยนะ?”

“อันที่จริงไม่แยกบ้านก็ดีมากอยู่แล้วน่ะค่ะ” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว

“คุณไม่อยากเป็นใหญ่ในบ้านหรือไง?” พี่สามจ้าวกล่าว เขาไม่สามารถทนเห็นท่าทางโง่เขลาของเจ้าหกได้ ตอนนี้ยังไม่มีลูกก็ดีอยู่ รอให้มีลูกก่อนเถอะ ถึงเวลานั้นบ้านเจ้าหกคงเดินไม่แตะพื้น* นั่นก็เท่ากับต้องเลี้ยงพวกเขาด้วยไม่ใช่เหรอ? มีสิทธิ์อะไรกัน?

*เหยาะแหยะ ทำอะไรไม่เป็น

เขาที่คิดเช่นนี้ก็ไม่ได้ย้อนคิดเลยว่า หม่าต้านผู้เป็นลูกชายและเอ้อร์หยาผู้เป็นลูกสาวของเขาได้รับประทานปลาและเนื้อสัตว์ที่อาเล็กของพวกเขานำมาให้ไม่น้อย

แต่คนเราก็มักจะสนใจในสิ่งที่พวกเขาเสียไป กลับเพิกเฉยในสิ่งที่ตนเองได้รับ ดังนั้นพี่สามจ้าวจึงรู้สึกว่าตัวเองเสียเปรียบครั้งใหญ่!

ดังนั้นต้องแยกบ้าน แยกบ้านนี่แหละดีที่สุด!

แม้ว่าพี่สะใภ้สามจ้าวจะไม่อยากแยกบ้านขนาดนั้น แต่หล่อนก็อยากจะมีบ้านเป็นของตัวเองเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่พูดอะไร

จ้าวเหวินเทาทำให้แม่ของเขามีความสุข หลังจากรับประทานน้ำแกงก้อนแป้งแล้ว เขาจึงกลับมายังห้องด้านหลังบ้าน เย่ฉูฉู่กำลังเย็บเสื้อให้เขาอยู่ และเย็บได้ค่อนข้างคล่องแคล่วเลยทีเดียว

“กินอิ่มไหมคะ?” เย่ฉูฉู่เงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

จ้าวเหวินเทาหรี่ตาลงและหอมแก้มเธอไปหนึ่งฟอด ทำให้เย่ฉูฉู่หน้าแดงระเรื่อพลางกลอกตาใส่เขา ก่อนจะควักเงินออกมาด้วยรอยยิ้ม เป็นเพราะมีคูปองและเงินที่พี่สาวห้าให้มา ดังนั้นเงินที่ภรรยาของเขาให้ นอกจากจะซื้อเหล้าและสั่งทำกรงกระต่ายแล้ว ที่เหลือเขาก็นำกลับมาทั้งหมด

กรงกระต่ายราคาไม่แพง ราคาเพียงไม่กี่หยวน จ่ายมัดจำไว้แล้ว ครั้งหน้าค่อยจ่ายส่วนที่เหลือก็เรียบร้อย

“ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพี่สาวห้าเหมือนกัน คุณเองก็อย่าไปรบกวนมากนักเลยค่ะ” เย่ฉูฉู่ตำหนิ

“ไม่ง่ายอะไรกันครับ พี่สาวห้ามีเงินเดือนของตัวเองทุกเดือน เงินเดือนของสามีของพี่สาวห้าก็สูงลิ่วยิ่งกว่า แถมยังมีเงินเหลือให้จับจ่ายใช้สอยด้วย จะเห็นพี่เป็นคนอื่นคนไกลไปทำไมล่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

เย่ฉูฉู่จึงไม่กล่าวอะไรกับเขา ตอนนี้ครอบครัวมีฐานะแบบนี้ เรื่องเหล่านี้จำไว้ก่อน หลังจากนี้ในอนาคตถ้าสามารถช่วยอะไรได้ก็ออกแรงช่วยเหลือก็พอแล้ว

จ้าวเหวินเทาเล่าเรื่องในเมืองให้ภรรยาฟัง ก่อนที่เขาจะกลับบ้านเขาอดไม่ได้ที่จะไปยังถนนอันซิ่งด้วยความตื่นเต้น เขาคุ้นเคยกับที่นั่นมาก

ทั้งยังมีผู้คนตั้งแผงขายของ ขายหัวไชเท้าตะกร้าหนึ่ง และมีขายเส้นมันเทศ กากข้าวโพดและอื่น ๆ ด้วย แถมยังขายในราคายุติธรรมอีก ไม่มีใครเร่งรีบและไม่มีใครพูดอะไร!

เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แล้วคุณมีแผนจะทำอะไรต่อเหรอคะ?”

“แม่บอกกับผมแล้วว่าพรุ่งนี้พวกลุงจะมาเป็นพยาน พ่อกับแม่จะให้พวกเราแยกบ้านกันแล้ว!” จ้าวเหวินเทากล่าว

เย่ฉูฉู่พยักหน้า เธอไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เป็นช่วงเวลาว่างจากการทำนาแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรต้องกังวล จึงสามารถแยกบ้านได้

“ภรรยา ถ้าแยกบ้านแล้ว ผมอยากซื้อจักรยานสักคันจะได้ไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ

เขารู้ดีว่าจักรยานมีราคาแพง แต่มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีรถจักรยานก็ไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ

“ต้องซื้ออยู่แล้วล่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า

จ้าวเหวินเทาไม่คิดว่าภรรยาของเขาจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ จึงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นจึงกล่าวอย่างระมัดระวัง “ภรรยา จักรยานราคาร้อยกว่าหยวนเลยนะครับ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

(1)面疙瘩汤 น้ำแกงชนิดหนึ่งที่ใส่ก้อนแป้งพร้อมกับเครื่องเคียงอื่น ๆ คล้าย ๆ กับซุปมักกะโรนีของทางตะวันตก (ภาพจาก http://www.haotefood.com/z/2432.html)

สารจากผู้แปล

ตอนหน้าได้แยกบ้านแล้ว ตื่นเต้นแทนเลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset