เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] – ตอนที่ 67 พลิกกิจการ

เหล่าชวีโถวพูดอย่างมีความสุข “ตกลง งั้นครั้งหน้านายต้องซื้อเหล้าดี ๆ มาให้ฉันนะ อย่าไปฟังเจ้าหลิวปากมากนั่นล่ะ เอาเหล้าแบ่งขายมาหลอกฉันได้”

เจ้าหลิวปากมากก็คือฉายาของเหล่าหลิว

จ้าวเหวินเทาก็มีความสุขเช่นกัน “ลุงไม่ต้องห่วง ครั้งหน้าผมจะซื้อเหล้าดี ๆ มาให้แน่ๆ ครับ!”

“งั้นฉันจะรอเหล้าดี ๆ จากนายนะ รีบไปเถอะ นี่ก็สายแล้ว” เหล่าชวีโถวโบกมือ

จ้าวเหวินเทานั่งอยู่บนรถลาก เจ้าของรถยกแส้เส้นเล็กขึ้นมาหวด ทำให้ล่อสีดำตัวใหญ่วิ่งทะยานออกไป

ขามาเขาได้นั่งรถแทรกเตอร์ ขากลับทำได้แค่นั่งรถล่อลาก ปีนี้รถที่ใช้ทำการเกษตรจากทั้งเมืองมีเพียงไม่กี่คันเท่านั้น

เจ้าของรถเป็นชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปี มาที่หมู่บ้านไท่ผิงเพื่อแลกเส้นก๋วยเตี๋ยว คนที่วิ่งมาค้าขายที่นี่แม้เจอหน้ากันครั้งแรกแต่ก็ให้รู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนเก่าแก่ เพียงไม่นานเขาก็พูดคุยกับจ้าวเหวินเทา

“น้องชาย นายมาที่นี่เพื่อนำเข้าผักเป็นประจำสินะ ฉันเห็นเหล่าชวีโถวนั่นสนิทกับนายเชียว” เจ้าของรถถาม

เหล่าชวีโถวไม่เพียงแต่จะช่วยหารถให้เท่านั้น ทั้งยังช่วยขนผักมาไว้บนรถด้วย เงิน 15 หยวน แลกผักมาได้มากโขเชียวล่ะ

“ก็ระดับหนึ่ง ลุงคนนั้นเขาเป็นคนใจดีน่ะครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม ทั้งยังพูดหลอกบ้างจริงบ้างว่า “พี่ชายเองก็มาที่นี่บ่อยสินะครับ?”

เขาเป็นคนได้เปรียบในเรื่องนี้ ออกไปข้างนอกเจอใครก็เรียกพี่ชายเรียกพี่สาว ไม่ได้ทำตัวไร้มารยาทแม้แต่น้อย ทั้งยังมีจิตใจกว้างขวาง

“ไม่ถึงกับมาบ่อยหรอก ก็มาตอนที่ว่าง ๆ นั่นแหละ เหล่าชวีโถวคนนี้ไม่เลวเลยนะ เพียงแต่ปากไม่ค่อยดี ยังมีอีกนะ พอดื่มเยอะก็จะสลบเหมือดไปเลย!” คนขับรถพูดด้วยรอยยิ้ม

“พี่ชายพูดถูก ตาแก่คนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ ฉันได้ยินลุงชวีพูดว่า พี่ชายมาแลกเส้นก๋วยเตี๋ยว แลกยังไงเหรอ?” จ้าวเหวินเทาถาม

คนขับรถก็ไม่ได้ปิดบัง เขาพูดถึงประสบการณ์การค้าขายของตัวเองขึ้นมา “ในเมืองนี้มีคนงานที่อยากกินธัญพืชหยาบอยู่ แต่ที่พวกเขาได้กินกลับมีแต่แป้งขาว ส่วนคนของพวกเราที่อยู่ที่นี่ก็ได้กินแต่ธัญพืชหยาบ จะหาแป้งขาวที่ไหนมากินได้? ฉันก็เลยเอาข้าวฟ่าง ข้าวโพด เฉียวเมี่ยน(1)อะไรพวกนั้นไปแลกในเมือง แป้งขาวที่แลกมาได้ก็จะนำไปขายอีกที”

จ้าวเหวินเทาได้ยินการค้าขายแบบนี้เป็นครั้งแรก เขาถึงกับตกตะลึง “มีคนที่ไม่ชินกับการกินแป้งขาวด้วยเหรอครับเนี่ย ผมกินทุกวันก็ยังกินจนชินเลย”

คนขับรถยิ้ม “อะไรก็ตามที่กินทุกวันก็ต้องมีวันเลี่ยนบ้างแหละ ต่อให้เป็นอาหารอันโอชะให้นายกินทุกวันก็ต้องมีสักวันที่นายกินไม่ลง ไม่ว่าอะไรก็ต้องเอาไปแลก นายว่าถูกไหมล่ะ?”

จ้าวเหวินเทาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้า “ที่พี่ชายพูดก็มีเหตุผลนะ แต่ผมก็ยังอยากกินแป้งขาวทุกวันอยู่ดี”

“ฮ่า ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าน้องชายยังไม่ได้กินแป้งขาวทุกวันยังไงล่ะ” คนขับรถหัวเราะลั่น

จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิ้ม “หวังว่าจะมีวันนั้นนะครับ วันที่ผมได้กินแต่แป้งขาวจนเลี่ยน”

“ต้องมีอยู่แล้วล่ะ การใช้ชีวิตแบบนี้ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” คนขับรถรู้สึกพึงพอใจกับการใช้ชีวิตในตอนนี้มาก ขณะเอ่ยปากกล่าว

“ใช่แล้วครับ” จ้าวเหวินเทาพยักหน้า จากนั้นก็ถามข้อมูลเจาะจงแบบสบาย ๆ เกี่ยวกับการแลกแป้งขาวอีกครั้ง ใครจะไปคิดว่าคนขับรถจะตอบคำถามที่เขาถามไปทั้งหมด

“พี่ชาย พี่มาบอกผมในเรื่องพวกนี้ พี่ไม่กลัวผมแย่งการค้าขายของพี่เลยเหรอครับ” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ค้าขายของพวกนี้ไม่ใช่คิดจะแย่งก็แย่งกันได้ ฉันมีคนรู้จักในเมือง ไม่งั้นคนคงไม่แลกเส้นก๋วยเตี๋ยวกับฉันหรอก เรื่องนี้ถ้าพูดออกไปอาจจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดี” เจ้าของรถพูดอย่างไม่ใส่ใจ

จ้าวเหวินเทาพอเข้าใจได้ เป็นเพราะเจ้าของรถมีคนรู้จัก ดังนั้นจึงสบายใจทั้งสองฝ่าย หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงไม่ได้

“น้องชาย เรื่องทำเงินแบบนี้ก็มีตั้งเยอะแยะนะ แต่มันก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนหรอก” คนขับรถกล่าวอย่างสบาย ๆ

จ้าวเหวินเทาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก มันก็จริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขารู้จักกับไช่ซื่อหู่ก็คงขายเนื้อไม่ได้ ดังนั้นจะทำอะไรก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตนเองด้วย

ทั้งสองคนพูดคุยหัวเราะสนุกสนาน ระยะเวลาจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงบ้านพี่สาวใหญ่จ้าวในเมือง เขาจึงขนผักลงมา และให้เงินเจ้าของรถไปห้าเหมา

นอกจากการแลกเปลี่ยนก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็มีช่วยขนของที่เป็นรายได้อีกทางหนึ่งของเจ้าของรถ แน่นอนว่าจ้าวเหวินเทาไม่สามารถนั่งกลับมาฟรี ๆ ได้

ในบ้านมีแค่พี่สาวใหญ่จ้าวคนเดียว สามีและลูก ๆ คนทำงานก็ไปทำงาน คนเข้าเรียนก็ไปเข้าเรียน ตอนนี้แม่สามีก็ไม่ได้อยู่บ้าน เมื่อเห็นน้องชายขนผักใบเขียวมามากขนาดนี้ พี่สาวใหญ่จ้าวก็เข้าใจได้

“นี่เป็นผักใบเขียวที่นายเอามาจากหมู่บ้านไท่ผิงสินะ เอามาเยอะขนาดนี้ ไปเอาเงินมาจากไหนเนี่ย?” พี่สาวใหญ่จ้าวถึงกับตกตะลึง ผักใบเขียวจำนวนมากเหล่านี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ

“ผมเอาเงินติดตัวมาสิบหยวน แล้วก็มีคนให้ผมยืมอีกห้าหยวนน่ะ” จ้าวเหวินเทาถอยรถจักรยานของตัวเองออกมา จากนั้นก็เริ่มใส่ผักใบเขียวไว้ท้ายรถจักรยาน สิ่งนี้เก็บไว้นานไม่ได้ ต้องรีบเอาออกไปขาย

“เงินที่ยืมมา นายไปยืมมาจากใคร?” พี่สาวใหญ่จ้าวถาม หล่อนจำไม่ได้เลยว่าทางหมู่บ้านไท่ผิงมีญาติหรือเพื่อนอยู่ด้วย

จ้าวเหวินเทาจึงเล่าเรื่องของเหล่าหลิวให้ฟังแบบง่าย ๆ

พี่สาวใหญ่จ้าวไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรจริง ๆ โชคของน้องชายคนนี้ไม่ใช่แค่ดีแบบธรรมดา ขึ้นเขาลงห้วยก็เจอกระต่ายกำลังทะเลาะกันแถมยังตายด้วยตัวเองอีก ต่อให้เจอกับสัตว์ป่าแต่ละชนิดที่เข้ามาชนด้วยตัวเอง หากเป็นคนอื่นที่คิดจะจับก็คงจับไม่ได้หรอก

แต่ตอนนี้เขาโตแล้ว ออกไปนอกบ้านก็ได้เจอกับคนคอยช่วยเหลือ คนที่เพิ่งเจอหน้ากันก็ยอมให้ยืมเงิน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะพบเจอได้เลย

“งั้นนายก็ต้องเอาไปคืนเขาด้วยนะ!” พี่สาวใหญ่จ้าวกำชับ “อีกฝ่ายเชื่อใจนาย นายเองก็อย่าทำให้คนที่เขาเชื่อใจต้องผิดหวังล่ะ”

“มันก็แหงอยู่แล้ว ยังต้องให้พี่สาวใหญ่บอกผมเรื่องนี้อีกเหรอ ออกนอกบ้านมีเพื่อนเยอะก็มีช่องทางเยอะ ชีวิตของผมเพิ่งจะเริ่มต้น จะปิดกั้นเส้นทางของตัวเองได้ไง?” จ้าวเหวินเทาโบกมือกล่าว “พี่สาวใหญ่ ผมเอาผักใบเขียวพวกนี้ออกไปขายก่อนนะ เดี๋ยวจะกลับมาอีกรอบ พี่ดูเลยว่าอยากกินอะไร หยิบออกมาจากถุงได้เลย”

“เอาเถอะ นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก รีบไปเถอะ ขี่ช้า ๆ ล่ะ!” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“เข้าใจแล้ว!” จ้าวเหวินเทาขี่จักรยานออกไปแล้ว

พี่สาวใหญ่จ้าวมองดูผักใบเขียวในถุงกระสอบ ซึ่งมีแต่ผักฉ่ำ ๆ หายากทั้งนั้น หล่อนเห็นแล้วก็ส่ายหน้า เจ้าหกคนนี้ช่างมีความกล้าหาญจริง ๆ ผักมากขนาดนี้ แถมยังใช้เงินเยอะขนาดนี้ เขากลับตัดสินใจเพียงคนเดียวโดยไม่ปรึกษาที่บ้านเลยสักคำ

ก่อนหน้านี้หล่อนคิดว่าจ้าวเหวินเทาคงแค่ไปดูงาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะนำผักเข้ามามากขนาดนี้ ของพวกนี้เก็บไว้ไม่ได้ ถ้าไม่ขายออกไปคงได้ขาดทุนแน่

หล่อนกำลังคิดว่าควรจะไปถามสามีและแม่สามีดีไหมนะ ว่าที่ทำงานของพวกเขาจะมีคนอยากได้หรือเปล่า?

พี่สาวใหญ่จ้าวเป็นคนแข็งแกร่ง ครอบครัวหล่อนเป็นบุคลากรในที่ทำงานกันทุกคน หล่อนไม่อยากให้สามีรู้สึกว่าหล่อนใช้เส้นสายของเขาเพื่อช่วยเหลือทางบ้านตัวเอง หากทำแบบนั้นก็คงจะดูคล้ายกับตักตวงผลประโยชน์จากคนอื่น

แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ผักราคา 15 หยวน แถมยังไปติดหนี้เขาอีก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหล่อนก็ปล่อยให้น้องชายชดใช้ไม่ได้หรอก

จ้าวเหวินเทาไม่รู้เรื่องการวางแผนของพี่สาวใหญ่จ้าว เขามีความมั่นใจในตัวเองมาก เขามาขายเนื้อหมูกับถั่วงอกในเมืองตั้งหลายรอบแล้ว ลูกค้าเก่าก็มีไม่น้อย มีหลายคนที่แวะเวียนกลับมาเป็นลูกค้าอีกครั้ง ถึงอย่างไรผักและเนื้อก็เป็นของที่ใช้แล้วหมดไป ต้องรับประทานกันทุกวัน เขาจึงไปขายถึงหน้าบ้าน บ้านนี้ครึ่งชั่ง บ้านนู้นขีดสองขีด ขายก็ไม่ได้แพงอะไร ในที่สุดผักหนึ่งกระสอบก็หมดเกลี้ยงแล้ว

ขายดีจริง ๆ ด้วย!

จ้าวเหวินเทารู้สึกดีใจมาก เขาจึงขี่จักรยานกลับไปขนผักใบเขียวกระสอบที่สองต่อ

“ขายหมดแล้วเหรอ?” พี่สาวใหญ่จ้าวเห็นเขากลับมา จึงเอ่ยอย่างเหนือความคาดหมาย คิดไม่ถึงเลยว่าจะเร็วขนาดนั้น

“ผักดี ๆ แบบนี้จะขายไม่ดีได้ไงล่ะครับ” จ้าวเหวินเทาเลิกคิ้วขึ้นพลางกล่าว

“แต่ราคามันก็ไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะ” พี่สาวใหญ่จ้าวกล่าว

“พี่สาวใหญ่ มันไม่ใช่ของที่กินได้บ่อย ๆ สักหน่อย นาน ๆ ครั้งกว่าจะได้กินสักหน ผมไปก่อนนะ” จ้าวเหวินเทากล่าว หลังจากขนผักฤดูใบไม้ร่วงใส่ท้ายรถแล้ว เขาจึงขี่จักรยานออกไปอีกครั้ง

………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อค้าร้อยล้านมาแล้ว จับสินค้าตัวไหนก็ดูจะขายดีไปหมดเลย

ไหหม่า(海馬)

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] เย่ฉู่ฉู่บุตรสาวเสนาบดีกังฉินเกือบถูกรังแกในระหว่างทางที่โดนเนรเทศ​ แต่ได้ว่าที่ท่านอ๋องผู้หนึ่งมาช่วยนางไว้​และเก็บนางไว้ข้างกาย​ ในระหว่างการชิงอำนาจเพื่อปกป้องพระราชโอรสองค์เล็กของจักรพรรดิองค์ก่อน​ ว่าที่ท่านอ๋องผู้นี้ก็สิ้นชีพเพราะยาพิษประหลาด​ ครั้นพิธีศพถูกจัดขึ้น​ เย่ฉู่ฉู่ก็ได้โขกศีรษะกับโลงศพของเขาตายตกตามกันไป​ แต่นางกลับได้มาเกิดใหม่ในประเทศจีนยุค​ 1970 ในร่างของเจ้าของร่างผู้ได้ชื่อว่าเป็น​แม่เสือตามคำกล่าวของจ้าวเหวินเทาผู้เป็นสามี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset