เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 132 ทำลายชื่อเสียง

นางต้องการรู้ว่าสือเป้ยเอ๋อร์นั่นคิดจะทำอะไรกันแน่! และแน่นอนว่านางจะต้องแก้แค้นอย่างสาสม!

ซูหวานหว่านพ่นลมหายใจและผลักประตูห้องรับรองเข้าไป อีกฝ่ายเหลือบมองหญิงสาวและหัวเราะออกมา “ข้านึกไม่ถึงเลยว่าชะตากรรมของเจ้าจะอาภัพเพียงนี้! เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทำ? ฉีเฉิงเฟิงอย่างไรล่ะ! เขาตกหลุมรักข้า! สัญญาการแต่งงานของเจ้ากับเขาโดนข้าทำลายอีกครั้ง! แต่ว่าครั้งนี้ข้าไม่ได้เป็นคนบังคับเขา ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของเขาเอง!”

พูดจบสือเป้ยเอ๋อร์ก็ได้มองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาร้ายกาจ นางรินน้ำชาและหยิบกระดาษสีเหลืองออกมาอย่างไม่รีบร้อนก่อนเทผงยาลงไป หญิงสาวพูดออกมาอย่างไม่ลังเล “ยานี่จะทำให้เจ้ามีความสุข แล้วเจ้าจะต้องขอบคุณข้า”

พูดจบสือเป้ยเอ๋อร์ก็ปรบมือส่งสัญญาณและม่านในห้องก็ถูกเปิดออก พบผู้ชายสามคนที่มีเนื้อตัวสกปรกและมีกลิ่นเหม็นสาบราวกับพวกขอทานตามข้างถนน!

เมื่อเห็นซูหวานหว่านอยู่ในอาการตกใจ สือเป้ยเอ๋อร์ก็หัวเราะออกมา “ลงมือได้เลย! บังคับให้นางดื่มชานี้ซะ! หลังจากที่พวกเจ้าทำภารกิจสำเร็จแล้ว พวกเจ้าจะได้รับเงินคนละ 100 ตำลึง!”

ซูหวานหว่านแสร้งทำเป็นกลัวและเดินก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว สือเป้ยเอ๋อร์มองดูขอทานทั้งสามและพูดว่า “เร็วเข้า! จะรอให้นางวิ่งหนีไปก่อนจนต้องไล่ตามนางหรือยังไงกัน!”

เหล่าขอทานพุ่งเข้าไปจับซูหวานหว่านทันที!

สือเป้ยเอ๋อร์เป็นถึงลูกสาวอัครมหาเสนาบดี ทว่าใครจะไปรู้ว่านางจะมีจิตใจที่สกปรกโสมมเช่นนี้! ซูหวานหว่านอยากจะถามเกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนของนางเสียจริง

“ข้ากลัวเหลือเกิน!” ซูหวานหว่านหัวเราะ นางเตะซุนฮวนที่นั่งอยู่ด้านข้างแล้วหยิบน้ำชาขึ้นมา!

นางอยากรู้นักว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่สือเป้ยเอ๋อร์ดื่มยานั่นเข้าไป!

สือเป้ยเอ๋อร์ยังคงปิดปากสนิท ซูหวานหว่านจึงบีบจมูกของนางเอาไว้ ทำให้สือเป้ยเอ๋อร์อ้าปาก ซูหวานว่านจึงเทชาที่ผสมยาปลุกอารมณ์เข้าไปในปากของสือเป้ยเอ๋อร์ทันที!

ซูหวานหว่านปล่อยมือของตัวเองออกด้วยความพึงพอใจ สือเป้ยเอ๋อร์พยายามล้วงคอตนเองเพื่อให้อาเจียนออกมา ทว่าก็ไม่สามารถทำได้

เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ซุนฮวนก็เกิดอาการตื่นตระหนก และเดินเข้าไปหาซูหวานหว่านพร้อมทั้งพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ซูหวานหว่าน! ข้าจะฆ่าเจ้า!”

“เจ้ามีความสามารถขนาดนั้นเลยหรือ?” ซูหวานหว่านแสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง ก่อนที่ซุนฮวนจะเดินเข้ามา นางก็โยนอาหารใส่ซุนฮวน

“ก็แค่จานใบเดียว! เจ้าคิดว่ามันจะทำอะไรข้าได้อย่างงั้นหรือ?” ซุนฮวนพูดออกมา แต่เพียงพริบตาเขาก็ขยับร่างกายไม่ได้!

“นี่เจ้าทำอะไรกับข้า!” ซุนฮวนร้องโวยวาย

ซูหวานหว่านโยนจานขนมใส่อีกฝ่าย มันกระแทกเข้ากับร่างกายของซุนฮวน ส่งผลให้รู้สึกเจ็บปวดทันที แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้!

เมื่อขอทานสามคนเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ พวกเขาถึงกับตกตะลึงงัน ไม่กล้าเข้าไปใกล้หญิงสาว ตอนนี้ร่างกายของสือเป้ยเอ๋อร์กำลังร้อนรุ่ม หญิงสาวมองไปที่ซุนฮวนและขยิบตาเหมือนส่งสัญญาณว่า “เร็วเข้า… พาข้าออกไปจากที่นี่…”

แต่ว่าซุนฮวนไม่สามารถขยับร่างกายได้! แล้วเขาจะพานางออกไปได้อย่างไร!

ร่างกายของสือเป้ยเอ๋อร์กำลังอ่อนแรงและเรี่ยวแรงก็ได้หายไปหมด ตอนนี้นางไม่มีแรงแม้แต่จะก้าวเดิน คนเดียวที่จะสามารถช่วยนางได้คือซูหวานหว่าน! แต่อีกฝ่ายจะยอมช่วยนางงั้นหรือ!

เหล่าขอทานเนื้อตัวมอมแมมมีความคิดชั่วร้าย! นางเกรงว่าพวกมันจะไม่ช่วยนางมากกว่า! ร่องรอยความผิดหวังผุดขึ้นในใจของนาง สือเป้ยเอ๋อร์มองไปที่พวกขอทานด้วยความหวังและพูดออกมาว่า “ช่วยข้าด้วย!”

แต่ว่าขอทานทั้งสามคนคิดว่าสือเป้ยเอ๋อร์นั้นอยากให้ช่วยนาง ‘ระบายความใคร่’ พวกเขาจึงพูดออกมาว่า “ย่อมได้! เจ้าเป็นคนสั่งให้พวกเราทำเองนะ!”

“เจ้าจะมาเสียใจทีหลังไม่ได้!”

“…”

กล่าวจบพวกขอทานก็วิ่งเข้าไปหาสือเป้ยเอ๋อร์และเริ่มดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางทันที!

ซุนฮวนเบิกตากว้าง เขาอยากจะพูดอะไรออกมาแต่ก็พูดอะไรไม่ได้!

เขาทำได้เพียงแค่มองดูคนเหล่านั้นลงมือทำร้ายสือเป้ยเอ๋อร์!

พลันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกและพลลาดตระเวนก็บุกเข้ามา คนนำคือไป๋หยวนซู เขามองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสงบและหยิบตราสัญลักษณ์ออกมา “ข้ามาตามหาคนร้าย โปรดให้ความร่วมมือในการสอบสวนด้วย!”

เหล่าพลลาดตระเวนเข้าไปตจรวจสอบด้านในราวกับมองไม่เห็นฉากลามกในห้อง ราวกับเขาไม่เห็นดวงตาอันเว้าวอนของสือเป้ยเอ๋อร์ เมื่อไม่พบอะไรก็เดินออกไป

สือเป้ยเอ๋อร์สิ้นหวังเป็นอย่างมาก เสื้อผ้าของนางถูกดึงถอดออกจนหมด ส่งผลให้ร่างกายเปลือยต่อหน้าผู้คน พวกลูกค้าหลายคนเห็นพวกเหล่าพลลาดตระเวนมาที่นี่ก็ตามกันมามุงดูเหตุการณ์ด้วยความตื่นเต้น ซูหวานหว่านจึงเตะขอทานกระเด็นออกไปด้านข้าง แล้วหยิบเสื้อผ้าปกปิดให้สือเป้ยเอ๋อร์พร้อมกับพูดออกมาอย่างเยาะเย้ย “ข้าไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น ข้าช่วยปกป้องความบริสุทธิ์ของเจ้าเอาไว้ให้แล้ว และนั่นมันก็เป็นเพียงการสั่งสอนเท่านั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะหยุดคิดร้ายกับข้า ไม่เช่นนั้นจะเป็นเจ้าเองที่จะต้องเดือดร้อนมากกว่านี้แน่!”

“สาวน้อย อย่ามัวพูดอะไรเลย พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ” ชายหนุ่มสวมหน้ากากเดินตามเข้ามาข้างหลังของพลลาดตระเวน เขาคือฉีเฉิงเฟิง

ดวงตาเปล่งประกายคู่นั้นทำให้สือเป้ยเอ๋อร์สามารถจำเขาได้ทันที หญิงสาวร้องไห้ออกมาและพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “ช่วยข้าด้วย…”

ซุนฮวนตื่นตระหนกทันที ซึ่งซูหวานหว่านก็ได้แก้จุดฝังเข็มของซุนฮวนในเวลาที่เหมาะสม และเขาก็ตะโกนพูดออกมาในทันทีว่า “พอได้แล้วซูหวานหว่าน! เจ้ามันช่างร้ายกาจนัก!”

คำพูดของเขาหยาบคายมาก ดังนั้นอย่าให้เขาพูดอะไรออกมาอีกเลยเสียดีกว่า ซูหวานหว่านจึงจี้จุดให้ซุนฮวนเป็นใบ้ทันที

สือเป้ยเอ๋อร์มองใบหน้าของทั้งสองที่เหมือนกัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใดคือฉีเฉิงเฟิงตัวจริง สุดท้ายนางก็รับรู้ได้ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างซูหวานหว่านคือฉีเฉิงเฟิงตัวจริง

เมื่อนึกไปถึงยาปลุกอารมณ์ที่ยังไม่หมดฤทธิ์ สือเป้ยเอ๋อร์ก็พูดออกมาอย่างฉะฉานว่า “เฉิงเฟิง… มาช่วยข้าที… ได้โปรด…”

ฉีเฉิงเฟิงทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่สือเป้ยเอ๋อร์พูด ชายหนุ่มจับมือของซูหวานหว่านและเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเมื่อซูหวานหว่านเดินไปที่ประตู จู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้าแล้วหันหลังกลับ นางแก้จุดให้ซุนฮวน ทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อีกครั้ง แต่ไม่สามารถพูดได้ จึงได้แต่รีบพาสือเป้ยเอ๋อร์เข้าไปในห้องด้านข้างอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้พูดจาอะไร

เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองตกเป็นผู้ต้องสงสัย เจียวเหนียงได้ขอให้ลูกค้าทุกคนออกมาและไล่ตามซูหวานหว่านเพื่อขอยาแก้พิษ โดยเด็กสาวก็ทำการส่งยาแก้พิษเม็ดสีแดงให้กับนาง ซึ่งตัวเจียวเหนียงก็ได้มารู้ทีหลังว่ามันเป็นเพียงลูกกวาดธรรมดาเท่านั้น!

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงไปกินมื้อเย็นที่ร้านอาหารเจวียเซ่อโดยมีไป๋หยวนซูติดตามพวกเขาไปด้วย พร้อมกับบอกว่าที่ตนมาที่นี่เป็นเพราะเจียวเหนียงเป็นคนเชิญมา ทว่าตอนนั้นเขาก็ได้พูดปฏิเสธไปแล้ว แต่เจียวเหนียงบอกว่าสือเป้ยเอ๋อร์เป็นคนเชิญเขาไป และนางมีประสงค์ทำลายซูหวานหว่าน!

ใครจะคิดว่าสุดท้ายคนที่ถูกทำลายคือสือเป้ยเอ๋อร์เสียเอง!

ไป๋หยวนซูพูดพึมพำด้วยท่าทางที่เหลือเชื่อ เขาคุยกับฉีเฉิงเฟิงว่าบังเอิญพบตลาดมืดใต้ดินเข้า ชายหนุ่มตกใจมาก จากนั้นเขาจึงยื่นรายชื่อให้ฉีเฉิงเฟิง “ข้าบังเอิญไปเจอมันบริเวณตรอกเล็ก ๆ เจ้าลองดูสิ”

ฉีเฉิงเฟิงไม่ได้สนใจเสียเท่าไหร่ พลันเหลือบเห็นคำว่า ‘ร้านอาหารไท่อัน’ ความประหลาดใจวูบวาบอยู่ในแววตาของเขา ซูหวานหว่านก็เหลือบไปเห็นเช่นกันและคาดไม่ถึงว่าจะเป็นการประมูลของ ‘ร้านอาหารไท่อัน’ !

การประมูลคือวันนี้!

นางยังไม่ได้รายงานเรื่องที่ถังฟู่เอาชื่อของนางไปแอบอ้างในการขายยาวิเศษนั่นเลย! ซูหวานหว่านพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หญิงสาวหยิบกระดาษมาและขอรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับใครบางคนที่อาจไปร่วมการประมูลในครั้งนี้ ดังนั้นนางจึงให้ฉีเฉิงเฟิงเป็นคนเขียนจดหมายมากมายแล้วเชิญชวนทุกคนมาเข้าร่วมที่ร้านอาหารเจวียเซ่อ และแน่นอนว่าคนเหล่านี้อาจจะไม่ได้ไปที่ตลาดมืดเพื่อเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้!

คราวนี้นางจะทำให้ถังฟู่ต้องกระอักเลือด!

ซูหวานหว่านกับฉีเฉิงเฟิงเตรียมการและไปที่ตลาดมืดอย่างเงียบ ๆ ในตอนกลางคืน ทางเข้าสู่ตลาดมืดจริง ๆ เป็นเพียงบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีถนนนำไปสู่ชั้นใต้ดิน ชั้นล่างมีผู้คนไม่มากนัก ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงเดินไปถึงที่นั่นอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงก็มีป้ายแขวนอยู่หน้าประตูบ้านที่มีคำว่า ‘บ้านประมูล’ เขียนติดเอาไว้อยู่

ทั้งสองเดินผ่านเข้าไป แต่คนเฝ้าที่ประตูบ้านก็หยุดพวกเขาเอาไว้ว่า “ท่านทั้งสอง โปรดแสดงเทียบเชิญ”

พวกเขาไม่มีเทียบเชิญน่ะสิ!

ซูหวานหว่านตกใจทันที

“เมื่อไม่มี พวกเจ้าก็ไม่สามารถเข้าไปได้” คนนั้นพูดออกมา

เมื่อเห็นทั้งสองนิ่งเฉย ชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วพร้อมกับเปิดประตูและตะโกนเข้าไปข้างใน “ตามคนมาหน่อย! มีคนพยายามบุกรุก! มาจับพวกมันโยนออกไปที!”

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset