เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 20 ทวงหนี้

บทที่ 20 ทวงหนี้

พ่อเฒ่าซูยืนมองภรรยาเงียบ ๆ แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงตะโกนออกมา “ช้าก่อน! ไม่ต้องตามหมอมาหรอก หลังจากทำอาหารเสร็จแค่เอาน้ำมาให้นางจิบก็พอ! ข้าจำได้ว่าหมอเคยบอกไว้ว่าเวลานางโมโหความดันนางจะขึ้น นั่นเป็นเหตุให้นางมีอาการเช่นนี้”

“ข้าเข้าใจแล้ว” ฮวงชุ่นเจินตอบรับอย่างว่าง่ายและรีบเดินออกจากห้องไป นางบ่นอุบอิบในใจอย่างเบื่อหน่าย ผัวเมียคู่นี้นี่ทำตัวเหมือนจะไม่ลงรอยกัน แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ยังรักใคร่กันดี?

ฮวงชุ่นเจินที่เดินไปถึงห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร ทว่าเมื่อนางเปิดหม้อดูกลับต้องตกใจ “ข้าวกับบะหมี่ของพวกเราหายไปไหนหมด!”

เมื่อวานข้าวที่บ้านยังเหลืออยู่เต็มเลยไม่ใช่หรือ ตอนนี้มันหายไปไหน?

เมื่อคิดได้ว่าแม่เฒ่าเจี๋ยอาจจะนำมันไปซ่อนไว้ที่ไหนสักแห่ง นางจึงค้นให้ทั่ว “ห๊ะ ขนาดน้ำมันในบ้านก็หายไปด้วยเหรอ?”

“แล้วเนื้อหมูตากแห้งที่มักจะมีติดบ้านไว้เสมอล่ะ?”

“…”

“อะไรกันเนี่ย!! อาหารทุกอย่างในบ้านหายไปหมดเลย!!”

เสียงโวยวายของฮวงชุ่นเจินทำให้พ่อเฒ่าซูวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องครัว แต่เมื่อมาถึงกลับไม่พบอะไรเลย!

ครัวที่บ้านของพวกเขานั้นสะอาดโล่งโจ้งราวกับไม่เคยมีข้าวของอยู่!!

ใครกันที่จะสามารถเคลื่อนย้ายอาหารไปมาได้ภายในระยะเวลาสั้น ๆ โดยที่พวกเขาไม่ได้สังเกตเห็น นี่มันน่าแปลกใจเกินไปแล้ว!

พ่อเฒ่าซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจ “ต้องเป็นเจ้าต้าเฉียงเป็นแน่!! ถ้าไม่เช่นนั้นเขาจะกล้าแยกครอบครัวออกไปตัวเปล่าได้อย่างไร!”

ฮวงชุ่นเจินพยักหน้าเห็นด้วย ด้วยความโมโหทั้งสองจึงตัดสินใจเดินทางไปหาซูต้าเฉียงหวังเอาเรื่อง

เมื่อพวกเขาไปถึงบริเวณทางตะวันออกของหมู่บ้าน พวกเขาก็ได้กลิ่นหอมรัญจวนของเนื้อและขนมลอยฟุ้งตามอากาศมา ส่งผลให้ท้องของพวกเขาร้องออกมาด้วยความหิว เช่นนั้นพ่อเฒ่าซูจึงไม่รีรอที่จะเดินไปทุบประตูก่อนจะร้องเรียกซูต้าเฉียงด้วยความโมโห

“ต้าเฉียง เจ้าอยู่ไหน ออกมาเปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้นะ!!”

ในขณะเดียวกันภายในเรือนพักพิง ครอบครัวของซูต้าเฉียงและแม่เฒ่าเจียง…กำลังกินอาหารกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป ซูต้าเฉียงกำลังจะลุกไปเปิดประตู ทว่าโดนซูหวานหว่านดึงมือรั้งไว้ซะก่อน “ท่านพ่อ ข้าอิ่มแล้ว เดี๋ยวข้าไปเปิดประตูให้ ส่วนท่านกินต่อไปเถอะ ท่านไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”

ถ้าสิ่งที่ซูหวานหว่านเดาเอาไว้ถูกต้องล่ะก็ ตรงหน้าประตูก็คงจะเป็นพ่อเฒ่าซูแน่ ๆ!

เด็กสาวเดินตรงไปที่ประตูโดยไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ซึ่งเบื้องหลังประตูบานนั้นคือพ่อเฒ่าซูอย่างที่นางคาดเดาเอาไว้จริง ๆ ตอนนี้พ่อเฒ่าซูกำลังร้อนใจจนแทบจะลุกเป็นไฟแน่ ๆ

“ซูต้าเฉียง เจ้าขโมยอาหารจากบ้านของข้าไปจนหมดแล้วทำไมเจ้าถึงยังทำตัวยโสโอหังเช่นนี้อยู่ได้! เร็วเข้ารีบคืนอาหารพวกนั้นมาให้ข้า!!”

ซูหวานหว่านฟังจนจบก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมา เพราะว่าแท้จริงแล้วเป็นนางที่ออกคำสั่งให้พวกหนูไปฉกชิงอาหารที่บ้านตระกูลซู พ่อของนางไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ช่วงเวลาที่อาหารทั้งหมดถูกเคลื่อนย้ายเป็นเวลาเดียวกันกับที่พ่อของนางหมดสติอยู่ พวกเขาไม่มีตามองหรือไม่มีสมองคิดหรืออย่างไรกัน คนเสียสติพวกนี่มันเกินคำบรรยายแล้วจริง ๆ ใส่ร้ายกันทั้ง ๆ ที่ไม่มีหลักฐานนี่ต้องเป็นคนยังไงกันนะ!

“พวกท่านมีเรื่องอันใดอีก? ปากของพวกท่านมีถึงได้วิ่งมาแหกปากโวยวายถึงที่นี้” ซูหวานหว่านยิ้มออกมา “เมื่อครู่หากข้าได้ยินไม่ผิด ท่านบอกว่าข้าวและบะหมี่ของบ้านท่านโดนขโมยงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านเหยียดยิ้มกลับไปด้วยท่าทางตกอกตกใจ

พ่อเฒ่าซูรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยตั้งแต่ได้ยินประโยคแรกดังออกมาจากปากของซูหวานหว่าน ซึ่งประโยคที่สองของเด็กสาวก็ยิ่งทำให้ความโกรธของชายชราปะทุขึ้นมา “ใช่!! พ่อของเจ้าเป็นคนขโมยมา! รู้ไว้เสียด้วยว่าอาหารที่พวกเจ้าได้กินทั้งหมดตอนนี้ แท้จริงแล้วมันเป็นของพวกข้า! รีบเอามันคืนมาไม่เช่นนั้นเจ้าได้โดนดีแน่!”

“หืม?” ซูหวานหว่านเลิ่กคิ้วขึ้นพลางถอนหายใจช้า ๆ และถามออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย “ถ้าเช่นนั้นแล้ว ข้าขอถามสักหน่อยว่าข้าวและเส้นบะหมี่ที่หายไปจากบ้านของท่านนั้นมันเท่าไรกันเชียว?”

พ่อเฒ่าซูครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะกล่าวโทษซูต้าเฉียงออกมาอย่างมั่นใจ “อาหารของครอบครัวข้านั้นหายไปประมาณอย่างละ 10 ชั่ง มัวยืนงงอันใดอยู่พวกเจ้ารีบคืนข้ามาเสีย”

“หืม? ทำไมมันเยอะอย่างนั้นล่ะ?” ท่าทางของซูหวานหว่านเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อได้ยินพ่อเฒ่าซูพูด “ข้าว่าท่านขี้โม้ไปหน่อยนะ ท่านเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอว่าครอบครัวของท่านแทบไม่มีอะไรจะกิน แต่ทำไมตอนนี้ท่านกลับมาบอกว่าทั้งข้าวและเส้นบะหมี่ของท่านนั้นมีมากมายขนาดนี้?” เด็กสาวไม่รอให้ชายชราได้พูดอะไร จึงพูดต่อขึ้นในทันที “ท่านไม่เคยช่วยอะไรครอบครัวข้าเลย แม้แต่พ่อของข้าที่ไม่มีข้าวกิน ท่านก็ยังไม่ช่วยเหลือเขา ทั้งยังไล่เขาออกมา ทว่าตอนนี้กลับมาบอกว่าพ่อของข้าขโมยของงั้นเหรอ? หรือว่าที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องโกหก ที่ท่านบอกว่ามีอาหารอยู่มากมายถึงจำนวนนั้น แท้จริงแล้วท่านไม่มีอะไรเลย แต่ที่มาก็เพื่อที่จะมาหลอกขอให้ข้าชดเชยอาหารในมโนภาพของท่านใช่ไหมล่ะ! ช่างน่าสมเพชเสียจริง!!”

“เจ้า!…” คำพูดที่ซูหวานหว่านพูดออกมาทำให้พ่อเฒ่าซูถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่คิดว่านางจะตอบกลับแบบนี้

“หยุดยืดยาดให้มากเรื่องได้แล้ว นังเด็กปากมาก รีบเรียกพ่อของเจ้าออกมา ให้เขาชดใช้อาหารของข้ามาเสียที!” ฮวงชุ่นเจินโพล่งขึ้นเมื่อเห็นว่าพ่อเฒ่าซูเงียบไป ในใจของนางคิดแต่จะหาเรื่องเอาหน้าเพื่อให้พ่อเฒ่าซูมองนางในแง่ดี อีกทั้งอาหารจำนวนมากขนาดนั้น หากได้พวกมันมาจริงจะทำให้บ้านของนางมีอาหารการกินที่ดีไปอีกนานเลยทีเดียว

“เกรงว่าครอบครัวของข้าจะไม่มีข้าวกับเส้นบะหมี่มากมายขนาดนั้นหรอก อันที่จริงข้าแอบสังเกตเห็นว่าครอบครัวของท่านลุงใหญ่มีข้าวอยู่มากเลยทีเดียว ไม่แน่นะ…บางทีเขาเอาไปซ่อนที่ไหนสักแห่งก็ได้ ข้าว่าตรงกำแพงสวนหลังบ้านก็เหมาะนะ ตรงนั้นสามารถแอบข้าวได้ตั้งหลายกระสอบ” ซูหวานหว่านพูดอย่างยียวนพร้อมส่งยิ้มให้กับทั้งสอง เมื่อมองสีหน้าของฮวงชุ่นเจินตอนนี้ ซูหวานหว่านถึงกับอารมณ์ดีขึ้นมา นางรีบพูดต่อเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของฮวงชุ่นเจิน “ท่านป้า หากว่าครอบครัวของท่านมีข้าวมากมายขนาดนั้น เหตุใดไม่แบ่งให้พวกเราบ้างล่ะ หากแบ่งให้สักหน่อยล่ะก็ พวกเราจะแลกเปลี่ยนกลับคืนไปให้อย่างสาสมเลยนะ ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง?”

“ให้ตายเถอะ! ใครเป็นป้าเจ้าไม่ทราบ ข้าไม่นับญาติกับคนอย่างเจ้าหรอก! และอีกอย่างข้าไม่ได้ซ่อนข้าวเอาไว้ด้วย!” ฮวงชุ่นเจินพูดพลางบิดผ้าเช็ดหน้าในมือไปพยายามเก็บอาการตื่นตระหนก ซูหวานหว่านรู้ได้อย่างไรว่านางซ่อนข้าวเอาไว้?

พ่อเฒ่าซูไม่เชื่อในสิ่งที่ซูหวานหว่านพูด และยืนยันที่จะเข้าไปดูอาหารที่เด็กสาวกล่าวว่ามีอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งเมื่อประตูถูกเปิดออก ภาพตรงหน้าของชายชรานั้นก็เต็มไปด้วยอาหารและเนื้อคุณภาพดี ทำเอาเขาแอบอิจฉาพวกนางขึ้นมา ชายชราเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโต๊ะอาหารนั้นและเตรียมตัวกินอาหารบนโต๊ะที่เหลืออยู่ แต่แม่เจิ้นกลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น นางลงมือเก็บจานอาหารที่เหลือและทำความสะอาดโต๊ะทันที

“เจิ้นซิวซิว เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

“ข้าต้องขออภัยด้วยท่านพ่อ อาหารพวกนี้ไม่ใช่ของพวกเรา แม่เฒ่าเจียงกล่าวไว้ว่าหากพวกเรากินเสร็จ ให้เก็บรวบรวมไว้ให้สุนัขมันกิน ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะเสียของเปล่า ๆ” แม่เจิ้นกล่าวพร้อมใบหน้าที่แสดงความสงสารออกมา

เมื่อครู่นางพูดว่าของที่เหลือทั้งหมด นางเลือกที่จะให้สุนัขกินมากกว่าตนเองงั้นหรือ? เมื่อชายชราทบทวนคำพูดของแม่เจิ้นก็รู้สึกโกรธจึงตบโต๊ะเสียงดัง แต่กลับไม่มีใครให้ความสนใจเขาเลย

ซูหวานหว่านเอ่ยเตือนชายชรา “ท่านลองดูสิว่าทีนี่มีเสบียงมากพอดั่งเท่าที่ท่านกล่าวอ้างหรือไม่ หากท่านจะสงสัยพวกเราทำไมท่านไม่ไปลองดูที่บ้านหลังใหญ่ของท่านลุงใหญ่แทนล่ะ?”

“หึ…” พ่อเฒ่าซูยังไม่อยากออกไปจากที่นี่และเดินไปไหนทั้งนั้น เพราะทั้งวันชายชรายังไม่ได้กินอะไรเลย อย่างไรก็ตามเมื่อหันหลังกลับไปหาฮวงชุ่นเจิน เขาก็ไม่พบนางแล้ว

“อ้าว? นางหายไปไหนเสียแล้ว ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนจับได้เรื่องแอบขโมยอาหารจนรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนที่ซ่อนหรอกนะ” ซูหวานหว่านพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง แต่นั่นทำให้ชายชราผุดลุกขึ้นแล้ววิ่งตามฮวงชุ่นเจินกลับบ้านไปทันที

ในด้านของฮวงชุ่นเจินที่หายไป นั่นเป็นเพราะว่านางรีบวิ่งกลับมาที่ที่นางซ่อนอาหารไว้ นางลากกระสอบข้าวออกมาจากที่ซ่อนก่อนจะพบว่าที่รัดถุงข้าวถูกแกะออก!

ฮวงชุ่นเจินพยายามมัดปากกระสอบข้าวไว้เหมือนเดิม แต่ก็ไม่ทันการณ์เมล็ดข้าวไหลทะลักออกมาจากกระสอบเสียแล้ว!

ในขณะที่ฮวงชุ่นเจินกำลังคิดหาทางจัดการกับข้าวที่หล่นเกลื่อนกลาด พลันก็ได้ยินเสียงโวยวายอย่างเกรี้ยวกราดของพ่อเฒ่าซูดังมาจากข้างหลัง “ฮวงชุ่นเจิน! ข้าวพวกนี้มันเยอะเหลือเกินนะ นังสารเลว เจ้าซ่อนมันไว้อย่างนี้ประจำเลยสินะ! นี่มันจะเกินไปแล้ว! พวกเราได้กินแต่ผักแต่รำ ทว่าดูสิ ดูสิ่งที่เจ้าทำลับหลังพวกข้า นังชั่วนี่ เจ้า…บังอาจนัก!!”

“ท่านพ่อ ที่ข้าซ่อนเอาไว้มีเพียงแค่ข้าวหนึ่งกระสอบบนบ้าน และอีกไม่กี่กระสอบที่เก็บไว้ในห้องเก็บของใต้ดินของบ้าน ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันมีอีกกระสอบอยู่ตรงนี้!” ฮวงชุ่นเจินหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูก แต่นางก็ใจเย็นลงสงบลงเมื่อคิดได้ว่าถึงแม้ข้าวในบ้านของนางจะหายไป แต่เทียบกับข้าวกระสอบนี้แล้ว มันมีจำนวนมากกว่าเสียอีก ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้

ในความจริงแล้วฮวงชุ่นเจินอยากจะซ่อนมันไว้เองเสียด้วยซ้ำ หากไม่ติดว่าพ่อเฒ่าซูมาเห็นซะก่อน ทำให้นางได้แต่ยอมให้ชายชรายึดข้าวนี้ไว้เพื่อความปลอดภัยของนางเอง

“นังสารเลวนี่! เจ้ากล้ามากนะ หาเรื่องใส่ตัวไม่เว้นวัน!!” พ่อเฒ่าซูพูดด้วยสีหน้าโกรธจัด เขาหยิบท่อนไม้ที่ใกล้มือที่สุดขึ้นและเดินตรงเข้ามาหาฮวงชุ่นเจิน

“ไม่..ไม่…ไม่นะท่านพ่อ” ฮวงชุ่นเจินพยายามยืนขึ้นแต่ก็ล้มหกคะมำกลิ้งลงกับพื้นอย่างน่าสงสาร

พ่อเฒ่ามองไปยังนังหมูตัวเมียฮวงชุ่นเจินตรงหน้าด้วยสีหน้าโกรธจัดและเต็มไปด้วยท่าทีรังเกียจ เขาไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้มีอะไรแอบซ่อนลับหลังเขาอีกหรือไม่…

แต่หากจะให้เดาแล้ว…นางต้องมีเรื่องปิดบังเขาเยอะมากแน่ ๆ!!!!!

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset