เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 221 ข่าวร้าย

ตอนที่ 221 ข่าวร้าย

“ข้าจะมอบมันให้” ซูหวานหว่านเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจ ในที่สุดพลังของนางก็ฟื้นคืนกลับมาเสียที หลังให้เขาแก้มัดที่มือให้ นางก็นำมือซ่อนเอาไว้ด้านหลังแล้วถูมือด้วยกันเล็กน้อย

เสวียนปินเห็นท่าทางแปลก ๆ ของซูหวานหว่านจึงเอ่ยถามออกมา “เจ้าอย่ามาเจ้าเล่ห์นัก ไม่เช่นนั้น…ตาย”

“ข้าเป็นคนที่รักชีวิตของตัวเอง อีกทั้งข้าก็ยังไม่อยากตาย ข้าจะเอาแหวนออกมาเดี๋ยวนี้แหละ เจ้าโปรดรอก่อนเถอะ” ซูหวานหว่านกล่าวจบ นางพลันหยิบเข็มเงินออกมาจากมิติฟาร์มแล้วแทงเข้าไปที่หน้าอกของเสวียนปินทันที!

ในชั่วพริบตารูม่านตาของเขาก็ขยายกว้างขึ้น ชายชราจ้องมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างไม่เชื่อ ไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองจะตายเร็วขนาดนี้!

เมื่อซูหวานหว่านปล่อยมือ ร่างกายของเสวียนปินก็ล้มลงและค่อย ๆ นิ่งไป

ซูหวานหว่านมองดูด้วยท่าทางเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

เมื่อลงมาถึงด้านล่างก็พบซูเสี่ยวเหยียนกำลังนั่งจิบชาด้วยท่าทีผ่อนคลาย พูดคุยกับพระรูปหนึ่งว่า “ข้าได้คิดค้นยาแก้พิษสำหรับว่านฮวาหงแล้ว เนื่องจากพวกเจ้ามีวิธีขายมันในเมืองหลวง ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า แต่ต้องแบ่งกำไรเจ็ดต่อสามส่วน ข้าเจ็ดและพวกเจ้าสาม!”

“แม่นาง เจ้าโลภเกินไปแล้ว! แต่ว่าเจ้านั้นมากความสามารถจริง ๆ!” พระรูปนั้นเอ่ยชมแล้วหยิบกล่องไม้ออกมา เขาเปิดมันออกเผยให้เห็นก้านแห้งและเกสรของมัน “ว่านฮวาหงนี้เป็นที่ต้องการอย่างมาก หากมีมันหนึ่งหรือสองดอก อาตมาสามารถนำดอกไม้เหล่านี้ส่งขายในเมืองที่ร่ำรวยและเต็มไปด้วยผู้คนสูงศักดิ์ได้ หรือแม้แต่พื้นที่ที่ไกลออกไปก็ยังส่งออกได้ แค่เพียงปีเดียวพวกเราจะสามารถทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน!”

“แต่ว่า… ว่านฮวาหงทั้งหมดที่ข้ามีอยู่ก็มีเพียงเท่านี้ ข้าได้ขโมยมันมาจากตระกูลเจียแล้วส่งต่อให้ซุนซ่างชูในฐานะผู้ร่วมลงทุนของพวกเรา ซุนซ่างชูควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะโดนจับข้อหาติดสินบนได้ เขาจะต้องชดใช้ความผิดของตัวเอง คงออกมาไม่ได้แล้ว แต่… ตอนนี้พวกเราก็สามารถมีส่วนแบ่งได้มากขึ้นกว่าเดิม!” ซูเสี่ยวเหยียนวิเคราะห์ออกมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มพึงพอใจ แต่ว่าการแสดงออกบนสีหน้าของนางเปลี่ยนไป หลังจากที่เห็นคนมาใหม่ที่ทำให้รอยยิ้มของนางพลันแข็งค้างไปทันใด

“ซู…ซูหวานหว่าน! เหตุใดเจ้าถึงยังมีชีวิตอยู่!” ซูเสี่ยวเหยียนเอ่ยออกมาอย่างประหลาดใจ

“เจ้าคงคิดไม่ออกสินะ?” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเยาะเย้ย แล้วรีบวิ่งเข้าไปหยิบว่านฮวาหงบนโต๊ะแล้วโยนมันเข้าไปในมิติฟาร์มราวกับร่ายมนตร์

ทันทีที่นางหยิบมันขึ้นมา มันก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย!

ซูเสี่ยวเหยียนตกใจและตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที หญิงสาวลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้าวถอยหลังไปจนหลังของนางชนเข้ากำแพง นางจ้องไปที่ซูหวานหว่าน “เจ้า…อย่าทำอะไรข้าเลยนะ! ข้าเป็นน้องสาวของเจ้า!”

“เฮอะ! น้องสาว?” ซูหวานหว่านแสยะยิ้ม “ทั้งเจิ้นซิวซิวและซูต้าเฉียงไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของข้า นับประสาอะไรกับเจ้า?”

หลังจากที่พูดออกมาแบบนั้น ซูหวานหว่านก็ยื่นมือออกไปจับคอของซูเสี่ยวเหยียนไว้แล้วจับยกขึ้น!

ขณะที่ตัวนางลอยขึ้นสูงซูเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกสิ้นหวัง เมื่อพระพวกนั้นเห็นการกระทำของซูหวานหว่านก็เรียกพรรคพวกมาสวดบทพระคัมภีร์ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่มีผลอะไรกับซูหวานหว่านอีกแล้ว!

เหล่าพระภิกษุทำสิ่งใดไม่ถูกเมื่อเห็นว่าซูเสี่ยวเหยียนกำลังจะถูกฆ่า พวกเขาหยิบอาวุธขึ้นมาและวิ่งเข้าไปล้อมนางเอาไว้ ซูหวานหว่านเหนื่อยหน่ายเหตุใดจะต้องมีเรื่องเข้ามายุ่งยากอีกแล้ว แต่ก่อนจะได้จัดการกับพระเหล่านั้น พวกเขาก็พลันล้มลงบนพื้นทันที

ชายหนุ่มรูปงามเป่ยฉวนเฟิงหลิวปรากฏตัวขึ้นมา ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมาอย่างมีความสุขว่า “ศิษย์พี่ เจ้ามาแล้ว!”

“หากข้าไม่มากับเจ้าด้วย ตอนนี้เจ้าจะเป็นอย่างไร?” เป่ยฉวนเฟิงหลิวก็เลิกคิ้วถามออกมาพร้อมกับขยิบตาทำท่าทางเจ้าชู้ใส่ “เป็นอย่างไรบ้าง ศิษย์พี่ของเจ้าหล่อหรือไม่? ไม่ใช่ว่าตกหลุมรักศิษย์พี่ของตัวเองเข้าแล้วล่ะ?”

“…”

หลงตัวเองจริง ๆ!

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาโดยลืมคิดไปว่าซูเสี่ยวเหยียนยังอยู่ที่นี่ นางวางตัวของซูเสี่ยวเหยียนลง แต่นางกลับพบว่าซูเสี่ยวเหยียนไม่มีลมหายใจแล้ว เมื่อนางเห็นดังนั้นหัวใจของนางก็รู้สึกเย็นชาและพูดว่า “ศิษย์พี่ พวกเราไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวก่อน” เป่ยฉวนเฟิงหลิวส่ายหัวไปมาและหยิบยาเม็ดสีเขียวเข้มออกมาแล้วใส่เข้าไปในปากของซูเสี่ยวเหยียน จากนั้นก็พาตัวของซูหวานหว่านออกไปในทันที พวกเขากระโดดข้ามกำแพงวัดออกไป และหลังจากมาออกจากวัดได้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่า “ศิษย์น้อง! ไม่ใช่ว่าช่วงนี้เจ้ากลายเป็นคนเกียจคร้านไปแล้วนะ? ถึงมองไม่ออกว่านางตายหรือยังมีชีวิตอยู่! โชคดีที่ข้าให้ยาแก่นางกินเพื่อที่จะได้ให้นางนั้นรู้สึกเหมือนต้องตายในทุกเดือน จะได้รู้ว่าให้นางน่าจะตายไปเสียดีกว่ายังมีชีวิตอยู่”

เหตุใดศิษย์พี่ของนางถึงเป็นคนโหดเหี้ยมเช่นนี้!

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่ พวกเรามีอาจารย์คนเดียวกัน ข้าจะด้อยไปกว่าเจ้าได้อย่างไรกัน? แน่นอนว่าข้ามองออกอยู่แล้ว แต่… เจ้าไม่คิดหรือว่าปล่อยนางคิดว่าไม่มีคนรู้ว่านางยังไม่ตาย และคิดว่าคนอื่น ๆ น่าจะมองออกอย่างชัดเจน หลังจากนั้นก็ปล่อยให้นางเปิดเผยตัวตน แล้วออกมาปรากฏตัวเหมือนตัวตลกต่อหน้าคนอื่นหรือไม่?”

“สมแล้วกับที่เป็นศิษย์น้องของข้า!” เป่ยฉวนเฟิงหลิวเอ่ยยกย่อง ตอนนี้เป็นเวลาดึกมากแล้ว เขาจึงรีบพาซูหวานหว่านออกไปจากที่แห่งนี้ ทั้งสองกลับมาถึงในเมืองโจวในตอนกลางดึก และพวกเขาก็เข้าไปที่โรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

เมื่อซูหวานหว่านมาถึงโรงเตี๊ยมนางก็ถอดจิตเข้าไปในมิติฟาร์ม และคิดถึงหลิงเชอมากขึ้นเรื่อย ๆ นางเลยพูดตะโกนออกมาว่า “ข้าจะต้องทำอย่างไร หลิงเชอถึงจะมีชีวิตกลับคืนมา!”

ตัวหนังสือก็ปรากฏขึ้นบนอากาศว่า ‘การปลุกจิตวิญญาณแห่งมิติฟาร์มนั้นจะต้องใช้คะแนนสิบล้านคะแนน’

สิบล้านคะแนน นางจะไปหามันจากที่ไหน?

หรือว่าต้องการให้นางไปขุดหาหินจื้อจิง*[1] ซูหวานหว่านรู้สึกเสียใจมาก ทว่าทันใดนั้นก็มีตัวอักษรปรากฏขึ้นมาในอากาศอีกว่า ‘ข้าแนะนำว่าให้เจ้ายอมแพ้เสีย ในมิติฟาร์มนี้มีหินจื้อจิงเพียงก้อนเดียวเท่านั้น’

“เอ่อ…” ความรู้สึกที่ไร้พลังเข้าครอบงำหัวใจของนาง เมื่อมองดูดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าซูหวานหว่านก็ดูเหมือนจะหมดหนทาง จึงพูดว่า “ข้าสามารถดึงดวงอาทิตย์ขนาดเล็กออกมามาขายได้หรือไม่?”

ไม่มีตัวหนังสือใดปรากฏขึ้นในมิติฟาร์ม หลังเงียบไปสักพัก จากนั้นเพียงครู่หนึ่ง ประโยคหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ‘ได้ แต่นั่นมันถือว่าเป็นของนำมาใช้ใหม่ จะได้เพียงแค่สิบคะแนนเท่านั้น’

นี่…มันช่างไม่คุ้มค่า! นางได้สามร้อยคะแนนจากการเพิ่มพื้นที่ในมิติฟาร์ม!

ซูหวานหว่านส่ายหัวและละทิ้งความคิดนั้นไป ก่อนจะออกจากมิติฟาร์มไปอย่างซึม ๆ นอนอยู่ในห้องนอนมองดูดวงดาวนอกหน้าต่าง หัวใจของนางรู้สึกเศร้ามากขึ้นเรื่อย ๆ และทันใดนั้นก็นึกถึงคนคนหนึ่งในใจขึ้นมา…. ฉีเฉิงเฟิง!

เนื่องจากนางสัญญาว่าจะอยู่กับฉีเฉิงเฟิงตลอดไป มิติฟาร์มจึงผูกนางกับฉีเฉิงเฟิงเอาไว้ในมิติฟาร์มด้วย มิติฟาร์มจึงจะมีคะแนนภารกิจพิเศษเช่น กอด จูบ แต่งงาน ฯลฯ คะแนนจะเพิ่มเร็วกว่าการที่นางทำการเพาะปลูกในมิติฟาร์มอย่างมากถ้าทำภารกิจกับฉีเฉิงเฟิงสำเร็จ!

แต่… เมื่อคิดถึงฉีเฉิงเฟิงคนนั้น ซูหวานหว่านก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาภายในใจและบ่นออกมาว่า “ข้าควรคิดหาวิธีอื่นน่าจะดีกว่า”

ขณะที่คิดอยู่นั้น พลันตัวหนังสือปรากฏขึ้นในอากาศว่า ‘คำเตือนเจ้าบ้าน!’ และตามด้วย ‘จิตวิญญาณฟาร์มของเจ้ากำลังจะหลับ เจ้ามีเวลาเพียงสามเดือนในการรวบรวมคะแนนให้เพียงพอ ถ้าไม่พอ—ชะตากรรมของเขา… คือความตาย!’

“อะไรนะ?” ซูหวานหว่านผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจและทันใดนั้นก็เห็นตัวหนังสือปรากฏขึ้นอีกใน ‘เตือนเจ้าบ้าน!’ อีกครั้งว่า ‘เจ้าต้องจ่ายคะแนนสี่แสนคะแนนคืนมาภายในหนึ่งเดือน มิฉะนั้นเจ้าจะถูกถอนออกจากการเป็นเจ้าบ้าน และมิติฟาร์มนี้ก็จะสูญหายและผนึกตัวทันที!’

“อะไรนะ?!” ซูหวานหว่านอุทานออกมาด้วยตกใจอีกครั้ง นี่กำลังจะฆ่านางทางอ้อมอยู่ใช่หรือไม่!

นางจะไปเก็บคะแนนมากมายมาจากที่ไหนภายในหนึ่งเดือน!

เว้นแต่นางจะนอนกับฉีเฉิงเฟิง “เฮ้อ ได้กี่คะแนนกัน?” ซูหวานหว่านถามออกมาและตัวหนังสือก็ปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้ง ‘หนึ่งแสนคะแนน’

ถึงแม้ว่านางจะอยู่ข้างกายเฉิงเฟิงมาเป็นเวลาหนึ่งเดือน… นางก็ไม่สามารถได้รับคะแนนมามากมายถึงเพียงนั้น!

ซูหวานหว่านอยากที่จะร้องไห้ออกมาโดยไม่มีน้ำตา “มีวิธีอื่นอีกไหม?”

ตัวหนังสือปรากฏขึ้นในอากาศว่า ‘ความลับต้องไม่รั่วไหลออกไป’

หลังจากนั้นก็มีหนังสือตกลงมา ซูหวานหว่านทำการเปิดออก ทำให้นางอยากจะร้องไห้ออกมาทันทีด้วยพบว่ามีเพียงไม่กี่คำในนั้น ‘คิดด้วยตัวเอง!’

มิติฟาร์มกำลังล้อนางเล่นอยู่หรือเปล่า? ซูหวานหว่านกลอกตาไปมา แล้วโยนหนังสือกลับเข้าไปในมิติฟาร์ม จากนั้นก็นอนลง ทันใดนั้นก็มีนกบินมาที่ข้างเตียงของซูหวานหว่านแล้วร้องออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! เกิดเรื่องไม่ดีแล้ว! ข้าได้ยินข่าวจากลูกพี่ลูกน้องที่บินมาจากเมืองหลวงว่ามีผู้ชายที่รูปงามหล่อในเมืองหลวงกำลังจะแต่งงาน! ผู้ชายคนนั้นน่าจะเป็นฉีเฉิงเฟิง!”

“!” ซูหวานหว่านลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจอีกครั้ง

[1] 紫晶石 หินจื้อจิง หรือ หินอเมทิสต์ เป็นอัญมณีชนิดสีม่วงที่ได้รับความนิยมมาก และเป็นหินแห่งการบำบัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset