เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 – ตอนที่ 82 ศัตรูหัวใจ

เมื่อเปิดม่านออกซูหวานหว่านก็ก้าวเข้าไปข้างใน พลันนางก็เห็นซูจิ่นหมิงและซูจิ่นเฉียงถูกมัดเอาไว้บนพื้น บนร่างกายของเขามีตะขาบขนาดใหญ่ 2-3 ตัวคลานอยู่ อีกทั้งยังโดนผ้าขี้ริ้วสกปรกยัดเอาไว้ในปาก ดวงตาของนางเบิกกว้างทว่าไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

ข้างเท้าของพวกเขาทั้งคู่มีไหที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ ตกอยู่ และตะขาบเหล่านั้นก็คลานออกมาจากไห ไหเหล่านั้นมีวางเอาไว้ทุกที่พร้อมกับเปิดทิ้งไว้ ฮู่ต้าเฉิงต้องการใช้ตะขาบพิษทรมานซูจิ่นเฉียงและซูจิ่นหมิง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! คิดไม่ถึงเลยสินะ ข้าจะบอกเจ้าไว้นะซูหวานหว่าน หากเจ้าได้เข้าไปแล้วเจ้าจะไม่สามารถออกมาได้อีก!” ฮู่ต้าเฉิงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ตะขาบพิษทั้งหมดข้าเป็นคนซื้อมาด้วยเงินจำนวนมหาศาล! เจ้าจะต้องตายเพราะโดนตะขาบพิษพวกนี้กัดเป็นแน่! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

พลั่ก!

ไป๋หยวนซูเตะเข้าไปที่ลำตัวของฮู่ต้าเฉิง “ปากสุนัข!”

เมื่อพูดจบ ไป๋หยวนซูก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเดินเข้าไปด้านในอีกครั้ง ครั้นเห็นซูหวานหว่านกำลังช่วยซูจิ่นหมิงและซูจิ่นเฉียงอย่างใจเย็นพร้อมทั้งเอาผ้าขี้ริ้วที่ยัดอยู่ในปากของพวกเขาออกมา ตะขาบที่เท้าของพวกเขาทั้งสองก็เดินหลบเลี่ยงไปยังทิศทางอื่น ดูเหมือนว่าพวกมันจะกลัวซูหวานหว่าน

ไป๋หยวนซูตกใจ พวกตะขาบพวกนี้กลัวคนอย่างงั้นหรือ?

เขากำลังจะก้าวเข้าไป ทว่าตะขาบเหล่านั้นก็ได้คลานเข้ามาหาไป๋หยวนซู เขาจึงต้องก้าวถอยหลังด้วยความกลัว เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านกำลังจะแก้มัดให้กับทั้งสองคนอีกครั้ง เขาก็ตะโกนออกมาว่า “แม่นางซู! อย่าแก้เชือก ข้าเห็นตะขาบพิษหลายตัวอยู่บนเชือก!”

หากคลายเชือกออกอาจจะตายได้!

แต่ไม่ว่าอย่างไรซูหวานหว่านก็ยังพยายามจะแก้เชือก ซึ่งตะขาบเหล่านั้นพากันหนีและซ่อนตัวให้ไกลจากซูหวานหว่าน

นางพาทั้งสองออกมาและพวกตะขาบก็ไม่กล้าคลานเข้าไปใกล้นางแต่อย่างใด ทว่าหลังจากที่ซูหวานหว่านเดินออกไปแล้ว เหล่าตะขาบก็บ้าคลั่ง พวกมันพากันคลานไปรอบ ๆ ห้องและเริ่มกัดกินข้าวของในครัวเรือนที่ทำมาจากไม้ทั้งหมด

ซูหวานหว่านพาทั้งสองคนออกมาได้อย่างปลอดภัย ไป๋หยวนซูตกตะลึงทันทีและรีบสั่งให้ลูกน้องมาปิดประตู พร้อมเอ่ยถามซูหวานหว่าน “แม่นางซู ท่านไม่ถูกกัดใช่หรือไม่?”

“ไม่” ซูหวานหว่านส่ายหน้า จากนั้นนางก็หันมาสำรวจพี่ชายและน้องชายของตัวเองว่าถูกกัดหรือไม่ สุดท้ายนางก็พบว่าพวกเขายังไม่โดนพิษของตะขาบแต่อย่างใด

นางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคดีที่มาทันเวลาพอดี ซูหวานหว่านใช้พลังวิเศษของตัวเองทำให้ตะขาบเหล่านั้นหวาดกลัว ไม่เช่นนั้นแล้วพี่น้องของนางอาจจะโดนมันกัดไปแล้วก็ได้

“เจ้าว่าอย่างไรนะ? เจ้าไม่ถูกตะขาบกัดอย่างงั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไรกัน!” ฮู่ต้าเฉิงพูดออกมาอย่างขมขื่น

ไป๋หยวนซูเตะไปที่ลำตัวฮู่ต้าเฉิง และเกือบจะทุบตีเขาอีกครั้ง ทว่าซูหวานหว่านก็ได้ห้ามเอาไว้ “ข้าคงจะต้องขอให้ท่านเจ้าหน้าที่ไป๋จับพวกเขามาลงโทษแทนข้าเสียแล้ว และโปรดอย่าปล่อยให้คนชั่วหนีรอดออกมาได้อีก”

“แน่นอน” หลังจากนั้นไป๋หยวนซูก็จ้องมองไปที่ฮู่ต้าเฉิง เขากำลังจะทรมานฮู่ต้าเฉิงเพื่อบังคับให้อีกฝ่ายให้ความร่วมมือสารภาพความผิดออกมา ทว่ายังไม่ได้เริ่มลงมือแต่อย่างใด ฮู่ต้าเฉิงก็ยอมรับสารภาพออกมาทันที พวกเจ้าหน้าที่เหลือก็รีบกลับไปที่บ้านของฮวงเหล่าและจับกุมซูฉิงฉิงไว้ ส่วนซูหวานหว่านก็ได้ไปส่งพี่ชายและน้องชายของตัวเองกลับไปที่โรงเรียนจินซวน พร้อมกับพูดอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะขอตัวกลับ

นางเดินอยู่เพียงลำพังในตลาด บนถนนมีผู้คนพลุกพล่าน ทว่าจู่ ๆ นางก็รู้สึกเปลี่ยวเหงาขึ้นมาและนึกขึ้นมาได้ว่าฉีเฉิงเฟิงหายไป ชายหนุ่มไม่ได้เดินมาพร้อมกับไป๋หยวนซู เช่นนั้นตอนนี้เขาหายไปที่ใด? เขาเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่ามีสิ่งของจะให้กับพี่ชายและน้องชายของนาง? เหตุใดนางจึงไม่เห็นเขาแล้ว

เกิดสิ่งใดขึ้นกับเขาหรือเปล่า? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ซูหวานหว่านก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดและออกตามหาฉีเฉิงเฟิง นางเดินตามหาสถานที่ที่ฉีเฉิงเฟิงเคยไป ทว่านางก็ยังไม่พบเขาอยู่ดี

ผ่านไปชั่วครู่ท้องของนางก็เริ่มส่งเสียงร้องออกมา ดังนั้นจึงไปที่ร้านอาหารเจวียเซ่อ เมื่อผู้ดูแลร้านหลิวเห็นซูหวานหว่านมาเขาก็วิ่งออกไปต้อนรับนางอย่างอบอุ่นทันที เขายิ้มและรายงานผลกำไรของร้านอาหารให้นางได้รู้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่าซูหวานหว่านได้เป็นหุ้นส่วนของเจ้าร้านอาหารนี้แล้วครึ่งหนึ่ง

เมื่อนึกถึงฉีเฉิงเฟิง ซูหวานหว่านก็ได้ถามออกมาว่า “เจ้าเคยเห็นชายหนุ่ม? ที่มีรูปร่างสูง…”

ซูหวานหว่านทำท่าทางอธิบายรูปร่างลักษณะท่าทาง ผู้ดูแลหลิวหยุดครุ่นคิด เหมือนเขาจะเคยเห็นและกำลังจะตอบออกไป ทว่าก็มีผู้หญิงสองคนสวมผ้าไหมคาดว่ามีอายุราว ๆ 11 หรือ 12 ปีได้เดินเข้ามาพูดกับซูหวานหว่าน “แม่นาง คุณหนูของข้าอยากเชิญท่าน”

“หื้ม?” สาวใช้ตระกูลใดจะนุ่งผ้าไหมอย่างดีเช่นนี้กัน? แสดงว่าหญิงรับใช้ผู้นี้จะต้องอยู่ในตระกูลร่ำรวย ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่รู้จักคนเหล่านี้ จึงเอ่ยไปว่า “ขอโทษด้วย แต่ข้ากำลังตามหาคน ไม่ค่อยสะดวกเท่าใด”

“คนที่ท่านกำลังมองหาคือชายหนุ่มรูปงาม สวมชุดผ้าลินินเรียบ ๆ สูงประมาณ 5 ศอกใช่หรือไม่?” สาวใช้ผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองเล็กน้อย

ลักษณะที่กล่าวออกมาดูคล้ายฉีเฉิงเฟิงมาก ซูหวานหว่านพยักหน้าแต่ก็ยังไม่วางใจ นางหยิบจี้ที่เอวของตนออกมาและเอ่ยถาม “ชายหนุ่มคนนั้นมีจี้หยกแบบนี้ที่เอวของเขาด้วยหรือไม่?”

เมื่อสาวใช้เห็นจึงรีบพูดออกมา “มีหยกอีกชิ้นด้วยหรือ! ไม่คิดว่าเลยว่าเขาจะมอบของแทนใจให้กับเจ้าด้วย! ฮึ่ม! แย่เสียแล้วสิ!”

ตกลงแล้วสาวใช้คนนี้รู้จักฉีเฉิงเฟิงหรือไม่? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่นและเดินออกไปกับนาง เมื่อผู้ดูแลหลิวเห็นเข้าจึงเกิดความกังวล “แม่นางซู! ท่านระวังตัวด้วย คาดว่าเจ้านายของสาวใช้เหล่านี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดา เพราะว่าอาหารที่นางสั่งมีราคาแพงที่สุดในร้าน และพวกนางยังนั่งห้องส่วนตัวด้านบนอีก”

“ขอบคุณท่านมาก” ซูหวานหว่านพยักหน้าแล้วเดินตามสาวใช้ทั้งสองออกไป นางเดินขึ้นไปด้านบนด้วยความรู้สึกกังวลเล็กน้อย

สาวใช้เปิดประตูห้องอาหารส่วนตัวออก ทว่าข้างในกลับเป็นชายที่มีใบหน้าเคร่งขรึมสวมผ้าไหมลายสีเข้มและกวานหยก

เขาสวมผ้าไหมสีเขียว มีพู่ห้อยอยู่ที่เอวสามพู่ ซูหวานหว่านก็เกิดความสงสัยขึ้น “แม่นาง ท่านตามหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ?”

“แค่ก” ชายคนนั้นกำลังดื่มชาอยู่จู่ ๆ ก็สำลักด้วยคำพูดของซูหวานหว่าน สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบวิ่งเข้าไปลูบหลังชายผู้นั้น นางจ้องไปที่ซูหวานหว่านแล้วพูดออกมาว่า “เจ้าตาบอดหรืออย่างไรกัน? ชายผู้นี้เป็นคุณชายของพวกเรา”

“โอ้?” ซูหวานหว่านแตะปลายจมูกของตนเอง “เจ้าไม่ได้บอกหรอกหรือว่าคุณหนูของเจ้าต้องการพบข้า หากนี่ไม่ใช่คุณหนูของเจ้า แล้วคุณหนูของพวกเจ้าอยู่ใดกัน?”

“คุณหนู…” สาวใช้ต้องการจะพูดออกมา ทว่าถูกชายคนนั้นขัดขึ้นมาเสียก่อน “น้องสาวของข้าดูเหมือนจะมีธุระต้องจัดการ เชิญแม่นางนั่งพักผ่อนและรอสักประเดี๋ยวเถิด”

พอกล่าวจบ ชายคนนั้นก็ขมวดคิ้วยกดื่มน้ำชาทันที โดยไม่สนใจซูหวานหว่านที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

เมื่อนั่งลงนางจึงเอ่ยถามว่าฉีเฉิงเฟิงอยู่ที่ใด แต่สาวใช้แสร้งทำเป็นไม่สนใจ ราวกับซูหวานหว่านถามกับแมลงที่บินอยู่ในอากาศ ซึ่งแมลงตัวที่ว่าก็ได้บอกกับนางว่าฉีเฉิงเฟิงและผู้หญิงหนึ่งคนได้นั่งอยู่ที่ห้องอาหารส่วนตัวข้าง ๆ ส่วนเรื่องทำสิ่งใดนั้นไม่สามารถบอกกับซูหวานหว่านได้

ซูหวานหว่านโล่งใจ ทันใดนั้นประตูห้องอาหารส่วนตัวก็ถูกเปิดออก เหล่าเด็กในร้านต่างยกอาหารขึ้นมา ชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มจับตะเกียบและพูดอย่างมีมารยาทว่า “แม่นาง เชิญเถิด”

“ตกลง”

นางหิวมานานแล้ว!

ซูหวานหว่านหยิบตะเกียบขึ้นมาเริ่มคีบอาหาร ทำให้ชายคนนั้นเกิดความประหลาดใจและวางตะเกียบลง ซูหวานหว่านจึงเอ่ยว่า “กินสิ! ท่านบอกให้ข้ากินแต่เหตุใดท่านถึงไม่ขยับตะเกียบของตัวเองเสียที”

“ไม่ใช่เช่นนั้น” เขาคิดไม่ถึงเลยว่าซูหวานหว่านจะลงมือทานอาหาร! เขาเพียงชวนเป็นมารยาท! ชายผู้นั้นส่ายหัวและหยิบตะเกียบของตัวเองขึ้นมา เริ่มกินอาหารอย่างช้า ๆ และสุภาพ ผิดกับซูหวานหว่านที่กินอย่างเพลิดเพลินสบาย ๆ ไม่สนใจกิริยามารยาทอะไรทั้งนั้น

สาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้นมาว่า “เสียมารยาท!”

“เหยียนเอ๋อร์!” ชายคนนั้นดุสาวใช้ของตัวเอง ทำให้สาวใช้ผู้นั้นหยุดพูดทันที

ทั้งสองคนกำลังทานอาหารกันอยู่ ทันใดก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้จากห้องอาหารด้านข้าง ๆ “ไม่นะ! ไม่ได้!”

ฉีเฉิงเฟิงและผู้หญิงข้าง ๆ กำลังทำสิ่งใดกันอยู่!?

ภายในหัวของซูหวานหว่านนึกถึงภาพ 18+ ทันที และนางก็ได้วิ่งออกไปดู ซึ่งชายผู้นั้นก็วิ่งตามออกไปด้วย

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田ครั้นวสันตพิรุณเพิ่งผ่านพ้น ท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสดังเดิม เมฆหมอกขาวบางเบาลอยล่องเหนือแนวบรรพต ก่อเกิดเป็นภาพทิวทัศน์อันตระการตา ในภาพนั้นมีทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และผู้คน ‘ซูหวานหว่าน’ ก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพทิวทัศน์นั้น นางเพิ่งขุดผักป่าขึ้นมาเต็มตะกร้าและกำลังจะตรงกลับบ้าน “พี่หญิง!” ทันใดนั้นเอง เด็กชายวัยกระเตาะผู้หนึ่งก็รีบวิ่งมาหา พร้อมทั้งตะโกนเรียกนางไปด้วย “ช้า ๆ ก็ได้” ซูหวานหว่านมองไปที่น้องชายตัวแสบของตนพร้อมกับระบายยิ้มให้ ซูจิ่นหมิงกลับไม่มีทีท่าว่าจะวิ่งช้าลงแต่อย่างใด เขายังคงวิ่งตรงเข้ามาหาซูหวานหว่านอย่างรีบร้อน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset