เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 69 ลูกพี่ปรากฏตัวฉลองวันเกิดให้เย่เฉิน

รอยยิ้มของฟางเสียนจู่จางหายไปจากใบหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

“ไม่ได้ให้ลูกชายผมหรอกเหรอครับ? คุณหวงมาร่วมงานลูกชายของผมไม่ใช่เหรอครับ?” สีหน้าฟางเสียนจู่เก้อเขิน

หวงเฉิงหมิงกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “ผมต้องมาร่วมดื่มเหล้ามงคลอยู่แล้ว แต่ของที่จะมอบให้คู่แต่งงานก็คือเงินสด โดยผมได้ส่งมอบไปแล้ว ถ้าคุณฟางไม่เชื่อจะลองไปตรวจสอบดูก็ได้ครับ”

ฟางเสียนจู่รีบร้อนกล่าว “คุณหวงพูดแบบนี้ดูถูกผมเกินไปนะครับ ผมจะสนใจเรื่องแค่นี้ได้ยังไง? คุณหวงมาร่วมงานได้ก็ถือว่าให้เกียรติผมมากแล้ว แถมยังให้เงินขวัญถุงอีก เกรงใจกันเกินไปแล้ว!”

ฟางเสียนจู่รู้ว่าหวงเฉิงหมิงเป็นคนที่ร่ำรวยแต่หยาบกระด้าง แค่ให้เงินขวัญถุงก็น่าจะให้ถึงหนึ่งล้านเป็นอย่างน้อย

ดังนั้นฟางเสียนจู่ถึงได้รีบร้อนเรียกฟางเชากับหวังเจียเหยา “ฟางเชา เจียเหยามานี่หน่อย มาพบคุณหวงหน่อย”

“คุณหวง สวัสดีครับได้ยินชื่อเสียงโด่งดังของคุณมาก็นาน คุณเป็นไอดอลของผมเลยครับ!”

ฟางเชาเดินมาใช้มือสองข้างจับมือหวงเฉิงหมิงแล้วประจบประแจงไม่หยุด

ถึงแม้ฟางเชาจะเป็นคนร่ำรวย แต่พอเปรียบกับพวกตระกูลที่ร่ำรวยในรายชื่อคนรวยในประเทศที่ยาวนานพวกนี้ยังด้อยกว่าพวกเขาขั้นหนึ่ง

“อืม สวัสดี” หวงเฉิงหมิงกล่าวเสียงเรียบ ท่าทีออกจะฉาบฉวยอยู่น้อยๆ

หวังเจียเหยาเองก็ดีใจราวคนบ้า คิดไม่ถึงว่าตระกูลฟางจะรู้จักกับเศรษฐีแบบนี้ด้วย จึงค้อมตัวลงแล้วจับมือเขาด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะกล่าว

“คุณหวงสวัสดีค่ะ ฉันคือหวังเจียเหยา ดีใจมากค่ะที่ได้พบคุณ หวังว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากคุณนะคะ”

หวงเฉิงหมิงปรายตามองหวังเจียเหยา แล้วประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าเจ้าสาวคนนี้สวยขนาดนี้แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมายเพียงแต่พยักหน้ารับเล็กน้อย

ฟางเชาหวั่นไหวเมื่อมองเห็นกล่องของขวัญในมือหวงเฉิงหมิง “ที่คุณหวงถือในมือใช่กล่องซิการ์ไหมครับ?”

หวงเฉิงหมิงประหลาดใจ “อ้อคุณชายฟางสายตาดีใช้ได้เลยนี่ เป็นกล่องซิการ์จริงๆ นั่นแหละ”

ฟางเชาอยากรู้ว่าเศรษฐีแบบนี้ให้ซิการ์ เขาจะให้แบรนด์อะไรจึงกล่าวถาม “ไม่ทราบว่านี่เป็นซิการ์แบรนด์อะไรครับ?”

หวงเฉิงหมิงกล่าว “เหมือนจะชื่อ Gurkha[1] ภาษาอังกฤษผมไม่ค่อยดี ผมก็ไม่รู้ว่าอ่านยังไง ผมให้ลูกน้องเป็นคนเตรียมให้ ขายหน้าแล้ว”

ฟางเชากับหวังเจียเหยาตกใจพร้อมกัน “Gurkha Royal Courtesan Cigar เหรอ? ยี่ห้อนี้แพงมากเลยราคาอยู่ที่เจ็ดล้านหยวนเลยทีเดียว!”

แขกในงานเองก็ตกตะลึงกันหมด แต่ก็แค่ซิการ์เท่านั้นเองต้องราคาแพงถึงเจ็ดล้านเลยเหรอ?

ซื้อลี่ฉวิน[2]กับอวี้ซี[3]ได้กี่มวนกัน!

หวงเฉิงหมิงกล่าวพร้อมหัวเราะ “ไม่ถึงเจ็ดล้านแต่ก็น่าจะประมาณนั้น ฮ่าๆ คุณฟาง ผมขอตัวก่อนนะครับบ่าวสาว”

แล้วจึงเห็นหวงเฉิงหมิงถือกล่องซิการ์เดินไปโต๊ะที่เย่เฉินและฉินหงเหยียนนั่ง

“คุณเย่ คุณฉิน”

หวงเฉิงหมิงเดินมาแล้วส่งกล่องซิการ์ในมือเย่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณเย่สุขสันต์วันเกิดครับ!”

แขกในงานต่างก็ตื่นตะลึง คิดไม่ถึงว่าซิการ์ราคาหลายล้านนี้จะถูกมอบให้เย่เฉิน!

หวงเฉิงหมิงให้เงินขวัญถุงจำนวนแสนสองแสน แต่ของขวัญที่เตรียมให้เย่เฉินมีมูลค่าสูงกว่ามากนัก!

นี่พิสูจน์ว่าหวงเฉิงหมิงไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมงานแต่งงาน แต่มาเพื่อเย่เฉิน!

เย่เฉินรับกล่องซิการ์แล้วจับมือกับหวงเฉิงหมิงก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณหวงเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราเป็นคู่ค้ากันแล้ว ยังจะให้ของขวัญราคาแพงแบบนี้อีก”

ตอนนี้จวี้ตัวตัวร่วมมือกับบริษัทหัวเซิ่งกรุ๊ปจึงไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสองคนพบหน้ากัน

เห็นเย่เฉินกับหวงเฉิงหมิงหัวร่อต่อกระซิกกัน ฟางเชาก็อยากจะตบหน้าตนเองแรงๆ

ถ้าหากว่าเย่เฉินเป็นประธานบริษัทตัวปลอม แล้วทำไมหวงเฉิงหมิงถึงได้เกรงอกเกรงใจเขาขนาดนี้? แถมยังต้องให้ของขวัญราคาแพงกับเขาด้วย?

หวังเจียเหยาก็นิ่งไป “ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”

“คุณฟาง! คุณฟาง!”

ในเวลานี้เอง ชายวัยกลางคนที่ดูมีสไตล์ก็ตะโกนเรียกฟางเสียนนจู่เสียงดัง ขณะที่สาวเท้ามาหาเขาอย่างรีบร้อน

หลังจากที่ทุกคนเห็นใบหน้าเขาแล้วก็ตกตะลึง

นี่มันฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับประเทศไม่ใช่เหรอ?

“อ้าว คุณฉินหลาง! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ฟางเสียนจู่ก็ประหลาดใจอีกครั้ง เมื่อพบฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับประเทศ อาจไม่ถึงเป็น 1 ใน 3 ของโลก แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในนักเปียโนชั้นยอด เคยไปแสดงตามงานใหญ่ๆ อย่างรางวัลแกรมมี่[4]มาแล้ว

ก่อนนี้ฟางเสียนจู่เคยเจอฉินหลางมาหลายครั้งแล้วตามที่ต่างๆ ทั้งสองคนอาจจะถือได้ว่าคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่บ้าง ฟางเสียนจู่ถึงขนาดอยากให้ฉินหลางเป็นครูสอนเปียโนให้ลูกๆ ของเขาด้วยซ้ำ

ฉินหลางหัวเราะแล้วกล่าว “เพิ่งมอบของขวัญไปนี่เอง”

“คุณดูคุณสิ ให้ของขวัญอะไรกัน! ผมอยังอยากจะขอร้องให้คุณช่วยบรรเลงเพลงงานแต่งให้ลูกชายกับลูกสะใภ้ผมสักเพลง! พวกเราสิควรจะให้เงินคุณ ไหนเลยจะต้องให้คุณให้เงินพวกเรา?” ฟางเสียนจู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลังจากนั้นฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับฟางเชาและหวังเจียเหยา “ยังไม่รีบไปทำความรู้จักกับนักเปียโนคนเก่งระดับโลกอีกเหรอ เจียเหยาได้ยินมาว่าหนูเองก็เล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอ งั้นหนูน่าจะรู้ว่านักเปียโนที่มีชื่อเสียงโด่งดังและเป็นชาวจีนไม่ได้เป็นกันง่ายๆ เลยจริงไหม”

หวังเจียเหยามองฉินหลางด้วยใบหน้านับถือ หล่อนเองเรียนเปียโนมาตั้งแต่เด็ก อาจจะไม่ถึงขั้นเก่งกาจ แต่ก็ย่อมรู้ว่าฉินหลางเก่งมากขนาดไหน!

หวังเจียเหยาตื่นเต้นอย่างมาก “คุณฉินหลาง หนูดีใจมากค่ะที่ได้พบคุณ ถ้าหากว่าได้ยินคุณเล่นเปียโนสักเพลงในงาน หนูคงจะโชคดีมากๆ เลยค่ะ”

ฉินหลางโบกมือรัวๆ “มิกล้าๆ งานแต่งพวกคุณเริ่มแล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่เริ่มผมขอเล่นเพลงอื่นก่อนจะได้ไหม?”

ฟางเขารีบพูดทันที “ได้สิครับ! แขกของพวกเรายังมาไม่ครบเลย งานแต่งต้องรอไปก่อนอีกสักพักถึงจะเริ่มกันได้ ถ้าคุณอยากจะเล่นเปียโนก่อนสักเพลง ให้เป็นบุญหูของแขก ก็จะดีมากๆ เลยครับ!”

“ได้ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

ฉินหลางพูดพลางเดินไปที่โต๊ะเย่เฉิน

คิดไม่ถึงว่าพอเขาเห็นเย่เฉินก็เรียกอีกฝ่าย “ศิษย์พี่!”

“ศิษย์น้อง นายมาได้ยังไง?” เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะจับมืออีกฝ่าย

แล้วทุกคนในงานต่างก็ตกตะลึงกับเรื่องที่เหลือเชื่อนี้!

คิดไม่ถึงว่าฉินหลางนักเปียโนชื่อดังระดับโลกจะเป็นศิษย์น้องของเย่เฉิน?

นี่ยังไม่เท่าไหร่ เห็นได้ชัดว่าฉินหลางอายุมากกว่าคิดไม่ถึงว่าจะเรียกเย่เฉินว่าศิษย์พี่?

หวังเจียเหยาอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

กระทั่งหวงเฉิงหมิงที่นั่งร่วมโต๊ะกับเขายังงุนงงแล้วเปิดปากถาม “ผมก็บอกฉินหลางแล้ว อายุคุณก็ปาไปตั้งเยอะ ทำไมยังเรียกเขาว่าศิษย์พี่เย่ล่ะ? คุณอย่ามาแอ๊บหนุ่มเชียวล่ะ”

ก่อนนี้ฉินหลางเคยเจอหวงเฉิงหมิงมาก่อน เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณหวง คุณไม่รู้ล่ะสิ เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1997 ผมสอบติดวิทยาลัยดนตรีแห่งหนึ่งในอเมริกา ตอนนั้นผมน่าจะอายุสิบห้าล่ะมั้ง ผมได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของแกรี กราฟฟ์แมน[5] เย่เฉิน อ้อ ต้องเรียกคุณเย่สินะ แต่คุณเย่เป็นศิษย์เขาตั้งแต่เดือนมกราคมในปีเดียวกัน ผมมาทีหลังเขาห้าเดือน ไม่เรียกศิษย์พี่ได้ยังไง!”

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนั้นน่ะ ผมอายุไม่ถึงสองขวบเลย ฮ่าๆ ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำไป”

ทุกคนในงานโดยเฉพาะหวังเจียเหยาต่างก็ตกตะลึงกันหมด

สองขวบอยู่ที่อเมริกา แล้วยังเป็นศิษย์ของอาจารย์ในวิทยาลัยดนตรีชื่อดังระดับโลกด้วย?

อัจฉริยะภาพอย่างฉินหลางกว่าจะสอบเข้าวิทยาลัยดนตรีกลายเป็นนักเรียนของแกรีด้วยคะแนนลำดับหนึ่งในวัยสิบห้าปีก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากเอาการ

ครอบครัวเย่เฉินมีอภิสิทธิ์อะไรกัน?

แค่เกิดก็ได้เป็นศิษย์ของเขา?

หวังเจียเหยากลืนน้ำลายแล้วย้อนนึกถึงตอนที่เย่เฉินเล่นเปียโนในงานคอนเสิร์ตของเทพนักร้องก่อนนี้

“ฉันก็คิดว่าเขาใช้เงินค่าขนมที่ฉันให้เขา เมื่อสามปีก่อนถึงได้เริ่มเรียนเปียโน ที่แท้เขาเริ่มเรียนตั้งแต่สองขวบแล้วแถมยังมีอาจารย์เป็นนักดนตรีชื่อดังด้วย!”

ความรู้สึกหยิ่งในศักดิ์ศรีที่หวังเจียเหยามีมาตลอดยามอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ตอนนี้สูญสลายราวควันอย่างรวดเร็ว!

[1] เป็นที่รู้จักกันในนาม ‘โรลส์รอยซ์แห่งซิการ์’ กูร์ข่าเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาชนชั้นสูงของโลก รวมทั้งสมาชิกของราชวงศ์ ทหาร ข้าราชการชั้นแนวหน้า และคนดัง บริษัทก่อตั้งขึ้นในปี 1989

[2] ยี่ห้อบุหรี่ของจีน เกิดขึ้นในปี 1960 ณ เมืองหางโจว

[3] บุหรี่ของจีน ผลิตครั้งแรกในปี 1956 เมืองยวี่ซี มณฑลยูนาน

[4] Grammy Award

[5] Gary Graffman นักเปียโนคลาสสิคชาวอเมริกัน

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
Score 6.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) หลังจากถูกครอบครัวของภรรยาโขกสับมาตลอดสามปีของการแต่งงาน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะเอาคืน! เย่เฉินชายหนุ่มที่เป็นลูกหลานตระกูลมหาเศรษฐีที่ลึกลับระดับโลก คุณปู่ของเขามักจะส่งเขาไปทำภารกิจต่างๆ โดยครั้งนี้ก็เช่นกัน ปู่ส่งเขาไปแต่งงานกับหวังเจียเหยา สาวสวยเบอร์หนึ่งของเมืองอวิ๋นโจว โดยปิดบังฐานะที่แท้จริงของเขาเอาไว้ไม่ให้สาวเจ้าได้รู้ เขาจึงต้องตกอยู่ในสภาพของเขยที่แต่งเข้า โดนคนในบ้านผู้หญิงดูถูก มิหนำซ้ำในวันที่เขากำลังจะไปสารภาพความจริง ก็ดันไปเห็นภรรยาที่รักกับชายชู้ แถมยังชักชวนคนมากมายให้ตัดทางทำมาหากินของเขา ด้วยเหตุนั้น เย่เฉินจึงเริ่มลงมือล้างแค้นพวกเขาทุกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset