เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) – ตอนที่ 70 ฉันสิถึงจะเป็นตัวเอกของงาน

ที่หวังเจียเหยามักจะทำตัวมั่นใจสูงส่งยามอยู่ต่อหน้าเย่เฉิน ต่อให้ตนเองเป็นคนทำผิดแต่ก็ยังกล้าบังคับให้เย่เฉินเป็นฝ่ายเอ่ยปากขอโทษ

สาเหตุหลักนั่นเพราะความเย่อหยิ่งในครอบครัวตัวเอง

ตั้งแต่เด็กจนโตหวังเจียเหยาเรียนในโรงเรียนของลูกคนรวย จึงได้เรียนเปียโน ไวโอลินและการเต้นตั้งแต่เด็กจึงคิดไปเองว่าทั้งมารยาทและการอบรมสั่งสอนเหนือกว่าเย่เฉินไม่ใช่เพียงแค่ขั้นเดียว

ถึงแม้หล่อนจะชอบเย่เฉิน แต่ในสายตาของตัวหล่อนเองคิดเสมอว่าตนเองและเย่เฉินอยู่กันคนละโลก

ในตอนนี้หวังเจียเหยาถึงได้รู้ว่าพวกเขาสองคนอยู่กันคนละโลกจริงๆ

แต่ที่ต่างไปจากเมื่อก่อนที่หล่อนคิดก็คือคนที่อยู่ในโลกที่สูงส่งกว่าคนนั้นคือเย่เฉินต่างหาก!

อีกด้านหนึ่งหวงเฉิงหมิงกล่าวกับฉินหลางว่า “ผมถามหน่อยฉินหลาง ตระกูลฟางให้เงินคุณเท่าไหร่กันแน่ คิดไม่ถึงว่าจะเชิญคุณมาได้? คุณปฏิเสธไม่รับการแสดงตามงานแต่งมาตลอดเลยไม่ใช่เหรอ? คราวก่อนลูกชายเพื่อนผมแต่งงาน ผมจะเชิญคุณผมถามคุณหน่อยสิที่คุณปฏิเสธโดยไม่คิดเนี่ยเพราะรังเกียจที่ผมไม่จ่ายเงินจ้างคุณใช่ไหม?”

ปกติแล้วในงานแต่งงานของพวกคนร่ำรวยมักจะชอบเชิญนักร้อง นักแสดง นักเปียโนชื่อดังมาร่วมงาน เพื่อแสดงให้เห็นศักยภาพของตระกูล

ฉินหลางกล่าวว่า “ที่ไหนกัน คุณหวง คุณอย่าเข้าใจผมผิดสิครับ ผมไม่ได้มาเพราะตระกูลฟางเชื้อเชิญผมมมา แต่เพราะอาจารย์ของผม ‘คุณแกรี’ บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเย่เฉิน ให้ผมมาเล่นเปียโนให้เขาสักเพลงโดยเฉพาะ”

เย่เฉินกล่าวด้วยความเกรงใจเล็กน้อย “อาจารย์นี่ก็จริงๆ เลยรู้อยู่แล้วว่าคุณยุ่ง สัปดาห์หน้ายังต้องเตรียมงานคอนเสิร์ตที่ทำเนียบขาว คิดไม่ถึงว่ายังจะเรียกคุณมางานด้วย”

ฉินหลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าๆ ไม่มีอะไรหรอก หลายปีมานี้ไม่ได้เจอกัน ฉันล่ะคิดถึงนายจริงๆ เลย! จริงสิ เย่เฉินนายอยากฟังเพลงอะไร?”

เย่เฉินครุ่นคิดแล้วกล่าว “ขอฟัง La campanella [1]แล้วกัน”

ทันทีที่กล่าวจบ คนในงานจำนวนไม่น้อยก็ตื่นเต้นกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่เรียนเปียโนถึงกับหลุดอุทานออกมา “La campanella เป็นหนึ่งในสิบเพลงที่ยากที่สุดในโลก!”

ทุกคนในแวดวงนี้ที่มาร่วมงานในวันนี้ หากสุ่มเรียกใครมาสักคนต่อให้เป็นเด็กเล็กก็อาจจะสามารถเล่น Canon[2]หรือ A comme amour[3]ได้

แต่เพลงยากระดับโลกอย่าง La campanella ไม่ใช่ว่าใครก็จะเล่นได้และไม่ใช่ทุกคนจะมีโอกาสได้ฟัง!

ฉินหลางกล่าวว่า “ได้เลยงั้นเล่นเพลงนี้ก็แล้วกัน!”

บนเวทีมีเปียโนที่เพิ่งจะปรับคีย์เสร็จอยู่พอดี ฉินหลางทดลองเสียงแล้วพบว่าไม่มีปัญหาอะไรก็พูดใส่ไมโครโฟนว่า

“เพลง La campanella นี้ขอมอบให้กับศิษย์พี่ของผม เย่เฉิน ขอให้คุณมีความสุขในวันครบรอบ 25 ปีนะ!”

แล้วคนในงานก็ปรบมือเสียงดัง

ฉินหลางเริ่มทำการแสดง มือทั้งสองวางลงบนคีย์ตัวแรกของโน้ตเสียงสูง ทำให้คนอดโยกตัวไปตามเสียงเพลงไม่ได้

ที่จริงเย่เฉินก็สามารถเล่นบทเพลงบทนี้ได้เช่นกัน ถึงขนาดที่เคยแข่งกับคู่แข่งที่มีความสามารถในระดับเดียวกับหวังเจียเหยาด้วยซ้ำไป

แต่ความแตกต่างระหว่างเล่นได้กับเล่นเป็นนั้นต่างกันมาก คนที่เล่นเปียโนเป็นทุกคนในงานต่างก็รับรู้ถึงความแตกต่างอย่างมโหฬารระหว่างตนเองกับฉินหลางเป็นอย่างดี

บทเพลงบทนี้มีทั้งความยากและทักษะที่ต้องใช้ในการเล่นดนตรีอย่างสูง ทั้งการกระโดดทำนอง การหมุนนิ้ว การรัวคีย์และการเล่นคร่อมจังหวะเป็นต้น

ทุกคนในงานคนที่บอกว่าตัวเองเล่นเพลง La campanella ได้ก่อนนี้พอหลังจากได้เห็นด้วยและได้ยินบทเพลงนี้จากฝีมือฉินหลางแล้วตลอดชีวิตที่เหล่ออยู่ก็ไม่กล้าพูดอีกเลยว่าตนเองเล่นบทเพลงนี้เป็น

“ช่างมีความสุขจริงๆ! หลังจากนี้ฉันไม่อยากเล่นบทเพลงนี้แล้ว! ฉันว่าถ้าฉันเล่นจะเป็นการดูหมิ่นเพลงนี้!”

“เป็นเพราะคุณเย่ เราถึงได้มีโอกาสได้เห็นการแสดงของยอดนักเปียโนในระยะประชิดแบบนี้!”

เพลงยาวประมาณสี่นาที ในระยะเวลาสี่นาทีกว่าๆ นี้ทุกคนที่ได้ฟังต่างก็ใจเต้นระรัวเร็ว บางคนถึงขนาดน้ำตาคลอด้วยซ้ำไป!

ท้ายที่สุดเมื่อฉินหลางรัวโน้ตละม้ายว่าเป็นโน้ตตัวสุดท้าย ทำให้คนที่รู้ดนตรีจำนวนไม่น้อยลุกขึ้นปรบมือแล้ว เพราะพวกเขารู้ว่าบทเพลงนี้ได้จบลงแล้ว

ทว่าการแสดงของฉินหลางกลับยังไม่จบลง

ฉินหลางใช้โน้ตตัวสุดท้ายของเพลง La campanella มาเริ่มบทเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์

ทุกคนในงานแต่งงานจึงเริ่มร้องเพลงคลอไปกับการบรรเลงของฉินหลาง

“Happy Birth Day to you

“…Happy Birth Day to you

“…Happy Birth Day to you

“…Happy Birth Day to you”

สุดท้ายแล้วฉินหลางจึงจำเป็นต้องแสดงฝีมือต่ออีกหน่อยเพื่อจบการแสดงในครั้งนี้

“ขอบคุณครับทุกคน! เย่เฉิน สุขสันต์วันเกิดนะ!”

ฉินหลางอวยพรเย่เฉินอีกครั้ง

แขกทุกคนในงานลุกขึ้นปรบมือ คนแปลกหน้าจำนวนไม่น้อยถึงขนาดเดินมาดื่มเหล้าให้เย่เฉิน

ฟางเชานิ่งไป นี่เป็นงานแต่งงานของเขาไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงได้มีคนบรรเลงเพลงอวยพรวันเกิดให้เย่เฉิน แถมแขกเหรื่อทั้งหลายก็อวยพรให้เขาด้วย?

ระหว่างวันเกิดกับงานแต่งงาน งานไหนสำคัญกว่ากันกันแน่!

อีกทั้งสถานที่แห่งนี้เขาก็เป็นคนจ่ายเงินเช่า เปียโนก็เงินเขาเช่ามา!

ทำไมเย่เฉินถึงได้กลายเป็นตัวเอกของงานไปได้?

ฟางเชารู้สึกเสียหน้าอย่างมากเขาเดินไปหาฉินหลางแล้วกล่าว “คุณฉินหลางครับ คุณพอช่วยบรรเลงเพลง Mariage d’amour[4] ให้เป็นเกียรติกับผมและเจียเหยาได้ไหมครับ?”

ฉินหลางมองนาฬิกาข้อมือเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยท่าทีลำบากใจ “อ่อ…ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ผมกลัวว่าจะไปขึ้นเครื่องบินไม่ทัน คงต้องไปแล้ว คราวหน้านะครับผมจะต้องชดเชยให้คุณอย่างแน่นอน”

พูดจบฉินหลางก็กอดเย่เฉินแล้วรีบร้อนเดินไป

“นี่…”

ไม่ว่าฟางเชากับฟางเสียนจู่จะเรียกอย่างไรก็รั้งเขาไว้ไม่ได้

ใบหน้าฟางเชาเก้อเขิน ฉินหลางคนนี้มาเพราะเย่เฉินชัดๆ เขาไม่ไว้หน้าตระกูลฟางเลยด้วยซ้ำ!

ฉินหงเหยียนจิบชาอย่างลิงโลด หล่อนรอวันที่เย่เฉินจะเอาคืนฟางเชากับหวังเจียเหยามานานแล้ว

อีกอย่างนี่เพิ่งจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น!

หลังจากฉินหลางกลับไปไม่ถึงหนึ่งนาที ทันใดนั้นเองก็มีชายวัยรุ่นเดินเข้ามาในงาน แล้วกล่าวกับฟางเสียนจู่ว่า

“คุณฟางครับ จู่ๆ หน้างานก็มีคนมาหลายสิบคน พวกเขาไม่มีการ์ดเชิญแต่พวกเขาบอกว่าอยากจะเข้ามาในงาน”

ฟางเสียนจู่แค่นเสียง “งานแต่งงานของคนตระกูลฟางจะปล่อยคนเข้าร่วมงานได้สุ่มสี่สุ่มห้าได้ยังไง? คนที่มาที่นี่แทบทุกคนต่างก็เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองอวิ๋นโจวกันทั้งนั้น? ให้พวกเขาไสหัวไป!”

คนอายุน้อยคนเดิมกล่าวต่อ “คุณฟาง พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นเถ้าแก่เปิดบริษัทกันทุกคน แถมทุกคนยังบอกว่ายินดีจะใส่ซองคนละหมื่นหยวน ขอแค่เข้าร่วมงานแต่งครั้งนี้ได้”

ฟางเสียนจู่ประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวเช่นนี้

พอแขกคนอื่นๆ ได้ยินก็รีบกล่าวเยินยอทันที

“สมแล้วที่คุณฟางเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองอวิ๋นโจว วันนี้ลูกชายแต่งงาน เจ้าของบริษัทเยอะแยะขนาดนี้ยังแห่มาร่วมงานเพื่อมาทำความรู้จักกับคุณ”

“นั่นสิ ถึงแม้ว่าพวกเขาอาจเป็นเจ้าของบริษัทเล็กๆ แต่ว่ามีบริษัทเล็กจำนวนมากขนาดนี้มาขอเข้าพบ นับว่าไม่ง่ายเลยจริงๆ!”

เมื่อฟางเสียนจู่ได้ยินคำสรรเสริญเขาก็กระหยิ่มยิ้มย่องกล่าวเสียงดังว่า “ในเมื่อมีเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กเยอะแยะขนาดนี้อยากจะรู้จักกับผม แถมวันนี้ยังเป็นวันมงคลของลูกชายผมอีก ผมจะยอมแหกกฎสักครั้งเพื่อทุกคนจะได้ร่วมยินดีไปด้วยกัน’

จากนั้นฟางเสียนจู่ก็กล่าวกับชายคนเดิมว่า “ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ แจ้งโรงแรมให้เพิ่มโต๊ะด้วย”

“ครับ!” อีกฝ่ายเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ฟางเชาเองก็รู้สึกได้หน้าอย่างมาก รีบกระซิบกระซาบกับเจ้าสาว “เห็นไหมล่ะ? นี่คือสถานะของคุณพ่อในโลกธุรกิจของอวิ๋นโจว! ธุรกิจเล็กๆ พวกนี้เลียกันเก่งสุดๆ ไปเลย!”

หวังเจียเหยายิ้มฝืนๆ ในใจหล่อนตอนนี้สนใจแต่เย่เฉิน

แต่พอได้เห็นพ่อสามีของตัวเองในตอนนี้ดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ หล่อนเองก็ปลื้มปิติยินดี

แต่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้จะทำให้หล่อนต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง!

[1] ลา กัมปาเนลลา (อิตาลี: La campanella แปลว่า ระฆังใบเล็ก, The Little Bell) เป็นชื่อที่ใช้เรียกงานประพันธ์สำหรับบรรเลงเดี่ยวเปียโน ผลงานของฟรานซ์ ลิซท์ในปี ค.ศ. 1838

[2]แคนนอน Canon หรือ Kanon (สะกดตามต้นฉบับเดิม) เป็นผลงานการประพันธ์ของ Johann Pachelbel คีตกวีและนักออร์แกนสัญชาติเยอรมัน

[3] แต่งโดย ปอล เดอ เซนวิลล์ นักแต่งเพลงชาวฝรั่งเศส

[4] Mariage d’amour (Marriage of Love) เป็นเพลงเปียโนเดี่ยวของฝรั่งเศส แต่งโดย Paul de Senneville ในปี 1979

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
Score 6.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) หลังจากถูกครอบครัวของภรรยาโขกสับมาตลอดสามปีของการแต่งงาน ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เขาจะเอาคืน! เย่เฉินชายหนุ่มที่เป็นลูกหลานตระกูลมหาเศรษฐีที่ลึกลับระดับโลก คุณปู่ของเขามักจะส่งเขาไปทำภารกิจต่างๆ โดยครั้งนี้ก็เช่นกัน ปู่ส่งเขาไปแต่งงานกับหวังเจียเหยา สาวสวยเบอร์หนึ่งของเมืองอวิ๋นโจว โดยปิดบังฐานะที่แท้จริงของเขาเอาไว้ไม่ให้สาวเจ้าได้รู้ เขาจึงต้องตกอยู่ในสภาพของเขยที่แต่งเข้า โดนคนในบ้านผู้หญิงดูถูก มิหนำซ้ำในวันที่เขากำลังจะไปสารภาพความจริง ก็ดันไปเห็นภรรยาที่รักกับชายชู้ แถมยังชักชวนคนมากมายให้ตัดทางทำมาหากินของเขา ด้วยเหตุนั้น เย่เฉินจึงเริ่มลงมือล้างแค้นพวกเขาทุกคน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset