เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต

Sign in Buddha’s palm 152 ตํานานยุทธสังหารโลหิต

 

ภายในตําหนักชุนฝั่งขวา

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกวาดตามองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีการซุ่มโจมตี เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายมามองชายที่นั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้า

 

“เขาคือซูฉินงั้นรึ?”

 

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากไม่ได้ลงมือในทันที เพราะเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนจากกําลังภายในของซูฉินเลย อีกฝ่ายเป็นคนธรรมดาที่ไม่ได้เรียนรู้วิทยายุทธ 

 

ต่อหน้าคนธรรมดา แม้ว่าชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเพิ่งจะใช้ทักษะลับต้องห้ามจนบอบช้ําภายในอย่างรุนแรง เขาก็ไม่คิดว่ามันจะมีภัยคุกคามใดๆ

 

เมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงกําลังคิดย่ามใจ

 

จู่ๆ เขาก็พลันตกใจ

 

“ไม่ถูกต้อง!”

 

“ผิดปกติยิ่ง!”

 

รูม่านตาของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดหดตัวแคบลง ในที่สุดเข้าก็ค้นพบความผิดปกติในที่แห่งนี้มันเงียบ

 

ที่นี่เงียบเกินไป

 

ต้องรู้ว่าชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเพิ่งจะพยายามลอบสังหารจักรพรรดิถังแต่ล้มเหลว ตามหลักแล้วทั่วพระราชวังควรจะเต็มไปด้วยทหารลาดตระเวนเดินตรวจตราค้นหา

 

แต่ตอนนี้

 

ชายที่มีรอยสีแดงบนหน้าผากไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย ราวกับถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว และรู้สึกว่าตนไม่ควรจะมาที่พระราชวังตะวันออกนี่

 

“เจ้าเพิ่งลอบสังหารจักรพรรดิถังมาหรือ?”

 

ในขณะนี้เองซูฉินเหลือบมองมาทางชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผาก ก่อนจะพูดออกไปอย่างสบายๆ

 

ยามเมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงบุกเข้ามาในตําหนักชุนฝั่งขวาแล้วตกอยู่ในค่ายกลฟ้าดิน ซูฉินก็ตื่นตระหนก

 

แต่หลังจากที่ซูฉินใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมทั่วทั้งวังหลวง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ากล้าเข้ามาในวังหลวง นั่นก็เพราะอาศัยสมบัติยับยั้งกลิ่นอายที่อยู่บนร่างของเจ้าสินะ?”

 

ซูฉินเหลือบมองชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีเลือด สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายสวมใส่ชุดโปร่งใสที่มีสีแดงจางๆ 

 

ตามจริงแล้ว ด้วย”อาภรณ์” ชุดนี้ทําให้กลิ่นอายของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเกือบจะกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ หากพบกับจอมยุทธที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ ก็คงจะหลบหนีการตรวจจับได้จริงๆ

 

แน่นอนว่ามันเพียงจํากัดอยู่แค่ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หนึ่งเท่านั้น

 

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สอง ผลของ”อาภรณ์” ชิ้นนี้จะลดลงอย่างมาก และสําหรับตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม “อาภรณ์” ชิ้นนี้แทบจะไม่ส่งผลอีกต่อไปแล้ว

 

สําหรับซูฉินซึ่งเป็นอรหันต์ที่ใกล้จะถึงขั้นสมบูรณ์ของนภาชั้นที่ห้านั้น “อาภรณ์” ของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดชิ้นนี้ก็ได้สูญเสียความสามารถในการปิดบังกลิ่น อายไปเสียนานแล้ว

 

“สมบัติยับยั้งกลิ่นอาย?”

 

“เจ้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงรู้สึกหนาวเย็นจับขั้วหัวใจ 

 

รู้หรือไม่ว่าอาภรณ์หยก”ยับยั้งกลิ่นอาย” บนร่างของเขาสามารถปกปิดตัวตนต่อตํานานยุทธได้ แต่ซูฉินกลับปราดตามองแวบเดียวก็เห็นมันได้ตั้งแต่แรก

 

นี่ นี่ นี่เป็นไปได้อย่างไร?

 

ยิ่งชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ หนังศีรษะเขาก็ยิ่งชาวาบมากขึ้นเท่านั้น

 

สมองเขาแล่นเร็วจี้ จู่ๆ ความคิดที่น่าเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นในใจของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือด

 

หรือชายที่ชื่อซูฉินที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้คือตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ในวังงั้นหรือ?

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็เริ่มตัวสั่น ความรู้สึกสํานึกในความผิดพลาดของตนซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บัดนี้เกิดขึ้นจนท่วมท้นในหัวใจ

 

เขาจะหนีไปไหนได้ แม้ว่าอยู่ภายในโถงชีวิตนิรันดร์ ดิ้นรนหลบหนียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนับสิบคนก็ยังดีกว่าวิ่งหนีไปเอาตัวรอดจากตํานานยุทธ..

 

ทันใดนั้นชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงก็พลันคิดภาพที่ตนเองเพิ่งออกจากถ้ำของหมาป่ามาเจอถ้ำเสือ

 

ไม่ใช่

 

นี่ไม่ใช่ถ้ำเสืออีกต่อไป

 

มันคือรังมังกร รังหงส์เพลิง…

 

“เจ้าเป็นใคร” ซูฉินเหลือบมองชายผู้มีรอยสัญลักษณ์สีแดงที่กําลังสั่นเทา แล้วจึงเอ่ยถาม

 

“ข้า….”

 

ชายที่มีรอยสีแดงเลือดบนหน้าผากเปิดปากพูดออกมา การแสดงออกทั้งหมดเปลี่ยนไปกลายเป็นให้ความเคารพอย่างยิ่งยวด

 

หากการคาดเดาของเขาเป็นความจริงที่ซูฉินเป็นตํานานยุทธที่ซ่อนตัวอยู่ในวัง ในตอนนี้เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องให้เกียรติคนตรงหน้า

 

“นักฆ่า ศิษย์หลักจากสํานักสังหารโลหิต ขอคารวะผู้อาวุโส…” ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดก้มศีรษะลงก่อนจะกล่าวคํา เขาไม่กล้ามองไปยังซูฉินตรงๆ

 

แม้ว่าในสายตาของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดง ซูฉินจะยังดูเด็กมาก ไม่ได้ดูแก่ไปกว่าตนเลยสักนิด

 

แต่ถ้าซูฉินเป็นตํานานยุทธจริงๆ รูปลักษณ์ที่อ่อนเยาว์ มันยังจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเล่า?

 

สําหรับตํานานยุทธ การฟื้นกลับสู่ความเยาว์วัยนั้นง่ายดายราวกับการกินดื่มอาหาร

 

ซูฉินดูยังหนุ่มมาก แต่บางทีเขาอาจจะเป็นสัตว์ประหลาด เฒ่าที่มีชีวิตมาหลายร้อยปีแล้วก็เป็นได้?

 

“สํานักสังหารโลหิต?”

 

“คนของสํานักสังหารโลหิต?”

 

ใบหน้าของซูฉินมีแววครุ่นคิด

 

เขาอยู่ในวังมานานกว่าสิบปี และได้อ่านหนังสือในวังมาหมดแล้ว แน่นอนว่าย่อมรู้จักองค์กรนักฆ่าอย่างสํานักสังหารโลหิต

 

เมื่อเร็วๆ นี้ ตํานานยุทธคนล่าสุดก็มาจากสํานักสังหารโลหิตนี่แหละ

 

เนื่องจาก หลังตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตหายตัวไปเมื่อสองร้อยปีก่อน ก็ไม่มีตํานานยุทธคนอื่นที่กําเนิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้

 

ยกเว้นซูฉิน

 

สําหรับคนตรงหน้าเขาเป็นถึงศิษย์หลักของสํานักสังหารโลหิต ซึ่งจะได้เป็นผู้นําของสํานักสังหารโลหิตในอนาคต 

 

วิชาลอบสังหารโลหิตที่ถ่ายทอดให้กับศิษย์หลักแต่ละรุ่นล้วนสืบทอดมาจากตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อน

 

“ครานี้สํานักสังหารโลหิตได้มารบกวนผู้อาวุโสเสียแล้ว ความผิดครั้งนี้สมควรตายนับหมื่นๆ ครั้ง เมื่อข้ากลับออกไปข้าจะให้สํานักสังหารโลหิตมาขอโทษท่านอย่างจริงใจแน่นอน ”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงโค้งคารวะแล้วกล่าวคํา

 

เขาจงใจย้ำคําว่า “สํานักสังหารโลหิต” ถึงสองครั้งเพื่อให้ซูฉินเกรงใจกันบ้างสักเล็กน้อย

 

แม้ว่าตํานานยุทธจากสํานักสังหารโลหิตจะหายตัวไป แต่ก็ไม่ได้ตายจากไปอย่างสมบูรณ์

 

หากซูฉินพอจะเกรงกลัวอยู่บ้างในใจ มันคงเป็นวิธีเอาตัวรอดเพียงอย่างเดียวของเขา

 

“ข้ารู้แล้วล่ะ”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นเจ้าก็จงตายไปเสีย”

 

ซูฉินยกมือขึ้น คว้าจับออกไปสุ่มๆ ในอากาศ

 

ทันใดนั้นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นก็ปกคลุมไปทั่วทั้งตําหนักชุนฝั่งขวาในทันที

 

พลังในอากาศทุกอณูเหมือนถูกแช่แข็ง ภายใต้คลื่นพลังนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงรู้สึกเหมือนว่าตนเป็นแมลงที่ตกลงไปในทะเลสาบ แค่เคลื่อนไหวยังยาก นับประสาอะไรกับการพยายามหลบหนี

 

“อ้า!”

 

สีหน้าของชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว แต่ด้วยอํานาจแรงกดดันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากค่อยๆ มองตนเองมุ่งหน้าสู่ความตาย

 

ทันใดนั้น

 

ยามเมื่อชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเลือดกําลังจะถูกบดขยี้

 

หวึ่ง!

 

สัญลักษณ์สีแดงเลือดบนหน้าผากก็พลันเรืองแสงออกมา

 

ในทันทีหลังจากนั้น

 

ร่างกํายําสวมใส่ชุดคลุมสีแดงเลือด ดวงตาสีแดงสดก็โผล่ออกมาจากสัญลักษณ์อันนั้น

 

“ท่านบรรพจารย์!”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเห็นภาพนั้น ใบหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความยินดี

 

สัญลักษณ์สีเลือดบนหน้าผากของเขาเปรียบเหมือนของประจําตัวของศิษย์หลักแต่ละรุ่น ว่ากันว่ามันถูกทิ้งเอาไว้โดยตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิตเมื่อสองร้อยปีก่อน

 

เดิมที่ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงคิดว่าสิ่งนี้เป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นไฟลับที่ถูกทิ้งไว้โดยตํานานยุทธของสํานักสังหารโลหิต

 

“คิดสังหารลูกศิษย์ข้างั้นรึ”

 

ทันทีที่ร่างมายาในชุดคลุมสีแดงปรากฏขึ้น มันก็มองไปที่ซูฉินซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลทันทีหลังจากนั้น

 

ร่างมายาชุดคลุมแดงก็เห็นซูฉินใช้มือขวาคว้าจับอากาศเบื้องหน้าเบาๆ

 

ในเวลาต่อมา

 

ร่างมายาในชุดคลุมสีแดงก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ ทั้งร่างเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุดก็สลายหายไปกลายเป็นฝุ่นลอยไปในอากาศ

 

“นี่คือ?”

 

ชายที่มีรอยสัญลักษณ์สีแดงเห็นฉากดังกล่าว เขาก็ได้แต่ยืนอยู่แบบนั้น ในใจไม่คิดอยากจะเชื่อภาพที่ตนเห็น

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset