เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 164 หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษา

Sign in Buddha’s palm 164 หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษา

ด้านนอกสวนต้องห้าม

 

องค์จักรพรรดิเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

 

ซูเยวหยุนจงใจเลี่ยงความสนใจโดยการขออยู่เพียงลําพังกับซูฉิน ทําไมจักรพรรดิถังจะไม่รู้ว่านางหมายความว่าอะไร

 

“เด็กโง่ ยังมัวมากังวลอีกว่าข้าจะยอมรับไม่ได้…” แววตาของจักรพรรดิถังฉายแววอ่อนโยน

 

เขาอยู่ท่ามกลางประชาชนคนทั่วไปมากว่าสามสิบปีแล้ว แม้ว่าจะมีหลิวกงกงที่ได้รับคําสั่งจากองค์จักรพรรดิถังพระองค์ก่อนให้ปกป้องเขาอยู่อย่างลับๆ แต่หลิวกงกงก็จะทําหน้าที่เพียงแค่ปกป้องจากอันตรายเท่านั้น

 

ตราบใดที่จักรพรรดิถังไม่มีภัยคุกคามใดถึงชีวิต หลิวกงกงก็จะไม่ออกหน้า

 

ด้วยสถานการณ์เช่นนั้นทําให้จักรพรรดิถังไม่เคยได้รับความรู้สึก ไม่เคยรู้ว่าความอบอุ่นนั้นเป็นเช่นไร

 

จนกระทั่งเขาได้พบพานกับซูเยว่หยุน จักรพรรดิถังก็ตระหนักว่าความอบอุ่นนั้นหน้าตาเป็นเช่นไร

 

และนั่นก็ทําให้ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ กว่าสิบปีแล้วที่จักรพรรดิถังขึ้นครองบัลลังก์ แต่ตัวเขาก็ไม่เคยรับนางสนมคนใดเลย ยืนกรานในคําสัญญาว่าจะแต่งงานกับซูเยว่หยุนคนเดียวเท่านั้น

 

“ฝ่าบาท หยุนเอ๋อจะต้องไม่เป็นอะไร” ซูชื่อหมินที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะกล่าวปลอบใจขึ้นมา

 

หลังจากเกิดเรื่องใหญ่โตดังกล่าว ตระกูลซูก็รีบเดินทางเข้าวังหลวงมาแต่เช้าเพื่อจะเยียมซูเยว่หยุน

 

“ถูกต้อง ฝ่าบาท เสี่ยวฉันอยู่วัดเส้าหลินมานานหลายปี ต้องได้เรียนรู้ทักษะอะไรมาไม่น้อย” ซูเฉิงฮ่าวพูดอย่างระมัดระวัง

 

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจเบาๆ เมื่อได้ยินคําพูดนั้น

 

“หยุนเหนียงกับพี่สามเข้าไปนานแค่ไหนแล้วนะ?” จักรพรรดิถังเงียบไปครู่หนึ่งแล้วมองไปยังสวนต้องห้ามที่อยู่ถัดออกไป

 

สวนต้องห้ามได้รวบรวมดอกไม้ล้ําค่าทั่วทั้งดินแดน ปกติมีคนคอยดูแลพวกมันอยู่ตลอดเวลา ต้องรู้ว่าดอกไม้พวกนี้บอบบางยิ่ง เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปมันก็จะค่อยๆเหี่ยวเฉา

 

“ฝ่าบาท ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

 

คนสวนกล่าวคําเสียงสั่นๆ ทันทีที่ได้ยินคําถามนั้น

 

“ครึ่งชั่วโมง?”

 

จักรพรรดิถังขมวดคิ้วเล็กน้อย “ยามนี้จะมีดอกไม้บานมากเท่าใดกันในสวนต้องห้าม? ใช้เวลานานเพียงนี้กับการเดินชมดอกไม้?”

 

ในสายตาของจักรพรรดิถัง ซูเยวหยุนและซูฉินไปที่สวนต้องห้ามเพื่อระลึกถึงความหลังให้ได้มากที่สุด และมันคงจะใช้เวลาไม่นาน แต่แปลกที่ว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมากัน

 

“ฝ่าบาท ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว ดอกไม้ส่วนใหญ่เหี่ยวเฉา และมีดอกไม้ที่ยังบานอยู่ไม่มากนัก” คนสวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงรายงาน

 

เขาดูแลสวนต้องห้ามอยู่ทุกวัน และย่อมรู้สภาพการณ์ทุกอย่างภายในนั้นเป็นธรรมดา

 

ฉับพลัน

 

ในตอนนั้นเอง

 

ซูเฉิงฮ่าวที่อยู่ด้านข้างก็โพล่งขึ้นมาว่า “พวกเจ้า ได้กลิ่นดอกไม้หรือไม่?”

 

หลังจากซูเฉิงฮาวพูดจบ เขาก็สูดดมอย่างแรง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

 

“กลิ่นดอกไม้?”

 

“กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ขจรขจายในฤดูหนาวมันเป็นเรื่องบ้าอันใด?” ซูชื่อหมินกลอกตาและกําลังจะดุซูเฉิงฮ่าวเพื่อที่จะไม่ทําตัวน่าอับอายต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท 

 

แต่วินาทีต่อมา

 

ซูชื่อหมินก็ตกตะลึง

 

“ดูเหมือนว่ามันจะมีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาจริงๆ?”

 

ซูชื่อหมินตะลึงงัน ไม่อยากจะเชื่อ

 

“มันเป็นกลิ่นหอมของดอกไม้จริงๆ น่าจะเป็นกลิ่นของดอกท้อ ข้าจําได้ว่าสมัยเด็กข้ามักจะไปวิ่งเล่นที่ภูเขาด้านหลังซึ่งมีดอกท้ออยู่มากมายที่นั่น” ซูเฉิงยู่กลืนน้ําลาย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

 

ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะจมูกของตนได้กลิ่นดอกไม้จริงๆ เขาคงคิดว่าตนมีอาการประสาทหลอนเป็นแน่

 

ดอกท้อเป็นดอกไม้ที่บานใบฤดูใบไม้ผลิ ตอนนี้เข้าฤดูหนาวแล้ว จะหากลิ่นหอมของดอกท้อได้ที่ไหนกัน?

 

“ดอกท้อ?”

 

จักรพรรดิถังขมวดคิ้ว ดูเหมือนมันจะยากที่จะทําความเข้าใจว่าเหตุใดกลิ่นหอมของดอกท้อจึงปรากฏขึ้นในขณะนี้

 

“ดอกท้อ นี่เป็นกลิ่นของดอกท้อที่บานสะพรั่งจริงๆ” คนสวนแห่งราชสํานักที่อยู่ใกล้ๆพึมพําอยู่กับตนเอง

 

หากกลิ่นหอมของดอกท้อในฤดูหนาวทําให้คนอื่นๆตกตะลึงเช่นนี้แล้ว ในสายตาของผู้ที่ดูแลดอกไม้มาทั้งชีวิต ก็เหมือนกับโลกนี้กลับตาลปัตรไปหมด

 

ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ชนิดใดล้วนผลิบานตามฤดูกาล ตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่บัดนี้ 

 

คนสวนหลายคนต่างจ้องหน้ากัน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะหลุดออกจากภวังค์ได้

 

“กลิ่นหอมของดอกท้อดูเหมือนจะมาจากสวนต้องห้าม.” ซูเฉิงฮ่าวมองไปรอบๆ และในที่สุดก็จ้องไปที่สวนต้องห้าม

 

“สวนต้องห้าม?”

 

ใบหน้าของจักรพรรดิถังเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“พี่สามกับหยุนเหนียงก็อยู่ข้างในนั้นนี่”

 

จักรพรรดิถังคิดถึงเรื่องนี้ก็กัดฟันเดินไปยังสวนต้องห้ามในทันที

 

ซูชื่อหมิน และสองพี่น้องอย่างซูเฉิงฮาวกับซูเฉิงยู่มองหน้ากันและในที่สุดก็ติดตามไปด้วย

 

ภายในสวนต้องห้าม

 

ซูเยวหยุนมองดอกท้อที่บานสะพรั่งไปทั่วทุกทิศทางด้วยความไม่อยากจะเชื่อ กลิ่นหอมอบอวลในอากาศทําให้นางรู้สึกเหมือนกําลังย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมที่ดอกไม้บานสะพรั่ง

 

“พี่สาม…ท่าน…”

 

ซูเยวหยุนมองไปที่ซูฉินด้วยสีหน้าว่างเปล่า จิตใจนางเองก็ตื้อไปหมด ในขณะนี้ซูเยว่หยุนมีข้อสงสัยมากมาย แต่สุดท้ายนางก็ไม่รู้จะถามอะไร

 

“ดีแล้ว”

 

“ไม่ต้องพูดอะไร”

 

“เจ้าก็ได้ดูดอกไม้ไปแล้ว”

 

“ต่อไปข้าจะรักษาเจ้าเอง”

 

ดวงตาของซูฉินแลดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

 

ถ้ามันเป็นเพียงการช่วยรักษาซูเยว่หยุน ซูฉินก็คงไม่ต้องคิดอะไรมากนัก

แต่ซูฉินหาได้พอใจกับสิ่งนั้นไม่

 

เขาต้องการใช้โอกาสครั้งนี้ในการพลิกฟื้นร่างกายของซูเยวหยุนตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอกโดยสมบูรณ์ “เปลี่ยนแปลงทั่วทั้งร่างอีกครั้ง

 

“เจ้านอนก่อนเถิด”

 

“เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าจะพบว่าโลกใบนี้ได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว”

 

ซูฉินมองไปที่ซูเยวหยุน ยกมือขวาขึ้นแตะเบาๆไปที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของอีกฝ่าย

 

ทันใดนั้น

 

ซูเยวหยุนก็รู้สึกเพียงว่าสภาพโดยรอบกําลังหมุน สติของนางค่อยๆ จมดิ่งสู่ความมืดมิด

 

“หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษา”

 

ซูฉินเพียงคิด ทันใดนั้นขวดหยกขาวขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นมา

 

ภายในขวดหยกมีของเหลวสีฟ้าอ่อนอยู่เล็กน้อย กําลังแผ่ไอพลังแห่งชีวิตอันแรงกล้าออกมา

 

หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาขวดนี้ ซูฉินลงชื่อ ได้รับมันเมื่อนานมาแล้ว สรรพคุณสามารถปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายและรักษาอาการบาดเจ็บได้

 

สําหรับซูฉินแล้ว เป็นธรรมดาที่หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาจะไม่มีผลอะไรกับตน ไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่ได้รับการแปรสภาพมาสีครั้งเลย เพียงแค่มีทิพยอํานาจกาย เนื้อกําเนิดใหม่ก็สูงล้ําเกินกว่าผลของหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาไปไกล

 

“แม้ว่าหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาจะไม่มีผลสําหรับข้า แต่มันก็ยังทรงพลังมาก จอมยุทธที่อยู่ต่ํากว่า ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งไม่สามารถที่จะแตะต้องมันได้”

 

“แต่เมื่อยามที่ข้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์ ความเข้าใจในพลังธรรมชาตินั้นละเอียดยิ่งขึ้น ข้าสามารถทําให้คนธรรมดาดูดซับหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาได้โดยสมบูรณ์ด้วยซ้ํา นับประสาอะไรกับผู้ฝึกยุทธอย่างน้องสาวข้า?”

 

ซูฉินมองไปที่ขวดหยกที่อยู่ตรงหน้า จิตของเขาก็เริ่มสั่งการ

 

ช่วงเวลาต่อมา

 

จุกขวดค่อยๆเปิดออก ของเหลวสีฟ้าหยดหนึ่งก็ลอยออกมา

 

ของเหลวสีฟ้าหยดนี้ล่องลอยหมุนวนไปในอากาศ ร่องรอยของพลังชีวิตค่อยๆแผ่ขยายออกมา

 

“จงไป”

 

ด้วยการควบคุมของซูฉิน หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาหยดนี้จู่ๆก็ระเบิดออกกลายเป็นไอหมอกสีเขียวห่อหุ้มร่างของซูเยวหยุนเอาไว้

 

ขณะที่ซูเยวหยุนหายใจเข้า หมอกสีเขียวก็ค่อยๆใหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างสมบูรณ์

 

“หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาอัดแน่นไปด้วยพลังฟ้าดิน มีเพียงร่างกายของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้นที่สามารถรับได้”

 

“ถึงแม้น้องเล็กจะดูดซึมมันเข้าไปด้วยความช่วยเหลือของข้า แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่การนําไปใช้ด้วยตนเอง ต้องหลับไหลไปชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้หยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาเปลี่ยนเป็นพลังชีวิตได้อย่างสมบูรณ์”

 

มองเผินๆก็ดูเหมือนซูเยวหยุนดูดซึมหยดน้ําจิตวิญญาณ กําเนิดพฤกษาไปอย่างหมดจด แต่ในความเป็นจริงก็ยังมีหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาสะสมคั่งค้างอยู่ภายในร่างกาย

 

ในตอนนั้นเอง

 

ก็มีเสียงฝีเท้าที่ด้านนอกสวนต้องห้าม เป็นจักรพรรดิถัง ซูชื่อหมินและสมาชิกตระกูลซูคนอื่นๆที่รีบเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

 

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset