เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ!

Sign in Buddha’s palm 165 เข้าสู่ระบบ! ผลไม้ แก่นปีศาจ!

 

“พี่สาม”

 

“พี่สาม พวกท่านเป็นอะไรหรือไม่”

 

จักรพรรดิถังก้าวเข้ามาแล้วกล่าวอย่างกังวล “นี่ข้าเหมือนได้กลิ่นดอกท้อมาจากที่นี่…”

 

ทันทีที่จักรพรรดิถังเห็นซูเยว่หยุนนอนอยู่บนก้อนหิน เขาก็ไม่สนใจกลิ่นหอมของดอกไม้อีกต่อไป เขารีบก้าวเข้าไปถามไถ่อย่างห่วงใย “พี่สาม หยุนเหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?”

 

“นางสบายดีอย่างยิ่ง”

 

ซูฉินตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

ในเวลานี้ซูเยวหยุนหายเป็นปกติแล้วตั้งแต่ที่ดูดซึมหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาเข้าไปอย่างสมบูรณ์ และร่างกายของนางก็ถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นร่างจิตวิญญาณ พฤกษา

 

ร่างจิตวิญญาณพฤกษาเป็นร่างกายที่เหมาะสมกับการฝึกยุทธชนิดหนึ่ง ทรงพลัง แข็งแรง ต้านทานโรคต่างๆ ได้ แม้จะไม่ได้ฝึกฝนวิชายุทธก็สามารถมีชีวิตอยู่อย่างไร้โรคภัยได้ตลอดร้อยปี หากเป็นผู้ฝึกยุทธพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ

 

อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับหลีหว่านที่มีร่างกายปลอดโปร่งโดยกําเนิด แต่ก็ดีกว่าคนทั่วไปมาก

 

ในความเป็นจริง ตั้งแต่ที่ซูฉินเข้าสู่นภาชั้นที่หก เขาก็กําลังคิดพิจารณาว่าเมื่อใดที่จะมอบหยดน้ำจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาให้กับตระกูลซูดี

 

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ช่วยเสริมพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ อย่างน้อยๆ มันก็ช่วยทําให้มีอายุยืนยาวขึ้นได้อีกหลายสิบปี

 

“หยุนเหนียงสบายดีอย่างยิ่ง?”

 

หัวใจของจักรพรรดิถังที่บีบตัวแน่น ในที่สุดก็คลายออกได้บ้าง

 

ถ้าเป็นคนอื่นที่พูด จักรพรรดิถังอาจจะยังเคลือบแคลง สงสัยอยู่

 

อย่างไรก็ตามจักรพรรดิถังเข้าใจบุคลิกของซูฉินดี เขาจะไม่พูดเกินจริงและจะไม่พูดถ่อมตนเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อซูฉินกล่าวว่าซูเยว่หยุนอาการดีมาก ซูเยว่หยุนก็น่าจะไม่มี ปัญหาใดจริงๆ

 

“รู้สึกว่าน้องเล็กดูเยาว์วัยลงมาก…” ซูเฉิงฮ่าวที่อยู่ด้า ข้างก็เบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

 

ด้วยคําที่กล่าวออกมา

 

ทําให้จักรพรรดิถังเองก็เพิ่งมาสังเกตดูชัดๆ

 

หากเป็นซูเยวหยุนเมื่อก่อนคงจะดูซีดเซียวกว่านี้ แต่ตอนนี้เหมือนได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง

 

“แล้วกลิ่นหอมของดอกไม้เมื่อครู่มาจากไหนกันนะ?” ซูเฉิงยู่กะพริบตาและมองไปรอบๆ อย่างสับสน

 

ก่อนหน้านี้ ตอนที่ซูฉินรั้งพลังกลับไป ดอกท้อที่บานสะพรั่งก็แห้งเที่ยวกลับไปเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ซูเฉิงยู่เฝ้ามองโดยรอบเป็นเวลานานแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ

 

“ฝ่าบาท พลังชีวิตภายในร่างกายของพระนางไม่เพียงแต่ได้รับการฟื้นฟูกลับมาเท่านั้น แต่กลับยังไปไกลเกินกว่าที่เคยมีมาเสียอีก นี่มันช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ”

 

“ทักษะทางการแพทย์ของพระมาตุลาแห่งอาณาจักรช่างเหนือล้ำอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนและคงจะไม่ได้เห็นจากใครอื่นอีกแล้ว ที่ข้าพูดนั้นมิได้เกินจริงเลย…”

 

หมอหลวงที่ติดตามองค์จักรพรรดิถังได้ตรวจสอบซูเยว่หยุนที่กําลังหลับอยู่ แล้วจึงอุทานออกมา

 

เขารู้อยู่แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของซูฉินนั้นยอดเยี่ยม แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะน่าเหลือเชื่อขนาดนี้?

 

ต้องรู้ว่าหมอหลวงทุกคนได้เห็นสภาพร่างกายของซูเยว่หยุนด้วยตาของตนเองแล้ว และพวกเขาก็เข้าใจถึงความลําบากยากเย็นในการรักษาอาการเหล่านี้

 

หากซูฉินใช้เวลาสองสามเดือน ใช้โอสถโบราณหลายขนานต้มให้กิน รักษาทั้งภายในและภายนอก ค่อยๆ รักษาอาการซูเยว่หยุนให้ฟื้นกลับมา หมอหลวงก็ยังคงพอยอมรับได้

 

แต่ในยามนี้?

 

ซูฉินเพิ่งไปเดินเล่นรอบๆ สวนต้องห้ามกับซูเยวหยุน ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงซูเยวหยุนกลับหายเป็นปกติแล้ว…

 

ไม่เพียงแต่หายขาดจากโรค แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของซูเยว่หยุนยังดีกว่าขึ้นกว่าที่เคยซึ่งมันน่าเหลือเชื่อมาก 

 

“พี่สาม”

 

“ทําไมหยุนเอ๋อถึงยังไม่ตื่นเล่า”

 

จักรพรรดิถังรู้สึกยินดีอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่ง และก็พบว่าซูเยว่หยุนอยู่ในสภาวะหลับสนิทอยู่ตลอดเวลา จึงถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง

 

“แม้ว่าข้าจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการนอนหลับพักฟื้นอีกประมาณสองปีจึงจะตื่นขึ้น”

 

ซูฉินเหลือบมองไปที่ซูเยว่หยุนแล้วจึงกล่าวคํา

 

นี่เป็นเหตุผลที่ซูฉินลังเลใจในตอนแรก ด้วยความช่วยเหลือของซูฉินถึงแม้จะทําให้ซูเยวหยุนสามารถดูดซึมหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาได้อย่างราบรื่น แต่ก็ต้องหลับใหลไปถึงสองปี

 

แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับหลังจากนี้ การหลับใหลไปสองปีนั้นไม่คุ้มค่าที่จะพูดถึง

 

“สองปี?”

 

จักรพรรดิถังถอนหายใจเล็กน้อย

 

ตราบใดที่ซูเยว่หยุนยังตื่นขึ้นมา ไม่ใช่แค่สองปี แม้ว่าจะเป็นเวลายี่สิบปีหรือสามสิบปี จักรพรรดิถังก็ยังรอได้ 

 

“คราวนี้ข้ารบกวนพี่สามอีกครั้งแล้ว”

 

จักรพรรดิถังโค้งคํานับซูฉินเล็กน้อย คําพูดเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก

 

ตั้งแต่ที่เขาขึ้นครองราชย์ ไม่รู้ว่าซูฉินช่วยตนเองมากี่ครั้งแล้ว จักรพรรดิถังเองก็จําไม่ได้

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าจะขอตัวกลับก่อน”

 

ซูฉินได้พูดคุยกับซูชื่อหมิน ซูเฉิงฮ่าว และซูเฉิงยู่เล็กน้อย จากนั้นเขาก็เตรียมพร้อมที่จะกลับไปพระราชวังใต้ผืนดินอันสูงตระหง่าน

 

ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่หก เขาต้องใช้เวลาอีกสักพักเพื่อที่จะทําให้ระดับขั้นปัจจุบันเสถียร เพื่อที่จะคุ้นเคยกับพลังของระดับนภาชั้นที่หกมากขึ้น

 

หลังจากที่ซูฉินจากไป

 

ซูเฉิงอ่าวกะพริบตาปริบๆ และอดไม่ได้ที่จะถามซูชื่อหมินว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ถามเสี่ยวฉินหรือว่าทําไมจู่ๆ ถึงมีกลิ่นหอมของดอกท้อโชยขจรขจาย…”

 

แม้ว่าซูเฉิงฮ่าวจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงมีกลิ่นหอมของดอกไม้โชยมา แต่ทิศทางน่าจะมาจากสวนต้องห้าม มีเพียงซูฉินและซูเยว่หยุนเท่านั้นที่อยู่ในสวนต้องห้ามเท่านั้นก่อนหน้านี้ ถ้าจะมีใครสักคนรู้ ผู้นั้นก็คงมีแต่ซูฉินเท่านั้น

 

“กลิ่นดอกไม้?”

 

ซูชื่อหมินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ช่างมันเถอะ ฉินเอ๋อเพิ่งจะรักษาหยุนเอ๋อไปคงจะเหนื่อยมาก ถ้าคราวหน้าพ่อเจอฉินเอ๋ออีก พ่อจะถามให้”

 

“อย่างนั้นก็ได้”

 

ซูเฉิงฮ่าวพยักหน้า

 

ในเวลาเดียวกัน

 

ซูฉินกลับมาที่โถงพระราชวังใต้ดิน

 

“แน่นอน หลังจากที่มาถึงระดับนภาชั้นที่หก ข้ารู้สึกได้รางๆ ว่าการจะทะลวงเข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดคงจะใช้เวลานาน”

 

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ รับรู้ถึงร่างกายของตน โคจรแก่นแท้แห่งพลัง ครุ่นคิดอยู่ในใจ

 

แตกต่างจากการบ่มเพาะในระดับนภาชั้นที่ห้า สําหรับนภาชั้นที่ห้าหากต้องการจะตัดผ่านทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับถัดไป ก็เพียงแต่จะต้องสะสมพลังงานให้เพียงพอ เตรียม อารมณ์เตรียมใจให้พร้อม

 

แต่ยามที่อยู่ในระดับนภาชั้นที่หกจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ด จําเป็นต้องเผชิญหน้ากับโซ่ตรวนและคอขวดที่กั้นกลางอยู่

 

ไม่ว่าจะเป็นตํานานยุทธหรืออรหันต์ มีเพียงผู้ที่เข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นจึงจะเรียกว่าตํานานยุทธที่แท้จริงหรืออรหันต์ที่แท้จริงได้

 

นอกจากนี้ มีเพียงอัจฉริยะที่เข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นที่มีโอกาสควบรวมอาณเขตพลังขนาดเล็ก ขึ้นมาได้

 

นี่แสดงให้เห็นว่าสําหรับอรหันต์หรือตํานานยุทธทั้งหลายระดับนภาชั้นที่เจ็ดเป็นการแปรสภาพอีกครั้งอย่างแน่นอน

 

….

 

ณ โลกถ้ำปิศาจ

 

ท้องฟ้ามืดครื้มไปหมด

 

ซูฉินเดินช้าๆ ไปยังต้นไม้ปีศาจที่แห้งเหี่ยวเหลือเพียงแต่ตอ

 

กลิ่นอายของต้นไม้ปีศาจนี้ช่างเก่าแก่ แม้ว่ามันจะเหี่ยวเฉาไปแล้วในตอนนี้ แต่มันก็เคยอยู่มากว่าหมื่นปี ซึ่งตรงตามเงื่อนไขในการลงชื่อเข้าใช้ของซูฉิน

 

“ระบบลงชื่อเข้าใช้ถูกผูกเข้ากับจิตวิญญาณแท้จริงของข้า แม้จะเปลี่ยนร่างไปตราบใดที่จิตวิญญาณแท้จริงของข้ายังไม่เปลี่ยนแปลงไป ข้าก็สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้”

 

“มีจิตวิญญาณแท้จริงอยู่เกือบครึ่งภายในร่างจําแลงร่างนี้ ถ้าว่ากันตามจริงแล้วก็ควรจะลงชื่อเข้าใช้ได้”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา

 

จิตวิญญาณแท้จริงคือสิ่งใด

 

จิตวิญญาณแท้จริงคือสิ่งที่สําคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิต 

 

จิตวิญญาณแท้จริงของแต่ละคนจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป เป็นตัวแทนของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นๆ

 

ร่างกายสามารถทําลายได้ จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สามารถสลายหายไป แต่จิตวิญญาณแท้จริงนั้นมีเพียงแค่หนึ่งเดียว

 

ยกตัวอย่างเช่นตัวตนอย่างตํานานยุทธและอรหันต์ การที่ร่างกายตายไปไม่นับเป็นการตายที่แท้จริง มีแต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์สลายหายไปเท่านั้นถึงจะนับเป็นการตายที่สมบูรณ์

อันที่จริงประโยคนี้ก็ใช่จะถูกต้องเสียทั้งหมด เพราะเบื้องหลังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีจิตวิญญาณแท้จริงอยู่

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองดูต้นไม้ปีศาจที่อยู่ข้างหน้าและพิ่มฟ้ในใจว่า

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จได้รับ “ผลไม้แก่นปีศาจ” ]

 

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset