เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 217 เมืองอินจีที่สร้างทับภูเขาไฟ

 

Sign in Buddha’s palm 217 เมืองอินจีที่สร้างทับภูเขาไฟ

 

“จ้าวทะเลบูรพา?”

 

ผู้อาวุโสทั้งหลายของเหล่านิกายใหญ่ต่างมองหน้ากันและมีร่องรอยความตกใจวาบออกมาผ่านดวงตา

 

พวกเขาทั้งหมดต่างมาจากนิกายใหญ่ มรดกตกทอดของนิกายได้รับการสืบทอดมาอย่างสมบูรณ์ แน่นอนพวกเขารู้เรื่องเกี่ยวกับช่วงกระแสปราณฉีฟื้นคืนครั้งล่าสุด นอกจากนี้ยังรู้จักจ้าวทะเลบูรพา

 

แม้แต่ในยุครุ่งเรืองของกระแสปราณฉี เซียนเทพปฐพีนั้นก็ยังหายากอย่างยิ่ง นับประสาอะไรกับจ้าวทะเลบูรพาที่ เป็นถึงมหาอํานาจผู้ไร้เทียมทานอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพี

 

“นิกายเฮยหยวนของเจ้ารู้ที่ตั้งถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาได้อย่างไร?” เฉว่ยว ผู้อาวุโสแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะองมองไปที่หมิงโยวแล้วถามออกมา

 

จ้าวทะเลบูรพานั้นเป็นตัวตนระดับใดกัน ถ้ําเซียนของเขาย่อมเป็นความลับสุดยอด แม้จะมีคนรู้ความลับนี้จริงๆ ก็ต้องเป็นเซียนเทพปฐพี่ในระดับเดียวกัน

 

ถ้าจะกล่าวว่านิกายใหญ่ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมาแล้วทั้งนั้นภายในนิกาย แต่วิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวนนั้นจํากัดพลัง ทําให้ไม่เคยมีผู้ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มาก่อน

 

ถ้าไม่ใช่เพราะวิชาอันแปลกประหลาดของนิกายเฮยหยวนและมีบรรพชนมากมายที่หลับใหลอยู่ในนิกายเกรงว่าบัดนี้พวกเขาคงถูกถอดออกจากการเป็นนิกายใหญ่ไปแล้ว

 

“เฮเฮ”

 

หมิงโยวในชุดคลุมสีดํายิ้มเยาะ “เมื่อหลายพันปีก่อน ผู้นําเฮยหยวนบังเอิญได้พบกับลูกหลานคนหนึ่งของศิษย์จ้าวทะเลบูรพาดังนั้นจึงชักชวนคนผู้นั้นเข้าสู่นิกายเฮยหยวนของข้านิกายของข้าจึงได้รับฟังเรื่องราวและความเป็นจริ งบางอย่างมาโดยง่าย….”

 

หมิงโยวไม่ได้ใส่ใจแม้จะต้องบอกความลับนี้ออกไป

 

เนื่องจากถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพานั้นลึกลับมากแม้นกายเฮยหยวนจะรู้วิธีการไปถึง แต่มันก็จําเป็นต้องอาศัยประโยชน์จากสภาพแวดล้อมบางอย่างที่ค่อนข้างจําเพาะ

 

ถึงคนอื่นจะค้นพบถ้ําเซียน ก็เข้าไปไม่ได้

 

ผู้อาวุโสทั้งหลายจากนิกายใหญ่ เมื่อได้ยินเรื่องราวเหล่านั้นอยู่ดีๆ ก็รู้สึกหนาวเหน็บ

 

แม้หมิงโยวจะบอกว่าเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเชิญ” ลูกหลานของศิษย์จ้าวทะเลบูรพาเข้าสู่นิกายเฮยหยวน แต่ในความ เป็นจริงด้วยวิธีการของนิกายเฮยหยวน อีกฝ่ายคงถูกทร มานอย่างน่าอดสูอย่างไรเสียการมีชีวิตอยู่คงดีกว่าความ ตาย เพียงแต่ต้องบอกเล่าความลับเรื่องถ้ําเซียนของจ้าว ทะเลบูรพาออกไป

 

“นิกายเฮยหยวนของเจ้าใช้วิธีการเช่นนี้ เจ้าไม่กลัวจ้าวทะเลบูรพามาชําระแค้นหรือ?” เฉวยวี่ ผู้อาวุโสแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะขมวดคิวเล็กน้อย

 

“ชําระแค้น?”

 

หมิงโยวที่สวมชุดคลุมสีดําหัวเราะออกมาแปลกๆ “หลายพันปีผ่านพ้น จ้าวทะเลบูรพาหายสาบสูญไปนานแล้ว หรือ อาจจะตายไปแล้วก็ได้จะเอาอะไรมาแก้แค้นนิกายเฮยห ยวนเล่า?”

 

ด้วยคําที่กล่าวออกมา

 

คนอื่นๆ ก็เงียบลง

 

เป็นจริงดังว่า

 

แม้เซียนเทพปฐพี่จะคงอยู่ได้เป็นพันปี แต่บัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบหมื่นปีแล้วนับจากจุดรุ่งเรืองของกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดเป็นธรรมดาที่จ้าวทะเลบูรพาคงจะตกตายไปนานแล้ว

 

“ถ้ําเชียนของเซียนเทพปฐพี่ขั้นสูงสุด…”

 

สายตาของหมิงโยวในชุดคลุมสีดําไม่สามารถเก็บซ่อนความโลภจากภายในเอาไว้ได้

 

เนื่องจากนิกายเฮยหยวนถูกพันธนาการไว้ด้วยวิชาบ่มเพาะไร้ความหวังที่จะเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี แต่ในฐานะที่จ้าวทะเลบูรพาเป็นเซียนเทพปฐพี ภายในถ้ําเซียนของเขาอาจจะซ่อนวิธีการปลดเปลื้องพันธนาการของวิชาบ่ม เพาะภายในนิกายเฮยหยวนได้

 

แม้จะไม่มีสิ่งเหล่านั้น ถ้ําเซียนของตัวตนขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็เพียงพอที่จะทําให้เหล่าตํานานยุทธต่อสู้กันด้วยชีวิตของพวกเขา

 

ทุกวันนี้ผู้เยี่ยมยุทธในต่างแดนจําเป็นต้องประจําตําแหน่งอยู่ในนิกายของตน ม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้โดยง่ายโดยเฉพาะนิกายใหญ่ที่มีชื่อเสียงอย่างนิกายเฮยหยวน

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้นํานิกายเฮยหยวนจึงยอมให้หมิงโยววิญญาณยมโลกไปตรวจสอบและรวบรวมสิ่งของภายในถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา

 

หมิงโยวเป็นหนึ่งในตํานานยุทธที่ใกล้เคียงกับการเป็นผู้เยี่ยมยุทธในยุทธภพต่างแดนมากที่สุด

 

มันสมบูรณ์แบบทีเดียว ที่ให้เขาเป็นผู้ดําเนินการเรื่องนี้

 

“หลังจากเข้าไปในถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาหากพวกเจ้าเชื่อฟังคําสั่งข้า มันอาจจะเป็นไปได้นะที่ข้าจะแจกจ่ายสมบัติของจ้าวทะเลบูรพาให้พวกเจ้าทุกคน”

 

หมิงโยว วิญญาณยมโลกเหลือบมองทุกคนอย่างเย็นชาและพูดออกมาช้าๆ

 

นี่คือเป้าหมายสูงสุดที่ทําให้เขาพูดออกมามากมายเพียงนี้ไม่ว่าจะอย่างไรจ้าวทะเลบูรพาก็คือเซียนเทพปฐพีขั้นสูงสุดแม้จะผ่านไปหนึ่งหมื่นปีวิชาที่เขาทิ้งไว้เบื้องหลังก็ยังทําให้ผู้คนกระวนกระวายใจ

 

ในเวลานี้ หากมีผู้อาวุโสจากนิกายใหญ่คนอื่นๆไปด้วยโอกาสที่จะได้รับสมบัติของจ้าวทะเลบูรพาก็ยิ่งมีมากขึ้น

 

“แจกจ่ายสมบัติของจ้าวทะเลบูรพา…”

 

ผู้อาวุโสหลายคนจากนิกายใหญ่ต่างมองหน้ากันหัวใจเต้นแรงอยู่ในทรวง

 

ในฐานะผู้อาวุโสจากนิกายใหญ่ พวกเขาย่อมดูแคลนสมบัติธรรมดาๆ แต่จ้าวทะเลบูรพานั้นเป็นขั้นสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพี

 

สมบัติที่เขาทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง มันจะหน้าตาเป็นเช่นไรกันนะ?

 

“เมื่อเป็นเช่นนั้น ข้าต้องขอรบกวนสหายเต้าหมิงโยวแล้วในครั้งนี้” ชายที่สะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบก็กระซิบบอกออกมาเบาๆ

 

คนอื่นๆ อีกหลายคนก็พยักหน้ากันทีละคน เห็นได้ชัดว่ายอมรับข้อเสนอจากหมิงโยว แม้จะเป็นผู้อาวุโสเฉว่ยวผู้หยิ่งผยองจากตําหนักเทพเจ้าหิมะก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่ประการใด

 

ในระดับของพวกเขา นอกจากการฝึกตนให้ก้าวหน้าแล้วก็ไม่มีสิ่งใดให้ไล่ตามไขว่คว้าอีกต่อไปแล้ว แต่สมบัติล้ําค่าชั่วชีวิตของจ้าวทะเลบูรพานั้น แม้พวกมันจะไม่สามาร ถช่วยให้พวกเขาเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีได้แต่ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตผู้เยี่ยมยุทธ

 

“งั้นพวกเราไปกันเลยเถอะ”

 

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายในชุดดําหมิงโยว

 

เกาะหยิงโจว

 

ภายในถ้ําเซียน

 

แน่นอนว่าซุฉินไม่ทราบว่ามีคนกําลังจับจ้องมายังเกาะหยิงโจวแห่งนี้อยู่

 

ในตอนนี้ซูฉินกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าน้ําพุจิตวิญญาณโดยเอาโอสถศักดิ์สิทธิ์แปดเก้าเม็ดออกมาวางเพิ่มไว้ที่ด้านหน้า พวกมันลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง

 

แน่นอนมันคือโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์

 

ตามที่ซูฉินคาดเอาไว้ ถ้ําเซียนแห่งนี้สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ําได้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาซูฉินลงชื่อเข้าใช้และได้รับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์มาจํานวนห้าสิบสองเม็ด

 

น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่าโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ทั้งห้าสิบสองเม็ดที่ลงชื่อเอามาได้จะทําให้”เต๋สะสม”ของถ้ําเซียนแห่งนี้หมดลงและซูฉินไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ต่อไปได้อีก

 

แกรัก

 

แกรัก

 

ในเวลานี้ เม็ดโอสถเพลิงเทพปฐพีทั้งห้าสิบสองเม็ดที่วางอยู่ด้านหน้าของซูฉินก็ระเบิดออกกลายเป็นมังกรไฟห้าสิบสองตัวพุ่งเข้าสู่ร่างของซูฉิน

 

ในเวลาเดียวกัน

 

แผ่นหินขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหลังของซูฉิน

 

ในแผ่นหินมีดวงไฟนับพันจุด ในตอนนี้ส่วนขอบของ แผ่นหินมีจุดแสงเล็กๆค่อยๆ สว่างขึ้นเป็นส่วนใหญ่และจากนั้นก็ค่อยๆจางลงอย่างช้าๆ

 

“ค่ายกลสังหารเก้าชั้น บวกกับเม็ดโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์กว่าห้าสิบเม็ดไม่สามารถเติมจุดแสงได้จนเต็ม?”

 

ซูฉินลืมตาขึ้น แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

 

ในตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงความยากลําบากในการฝึกฝนวิชาดวงตะวันขนาดมหึมาอีกครั้ง ด้วยทรัพยากรบ่มเพาะจํา นวนมหาศาลที่ใช้ไปมันเพียงพอสําหรับเหล่าตํานานยุทธ เพื่อใช้ในการฝึกฝนไปได้หลายร้อยปีแต่ผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังคือมันไม่สามารถเติมเต็มจุดแสงได้?

 

แต่ซูฉินก็เปลี่ยนความคิดและยอมรับมัน

 

สุดท้ายหลังจากฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาซูฉินสามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์ธาตุไฟในตํานานทั้งหลายสา มารถควบคุมความสามารถอันน่าสะพรึงกลัว มีพลัง เหนือธรรมชาติสยบทุกสิ่งเช่น พลังเพลิงศักดิ์สิทธิ์จากดวงตะวันหากทุกคนสามารถฝึกฝนมันได้อย่างง่ายดายซูฉินต้ องสงสัยได้แล้วว่ามันมีอะไรผิดปกติหรือไม่

 

“อย่างไรก็ตาม ข้ารู้สึกได้ว่าจุดแสงกําลังจะได้รับการเติมเต็มตราบใดที่มีเม็ดโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์อีกสักหลายร้อยเม็ดก็น่าจะเพียงพอ”

 

ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา ประมาณการคร่าวๆในใจ

 

“ดูเหมือนว่าในอนาคต ข้าจะต้องไปยังสถานที่ที่มีพลังงานธาตุไฟที่เพียงพอให้ลงชื่อเข้าใช้ มีเพียงวิธีนี้ที่พอจะหาโอสถศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟให้มากขึ้นได้”

 

ซูฉันคิดในใจเงียบๆ

 

หลังจากลงชื่อเข้าใช้มานานหลายสิบปี ซูฉินพอจะเข้าใจกฎของการลงชื่อเข้าใช้โดยทั่วไปแล้ว เมื่อซูฉินลงชื่อเข้าใช้ที่ใดเขาจะได้รับสมบัติที่เกี่ยวข้องสอดคล้องกันมา

 

ตัวอย่างเช่น ซูฉินลงชื่อเข้าใช้ที่วัดเส้าหลินมานานกว่าสิบปีและสิ่งของส่วนใหญ่ที่ได้รับมานั้นเป็นสมบัติทางสายพุทธ

 

แน่นอนว่ามันไม่มีอะไรตายตัว

 

ซูฉินยังเคยลงชื่อเข้าใช้ในวิหารพระสหัสพุทธและลงชื่อได้รับดวงตาแห่งสัจจะ” ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายพุทธไปเสียทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น หากซูฉินต้องการโอสถธาตุไฟจํานวนมาก เขาต้องหาสถานที่ที่มีพลังงานธาตุไฟเพียงพอและมี”เต๋สะสม” เพื่อให้ลงชื่อเข้าใช้ได้

 

“ไม่เป็นไร”

 

“ภาพดวงตะวันขนาดมหึมาคงไม่สามารถฝึกฝนสําเร็จได้ในเวลาอันสั้นขนาดนั้นหรอก”

 

“ทะลวงระดับนภาชั้นที่แปดเสียก่อน หากยังลากถ่วงต่อไปเกรงว่าน้ําพุจิตวิญญาณบางส่วนจะสูญหายไปอีก”

 

ซูฉินเหลือบมองน้ําพุจิตวิญญาณที่อยู่ตรงหน้าและตัดสินใจเลือก

 

น้ําพุจิตวิญญาณนั้นปล่อยพลังงานออกมาตลอดเวลาและซูฉันคงจะต้องลําบากใจแน่หากเขายังคงล่าช้าเช่นนี้

 

“มาเริ่มกันเลย”

 

ซูฉินค่อยๆ หลับตาลง

 

ในชั่วพริบตา น้ําพุจิตวิญญาณที่พวยพุ่งออกมาอย่างเขื่อยๆ ก็เริ่มสั่นสะเทือน และ น้ําพุ’ปริมาณมหาศาลก็ลอยขึ้นไปในอากาศเทรดร่างของซูฉินในทันใด

 

ด้านนอกถ้ํา

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนตรวจดูท้องฟ้าถ้วนทั่วด้วยความรอบคอบ จากนั้นจึงหันศีรษะไปมองเกาะเล็กๆ ที่กลางทะเลสาบ

 

“ผู้อาวุโสไม่ได้มาจากตระกูลอีกาทองคําจริงๆหรือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉียนกะพริบตา ใจเต็มไปด้วยความสงสัย

 

ในช่วงเวลานี้ ชิงชิวเฉียนเฉียนรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงจากบนเกาะกลางทะเลสาบ

 

ราวกับว่าดวงตะวันที่น่าสะพรึงกลัวกําลังก่อตัวขึ้นบนเกาะเล็กๆนั่น

 

“ผู้อาวุโสน่ากลัวเกินไปแล้ว…”

 

ชิงชิวเฉียนเนี่ยนมองดูอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว ยืนด้วยอาการสํารวม จับตาดูความ ผันผวนของพลังฟ้าดิน

 

ซูฉินไว้ชีวิตนาง จุดประสงค์ก็เพื่อให้นางควบคุมดูแลค่ายกลฟ้าดินจํานวนมากบนเกาะหยิงโจว

 

ถ้าชิงชิวเฉียนเฉียนไม่สามารถทําสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ได้เมื่อซูฉินออกจากด่านฝึกตน จุดจบของนางคงสามารถจะคาดการณ์ได้ไม่ยาก

 

ดังนั้นเพื่อให้ซุฉินพึงพอใจ ชิงชิวเฉียนเฉียนจึงดูแลค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ทั้งหมดอย่างใส่ใจเพื่อไม่ให้มีเหตุผิดพลาดใดเกิดขึ้น

 

โลกถ้ําปิศาจใต้พิภพ

 

ท้องฟ้ามืดครึ้ม บรรยากาศกดดัน

 

“นายท่าน นั่นคือเมืองอินจี้”

 

โม่จีเดินไปขนาบข้างซูฉินอย่างนอบน้อม และชี้ไปทิศด้านหน้า

 

เห็นภูเขาไฟขนาดมหึมา มีเมืองอันสวยงามตั้งตระหง่านอยู่บนนั้น

 

เมืองแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าเมืองเมฆาปีศาจหลายเท่ากําแพงเมืองสีดําสนิท และมีกลิ่นอายอันลึกล้ําแผ่ออกมา

 

“เมืองอินจี้สร้างขึ้นบนภูเขาไฟอย่างนั้นหรือ?”

 

หัวใจของซูฉินกระตุกวูบ มองไปที่เมืองอินจี้ พร้อมกับพิ่มพําอยู่กับตนเอง

 

แม้ว่าจุดที่ซูฉินอยู่จะห่างจากเมืองอินจีหลายสิบลี้ แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงอากาศที่ร้อนแผดเผาโชยมาถึงใบหน้าของเขาได้

 

“นายท่าน” โม่จีที่อยู่ด้านข้างรีบอธิบายในทันที “เจ้าเมืองอินจี้ทุกคนที่ผ่านมาล้วนฝึกฝนวิชาปีศาจธาตุหยิน หากต้องการให้การบ่มเพาะประสบผลสําเร็จ นอกจากการรวบรวมพลังหยินบริสุทธิ์แล้ว จะต้องมีสภาพแวดล้อมธาตุห ยางอันยอดเยี่ยม เมื่อหยินและหยางเติบโตไปด้วยกันย่อมเสริมความหวังให้แก่การฝึกฝน..”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

เขาตระหนักได้ถึงความสําคัญของหยินและหยางตั้งแต่อยู่ในขอบเขตวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น

 

อย่างไรก็ตาม สําหรับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก็ยังมีบางชนิดที่มีหยินหยางไม่สมดุล เช่น อีกาทองคําสามขามันถือกําเนิดมาจากดวงตะวันขนาดยักษ์เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่กําเนิด

 

อย่างไรก็ตาม สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างดีกาทองคําสามขานั้นเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตส่วนน้อย สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากครรภ์มารดา ไม่ได้เชี่ยวชาญในพลังธาตุเพียงหนึ่งเดียวเสมอไป

 

แม้จะเป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีธาตุไฟอย่างจ้าวทะเลบูรพาวิชาที่เขาใช้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่เปลวเพลิง ไม่เช่นนั้นคําว่า “ทะเล” คงไม่ปรากฏในชื่อเรียกขานของจ้าวทะเล บูรพา

 

“ด้วยภูเขาไฟแห่งนี้ พลังงานธาตุไฟมีอยู่อย่างมากล้นและเมืองอินจี้ก็เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลกถ้ําปิศาจแน่นอนว่าจะต้องมีกิ่งก้านของต้นไม้ปีศาจโบราณ และ เต่าสะสม” ที่มีอยู่คงเพียงพอ”

 

“ถ้าได้ลงชื่อเขาใช้ เกรงว่าข้าคงจะได้รับโอสถวิเศษธาตุไฟมาเป็นจํานวนมาก

 

“ด้วยวิธีนี้มันจะช่วยเร่งการบ่มเพาะของภาพดวงตะวันขนาดมหึมาได้อย่างแน่นอน”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

 

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset