เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 224 สอบถาม

Sign in Buddha’s palm 224 สอบถาม

 

นักพรตเฒ่าไม่เคยรู้สึกไร้อํานาจเช่นนี้มาก่อน

 

เขาเป็นผู้อาวุโสของสํานักเอกะวิถี ถ้านับศิษย์ในสํานักเอ กะวิถีทั้งหมด ยกเว้นก็แต่บรรพชนที่หลับใหล เขาไม่เคยเกร งกลัวผู้ใดเลย และแม้แต่ผู้อาวุโสในนิกายใหญ่คนอื่นๆ ก็ไม่ กล้าล่วงเกินเมื่อพบกับเขา เนื่องด้วยมีสํานักเอกะวิถีอยู่เบื้อ งหลัง

 

แต่ในตอนนี้ ความมั่นใจในตัวตนของเขาดูทั้งจืดจางและอ่ อนแอเพราะชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า

 

นักพรตผู้มากประสบการณ์ไม่รู้ทั้งชื่อและที่มาของซูฉิน และแม้แต่ความสัมพันธ์ระหว่างซูฉินกับจ้าวทะเลบูรพาก็ไม่ชัดเจน สิ่งเดียวที่เขารู้คือซูฉินเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่สามารถควบแน่นอาณาเขตได้อาณาเขต

 

ตํานานยุทธขั้นสูงสุด!

 

ในยุทธภพต่างแดน คําเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือเมื่อสองสิ่งนี้อยู่ร่วมกัน มันก็เพียงพอแล้วที่จะอยู่เหนือสุดในยุทธภพต่างแดน

 

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่สามารถควบแน่นอาณาเขตได้นั้น แม้ว่าจะนับบรรพชนที่หลับใหลภายในนิกายใหญ่เข้าไปแล้ว เกรงว่าก็คงจะมีไม่มากนัก

 

สิ่งที่น่ากลัวก็คือพลังและเลือดเนื้อของซูฉินนั้นยังอยู่ในช่วงรุ่งเรือง แม้ว่านักพรตเฒ่าจะมองอายุที่แท้จริงของซูฉินไม่ออก แต่เขาก็พอจะรู้ว่าซูฉินยังห่างไกลจากบั้นปลายชีวิตนัก

 

ความแข็งแกร่งของฐานการบ่มเพาะนั้นแน่นอนว่าเป็นส่วนหลักของเหล่าจอมยุทธ แต่ระดับพลังชีวิตและเลือดเนื้อก็มีความสําคัญไม่แพ้กัน

 

“หากผู้อาวุโสมีข้อสงสัยใดให้ถามข้าได้โดยตรงเลย ผู้น้อยจะไม่ปิดบังแม้แต่ครึ่งคํา”

 

นักพรตผู้เจนโลกสงบใจลง แสดงตนเป็นผู้น้อยอย่างสมบูรณ์ แสดงให้เห็นถึงความนับถืออย่างยิ่ง

 

ในสายตาของนักพรตเฒ่า แม้ซูฉินจะดูเด็ก แต่ด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว เขาจะต้องเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาสี่ร้อยถึงห้าร้อยปีแล้วเป็นแน่

 

ส่วนรูปลักษณ์

 

สําหรับตํานานยุทธ การคงความอ่อนเยาว์ก็เพียงต้องอาศัยวิธีการเล็กๆน้อยๆเท่านั้น

 

“ผู้อาวุโส?”

 

ซูฉินส่ายศีรษะเล็กน้อย อายุที่แท้จริงของเขายังไม่ถึงห้าสิบปีด้วยซ้ํา อายุโดยรวมของเขาคงเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของอายุของนักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับถูกอีกฝ่ายเรียกว่าผู้อาวุโส?

 

เพียงแต่ในทางการฝึกยุทธ ผู้เชี่ยวชาญย่อมถูกยกย่องเป็นครูบาอาจารย์ซูฉินเหนือกว่านักพรตเฒ่าทั้งในด้านความแข็งแกร่งและฐานการบ่มเพาะ ก็ควรจะเรียกซูฉินว่าผู้อาวุโสได้

 

“พวกเจ้ามาทําอะไรที่นี่?” ซูฉินเหลือบมองนักพรตเฒ่า แล้วถามอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก

 

ไม่ว่าจะเป็นหมิงโยว จอมยุทธอีกสองคน แม้กระทั่งนักพรตเฒ่าที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาล้วนเป็นตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่สี่ขั้นสูงสุด โดยเฉพาะหมิงโยวที่ก้าวเท้าเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่ห้าไปครึ่งก้าวแล้ว

 

บุคคลผู้ทรงพลังอํานาจเช่นนี้ ปกติจะไม่ได้พบเห็นได้โดยง่ายแม้จะผ่านไปหลายยุคหลายสมัย แต่บัดนี้กลับบุกเข้ามาในเกาะหยิงโจวกันเป็นกลุ่ม

 

“ผู้อาวุโส”

 

“ข้ามาที่นี่เพื่อค้นหาสาเหตุการตายของกลุ่มศิษย์ในนิกายที่ตกตายกันอย่างกะทันหัน”

 

นักพรตเฒ่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเรียบเรียงคําพูด กระซิบตอบออกไป

“ศิษย์นิกายที่ตกตายอย่างกะทันหัน?”

 

ใบหน้าของซูฉินครุ่นคิดและพูดออกมาเบาๆ “ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สามที่มีกลิ่นอายคล้ายๆกับเจ้า?”

 

“เป็นเช่นนั้น”

 

นักพรตเฒ่าตกใจเล็กน้อยและถามอย่างระมัดระวัง “ผู้อาวุโสเคยเห็นพวกเขาหรือ?”

 

“ข้าน่าจะเคยเห็นจริงๆ”

 

น้ําเสียงของซูฉินสงบ ไม่มีความสั่นไหวใดๆ “ข้าน่าจะเป็นคนสังหารพวกเขาเอง”

 

นานมาแล้ว ตํานานยุทธจากต่างแดนหลายคนต้องการจะเข้ายึดครองเมืองฉางอัน เป็นผลให้ซูฉินต้องออกจากด่านฝึกตนเพื่อมาสังหารพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ น่าจะเป็นเหล่าศิษย์นิกายที่ตกตายลงอย่างกะทันหันตามที่นักพรตเฒ่าได้บอกออกมา

 

“ผู้อาวุโส…”

 

นักพรตเฒ่าหน้าแดงก่ํา และสุดท้ายก็กล่าวว่า “เป็นโชคของพวกเขาแล้วที่ได้ตายด้วยน้ํามือของผู้อาวุโส”

 

แม้แต่ในยุทธภพต่างแดน ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตได้ก็หาได้ยากแม้จะผ่านไปนับร้อยนับพันปี ศิษย์นิกายใหญ่เหล่านั้นเป็นเพียงตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สาม แต่กลับสามารถทําให้ซูฉินต้องลงมือสังหารเป็นการส่วนตัว นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะได้รับความภาคภูมิใจ

 

“อย่างนั้นรึ?”

 

ซูฉินไม่รู้จะพูดเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น จึงถามต่อไปว่า “ในต่างดินแดนของพวกเจ้า มีสมบัติที่ใช้ในการยืดอายุขัยบ้างไหม?”

 

ซูฉินมองไปที่นักพรตเฒ่าด้วยความสนใจ ตั้งแต่ช่วงที่เขา อยู่วัดเส้าหลิน หลังจากสังหารจอมมาร ซูฉินก็ได้รับ ชิ้นส่วนหนังสัตว์มาแผ่นหนึ่ง ซึ่งบันทึกเกี่ยวกับกลิ่นอายข องสมบัติอายุวัฒนะเมื่อแปดร้อยปีก่อนในดินแดนโพ้นทะเล

 

ซฉินเคยถามเหยียนไฟมาก่อนหน้านี้ แต่อีกฝ่ายบอกว่า เขาไม่ทราบเรื่องนี้

 

ซูฉินไม่ได้แปลกใจอะไร

 

ไม่ว่าจะอย่างไร แม้จะเป็นในต่างดินแดนเองก็เป็นไปไม่ได้ที่ตํานานยุทธทุกคนจะมีโอกาสได้รับสมบัติที่ช่วยยืดอายุ

 

แม้ว่าเหยียนไห่จะเป็นศิษย์สํานักเอกะวิถี แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่เพียงพอ ความรอบรู้คงไม่ใช่ระดับสูงสุดแน่นอน และเป็นปกติที่จะไม่ทราบเรื่อง

 

แต่นักพรตเฒ่าตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าเหยียนไห่เล็กน้อย บางทีเขาอาจจะรู้ก็ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

 

“ต่างดินแดน?”

 

นักพรตเฒ่าจับบางอย่างในประโยคของซูฉินไว้ได้อย่างดี

 

“ผู้อาวุโสไม่ได้มาจากยุทธในดินแดนของพวกเราหรอกหรือ?”

 

นักพรตเฒ่าตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ

 

ในสายตาของนักพรตเฒ่า ความแข็งแกร่งของซูฉินอาจจะเทียบได้กับบรรพชนผู้หลับใหลบางคน จนทําให้ตอนแรก เขาคิดไปว่าซูฉินเป็นผู้แข็งแกร่งในดินแดนโพ้นทะเลที่ปลีกวิเวกอยู่ แต่ในยามนี้ ดูเหมือนว่าซูฉินจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

“ผู้อาวุโสมาจากที่ใดกันนะ?”

 

นักพรตเฒ่าหัวใจสั่นไว และให้ความเคารพมากยิ่งขึ้น “ผู้อาวุโส มันมีสมบัติที่ช่วยเพิ่มอายุขัยในต่างดินแดน อย่างไรก็ตาม จํานวนของพวกมันมีอยู่น้อยมาก และอย่างน้อยๆก็ต้องเป็นจอมยุทธขอบเขตตํานานยุทธถึงจะต้านทานพลังของมันได้”

 

“นอกจากนี้ แต่ละคนยังใช้ได้เพียงแค่ครั้งเดียว ซึ่งสามารถยืดอายุได้มากสุดก็หลายสิบปี”

 

นักพรตเฒ่ากล่าวออกอย่างรวดเร็ว

 

“ตํานานยุทธ?”

 

“สามารถยืดอายุได้เพียงครั้งเดียว?”

 

ซูฉินสายหัวเล็กน้อย

 

ในความเป็นจริง มันก็เป็นเรื่องปกติ หากสามารถยืดอายุให้ยาวออกไปได้อย่างต่อเนื่อง ผู้คนก็มิใช่จะมีชีวิตได้เป็นนิรันดร์เลยหรือ?

 

“อย่างไรก็ตาม หลายสิบปีก็ไม่เลวร้ายนัก เมื่อมีโอกาสข้าจะลองไปยังต่างดินแดนดู”

 

ซูฉินคิดกับตนเอง

 

แม้ในปัจจุบันเขาจะมีอายุขัยหนึ่งพันปี แต่ไม่ว่ายุงจะตัวเล็กแค่ไหน แต่มันก็ยังนับเป็นเนื้อสัตว์ และอายุหลายสิบปี ย่อมมีค่าอย่างแน่นอน รู้หรือไม่ว่าในขณะนี้ซูฉินก็ใช้ชีวิตมาหลายสิบปีแล้ว

 

“ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนของเจ้าในต่างดินแดนกําลังหลับใหลอยู่ บอกข้าเกี่ยวกับบรรพชนของเจ้า”

 

ซูฉินเหมือนจะคิดอะไรได้ แล้วมองไปยังนักพรตเฒ่าด้วยความสนใจ

 

เหยียนให้ได้เคยบอกเขาเอาไว้ว่าในสํานักเอกะวิถี มีบรรพชนอย่างน้อยก็เก้าคนกําลังหลับใหลอยู่ บรรพชนเหล่านี้เป็นไฟลับสุดท้ายของสํานักเอกะวิถี เว้นแต่สานักเอกะวิถีจะตกอยู่ในอันตรายจนถึงขั้นถูกทําลายสํานัก พวกเขาเหล่านั้นก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมา

 

ตามข้อมูลที่เหยียนให้ทราบ บรรพชนที่หลับใหลไปนั้น ปกติแล้วจะเป็นตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เจ็ด และยังมีตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่แปด มีแม้กระทั่งระดับนภาชั้นที่เก้า

 

“เรียนผู้อาวุโส”

 

นักพรตเฒ่าไม่รู้ว่าซูฉินต้องการอะไรจากการถามคําถามเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงระงับความกังวลในใจแล้วตอบออกไปตามจริงว่า “ในนิกายของข้ามีบรรพชนที่ใช้วิธีการลับในการรวมเลือดเนื้อและพลังชีวิตเพื่อหลับใหลไปอยู่จริงๆ”

 

“วิธีการลับ?”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย

 

“มิผิด” นักพรตเฒ่าค้อมศีรษะลงด้วยความเคารพ “เมื่อใช้วิธีลับนี้แล้วพลังงานจะนิ่งสนิทและในขณะเดียวกัน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็จะตกอยู่ในสภาวะว่างเปล่า ไม่มีความคิดใดเกิดขึ้น”

 

“การอยู่สภาวะนี้ช่วยชะลออายุได้อย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันพลังชีวิตและเลือดเนื้อก็จะถูกหยุดยั้งตลอดไป ทําให้สูญเสียโอกาสในการพัฒนาฐานการบ่มเพาะต่อไป”

 

“ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากจะใช้วิธีลับนี้ ยกเว้นจุดสิ้นสุดของชีวิตใกล้เข้ามา”

 

เมื่อนักพรตเฒ่ากล่าวเช่นนี้ เขาก็หยุดไปชั่วขณะแล้วจึงกล่าวต่อไปว่า “นอกจากนี้หากท่านต้องการใช้วิธีลับในการหลับใหลไป ท่านต้องใช้ทรัพยากร สมบัติฟ้าดินจํานวนมหาศาล แม้จะเป็นสํานักเอกะวิถีก็ตาม เมื่อใดที่บรรพชนเตรียมตัวเข้าสู่นิทรา ทั้งสํานักก็ต้องจ่ายสมบัติออกมา และใช้เวลาหลายสิบปีกว่าจะฟื้นสภาพคล่องกลับมาได้”

 

นักพรตเฒ่ายิ้มอย่างขมขื่น

 

ถ้าวิธีลับนี้สามารถทําได้โดยง่าย เกรงว่าบรรพชนของสํานักเอกะวิถีคงคาหน้าเข้าสู่ห้วงนิทรากันเรียงคนไปแล้ว

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

 

วิธีลับที่นักพรตเฒ่าได้บอกมา ซูฉินก็เคยเห็นมันมาก่อน เช่นกันที่ภูเขาด้านหลังวัดเส้าหลิน ด้านหน้าเขตหวงห้ามที่มารพุทธะถูกผนึกเอาไว้ เคยมีสงฆ์วัดเส้าหลินห้ารูปนั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น

 

สงฆ์ทั้งห้ารูปนี้ล้วนหลับใหลด้วยวิธีลับเช่นกัน ทําให้ยืดอายุออกไปได้หลายชั่วอายุคน

 

เพียงแต่วิธีลับของสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั้นแตกต่างจากวิธีลับจากต่างดินแดนเล็กน้อย

 

ยิ่งกว่านั้น หลังจากที่สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าฟื้นคืนสติกลับมาได้ไม่นาน พวกท่านก็พากันมรณภาพไปที่ละคน ในขณะที่บรรพชนต่างแดนสามารถรักษาความแข็งแกร่งส่วนใหญ่เอาไว้ได้เมื่อฟื้นคืนสติกลับมา

 

“ดังนั้นก็ควรจะมีเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่สินะ?”

 

ซูฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหรี่ตาลงเล็กน้อยแล้วถามออกไปอย่างช้าๆ

 

แม้แต่ตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้หลายร้อยหลายพันปีด้วยวิธีลับนี้ แล้วขอบเขตเซียนเทพปฐพีเล่า?

 

ถ้าเป็นแบบที่ซูฉินคิดจริงๆ เกรงว่าระดับความอันตราย ในต่างดินแดนจะเกินความคาดหมายของซูฉินไปอีก

 

แม้ซูฉินจะเข้าสู่นภาชั้นที่แปดได้แล้วในตอนนี้ รวมกับไพ่ลับในมือทุกใบ มันเพียงพอที่จะต่อกรคู่ต่อสู้ในระดับที่สูงกว่า แต่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีนั้น…….

 

เว้นแต่ซูฉินจะสําเร็จวิชาภาพดวงตะวันขนาดมหึมา เมื่อเขาสามารถกําเนิดใหม่เป็นอีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ได้ ด้วยพรสวรรค์โดยกําเนิดและพลังอันน่าสะพรึงกลัว อย่างเช่น พลังแห่งดวงตะวันและเปลวไฟที่แท้จริงเหล่านี้ เท่านั้นจึงจะมีความมั่นใจที่จะปราบเซียนเทพปฐพีได้

 

ส่วนอย่างอื่น?

 

ขอบเขตเซียนเทพปฐพีที่แท้จริงสามารถครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยล์ได้ในความคิดเดียว หากซูฉินเจอกับเซียนเทพปฐพีจริงๆ แน่นอนว่าจะต้องหันหลังหนีไปโดยไม่ลังเล

 

“เซียนเทพปฐพี? ที่หลับใหลอยู่?” เมื่อได้ยินสิ่งนี้นักพรตเฒ่าก็ผงะไปเล็กน้อย แล้วรีบพูดออกมาว่า “ผู้อาวุโสล้อเล่นแล้ว”

 

“เลือดเนื้อของเซียนเทพปฐพี่แข็งแกร่งเพียงใด จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กว้างใหญ่เพียงไหน เป็นไปได้อย่างไรที่วิธีลับนั้นจะสามารถทําให้หลับใหลลงได้?”

 

“โอ้?”

 

ดวงตาของซูฉินเป็นประกาย มองไปยังนักพรตเฒ่าแล้ว กล่าวว่า “บอกวิธีลับมาให้ข้าฟัง”

 

“ขอรับ” นักพรตเฒ่ารีบกล่าวบอกทันทีถึงวิธีลับ

 

วิธีลับนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไรในยุทธภพต่างแดน ผู้อาวุโสทุกคนในนิกายใหญ่ทุกคนล้วนรู้วิธีการนี้ และมีแม้แต่จอมยุทธทั่วๆไปบางคนก็ยังทราบเรื่องนี้

 

ตัวของวิธีลับนั้นไม่ได้มีค่าอะไร แต่เมื่อต้องการจะใช้วิธีลับนี้จริงๆ จะต้องใช้ทรัพยากรและสมบัติมากมาย แค่นั้นก็แทบจะเท่ากับการใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนตลอดช่วงชีวิตของจอมยุทธคนหนึ่งแล้ว

 

นอกจากนี้ หลังจากหลับใหลไปแล้ว ห้ามไม่ให้ถูกรบกวนเลยแม้แต่น้อย มิฉะนั้นไม่เพียงความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาจะสูญเปล่า แต่ชีวิตอาจจะตกอยู่ในอันตรายอีกด้วย

 

“มันกลายเป็นวิธีการปิดผนึกตนเอง”

 

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อได้ยินวิธีลับที่นักพรตเฒ่าอธิบายออกมาตามความเป็นจริง

 

ในมุมของซูฉิน วิธีลับที่นักพรตเฒ่าได้กล่าวออกมาก็ไม่มีอะไรมากไปว่าการปิดผนึกเลือดเนื้อ พลังชีวิต และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตนเองเพื่อชะลอความแก่ชรา

 

วิธีการปิดผนึกตนเองเช่นนี้อย่างมากที่สุดก็ทําได้เฉพาะขอบเขตตํานานยุทธเท่านั้น เมื่อไปถึงขอบเขตเซียนเทพปฐพี พลังงานและเลือดเนื้อจะมีอยู่อย่างมหาศาลจะปิดผนึกตัวเองได้อย่างไร?

 

แม้แต่ตัวซูฉินเองก็ยังรู้สึกว่า วิธีลับนี้ไม่สามารถใช้กับเขา

 

ยามนี้ร่างกายของซูฉินได้ผ่านการแปรสภาพมาถึงห้าครั้ง แม้จะไม่ได้ดีเท่ากับร่างกายของเซียนเทพปฐพี แต่ก็ไม่หนีห่างกันไกลนัก แม้ซุฉินเต็มใจจะทําตามวิธีลับ แต่การไหลเวียนของพลังฉีและเลือดเนื้อนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทําลายผนึกของวิธีลับนี้ได้อย่างง่ายดาย

 

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset