เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล – ตอนที่ 221 ร่วมมือกัน

Sign in Buddha’s palm 221 ร่วมมือกัน

 

ด้านนอกเกาะหยิงโจว

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนดูมีความสุขยิ่ง “ค่ายกลขนาดใหญ่กําลังจะแตกแล้ว!”

 

พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ในต่างแดนเป็นรองเพียงผู้นํานิกายเท่านั้น เคล็ดวิชาและความสามารถล้วนไม่ธรรมดาและในตอนนี้ด้วยความร่วมมือกันระหว่างพวกเขาทั้งหมดค่ายกลฟ้าดินที่คอยปกคลุมเกาะหยิงโจวก็พังลงในทันที

 

ฉีกกก!

 

เมื่อเห็นค่ายกลฟ้าดินถูกฉีกกระชากออก หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนและคนอื่นๆ ก็ก้าวผ่านรอยแยกนี้ เข้าไปภายในเกาะหยิงโจว

 

“ในที่สุดก็เข้ามาได้ ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่นั้นน่ากลัวเกินไปถ้าข้าไม่รู้จุดอ่อนเกรงว่าคงถูกพลังของค่ายกลฟ้าดินกดทับไปเสียนานแล้ว”

 

ชายที่สะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบดูเหมือนจะเกรงกลัวพลังของค่ายกลไม่น้อย

 

คนอื่นๆ ก็ใจสั่นไม่แพ้กัน เพิ่งรู้ซึ้งถึงพลังของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ก็ยามนี้ และทําให้ยิ่งเกรงกลัวจ้าวทะเลบูรพาที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายพันปีก่อนมากขึ้นไปอีก ตัวตนเช่นไรกันขนาดค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ตั้งทิ้งไว้เบื้องหลังยัง น่ากลัวถึงขนาดนี้แม้จะผ่านมาเป็นระยะเวลานาน

 

“อิ่ม!”

 

“ถ้าหากมีแค่ข้าเพียงผู้เดียว แม้รู้ว่ามีจุดอ่อนอยู่ที่ใดในค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่แห่งนี้ แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะทําลาย ไม่เช่นนั้นจะมีเหตุผลใดที่ข้าต้องเชิญชวนพวกท่านมาร่วมแบ่งสมบัติในครั้งนี้กับข้า?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองคนอื่นๆอย่างเย็นชา

 

นิกายเฮยหยวนต่างสั่งสอนศิษย์ให้เห็นแก่ตัว ไม่ต้องถามว่าตัวเขาเป็นเช่นไร? ถ้าไม่ใช่ว่าหมิงโยวไร้ทางเลือกเขาก็ไม่มีทางบอกความลับของถ้ําเซียนนี้ให้ผู้อื่นฟัง

 

“น่าเสียดาย…”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองไปที่ประกายแสงสีเลือดที่ค่อยๆจางหายไปต่อหน้าต่อตาด้วยความทุกข์เล็กน้อย

 

ประกายแสงสีเลือดนี้กลั่นมาจากเลือดของทายาทศิษย์จ้าวทะเลบูรพาด้วยวิธีการลับของนิกายเฮยหยวน เมื่อใช้ไปแล้วไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรมันจะสลายหายไปกลับคืนสู่ฟ้าดิน

 

“โชคดีที่ข้าได้พบถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเรียบร้อยประกายแสงสีเลือดนี้ถือว่าทําหน้าที่ของมันแล้วแม้ว่ามันจะไม่สลายหายไปแต่ก็จะไม่ถูกนํามาใช้อีกในอนาคต”

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนแอบพูดกับตัวเองคนเดียวใน

 

“ปราณฉีภายในเกาะแห่งนี้ดีกว่าโลกภายนอกมาก” เฉว่ยวอาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะมีสีหน้าครุ่นคิด

 

แม้ว่าซูฉินจะกลืนกินน้ําพุจิตวิญญาณจนแทบเกลี้ยงและเกาะหยิงโจวก็สูญเสียแหล่งพลังงานไปแล้วแต่ปราณฉีและจิตใจแห่งฟ้าดินที่มีอยู่บนเกาะก่อนหน้าก็ไม่ได้หาย ไปในทันทีแต่จะค่อยๆลดลงไปตามเวลา

 

“ไม่เลว”

 

“สภาพแวดล้อมที่นี่เทียบได้กับในดินแดนของพวกเรา”

 

นักพรตสํานักเอกะวิถีพยักหน้าเล็กน้อยแสดงอาการเห็นด้วย

 

“เอาล่ะ หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว พวกเรารีบไปยังใจกลางของเกาะกันเถอะถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาตั้งอยู่ตรงจุดนั้นโปรดจําไว้ว่ารอบถ้ําเซียนน่าจะมีค่ายกลสังหารล้อมไว้อยู่ระวังอย่าไปแตะต้องค่ายกลสังหารนั้นเข้าล่ะไม่เช่นนั้นแม้แต่ข้าเองก็ไม่อาจช่วยพวกเจ้าได้”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนกล่าวเตือน

 

หากกล่าวถึงค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จํานวนมากมายที่โอบล้อมเกาะหยิงโจวไว้ มันก็ยังพอมีทางหนีไปได้แต่สิ่งที่เรียกว่าค่ายกลสังหารนั้นย่อมไม่ให้โอกาสในการหลบหนีแก่พวกเขาแน่

 

“เข้าใจแล้ว”

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ จากนิกายใหญ่รู้สึกตึงเครียดขึ้นมาเล็กน้อยพยักหน้ารับฟัง

 

ค่ายกลสังหารนั้นมีจุดประสงค์ก็เพื่อฆ่าสังหารเท่านั้นเมื่อนึกถึงความรู้ความเข้าใจของจ้าวทะเลบูรพาแล้วนั้นการจัดตั้งค่ายกลสังหารย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง

 

ในเวลาต่อมา

 

กลุ่มคนเหล่านี้ก็ตรงไปยังใจกลางเกาะหยิงโจว

 

ทุกคนต่างเป็นตํานานยุทธ สามารถฝ่าอากาศกลายเป็นเงาแสงหลายดวงพุ่งออกไปอย่างว่องไว

 

“หือ?”

 

ฉับพลัน

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็หยุดฝีเท้า ร่องรอยความสงสัยปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

“สหายหมิงโยว ท่านหยุดทําไม?” ชายสะพายดาบยาวจากพรรคหมื่นดาบกล่าวถามออกมา

 

“แปลกยิ่งนัก

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนสอดส่ายสายตาอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียง

 

“ตามความเข้าใจของข้าจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ในนิกายเฮยหยวน เกาะแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าหยิงโจว เป็นลานพํานักข องจ้าวทะเลบูรพาเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณฉีและจิตใจ แห่งฟ้าดินกระจายอยู่ทั่วทุกที่ถ้าว่ากันตามจริงแล้วควรจะ มีสิ่งมีชีวิตอยู่บ้าง”

 

“ตอนนี้เราเดินมาจนจะสุดทางแล้วแต่ยังไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดๆเลย”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนขมวดคิ้วและกล่าวออกมา

 

สิ่งมีชีวิตที่เขากล่าวถึงนั้นไม่ได้หมายถึงเผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงเท่านั้น

 

“เมื่อสหายเต๋ได้กล่าวออกมาเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน” นักพรตเฒ่าจากสํานักเอกะวิถีก็กล่าวต่อไปว่า “ข้าเพิ่งจะใช้ทักษะลับในการสํารวจไปเมื่อครู่ ยืนยันได้เลยว่าเพิ่งจะมีกลิ่นอายของสิ่งมีชีวิตบนเกาะเมื่อไม่นานมานี้”

 

“แต่บัดนี้นั้น”

 

หลังจากนักพรตได้บอกออกมาเช่นนี้ก็ไม่ได้กล่าวต่อไป อีก

 

มีสิ่งมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาหาไม่พบ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปัญหาแล้ว

 

“อิ่ม!”

 

หลังจากนั้นไม่นาน หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนก็หัวเราะเยาะเย้ย“ทําตัวลับๆ ล่อๆ ถ้าสิ่งมีชีวิตบนเกาะนี้สามารถบดขยี้เราได้ง่ายๆ มันก็คงออกมาโจมตีเราตั้งแต่ที่ค่ายกลถูกฉีกขาดไปแล้วทําไมต้องรอคอยมาจนถึงตอนนี้เล่า?”

 

เมื่อหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพูดเช่นนั้น มันก็เปลี่ยนเป็นร่างเงาดํามืดอีกครั้ง กระโดดพุ่งไปยังใจกลางของเกาะหยิ่งโจว

 

เมื่อคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ต่างก็ชําเลืองมองหน้ากันกัดฟันแล้วรุดหน้าไปต่อ

 

ตอนนี้ถ้ําเชียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ตรงหน้าแล้วความหวังที่จะทะลวงขั้นต่อไปก็แทบจะมองเห็นได้ชัดเจนถ้าจะมาหันหลังกลับเอาเสียตอนนี้คงไม่มีใครยินยอมมากกว่านั้น

 

ก็เป็นอย่างที่หมิงโยวได้พูดไป ถ้าเกาะนี้มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังกว่าพวกเขาจริงๆมันจะปล่อยให้พวกเขาเข้ามาง่ายๆ ได้อย่างไร?

 

ไม่ช้านาน

 

คนทั้งหลายก็มาถึงทะเลสาบใจกลางเกาะหยิงโจว

 

“อยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนแลดูตื่นเต้น จ้องมองไปที่เกาะเล็กๆกลางทะเลสาบ

 

ในเวลานั้นผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็รีบตามหมิงโยวมาดูเกาะเล็กๆที่อยู่ตรงกลางทะเลสาบด้วย

 

“นี่คือถ้ําเซียนงั้นหรือ?”

 

แม้ว่าจะเป็นเฉวยวี่ ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะดวงตาของนางก็ยังกลายเป็นร้อนแรง ถ้ําเซียนของเซียนเทพปฐพี่ได้มาอยู่ตรงหน้าพวกตนแล้วใครเล่าจะอดใจไหว?

 

“ข้าบอกแล้วนะว่าทะเลสาบแห่งนี้มันเป็นกลุ่มค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาและไม่มีสิ่งมีชีวิตใดที่จะข้า มมันไปได้อย่าว่าแต่การไปยังเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบนั้น เลย……

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนพูดได้ถึงเท่านี้

 

ครืน

 

เสียงคํารามก้องก็ดังออกมาจากเกาะเล็กๆกลางทะเลส

 

ประตูหินสีดําค่อยๆ เปิดออก และชายร่างเพรียวที่มีดวงตาสงบนิ่งก็เดินออกมาจากด้านใน

 

ทุกคนตกตะลึง

 

โดยเฉพาะชายที่สะพายดาบด้ามยาวจากพรรคหมื่นดาบใบหน้าของเขาซีดเซียว

 

“จ้าว..จ้าวทะเลบูรพา?”

 

ชายสะพายดาบยาวกล่าวคําออกมา น้ําเสียงฟังดูคร่ําครวญ

 

คนอื่นๆ เองก็หน้าเปลี่ยนสี

 

ตามบันทึกของนิกายเฮยหยวน ทะเลสาบนั้นวางค่ายกลสังหารเอาไว้โดยจ้าวทะเลบูรพาและไม่มีทางที่ใครจะสามารถข้ามไปได้ในเวลานี้กลับมีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากภายในใครๆ ก็ย่อมคิดว่าชายผู้นี้จะต้องเป็นจ้าวทะเลบูรพา

 

“เวลาผ่านไปตั้งเกือบหมื่นปีแล้ว”

 

“แม้จะมีจ้าวทะเลบูรพาอีกสักสิบคน อย่างไรก็ต้องแก่ตายกันไปหมดแล้ว”

 

หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนตอบสนองได้ก่อนจ้องตรงไปที่ซูฉินแล้วถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าเป็นใคร?”

 

ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะอย่างเฉวยวี่และผู้อาวุโสคนอื่นๆก็รู้ตัวแล้วเช่นกัน

เป็นจริงดังว่า

 

ไม่ว่าจ้าวทะเลบูรพาจะแข็งแกร่งเพียงใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่มาจนถึงยุคนี้ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เหนือล้ํา ยิ่งกว่าขอบเขตเซียนเทพปฐพีเมื่อผ่านไปหลายพันปี พวกเขาก็ย่อมต้องตายกันจนหมดสิ้นแล้วไม่ต้องพูดถึงจ้าวทะเลบูรพาเลย

 

“ข้าเป็นใคร?”

 

ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะตอบคําถามนี้ ในตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปดและอยู่ในอารมณ์ที่ดีมีเพียงควา มรู้สึกที่ว่าโลกทั้งใบนั้นสดใสยิ่ง

 

ความรู้สึกครั้งเก่าก่อนที่เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็คล้ายมิเข้าใจบัดนี้ได้เข้าใจจนหมดแล้ว เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับได้เห็นท้องฟ้าสดใสหลังเมฆหมอกบดบัง

 

“ไม่บอกงั้นรึ?”

 

ท่าทีของหมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไรนัก

 

ตามหลักเหตุผลแล้ว เขาควรจะรีบหนีไปเสียตั้งแต่ตอนนี้แม้ว่าชายตรงหน้าจะไม่ใช่จ้าวทะเลบูรพา แต่ด้วยความสามารถในการข้ามค่ายกลสังหารแล้วเข้าสู่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาได้นั้นไม่ใช่สิ่งที่มันจะหยั่งถึงได้

 

เพียงแต่เขาไม่เต็มใจจริงๆ

 

หลังจากนิกายเฮยหยวนจับทายาทของศิษย์จ้าวทะเลบูรพาไว้ได้พวกเขาก็รอคอยวันนี้มาโดยตลอด รอจนกว่าสภาพกระแสฟ้าดินจะเปลี่ยนแปลงรอจนถ้ําเซียนจะเผยไอ พลังออกมา

 

หลังจากทําทุกสิ่งทุกอย่างไปมากมายโดยไม่คาดคิดท้ายที่สุดกลับมีคนเข้ามาที่นี่ก่อนนิกายเฮยหยวน

 

“นายท่าน คนเหล่านี้นี่แหละที่บุกรุกเข้ามาที่นี่ทั้งยังรู้จุดอ่อนภายนอกของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ด้วย จะต้องเตรียมการมาอย่างดีแน่นอน”

 

ทันใดนั้นเสียงอันคมชัดก็ดังขึ้นมาจากด้านข้างของซูฉินเป็นชิงชิวเฉียนเฉียนที่คอยกระซิบอยู่ข้างๆ

 

“ภูตอสูร?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉียนชั่วครู่หัวใจก็พลันกระตุกวูบ

 

ในยุทธภพต่างแดน การมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ภูตอสูรไม่ใช่ความลับอย่างไรก็ตาม ในสงครามที่ต่อสู้กับโลกถ้ําปิศาจเมื่อหมื่นปีที่แล้วเผ่าภูตอสูรประสบกับความสูญเสียยิ่งเสียกว่าเผ่ามนุษย์และมรดกตกทอดก็ถูกตัดขาด ถ้าไม่มีสายเลือดของภูตอสูรสืบทอดต่อมา เกรงว่าพวกมันก็คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว

 

“แนวค่ายกลสังหารน่าจะพังทลายลงไปแล้ว…” หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนรู้ได้ด้วยวิธีการลับทําให้ใบหน้าของเขาค่อยๆผ่อนคลายลง

 

หากค่ายกลสังหารยังคงอยู่ภายในทะเลสาบและซูฉินบุกทะลวงค่ายกลสังหารของจ้าวทะเลบูรพาจนเข้าไปในถ้ําได้เขาจะหันหลังจากไปทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคํา

 

การทะลวงค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่จากภายนอกและการฝ่าแนวค่ายกลสังหารที่วางไว้โดยจ้าวทะเลบูรพานั้นเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

 

สําหรับตํานานยุทธที่เชี่ยวชาญในเรื่องค่ายกล แม้ว่าจะไม่รู้จุดอ่อนของค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ด้านนอกนั้นตราบใดที่มีเวลาหลายสิบปีนั่งคิดทั้งวันทั้งคืนควบคู่ไปกับความจริงที่ไม่มีใครคอยควบคุมค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่อยู่ก็มีแนวโน้มที่จะทําลายค่ายกลฟ้าดินนั้นได้

 

แต่สําหรับค่ายกลสังหาร…

 

การฝาค่ายกลสังหารไปได้นั้นแสดงถึงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาแม้จะเป็นเวลาหนึ่งหมื่นปีก่อนก็ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถฝามันไปได้

 

ตัวตนที่สามารถฝ่าค่ายกลสังหารไปได้ แม้จะไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ตาม แต่เกรงว่าคงจะอยู่ไม่ไกลแล้ว

 

แต่ตอนนี้หมิงโยวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าค่ายกลสังหารได้พังทลายลงเมื่อเป็นเช่นนี้ ความแข็งแกร่งของซูฉินอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

 

“ท่านได้เข้าสู่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา ต้องได้อะไรติดมือมามากมายเลยสิท่า?” หมิงโยวแห่งนิกายเฮยหยวนจู่ๆก็พูดขึ้นมาโดยฉับพลันขณะที่กําลังพูดนั้นก็ส่งสายตาให้กับผู้อาวุโสที่อยู่ใกล้ๆ

 

เฉว่ยว ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะพยักหน้าเล็กน้อยค่อยๆ เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ พร้อมกันนักดาบแห่งพรรคหมื่นดาบเข้าโอบล้อมซูฉินที่อยู่ตรงกลาง

 

นักพรตสําานักเอกะวิถีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ไม่ได้กระทําการใดออกไปโดยประมาท

 

เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ สํานักเอกะวิถีมีภูมิหลังที่มั่งคั่งที่สุดและมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นมากกว่าหนึ่งคนดังนั้นแม้นักพรตเฒ่าจะกระหายในสมบัติของจ้าวทะเลบูรพาด้านในถ้ําเซียนแต่ความรู้สึกนั้นก็น้อยกว่าคนอื่นๆ มาก

 

อย่างน้อยก็ไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงด้วยชีวิตของตน

 

“ท่านได้รับสมบัติของจ้าวทะเลบูรพามา ทําไมไม่แบ่งมันให้แก่พวกเราบ้าง?”

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนจ้องตรงไปยังซูฉิน

 

คนตายเพราะเงิน นกตายจากความตะกละ

 

ด้วยการร่วมมือของพวกเขา แม้จะต้องเผชิญหน้ากับตัวตนระดับเดียวกับผู้นํานิกายที่แข็งแกร่งหากใช้กลอุบายเข้าช่วยก็อาจจะมีหวังได้ชัยชนะ

 

หมิงโยวจากนิกายเฮยหยวนเองก็เกรงกลัวซูฉินอยู่บ้างแต่เขาอยากจะเสี่ยงเพื่อที่จะได้รับสมบัติที่เหลืออยู่ของจ้าวทะเลบูรพามากกว่า

 

อย่างไรเสีย หมิงโยวก็คิดว่าความสามารถในการเอาตัวรอดของตนนั้นเป็นอันดับหนึ่งในต่างแดนแม้ว่าความแข็งแกร่งของซูฉินจะไปถึงระดับผู้เยี่ยมยุทธแล้วแต่เขาก็มั่นใจว่าสามารถหลบหนีกลับไปได้

 

Related

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset