เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 261 (II) เงินกวนพระผู้ต่ําต้อย มานมัสการวิหาร

Sign in Buddha’s palm 261 (II) เงินกวนพระผู้ต่ําต้อย มานมัสการวิหาร

เมื่อบรรพชนเจ็ดได้ยินเช่นนี้ ท่าทีของเขาก็เชื่องช้าลงไปเล็กน้อย มองดูรอยหมัดตื้นๆ บนลูกประคําอย่างพินิจพิเคราะห์ ขมวดคิ้วพร้อมกับกล่าวว่า “หากไม่มีการเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดรอยหมัดนี้ข้าก็เกรงว่ามันจะมาจากพลังกายล้วนๆ”

แร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ น่าจะใกล้เคียงกับขอบเขตยอดอรหันต์เต็มทนแล้ว”

บรรพชนเจ็ดมองด้วยความประหลาดใจ

เมื่อเทียบกับพลังที่แปลกประหลาดและคาดเดาไม่ได้ของจิตวิญญาณแรกกําเนิดการรับมือสี่ งอื่นๆ ด้วยพลังก็ยังพอกระทําได้ เว้นแต่ซูฉินจะมีพละกําลังจากร่างกายที่ไปถึงขอบเขตเชียนเทพปฐพีซึ่งนั้นจะเป็นสิ่งรับมือได้ยากที่สุด

“ลูกประคํามีจิตวิญญาณอยู่ มันเป็นเพียงรอยกําปั้นเล็กๆ จะไม่ทําลายแก่นของสมบัติพุทธ คุณสามารถฟื้นตัวได้หลังจากดูดซับพลังสักหลายร้อยปี”

บรรพชนหกพูดอย่างช้าๆ ที่ด้านข้าง

ในฐานะที่เป็นสมบัติพุทธคุณที่ยอดอรหันต์ทิ้งไว้ มันจึงเข้ากันได้ดีกับวิชาบ่มเพาะภายในวิหารหมื่นพุทธ สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของบรรดาผู้ทรงสมณศักดิ์มากมายในวิหารหมื่นพุทธเพิ่มบํารุงหล่อเลี้ยงพวกมันได้อย่างสมบูรณ์

“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องลูกประคํา”

บรรพชนเก้าเก็บลูกประคําไปแล้วส่ายศีรษะ “ข้าเป็นกังวลว่าผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินจะใช้เหตุผลนี้ในการมาสร้างปัญหายังวิหารหมื่นพุทธหรือไม่….”

“สร้างปัญหาให้กับวิหารหมื่นพุทธของพวกเรา?” บรรพชนหกหัวเราะเบาๆ หลังจากได้ยินคํากล่าวนั้น “เจ้ากังวลเกินไปแล้ว วิหารหมื่นพุทธเป็นตัวตนเช่นไร หากมีคนสามารถมาสร้างปัญหาได้ ที่นี่จะสืบทอดต่อมานับหมื่นปีได้หรือ?”

“มิผิด”

บรรพชนเจ็ดพยักหน้าเล็กน้อย สีหน้าผ่อนคลายแล้วกล่าวขึ้นว่า “ก่อนที่บรรพชนหกและตัวข้าจะมาที่นี่ได้นําตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณติดมาด้วย”

“ ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ?”

บรรพชนเก้ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

ต้นกําเนิดของตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณนั้นลึกลับอย่างยิ่ง ว่ากันว่าสร้างขึ้นด้วยความอุตสาหะของยอดอรหันต์

ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณทําหน้าที่เดียวเท่านั้น

คือป้องกัน

เมื่อตะเกียงไฟถูกจุด มันจะปล่อยสิ่งกีดขวางออกมาเพื่อหยุดการโจมตีทั้งหมด

หลายพันปีก่อน วิหารหมื่นพุทธเคยใช้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณในการสกัดกั้นการระเบิดพลังของขอบเขตเซียนเทพปฐพี

แน่นอนว่าหลังจากการระเบิดพลังในครั้งนั้น ไส้ตะเกียงก็ถูกเผาจนไหม้เกรียม และยังไม่นตัวเต็มที่จนถึงทุกวันนี้

แต่ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ชื่อของตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณก็ได้ทําให้โลกยุทธภพต่างแดนตกตะถึงตั้งแต่สมัยนั้นเป็นต้นมา

“เจ้าจงดู”

บรรพชนเจ็ดก็ได้ยกมือขวาขึ้นมา และเห็นตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณลอยอยู่เบื้องหน้า

ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณค่อยๆ สว่างขึ้น ไส้ตะเกียงลุกไหม้ ปล่อยไอพลังอุ่นๆออกมา

“ด้วยตะเกียงนี้ ไม่ต้องกังวลว่าผู้ทรงสมณศักดิ์จะมา ถ้าเขากล้ามาจริงๆ ก็คงต้องปล่อยให้เขาเหน็ดเหนื่อยทรมานแล้ว”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของบรรพชนหกแล้วกล่าวคําออกมาแผ่วเบา

ด้วยตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณที่คอยรักษาสถานที่แห่งนี้ ทั้งยังมีอรหันต์ขั้นสูงสุดเช่นพวกเขาสามคนพวกเขาก็ไม่เคยคิดถึงเหตุไม่คาดฝันใดๆ อีก

“ ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณข้าสบายใจขึ้นแล้ว…” บรรพชนเก้าพยักหน้า

แม้ว่าเขาจะเห็นความแข็งแกร่งของซูฉินด้วยตนเอง เขาก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเจาะทะลวงตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณนี้ได้

“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว” บรรพชนหกมองไปทางบรรพชนเก้าแล้วกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าอยู่ยั้งยีนยงในวิหารหมื่นพุทธมานับพันปี คลื่นลมแรงระดับไหนที่มิเคยสัมผัส? อดีตศัตรูต่างก็สิ้นอายุขัยไปจนหมดหลังจากตายก็มลายสิ้น”

“มีแต่วิหารหมื่นพุทธของเราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ เจริญรุ่งเรืองจากรุ่นสู่รุ่น”

“ถึงแม้ว่าผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินจะทรงพลังอํานาจเหนือโลกหล้า แต่จะเปรียบเทียบกับความรุ่งโรจน์ของวิหารหมื่นพุทธของพวกเราได้อย่างไร?”

แม้ว่าเสียงของบรรพชนหกจะเบา แต่ก็ยังดังก้องอยู่ภายในหูของบรรพชนเก้าและบรรพชนเจ็ด

“ถ้ามีโอกาส ข้าก็อยากให้ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินได้มาสัมผัสพลังของวิหารหมื่นพุทธเป็นการส่วนตัว…”

ก่อนที่บรรพชนหกจะพูดจบ ทั้งตัวเขา บรรพชนเจ็ด บรรพชนเก้า ตลอดจนศิษย์สาวกคนอื่นๆ ที่ประจําการอยู่ภายในวิหารหมื่นพุทธก็รู้สึกสั่นสะท้าน กระวนกระวายใจ

บรรพชนหกได้หายตัวไปและปรากฏตัวอีกทีด้านนอกวิหารหมื่นพุทธ ตามมาด้วยบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้า ต่างก็เงยหน้ามองขึ้นไปด้านบน

บูม!

บูม!

บูม!

ราวกับอุกกาบาตตกลงมา แผ่นดินสะเทือน เสมือนมีพายุขนาดยักษ์พุ่งเข้ามาทําลายพื้นดินให้แตกเป็นเสี่ยงๆ

บรรพชนหกดูเคร่งขรึม จับตามองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอย่างใกล้ชิด

เห็นทะเลทรายตะวันตกที่เมื่อก่อนเคยมีทรายสีเหลืองทองอยู่เต็มท้องฟ้า บัดนี้กลับแจ่มใสเกิดระลอกคลื่นท่ามกลางทรายสีเหลืองอันไร้ที่สิ้นสุด กระจายออกเป็นวงเปิดช่องทางสู่โลกภายนอก

ทรายสีเหลืองกระจายออกไปจากระยะร้อยลี้ ปกคลุมท้องฟ้าและดวงตะวัน

“นั่นคือ?”

บรรพชนเก้าดูเคร่งขรึม จ้องมองไกลออกไป

เห็นสุดปลายทางอุโมงค์ที่ประกอบไปด้วยทรายสีเหลือง มีชายร่างสูงเพรียวกําลังสูดลมหายใจเข้าไป

ทุกย่างก้าวของเขาได้ก้าวข้ามผ่านระยะกว่าร้อยลี้

เพียงครู่เดียวก็มาหยุดอยู่หน้าวิหารหมื่นพุทธด้วยสายตาลึกล้ํา มองดูผู้คนในวิหารหมื่นพุทธแล้วจึงกล่าวคําเบาๆ

“ภิกษุเฉินกวนผู้ต่ําต้อย มาสักการะวิหาร!”

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Status: Ongoing
บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset