เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 262 หนึ่งมีด หนึ่งหมัด

Sign in Buddha’s palm 262 หนึ่งมีด หนึ่งหมัด!

มาสักการะวิหาร!

เมื่อมองไปยังซูฉินที่ยืนอยู่ห่างวิหารหมื่นพุทธไปไม่กี่ลี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าทรายสีเหลืองในทะเลทรายตะวันตกนั้นสั่นสะเทือน เสียงดังก้องยังดังอยู่ในหูของเขาเรื่อยๆ

บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้าเงียบเสียงไปในทันที

โดยเฉพาะบรรพชนเก้า เขาเพิ่งเห็นพลังของซูฉินในวัดเส้าหลินด้วยหมัดเพียงหมัดเดียวก็สามารถทําลายการโจมตีจากสมบัติพุทธคุณที่สืบทอดมาหลายพันปีในวิหารหมื่นพุทธ ซึ่งน่าสะพรึงกลัวสุดขีด

ถ้าไม่ใช่เพราะบรรพชนเก่าวิ่งได้อย่างรวดเร็วและหนีจากวัดเส้าหลินได้ทันเวลาด้วยเคล็ดท่าเท้าหลบหนีศักดิ์สิทธิ์ผลที่ตามมาจะต้องเป็นหายนะอย่างแน่นอน

ร่างกายของซูฉินนั้นแข็งแกร่งเกินไป

แม้บรรพชนเก้าจะมีสมบัติพุทธคุณอยู่หลายชิ้น แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าไม่สามารถทําลายร่างกายที่คงทนของซูฉินได้? ให้อีกฝ่ายลากถ่วงเวลาต่อไปจนพลังชีวิตและเลือดเนื้อของเขาสลายไปก็มีแต่แย่กับแย่

“ ปรากฏว่าที่เจ้าไม่ได้ไล่ตามตั้งแต่แรก เพราะเจ้าต้องการให้ข้านําทาง…” ความคิดของบร รพชนเก้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จ้องมองซูฉินอย่างใกล้ชิดในที่สุดก็แสดงอาการขมขื่นออก มาทางสีหน้า

ในขณะนี้ บรรพชนเก้าจะไม่สามารถเดาได้อย่างไรว่าเหตุใดซูฉินจึงจับตําแหน่งของวิหารหมื่นพุทธได้อย่างง่ายดายนัก?

แม้ว่าทะเลทรายตะวันออกจะเจริญน้อยกว่าที่ราบตอนกลางมาก แต่อาณาบริเวณของมันก็กว้างใหญ่ไพศาล มีพื้นที่กว่าล้านลี้ แม้จะเป็นเซียนเทพปฐพีหากต้องการค้นหาบางสิ่งในพื้นที่ที่กว้างใหญ่เช่นนี้ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวัน

ยิ่งกว่านั้น ในวิหารหมื่นพุทธก็วางค่ายกลขนาดใหญ่ไว้มากมาย กลิ่นอายถูกเก็บซ่อนไว้อย่างดีแม้แต่เซียนเทพปฐพีก็อาจจะมองข้ามผ่านไปได้หากไม่ดูให้ละเอียด

แต่ซูฉินเล่า?

เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากบรรพชนเก้ากลับมายังวิหารหมื่นพุทธ ซูฉินก็มาสักการะที่วิหารทันทีถ้าบอกว่าไม่ใช่บรรพชนเก้าเป็นผู้นําทางมา ก็คงไม่มีใครเชื่อ

“เพียงแต่ว่า ก่อนที่จะกลับถึงวิหาร ข้าได้ตรวจสอบตนเองหลายครั้งแล้ว ไม่ปล่อยให้มีร่องรอยของเคล็ดวิชาหรือเครื่องหมายติดตามใดๆ แม้แต่ลูกประคําก็ยืนยันถี่ถ้วนแล้วว่าไม่มีอะไรผิดปกติก่อนที่จะกลับมาวิหารหมื่นพุทธนี่เขายืนยันที่อยู่ของข้าด้วยวิธีใดกัน?”

ความสงสัยผุดขึ้นในใจของบรรพชนเก้า

แม้จะหลับใหลมาหลายร้อยปี แต่เขาก็ไม่ได้โง่เขลา ในฐานะอรหันต์ขั้นสูงสุดในต่างดินแดนมีกลวิธีใดบ้างที่บรรพชนเก้าไม่เคยเห็น? เคล็ดวิชาลับในการติดตามจะสามารถรอดพ้นสายตาของเขาไปได้อย่างไร?

วิชาลับในต่างแดนจํานวนมากก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการทิ้งตราประทับไว้ที่เป้าหมายจากนั้นจึงใช้ตราประทับนั้นเพื่อค้นหาเป้าหมาย

แต่ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ บรรพชนเก้ากลับไม่พบร่องรอยใดๆ เลย มิใช่หรือ?

หากซูฉันรู้ว่าบรรพชนเก้ามีความคิดเช่นไร เขาจะต้องอมยิ้มอยู่เล็กๆ เป็นแน่การที่เขาจับตําแหน่งของบรรพชนเก้าได้ ไม่ใช่การใช้วิชาลับในการติดตาม แต่ด้วยดวงตาแห่งสัจจะ

ดวงตาแห่งสัจจะเป็นทิพยอํานาจ ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาลับในการติดตามคือมันสามารถจับพลังฉีของสิ่งมีชีวิตได้

ทุกสิ่งบนโลก ตราบใดที่ยังคงมีชีวิตอยู่ย่อมมีพลัง และสิ่งมีชีวิตทุกตัวก็มีพลังที่แตกต่างกันตราบใดที่ซูฉินเห็นบรรพชนเก้าและจดจํารัศมีได้ครั้งหนึ่งแล้วเขาก็จะสามารถตามหาบรรพชนเก้าได้แม้จะเป็นสุดขอบโลกก็ตาม

นี่คือสิ่งที่น่ากลัวสําหรับดวงตาแห่งสัจจะ

“เรื่องแค่นี้เอง อย่าได้โทษตนเองเลย”

ในเวลานี้ เสียงของบรรพชนหกก็ค่อยๆ ลอยไปถึงหูของบรรพชนเก้า เขามองไปที่ซูฉิน ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยแล้วพูดอย่างใจเย็น “ผู้ทรงสมณศักดิ์ถึงกับมานมัสการพระวิหารวิหารหมื่นพุทธของพวกเราก็ควรให้การต้อนรับ แต่วันนี้มีเรื่องไม่สะดวกบางอย่าง ได้โปรดท่านกลับไปก่อนเถิด”

แม้ว่าซูฉินจะเดินทางลึกเข้ามาถึงทะเลทรายตะวันตกและมาจนถึงหน้าวิหารหมื่นพุทธมีรัศมีที่ไร้รูปลักษณ์น่าสะพรึงกลัวปกคลุมทุกสิ่งโอบล้อมทุกอย่าง

แต่วิหารหมื่นพุทธคือสิ่งใด?

นิกายใหญ่ต่างดินแดนซึ่งได้รับการสืบทอดต่อมาตั้งแต่ช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณีเพื่องฟูมีผู้ทรงพลังอํานาจกําเนิดขึ้นมาในช่วงเวลาหลายพันปีนี้ และแม้แต่เซียนเทพปฐพีก็มีมากกว่าหนึ่งคนกําเนิดขึ้นจากวิหารหมื่นพุทธด้วยเหตุนี้วิหารหมื่นพุทธจึงยังคงสภาพอํานาจตามเดิมไว้ได้

ด้วยรากฐานของวิหารหมื่นพุทธเช่นนี้ เมื่อมีคนบอกว่าต้องการจะมานมัสการพระวิหารคิดอยากจะมาก็มาได้อย่างนั้นหรือ?

แม้ว่าวิหารหมื่นพุทธจะตั้งอยู่ในทะเลทรายตะวันตก แต่ที่แห่งนี้ก็เพิ่งสร้างขึ้นมาไม่นานยังด้อยกว่าวิหารหมื่นพุทธในดินแดนโพ้นทะเลอยู่มาก

แต่ซูฉินนั้นไม่ใช่เซียนเทพปฐพี และไม่ได้มีอํานาจที่จะเอาชนะทุกสิ่งทุกอย่างได้

นอกจากนี้ยังมีบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด บรรพชนเก้า อรหันต์สามรูปรวมกับสมบัติพุทธคุณจํานวนมากบรรพชนหกไม่เชื่อว่าซูฉินจะกล้าทําอะไรกับวิหารหมื่นพุทธจริงๆ

“ไม่สะดวก?”

ซูฉินยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเป็นกรณีนี้ข้าก็จะเข้าไปในวิหารเอง”

เมื่อกล่าวเช่นนี้ ซูฉินก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ตรงเข้าไปหลายลี้ ไปถึงหน้าวิหารหมื่นพุทธ

“ไม่ดีแล้ว!”

รูม่านตาของบรรพชนหกหดตัวลง

จากที่บรรพชนเก้าเคยเล่าเอาไว้ เขาได้รู้ว่าซูฉินมีร่างกายที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานสามารถสั่นสะเทือนสมบัติพุทธคุณเป็นธรรมดาที่ไม่ควรให้ซูฉินเข้าไปภายในวิหารหมื่นพุทธ

ไม่เช่นนั้น เมื่อซูฉินเข้ามาในระยะประชิด ด้วยพลังงานพลุ่งพล่านเต็มไปด้วยพลังชีวิตและเลือดเนื้ออรหันต์ทั้งสามรูปอาจจะไม่ได้กลัวแต่ศิษย์สาวกคนอื่นๆ ในวิหารหมื่นพุทธรวมถึงตัววิ หารหมื่นพุทธด้วยอาจจะถูกซูฉินทําลายลงได้

“ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ”

บรรพชนเจ็ดยกมือขวาขึ้นมา เห็นตะเกียงลอยขึ้นมาเงียบๆ อยู่หน้าวิหารหมื่นพุทธ

ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณเริ่มสั่นสะท้าน

มันเปล่งแสงพุทธคุณนวลตา เข้าล้อมรอบวิหารหมื่นพุทธทั้งหมด

ภายนอกวิหารหมื่นพุทธ รัศมีพลังของซูฉินยังคงสร้างความข่มขู่ แต่ภายในวิหารหมื่นพุทธซึ่งปกคลุมด้วยแสงนวลกลับมีบรรยากาศสงบผ่อนคลาย

ทันใดนั้นศิษย์สาวกของวิหารหมื่นพุทธก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ศิษย์ส่วนใหญ่ที่มาจากวิหารใหญ่ในต่างดินแดน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สาม ดังนั้นพวกเขาจะทนต่อไอพลังของซูฉินได้อย่างไร?

หากไม่ได้ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณช่วยไว้ทันเวลา ศิษย์เหล่านี้คงจะต้องคุกเข่าลงกับพื้นภายใต้ไอพลังนี้โดยที่ซูฉินยังไม่ได้ลงมือทําอะไร

“น่ากลัวเกินไปแล้ว”

“คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาเกิดอยู่ในทวีปที่ห่างไกลอย่างนี้ได้อย่างไร?”

“ใช่ แม้ว่าทวีปนี้จะเป็นแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ แต่กระแสปราณฉีก็เพิ่งจะฟื้นคืนในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ไม่ควรมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ”

ศิษย์หลายคนของวิหารหมื่นพุทธพูดกันด้วยเสียงเบาๆ มองผ่านแสงพุทธคุณที่ปกคลุมวิหารหมื่นพุทธสายตาที่พวกเขามองซูฉินเต็มไปด้วยความกลัวและวิตกกังวลอย่างลึกซึ้ง

.“อย่ากังวลไปเลย ไม่ว่าวิหารหมื่นพุทธจะอยู่ที่ใดผู้คนก็ยําเกรง แม้แต่เซียนเทพปฐพียังต้องหันหลังจากไปแล้วคนอื่นจะทําอะไรได้?”

ศิษย์วิหารหมื่นพุทธพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างแรงกล้า

“ถูกต้อง

“มีบรรพชนหก บรรพชนเจ็ด และบรรพชนเก้า ข้ายังจะต้องกังวลสิ่งใดอีก?”

ศิษย์หลายคนในวิหารหมื่นพุทธพยักหน้าให้กันเพื่อปลอบโยนศิษย์คนอื่นๆ

และในตอนนั้นเอง

ซูฉินก็หยุดและมองดูด้วยความสนใจ เขามองแสงนวลที่ปกคลุมทั่วทั้งวิหารหมื่นพุทธ มันเปล่งพลังแห่งพุทธคุณออกมา

“น่าสนใจ”

ซูฉินยิ้มเล็กน้อย

ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณนี้มีกลิ่นอายคล้ายกับลูกประคําของบรรพชนเก้า แต่ในแง่ของพลังที่ผันผวนมันแข็งแกร่งกว่าลูกประคํานับร้อยเท่า

ช่ว!

ซูฉินสะบัดนิ้วของตน แก่นแท้แห่งพลังถูกดึงออกไปใช้ในชั่วพริบตา พุ่งเข้าใส่แสงพุทธคุณที่ปกคลุมวิหารหมื่นพุทธ

แต่ผลที่ได้คือพลังจากแก่นแท้เหมือนจมลงสู่กันมหาสมุทร แสงพุทธคุณกลืนกินพลังงานไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เมื่อผู้จาริกบุญต้องการจะบุกเข้ามาในวิหารหมื่นพุทธของพวกเรา มันย่อมเป็นไปไม่ได้”

“ ตราบใดที่ไม่สามารถทําลายตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ จะเข้ามาได้อย่างไร?”

บรรพชนหกมองไปที่ซูฉินแล้วกล่าวเบาๆ

ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณเคยป้องกันการระเบิดพลังของเซียนเทพปฐพี่มาก่อน

แม้หลังจากที่ถูกระเบิดพลังครั้งนั้น ตะเกียงจะหมดพลังลง และยังไม่ฟื้นพลังกลับมาเต็มที่

แต่ในแง่ของการป้องกันเพียงอย่างเดียว ตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่นแม้จะเป็นในต่างดินแดน

ถ้าไม่ใช่เพราะตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณนี้ทําได้เพียงป้องกัน แต่สามารถโจมตีได้ เกรงว่าสมบัติชิ้นนี้จะเป็นสมบัติล้ําค่าอันดับหนึ่งของวิหารหมื่นพุทธไปแล้ว

“ได้ตามที่ขอ”

ซูฉินหัวเราะเบาๆ

การโจมตีของเขาเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการกะประมาณคร่าวๆ ว่าตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณนี้มีความสามารถในการป้องกันระดับใด

ช่วงเวลาต่อมา

ซูฉินเหยียดแขนขวาออกไป และคว้าจับไปที่ช่องว่างมิติ

เขาค่อยๆ ดึงมีดยาวออกมา มันมีรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายกับเคียว โค้งเป็นวงดวงจันทร์เต็มดวง

“ตัด!!”

ซูฉินถือคมมีดเทพเจ้าปีศาจไว้ในมือแล้วฟันเข้าใส่วิหารหมื่นพุทธ

ท้องฟ้าและผืนดินดูเหมือนจะกลายเป็นมหาสมุทรแห่งความมืดมิด และประกายคมมีดจากมีดเทพเจ้าปีศาจก็เฉือนตัดช่องว่างมิติพุ่งไปยังวิหารหมื่นพุทธ

“นั่นคือ?”

บรรพชนหกเห็นมีดของซูฉินที่มืดมิดราวกับขุมนรก ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

“กลิ่นอายเช่นนี้ มันมาจากโลกปีศาจงั้นหรือ?”

บรรพชนหกวางท่าทางเคร่งขรึม ช่วงสิ้นสุดยุคกระแสปราณีครั้งล่าสุด โลกถ้ําปีศาจได้บุกโจมตีและทําสงครามกับโลกมนุษย์ แม้ว่าโลกถ้ําปีศาจจะล่าถอยไปในที่สุดแต่โลกมนุษย์ก็เสียหายอย่างหนักและแม้แต่ผู้ที่ทรงพลังอย่างถึงขีดสุดก็ตกตายไปหลายคน

สิ่งต่างๆ เกี่ยวกับโลกถ้ําปีศาจถูกจัดเก็บเป็นความลับสุดยอด เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกของนิกายใหญ่ดินแดนโพ้นทะเลและผู้อาวุโสทั่วๆไปก็ไม่สามารถรู้สิ่งนี้ได้

แต่ในเวลานี้คมมีดในมือของซูฉินทําให้บรรพชนหกได้นึกถึงโลกถ้ําปีศาจ

ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉันไม่ได้มีกลิ่นอายของโลกถ้ําปีศาจ บรรพชนหกอาจจะสงสัยว่าซูฉินเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจในโลกถ้ําปีศาจ

ขณะที่ความคิดของบรรพชนหกกําลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

ประกายคมมีดอันรุนแรงของซูฉินฟันออกมากระทบเข้ากับแสงพุทธคุณที่ปล่อยออกมาจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ

แกร็ก

แสงสว่างของแสงพุทธคุณวูบวาบ

ที่จุดกระทบของคมมีดกับแสงพุทธคุณ มีเสียงฉีกขาดดังขึ้นมา แสงพุทธคุณและประกายคมมีดได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน

ในท้ายที่สุดประกายคมมีดที่ซูฉินตวัดออกไปก็โดนแสงที่ครอบคลุมวิหารหมื่นพุทธอันสว่างไหวกลืนกินในทันที

“น่ากลัวยิ่งนัก

บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าชําเลืองมองหน้ากัน เหงื่อเย็นเยียบค่อยๆ ไหลออกมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ความมืดมิดของคมมีดถูกตวัดฟันออก พวกเขาก็เห็นภาพลวงตามา กมายในนั้น

อย่างไรก็ตาม

ไม่ทันที่ทุกคนจะตอบสนอง

ซูฉินก็เก็บคมมีดเทพเจ้าปีศาจกลับคืน เปลี่ยนจากฝ่ามือเป็นกําปั้นแล้วค่อยๆ ส่งมั่นเข้าหาวิหารหมื่นพุทธ

หมัดนี้เรียบง่ายและหนักแน่น ราวกับผืนดินอันกว้างใหญ่ได้หลอมรวมเข้ากับหมัดนี้ประหนึ่งเทพเจ้าโบราณตีกลองศึกกําหมัดไว้แน่นแล้วกระแทกเข้ากับแสงพุทธคุณที่เปล่งออกมาจากตะเกี่ยงพุทธหมื่นวิญญาณ

ตูม!

เสียงดังก้องราวกับระฆังยักษ์สั่นสะเทือน จิตใจของศิษย์สาวกหลายคนในวิหารหมื่นพุทธพลัน ว่างเปล่า

ท่ามกลางสายตาที่หวาดกลัวของทุกคน หมัดของซูฉินกระทบเข้ากับแสงพุทธคุณแสงพุทธคุณถูกเจาะทะลวงเป็นช่อง หมัดขวาของซูฉินค้างอยู่ที่ตรงช่อง หมัดอันน่าสะพรึงกลัวแทบจะทะลุแสงพุทธคุณที่คอยปกป้องวิหารหมื่นพุทธ

แม้ว่าหลังจากที่ซูฉินถอนหมัดนี้ออกไป แสงพุทธคุณจะเคลื่อนกลับที่เดิมอย่างรวดเร็วแต่หมัดของซูฉินที่โจมตีออกมาได้ฝังลึกอยู่ในใจของทุกคนไปแล้ว

“หมัดนี้น่ากลัวเกินไป มันเกือบจะทะลวงพลังจากตะเกียงพุทธหมื่นวิญญาณ” หัวใจของบรรพชนเจ็ดเกิดคลื่นลมพายุโหมกระหน่ํา

เพียงแต่ว่าซูฉินก็ได้ถูฝ่ามือของเขาและพูดอะไรบางอย่างที่ทําให้บรรพชนหกบรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าตกใจ

“ไม่เป็นไร”

“ข้าจะลงมือครั้งต่อไปให้จริงจังขึ้น”

ซูฉินขยับร่างจิตวิญญาณการต่อสู้ค่อยๆพุ่งสูงขึ้น

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Status: Ongoing
บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset