เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ตอนที่ 274 มาถึง

Sign in Buddha’s palm 274 มาถึง
พรรคหมื่นดาบเป็นนิกายใหญ่ในดินแดนโพ้นทะเล
เมื่อเทียบกับบรรดานิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดน พวกเขายังคงตื้นเขินและอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ํา แต่อย่างไรก็เป็นนิกายใหญ่ระดับสูงอยู่ดี นักพรตหมื่นดาบผู้ก่อตั้งเป็นถึงนักดาบ ขอบเขตเซียนเทพปฐพีมีอํานาจปกครองยุทธภพต่างแดนนานถึงห้าร้อยปี เป็นหนึ่งไม่มีสอง
ถ้าไม่ใช่เพราะพรรคหมื่นดาบไม่เคยให้กําเนิด เซียนเทพปฐพีออกมาเลย เกรงว่าพรรคหมื่นดาบคงจะไม่ได้อยู่ในตําแหน่งที่ต่ําขนาดนี้ในหมู่นิกายใหญ่ต่างแดน
การมีเซียนเทพปฐพี่สักคน มีอิทธิพลอย่างมากต่อนิกายใหญ่
เซียนเทพปฐพไม่ใช่แค่ดํารงอยู่ได้เป็นพันปีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเคล็ดวิชาที่ได้ทิ้งเอาไว้ด้วย มันจะคงอยู่ตลอดไป อย่างเช่น บรรพชนดาบเมื่อพันกว่าปีก่อนที่บังเอิญได้รับมรดกจากนักพรตหมื่นดาบจึงพัฒนาได้อย่างก้าวกระโดด ในที่สุดก็สามารถแปรเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดจนไร้เทียนทานในต่างดินแดนยุคนั้น
และในเวลานี้
ขณะที่ประมุขพรรคหมื่นดาบออกคําสั่งให้เตรียมการสําหรับการเข้ายึดร่างของบรรพชนดาบ บรรยากาศภายในพรรคหมื่นดาบค่อยๆตึงเครียดขึ้น ศิษย์พรรคหมื่นดาบจํานวนมากขวัญเสีย ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น
“เจ้าได้ยินไหมว่าบรรพชนทั้งหมดของพรรคหมื่นดาบที่เดินทางไปแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯต่างตกตายไปหมดแล้ว”
ศิษย์พรรคหมื่นดาบคนหนึ่งลดเสียงลงก่อนจะพูดออกมา
เมื่อดวงไฟแห่งชีวิตของบรรพชนพรรคหมี่นดาบได้ดับลง ศิษย์หลายคนก็บังเอิญผ่านมาเห็น รวมกับความจริงที่ว่าประมุขพรรคหมื่นดาบ ว่าบรรพชนดาบตื่นขึ้นจากหลับใหลแล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ระงับข่าวนี้แต่อย่างใด
เพราะในสายตาของประมุขพรรคหมื่นดาบ การตายของบรรพชนพรรคหมื่นดาบทั้งหลายนั้นเกิดจากนิกายใหญ่แห่งอื่นๆ แม้เขาจะระงับข่าวไม่ให้รั่วไหล นิกายใหญ่แห่งอื่นๆ ที่ร่วมมือกันทําเรื่องนี้ก็คงจะกระจายข่าวออกไปอย่างอยู่ดี
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นทําไมไม่ยอมรับเรื่องนี้อย่าง เปิดเผยไปเลยเล่า
ในทางตรงกันข้าม สําหรับประมุขพรรคหมื่นดาบแล้วนั้น บรรพชนดาบกําลังจะตื่นขึ้นอีกครั้ง นับประสาอะไรกับบรรพชนทั้งหลายที่ล่วงลับไป แม้จํานวนคนที่ตายจะเพิ่มไปอีกสองเท่า แต่บรรพชนดาบก็ยังคงอยู่ และพรรคหมื่นดาบจะยังสามารถยืนหยัดได้ในยุทธภพต่างแดน
และเมื่อข่าวการตายของบรรพชนขอบเขตตํานานยุทธขั้นสูงสุดแพร่กระจายในพรรคหมื่นดาบ ศิษย์พรรคหมื่นดาบต่างก็รู้สึกเหมือนระเบิดลง
“เกิดอะไรขึ้นภายในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯกัน ก่อนหน้านี้ก็เป็นศิษย์พรรค แล้วก็ผู้อาวุโส จากนั้นก็บรรพชน เป็นไปได้ไหมว่าแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯนั้นเป็นถ้ําเสือสระมังกร?”
ศิษย์พรรคหมื่นดาบต่างหวาดกลัวและไม่สบายใจ รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่พวกตนไม่ได้ไปยังแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ด้วย
แม้ว่ายุทธภพในดินแดนโพ้นทะเลแห่งนี้จะมี การแข่งขันกันอย่างดุเดือด แต่ในฐานะศิษย์นิกายใหญ่ ตราบใดที่พวกเขาระมัดระวังตนให้ดี ก็จะไม่มีใครกล้าคุกคามพวกเขา
แต่แผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่นั้นไม่ เหมือนกัน
เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ แต่บรรพชนต่างก็ล้มหายตายจากกันไปอีกแล้ว ช่างน่าเหลือเชื่อนัก
“ฮ่ม!”
“บรรพชนดาบของพวกเรากําลังจะตื่นแล้ว ถึงเวลาที่พรรคหมื่นดาบของพวกเราจะครอบครองพิภพนี้ด้วยคมดาบแล้ว”
ศิษย์อีกคนส่งเสียงเย้ยหยันและกล่าวว่า บรรพชนดาบกําลังจะตื่นขึ้น
อันที่จริงนี่เป็นสิ่งที่ประมุขพรรคหมื่น ดาบจงใจจัดวางไว้ การตายของบรรพชนจํานว นมากนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในพรรคหมื่นดาบ และเมื่อเป็นเช่นนี้พรรคหมื่นดาบยิ่งต้องฟื้นคืนขวัญกําลังใจให้กับเหล่าศิษย์สาวก
ในสายตาของประมุขพรรคหมื่นดาบ ไม่มีอะไรจะเพิ่มขวัญกําลังใจให้แก่ศิษย์ได้มากกว่าเรื่องของการปลุกบรรพชนดาบขึ้นมาอีกแล้ว
แม้เวลาจะล่วงเลยมาเป็นพันปี แต่ศักดิ์ศรีของบรรพชนดาบก็เป็นที่รู้ทั่วกันในหมู่ศิษย์พรรคหมื่นดาบ และไม่ใช่เพียงแต่ภายในพรรคหมื่นดาบเท่านั้น นี่ยังรวมไปถึงนิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดน ไม่มีใครสามารถละเลยการมีอยู่ของบรรพชนดาบได้
ตํานานยุทธขั้นสูงสุดผู้แปรเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดรองลงมาจากขอบเขตเซียนเทพปฐพี
“บรรพชนดาบตื่นขึ้นแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“บรรพชนดาบยังคงมีชีวิตอยู่จริงๆ ใช่ไหม?”
“นั่นเป็นเรื่องปกติมาก บรรพชนดาบแปรเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้แล้ว ปราศจากพันธนาการทางกาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอายุขัย แต่การจะอยู่รอดต่อมาได้เป็นพันปีสองพันปีนั้นย่อมเป็นเรื่องง่าย”
ศิษย์พรรคหมื่นดาบจํานวนมากต่างรู้สึกตื่นเต้น ความกลัวและความวิตกกังวลในช่วงแรกตอนที่ได้ข่าวเรื่องการตายของเหล่าบรรพชนพลันหายไปในทันที
“บรรพชนพรรคหมื่นดาบของพวกเราได้ตกตายอยู่ในแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ ความแค้นครั้งนี้ต้องได้รับการชําระ เมื่อบรรพชนดาบตื่นขึ้นมา ข้าจะร้องขอให้ท่านบรรพชนดาบแก้แค้นให้พรรคของเรา”
“ถูกต้อง บรรพชนดาบจะต้องจัดการแทนพวกเราได้อย่างแน่นอน”
ศิษย์พรรคหมื่นดาบทุกคนล้วนมั่นอกมั่นใจ
การตายของกลุ่มบรรพชนที่ล้วนเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดนั้นช่างน่าตกใจโดยแท้จริง แต่ศิษย์ทุกคนในพรรคหมื่นดาบต่างศรัทธาในตัวของบรรพชนดาบอย่างแรงกล้า คิดว่าต่อให้ผู้ที่สร้างเรื่องจะแข็งแกร่ง แต่ตราบใดที่บรรพชนดาบลงมือ ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องกลายเป็นเพียงฝุ่นผง
และเมื่อเวลาผ่านเลยไป ข่าวเรื่องที่บรรพชนดาบกําลังจะตื่นขึ้นก็แพร่กระจายจากพรรคหมื่นดาบมาสู่หูของนิกายใหญ่รวมถึงจอมยุทธทั่วๆไป
ในขณะที่ชาวยุทธต่างดินแดนหลายต่อหลายคนกําลังพูดคุยถึงเรื่องนี้
ซูฉินก็มาถึงยุทธภพต่างดินแดนอย่างเงียบๆ
เหนือน่านน้ํามหาสมุทร เห็นซูฉินเหยียบยืนอยู่บนใบกกกําลังมุ่งหน้าสู่ต่างดินแดนด้วยความรวดเร็ว
ซูฉันไม่รู้ว่าพรรคหมื่นดาบอยู่ที่ไหน หรือจะไปที่นั่นได้อย่างไร
ซูฉินเพียงต้องจับตําแหน่งของหลีหว่านด้วยดวงตาแห่งสัจจะเท่านั้น จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังทิศทางนั้น
“วิชากระจุกกระจิกที่สร้างขึ้นโดยพระโพธิธรรม ตกม้อนี่ก็มีประโยชน์ไม่น้อย ไม่ต้องใช้แก่นแท้แห่งพลังหรือจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับช่วยเพิ่มความเร็วได้อย่างมาก….”
ซูฉันคิดในใจขณะที่ยืนอยู่บนใบต้นกก
เคล็ดวิชาที่เขาก็ใช้งานอยู่นี้เป็นวิชาเล็กๆน้อยๆ ที่สร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้งวัดเส้าหลินอย่างพระโพธิธรรมเพื่อข้ามแม่น้ําด้วยใบกก
ในตอนแรกซูฉินไม่ชอบเคล็ดวิชาเล็กๆน้อยๆนี่เท่าไหร่ ท้ายที่สุดตราบใดที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธได้ ย่อมสามารถเหาะเหินเดินอากาศ การใช้ใบกกเพื่อข้ามแม่น้ําจะเอาอะไรไปเทียบได้?
แต่ยามที่ซูฉินต้องรีบร้อนเดินทางไปต่างดินแดน เขาก็บังเอิญไปเห็นต้นกกเข้า และใช้มันในการเดินทางมุ่งหน้าสู่โพ้นทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด
เป็นผลให้ซูฉินพึงพอใจมาก
วิชาเล็กๆน้อยๆ อย่างการใช้ใบกกข้ามแม่น้ํา เชื่อมโยงกับฐานการบ่มเพาะของซูฉินโดยตรง และไม่ได้กินพลังงานเลย
ซูฉินมีแก่นแท้แห่งพลังอันยิ่งใหญ่อยู่ในร่าง เมื่อใช้เหาะเหินเดินอากาศ มันสามารถกลับมาเติมเต็มได้ในไม่ช้า แต่การที่กินพลังงานหรือไม่กินพลังงานเลยนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ด้วยความช่วยเหลือจากน้ําทะเลอันมหาศาล ใช้กระแสน้ําให้เป็นประโยชน์ มันกลับกลายเป็นพลังงานให้กับการเคลื่อนที่ได้ ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินวิชานี้ต่ําไป”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ไม่นานนักหลังจากเข้านมัสการวัดเส้าหลิน เขาก็ได้ลงชื่อเข้าใช้ในศาลาพระคัมภีร์และได้รับวิ ชากระจุกกระจิกนี้มา แต่ซูฉันไม่ได้มีโอกาสใช้มันมากเท่าไหร่
วัดเส้าหลินอยู่ในส่วนลึกของแผ่นดินใหญ่ นับประสาอะไรกับทะเล แม้แต่แม่น้ําก็ไม่ได้มีให้เห็นมากนัก นอกจากนี้ซูฉินยังออกจากวัดเส้าหลินไปไม่กี่ครั้งเท่านั้น ก่อนจะเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์ และก็ไม่เคยได้ใช้วิชากระจุกกระจิกเช่นนี้ในสภาวะวิกฤติด้วย
“ใกล้จะถึงต่างดินแดนแล้ว”
“ข้าสัมผัสได้ว่าพลังฟ้าดินค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น” ซูฉันเอามือไพล่หลัง ข้ามผ่านทะเลนับร้อยลี้ เกาะแก่งมากมายต่างโผล่ขึ้นที่ละเกาะสองเกาะ
“ไม่น่าแปลกใจที่มีตํานานยุทธมากมายในต่างแดน และมีแม้กระทั่งเซียนเทพปฐพี่ถือกําเนิดขึ้น”
“ด้วยสภาพแวดล้อมที่มีพลังเหลือเฟือเช่นนี้ ตราบใดที่ร่างกายไม่ได้บกพร่องจนถึงแก่น เพียงเวลาไม่นานก็คงจะเข้าสู่ระดับชั้นเก้าของขอบเขตวิทยายุทธเก้าระดับชั้นแล้ว”
ท่าทีของซูฉินเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก
แม้แต่ในอาณาจักรถังที่กระแสปราณฉีเริ่มฟื้นตัว มีเพียงสามหรือสี่คนจากสิบคนเท่านั้นที่มีโอกาสจะเป็นจอมยุทธได้ ส่วนอีกหกถึงเจ็ดคนที่เหลือก็คงจะไม่สามารถก้าวหน้าในด้านวิชายุทธได้ตลอดชั่วชีวิต จะไปมีสภาพแวดล้อมดีเท่าต่างดินแดนที่ทุกคนสามารถกลายเป็นจอมยุทธได้เช่นไร?
“ว่ากันว่าเมื่อเทียบกับยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด สภาพแวดล้อมในต่างดินแดน เทียบไม่ได้แม้แต่มุมเล็กๆ ในพื้นที่ห่างไกลเสียด้วยซ้ํา…”
ความคิดของซูฉินผันผวนไปมา นึกเรื่องต่างๆอยู่ในใจเงียบๆ
“น่าจะถึงพรรคหมื่นดาบในไม่ช้า”
ด้วยดวงตาแห่งสัจจะคอยจับพลังฉีของหลีหว่านอยู่เสมอ หัวใจในซูฉินสันไหวเล็กน้อย
“ตั้งแต่พรรคหมื่นดาบก่อตั้งขึ้นมา มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถคุกคามข้าได้”
“หนึ่งคือนักพรตหมั่นดาบที่มีชีวิตอยู่เมื่อสี่พันกว่าปีก่อน ผู้เป็นเซียนเทพปฐพีที่เก่งกาจในเชิง
ดาบ”
ใบหน้าของซูฉินดูเคร่งขรึมขึ้นมาไม่น้อย
เซียนเทพปฐพี่นั้นก็น่ากลัวอยู่แล้ว และเซียนเทพปฐพีที่เชี่ยวชาญในเชิงดาบ เก่งกาจในการฆ่าฟัน พวกเขายิ่งมีพลังเหนือจินตนาการ
แต่ก็เท่านั้น
ในสายตาของซูฉิน นักพรตหมื่นดาบเป็นภัยคุกคามที่ต่ําที่สุด
กว่าสี่พันปีล่วงเลยมาแล้ว แม้ว่านักพรตหมี่ นดาบจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่เกรงว่า เขาคงจะตายด้วยวัยชราไปนานแล้ว ไม่จําเป็นต้องมานั่งคิดกังวล
“คนที่สองคือบรรพชนดาบเมื่อพันเก้าร้อยปีก่อน ซึ่งแปรเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดเรียบร้อยแล้ว ในยุคหลังจากนักพรตหมั่นดาบ เขาคนนี้ก็คือคนที่มีพรสวรรค์และความแข็งแกร่งมากที่สุดในพรรคหมื่นดาบ”
ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย
สําหรับบรรพชนดาบ เขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เขาก็ยังล้มเหลวในการทําลายคอขวดเพื่อเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี
ตามหลักเหตุผลแล้วนั้น ตํานานยุทธขั้นสูงสุดธรรมดา แม้จะหลับใหลด้วยวิธีลับปิดผนึกตนเอง อย่างมากก็หลับไปได้นานสุดแค่มากกว่าพันปีไปนิดหน่อย แต่บรรพชนดาบได้แปรเปลี่ยนจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้ว เขาสามารถอยู่รอดบนโลกนี้ได้นานขึ้นเกือบจะถึงสองพันปี
นอกจากนี้ เมื่อตอนที่ซูฉินไล่สังหารบรรพชนพรรคหมื่นดาบ เขาได้ยินมาว่าจุดประสงค์ของพรรคหมื่นดาบในการพาตัวหลีหว่านไปก็เพื่อปลุกบรรพชนดาบให้ตื่นและค้นหาร่างกายที่สามารถบรรจุวิญญาณของเขาได้
ดังนั้นซูฉินจึงมั่นใจได้ว่าบรรพชนดาบยังคงอยู่ในส่วนลึกของพรรคหมื่นดาบ
“ยามนี้ดูเหมือนว่ามารพุทธะจะมีพรสวรรค์จริงๆ ตอนที่เขาเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตอรหันต์ เขาสามารถสร้างจิตมารแยกวิถีขึ้นมาได้ ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์อันแสนอ่อนแอของขอบเขตอรหันต์ เขากลับอยู่มาได้ถึงเก้าร้อยปี……”
ซูฉินดูประหลาดใจ
เขารู้สึกว่าหากไม่ใช่เพราะอรหันต์ถัวได้เล็งเห็นความเลวร้ายที่กําลังจะเกิดขึ้นและลงมือปิดผนึกมารพุทธะเอาไว้ เกรงว่าวัดเส้าหลินคงถูกทําลายไปนานแล้ว
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่ทั่วทั้งทวีปยังอาจตกอยู่ในการปกครองของมารพุทธะ
เมื่อซูฉันคิดถึงเรื่องนี้
กลิ่นอายของจอมยุทธมากมายจากทั่วทุกสารทิศก็ผ่านไปที่ละคนสองคน
กลิ่นอายของจอมยุทธเหล่านี้ผสมปนเปกันไป พวกที่อ่อนแอก็มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ขอบเขตสามระดับกลางไม่ก็สามระดับบน ส่วนผู้ที่แข็งแกร่งก็ได้เข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยและแผ่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั่วทุกทิศทาง ผ่านไปชั่วครู่สีหน้าของเขาก็ดูเหมือนครุ่นคิดบางอย่างอยู่
“ช่วงนี้เป็นเวลาที่พรรคหมื่นดาบรับสมัครศิษย์สาวกลั้นหรือ?”
ซูฉินแตะปลายคางของตนเอง
ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ซูฉินแผ่ออกไป ซูฉินจึงรู้ได้อย่างง่ายดายว่าคนกลุ่มนี้มีจุดประสงค์จะมุ่งหน้าไปรวมตัวกันที่พรรคหมื่นดาบ
ในความเป็นจริง ไม่เพียงแต่พรรคหมื่นดาบเท่านั้น แต่นิกายใหญ่แห่งอื่นๆก็เป็นเช่นนี้ เพื่อรักษาคนรุ่นใหม่ไว้ในนิกาย นานๆครั้งจึงมีการรับสมัครศิษย์ใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลกอยู่เสมอ และนี่คือความมั่งคั่งของยุทธภพต่างแดน
ท้ายที่สุดเมื่อเข้าร่วมนิกายใดนิกายหนึ่ง ไม่เพียงจะได้รับคําแนะนําในการฝึกวิทยายุทธเท่านั้น แต่ยังได้รับการคุ้มครองจากนิกายอีกด้วย และยังไม่รู้ว่ามีผลประโยชน์อีกมากมายแค่ไหน
ฉับพลัน
ในตอนนั้นเอง
ซูฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองไปยังเกาะที่มีขนาด หลายร้อยลี้ข้างหน้า และยังเห็นอาคารเก้าแห่งที่ด้านบนมีรูปร่างคล้ายดาบปรากฏขึ้นที่ใจกลางเกาะ
พรรคหมื่นดาบตั้งอยู่ที่นี่นี่เอง!

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Status: Ongoing
บทนำ ซูฉินเที่ยวท่องไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ เป็นโลกที่ชาวยุทธครองพิภพ เป็นสถานที่ที่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอยู่เหนือใต้หล้า เป็นที่ที่ผู้สืบทอดหมัดเก้าตะวันออกหาประสบการณ์ต่อสู้ไปตามแนวสายธารอันทอดยาวและภูเขาสูงชัน ทั้งยังมีเสียวหลี่ที่ขี่กระบี่โบยบินสู่นภากาศอันเวิ้งว้างว่างเปล่า เนื่องจากซูฉินไม่มีพรสวรรค์ด้านวิชายุทธ เขาจึงเป็นได้เพียงพระกวาดลานแห่งตำหนักลานจิปาถะ ในเวลานั้นเอง ระบบแห่งการลงชื่อเข้าใช้ก็ถูกกระตุ้นเปิดออก! ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าพระประธานสีทองอร่าม ได้รับ [ฝ่ามือยูไล] ลงชื่อเข้าใช้ที่หน้าลานสงฆ์ ได้รับ [กายแกร่งวัชระ] ลงชื่อเข้าใช้ที่ภูเขาหลังวัด ได้รับ [กายาโพธิสัตว์ปีศาจทองคำ] สมบัติแทบจะแทรกอยู่ทุกหย่อมหญ้าในวัดเส้าหลินให้ได้ลงชื่อรับของรางวัลมา ซูฉินจึงไม่คิดลงจากภูเขาอันเป็นที่ตั้งของวัดเส้าหลินไปที่ไหนแน่หากยังไม่ได้ลงชื่อรับของรางวัล และตัวเขาก็ลงชื่อเข้าใช้อยู่แบบนั้นมาตลอดยี่สิบปี ยี่สิบปีผ่านไป เส้าหลินเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างธรรมะและอธรรม เหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลินอย่างมิเกรงฟ้าดิน มาทั่วทุกสารทิศมุ่งเข้าสู่ศาลาพระคัมภีร์ อย่างดุร้าย! และทรงพลัง! จนกระทั่งพวกมันเจอเข้ากับศิษย์วัดนามซูฉินกำลังกวาดลาน… แปลจากงานเขียนเรื่อง Sign in Buddha’s palm ผู้แต่ง : หุยเต้าหยวนชู ปล.เนื้อหาภายในเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ผู้แปลเพียงนำเสนอผลงานในรูปแบบที่เข้าใจง่ายขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset