เคลียร์นะเฮีย! เป็น’เมีย’ผมนะ – ตอนที่ 10

“ เฮ้ย! “

ปีขาลลงจากรถทันทีเมื่อเห็นเด็กปีหนึ่งที่ชื่อว่ากุนมาอยู่หน้ารถเขา

“ นี่คุณ มาอยู่อะไรหน้ารถผม “ ปีขาลขมวดคิ้วถามกุนด้วยความสงสัยปนตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นคนตรงหน้าแบบนี้

“ คือผม..มารอเพื่อนหนะครับแต่ตอนนี้ไม่ต้องแล้ว มันมีคนไปส่งแล้วครับ ผมก็เลยจะกลับแต่..มาเจอพี่ก่อนเลยเข้ามาทัก “ กุนอมยิ้มมองใบหน้าหวานของรุ่นพี่สุดโหด

“ งั้นก็กลับบ้านไปได้แล้ว จะมาทักผมทำไม “ เสียงหวานถามเด็กรุ่นน้องอย่างหาเรื่อง

“ ก็วันนี้ผมยังไม่เห็นหน้าพี่เลยนี่ครับ แค่แวะมาเจอหน้าเฉยๆเองเดี๋ยวก็กลับแล้ว “ กุนอมยิ้มตอบกลับไป

“ ………. “ ดวงตาหวานของปีขาลเลิ่กลั่กไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดหวานของรุ่นน้องปีหนึ่ง

“ ………. “ กุนเองก็มองใบหน้าหวานของปีขาลยิ้มๆ

“ แล้วจะอยากมาเจอหน้าผมทำไม หรืออยากโดนผมทำโทษอีก “ ปีขาลเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม กุนหัวเราะออกมานิดๆเมื่อได้ยินคำถาม

“ จะทำโทษผมเรื่องอะไรดีละครับ เรื่องที่ผมเสียมารยาทเข้ามาทักรุ่นพี่ปีสาม เรื่องที่ผมเสียมารยาทยืนคุยกับพี่ปีสามหรือว่าเรื่อง.. “ กุนค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ปีขาลนิดๆ

“ ที่ผมชอบพี่ปีสามดี “

!!!

สิ้นสุดคำพูดของกุน ปีขาลก็ตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันทีด้วยความตกใจ

“ คะ..คุณอย่ามาพูดจาไร้สาระกับผมนะ ผมเป็นรุ่นพี่คุณ ไม่ใช่เพื่อนเล่น ถ้าจะแกล้งหรือจะล้อเล่นก็ไปคุยกับเพื่อนคุณนู้น ไม่ใช่มาคุยกับผมแบบนี้ “ เสียงแข็งของปีขาลต่อว่ารุ่นน้องตรงหน้าด้วยความฉุน เมื่อคิดได้ว่าเด็กตรงหน้าอาจจะต้องการแกล้งเขา

“ ผมไม่ได้แกล้งครับ พี่น่ารักดี..ผมชอบ “ กุนยังคงพูดกับปีขาลด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม ซึ่งมันยิ่งทำให้ปีขาลรู้สึกประหม่าไม่น้อย

“ รีบกลับห้องของคุณไปได้แล้ว ดึกขนาดนี้เดี๋ยวผู้ปกครองคุณจะว่าเอาได้ว่าทางคณะให้พวกคุณทำกิจกรรมหนัก “ ปีขาลพูดเสียงนิ่งเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกแปลกๆที่อยู่ภายในใจของเขา

“ หึหึ ครับ แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับ “ กุนพูดเสียงนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่นที่มอบให้รุ่นพี่เฮดว๊าก

“ ……… “ ปีขาลขมวดคิ้วนิ่ง แล้วหันหลังเพื่อกลับเข้าไปในรถ

ปริ๊นๆ

ปีขาลบีบแตรรถเพื่อให้คนที่ขวางอยู่ได้ถอยห่างออกไป

“ หึหึหึ “ กุนขำในลำคอพร้อมกับจับรถจักรยานเพื่อถอยให้กับรุ่นพี่ตัวเล็ก จนเมื่อรถของปีขาลได้ขับออกไป กุนก็ค่อยๆลดรอยยิ้มที่มีติดใบหน้าให้กลับมานิ่งดังเดิม เขาเป็นคนยิ้มยากพอสมควรเหมือนกัน เป็นคนไม่ชอบพูดหยอดใคร ไม่ชอบยุ่งกับใครแล้วก็ไม่ชอบเข้าหาใครก่อน แต่แปลก..ใบหน้าหวานของปีขาลทำให้เขาอยากจะเข้าไปทำความรู้จัก ทำให้เขาอยากจะเข้าไปเรียนรู้นิสัยจริงๆของอีกฝ่ายว่าเป็นคนยังไงกันแน่ เป็นคนใจดีมีเหตุผล หรือเป็นคนที่อารมณ์ร้อนและปากหนักกันแน่

ตอนแรกกุนเองก็เพียงแค่ชอบใบหน้าหวานและรูปร่างของรุ่นพี่ปีสามที่ชื่อปีขาลก็เท่านั้นเพราะรู้สึกว่าตรงสเปคของตัวเองดี แต่พอได้เจอทุกวันได้ปะทะกันในบางครั้งมันก็ทำให้เขาสังเกตได้ว่ารุ่นพี่หน้าหวานคนนี้ก็ไม่ได้นิสัยแย่อะไรมากมายนัก อาจจะเพราะหน้าที่ที่ต้องทำมันเลยทำให้ปีขาลแสดงออกให้พวกเขาเห็นแบบนั้น ส่วนนิสัยจริงๆของปีขาลนั้น..เขาเองก็อยากเป็นคนรู้เพียงแค่คนเดียวเหมือนกัน

“ จะดุเหมือนชื่อหรือจะน่ารักเหมือนแมวกันนะ “ กุนพูดกับตัวเองยิ้มๆเมื่อนึกถึงดวงตากลมโตที่เบิกกว้างเมื่อรู้สึกโกรธพร้อมกับคำพูดร้ายๆในตอนที่อีกคนกำลังโมโห

———————

พอสเดินเข้ามาทางด้านในโดมเรื่อยๆเมื่อเขาเห็นประตูที่เปิดอยู่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจไม่น้อย

“ ลุงภาโรงไม่ได้ปิดประตูให้หรอกหรอ “ พอสพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปแล้วเจอรุ่นน้องที่เขาได้ทำโทษเมื่อเย็นยืนยกมือไห้โทรศัพท์อยู่ ซึ่งโทรศัพท์ของพนาก็วางอยู่ตรงเก้าอี้ด้านหน้าของพนาเอง

“ คุณ! “ พอสชี้หน้าพนาพร้อมกับขมวดคิ้วมองใบหน้าของรุ่นน้องตรงหน้าด้วยความสงสัย

“ พี่มาแล้วหรอ! พี่รู้มั้ยผมรอพี่ตั้งนานแล้ว นึกว่าจะมาบอกผมชาติหน้าซะอีก “ พนามองขวางรุ่นพี่ตัวเล็กนิดๆที่มาหาเขาช้าขนาดนี้

“ คุณยืนไหว้อะไรอยู่เนี้ย “ พอสขมวดคิ้วมองมือสลับกับโทรศัพท์ของรุ่นน้องตัวสูงที่ตั้งอยู่บนเก้าอี้

“ ไหว้พี่ต่อครับ “ เสียงใสตอบกลับอย่างซื่อๆ

“ ?แล้วไหนพี่ต่อของคุณล่ะ “ พอสถามกลับไปอย่างไม่เข้าใจ

“ ในจอโทรศัพท์ครับ ผมถ่ายรูปพี่เขาไว้ก่อนที่พี่เขาจะเดินไปข้างนอกเพื่อจะกลับบ้าน “ พนายิ้มออกมานิดๆเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเขาทำอยู่นั้นมันช่างดูฉลาดไม่น้อย

“ ในโทรศัพท์? ถ่ายรูป? “ พอสอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้เด็กหนุ่มพลางหยิบโทรศัพท์ของรุ่นน้องตรงหน้าขึ้นมาดูและพบว่าเป็นรูปของต่อจริงๆแต่เป็นการถ่ายที่เขาดูก็รู้ว่ารุ่นน้องของเขาไม่ได้เต็มใจที่จะถ่ายเลยแม้แต่น้อย

“ ใช่ครับ ผมรู้ว่าพี่ต้องชมว่าผมเป็นคนฉลาดมาก แต่ตอนนี้พี่ควรบอกให้ผมเลิกยกมือไหว้สักทีนะครับ ตะคริวมันกินมือ “ พนาบ่นเสียงอ้อมแอ้ม เพราะเขารู้สึกเมื่อยที่ข้อมือจริงๆรวมไปถึงนิ้วมือทุกนิ้วด้วยเช่นกัน

“ เอาๆๆเลิกไหว้ได้แล้วคุณ “ พอสบอก ถึงแม้ว่าจะรู้สึกงงและไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกคนทำเลยก็ตาม

“ พี่มองหน้าผมเหมือนมีคำถามเลยอ่ะ “ เสียงใสของพนาหันมาถามพอส ในขณะที่เดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองที่วางอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ

“ คุณคิดว่าผมต้องเข้าใจในสิ่งที่คุณทำจริงๆหรอ “ พอสขมวดคิ้วแล้วถามออกไป

“ แล้วทำไมพี่ต้องไม่เข้าใจผมอ่ะครับ “ พนาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ซึ่งน้ำเสียงของพนานั้นดูที่จะสงสัยในสิ่งที่เขาถามออกไปไม่น้อย

“ …..ช่างมันเถอะ ถือซะว่าผมไม่ได้ถามอะไรแล้วกัน “ พอสถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ

“ ครับ “ พนาหันไปยิ้มกว้างให้กับพอส ทำให้พอสมองรอยยิ้มนั้นด้วยความงง

“ ยิ้มห่าอะไรของมันวะ “ พอสได้แต่คิดในใจ

“ ไอพนา “ เสียงของกุนดังขึ้นเมื่อพนาและพอสเดินพ้นจากโดมออกมา

“ ไอนิ่ง! กูนึกว่ามึงหนีกลับห้องไปแล้วนะเนี้ย “ พนายิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อเห็นเพือ่นจูงจักรยานเดินเข้ามาหา

“ กลับยัง “ กุนถามพนา โดยไม่ได้สนใจอะไรพอสที่ยืนอยู่ทางด้านหลังพนาเลยแม้แต่น้อย

“ กลับดิ แต่ว่า..ขากลับมึงขี่ปะ กูเมื่อยขาอ่ะ “ พนาแบะปากออกมาอย่างอ้อนๆ เพราะปกติพนาและกุนจะสลับกันขี่มามหาลัย ถ้าวันไหนกุนเป็นคนขี่มาในตอนเช้า ตอนเย็นก็ต้องเป็นพนาที่เป็นฝ่ายขี่กลับแทน

“ ไม่ กูหนัก “ กุนตอบกลับมาสั้นๆ

“ โหหไอนิ่งงง กูเมื่อยจริงๆนะวันนี้อ่ะ “ พนาอ้อน

“ ไม่ “ กุนยังคงยืนยันคำเดิม จนทำให้พนานั้นถึงกับน้ำตาเอ่อคลอ

“ คุณกลับไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวเพื่อนคุณผมพาไปส่งเอง “ พอสพูดขึ้นเพราะรู้สึกรำคาญกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่น้อย กุนและพนามองไปที่พอสทันที

“ ไม่เอาพี่ ผมเกรงใจ “ พนาปฎิเสธ

“ ฝากด้วยครับ “ กุนบอกแค่นั้นก็ค่อมจักรยานแล้วปั่นออกไปทันทีโดยไม่อยู่รอฟังเสียงโวยวายของเพื่อนตัวเองอีก

“ เอ้าไอเชี้ยกุน! ไอ้! แม่งเอ้ยยยทีงี้ปั่นไวเชียวนะมึง “ พนาพูดอย่างหัวเสีย จนพอสได้แต่ส่ายหัวให้กับเสียงโวยวายของคนตรงหน้า

“ นี่ “ พอสเรียกพนานิ่ง พนาหันมามองด้วยความสงสัย

“ จะไปไม่ไป ไม่ไปก็กลับเองนะคุณ “ พอสพูดแค่นั้นก็เดินไปที่รถของตัวเองทันที ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบริเวณนี้มากนัก

“ เฮ้ย! เดี๋ยวดิพี่ รอผมก่อน “ พนากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามพอสไป

.

.

.

คอนโด

เมื่อปีขาลมาถึงคอนโดก็จัดการวางกระเป๋าของตัวเองไว้ที่เก้าอี้ที่และเดินไปยังเตียงกว้างพร้อมกับหย่อนตัวนั่งลงไป พลางเอื้อมมือไปหยิบโน๊ตบุ๊คของตัวเองมาเปิดแล้วเข้าห้าเฟสบุ๊คเพื่อเลื่อนดูอะไรไปเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่เพจเพจนึงซึ่งเป็นเพจคนหล่อบอกต่อด้วย ของทางมหาลัยเขา ปีขาลชะงักไปนิดเมื่อเห็นรูปของกุน เด็กปีหนึ่งที่พึ่งก่อกวนเขาไปเมื่อกี้

“ ไอนี่มันติดเทรนคนหน้าตาดีของมหาลัยด้วยหรอวะ “ ปีขาลดันกระพุ้งแก้มตัวเองนิดๆพลางกดคลิ๊กเข้าไปดูที่เพจทันทีด้วยความอยากรู้

‘ต๊ายยยใครก็ได้ขอยาดมให้เจ้ด้วยจ้าาาา ปีหนึ่งสุดหล่อมีแววว่าจะได้เป็นเดือนของวิศวะด้วยนะเนี้ยอร๊ายยย เขินเหมือนเป็นเมียเขาเองเลยอ่าาาา กรี๊ดดดดด #วิศวะหล่อบอกต่อด้วยจ้าาา#ปีหนึ่งเฟรชชี่กรุ๊บๆ#อยากเป็นเมียน้องกุน’

ปีขาลแบะปากทันทีเมื่ออ่านแคปชั่นที่อยู่บนรูปจบ รูปถ่ายที่เขาเห็นคือรูปที่กุนนั่งทำหน้านิ่งมองไปยังด้านหน้าซึ่งอาจจะเป็นการพูดคุยระหว่างปีสองกับปีหนึ่ง

“ ขี้เก๊กแล้วก็กวนส้นตีนแบบนั้นขึ้นเพจของมหาลัยได้ไงวะ “ ปีขาลพึมพำด้วยความหมั่นไส้ สายตาเหลือบไปเห็นเฟสบุ๊คของกุนที่โดนแท็กโดยเจ้าของเพจ ปีขาลไม่รอช้ารีบคลิ๊กเข้าไปดูด้วยความอยากรู้

เมื่อปีขาลเข้าไปดูก็ต้องตกใจกับยอมติดตามของรุ่นน้องปีหนึ่งตรงหน้า

‘เพื่อน200 ยอดผู้ติดตาม 4,989 กำลังติดตาม 149’

“ ไอเด็กนี่มันดังขนาดนั้นเลยหรอวะ “ ปีขาลมองเฟสของกุนนิ่งๆด้วยความสงสัย

“ ชิ! หน้าตาก็งั้นๆไม่รู้ว่าชอบมันเข้าไปได้ยังไง “ ปีขาลได้แต่แบะปากใส่รูปโปรไฟล์ของกุน เขามองปุ่มเพิ่มเพื่อนของร่างสูงนิ่งอย่างชั่งใจว่าจะแอดไปดีหรือไม่ แต่ก็ตัดสินใจกดออกจากหน้าเฟสของกุนไม่ได้แอดไปอย่างที่ลังเลในตอนแรก

“ นอนดีกว่ากู “ ปีขาลปิดคอมแล้วล้มตัวลงนอนทันทีโดยไม่ได้สนใจอะไรอีก

เป็นเมียผมนะ

เป็นเมียผมนะ

ปวดหัวกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับไอเด็กปีหนึ่งที่ชอบแหกกฎอีกงานนี้เขาจะรับมือกับไอเด็กตัวแสบไหวมั้ยนะหรือว่าจะต้องทำโทษให้มันตายไปข้างนึงดีแต่ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ใจเขามันถึงเต้นแปลกๆนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset