เคลียร์นะเฮีย! เป็น’เมีย’ผมนะ – ตอนที่ 4

“ ขออนุญาตค่ะอาจาร์ย “ เพียงดาวเดินเข้ามาในห้องของน้องปีหนึ่งคณะวิศวะและเอ่ยขออนุญาติอาจาร์ยผู้สอนเมื่อเธอและเพื่อนได้รับมอบหมายให้มาประชาสัมพันธ์ให้กับพวกน้องๆ

“ สักครู่นะคะนักศึกษา เอาละค่ะทุกคนพอดีว่าดาวคณะปีสองของเรามีเรื่องที่จะแจ้งให้พวกคุณทราบ เชิญเข้ามาได้ค่ะนักศึกษา “ อาจาร์ยสาวหันไปบอกกับเพียงดาวและเดินออกไปข้างนอก เพื่อให้เพียงดาวได้เข้ามาร่วมพูดคุยกับเด็กปีหนึ่ง

“ สวัสดีค่ะปีหนึ่ง พี่ชื่อเพียงดาวนะคะอยู่ปีสองเป็นดาวคณะวิศวะของเรา วันนี้พี่มีเรื่องจะแจ้งให้กับน้องๆได้ทราบกันนะคะ “ เพียงดาวมองรุ่นน้องปีหนึ่งยิ้มๆ

“ พี่เขาแม่งสวยจังวะมึง “ พนากระซิบบอกกุนเบาๆ เมื่อเจอความสวยของเพียงดาวเข้าตาอย่างจัง

“ เฉยๆ “ กุนบอก พนาได้แต่กรอกตามองบนอย่างเซ็งๆเพราะแต่ไหนแต่ไรกุนเพื่อนสนิทของเขาไม่เคยมองสาวสวยคนไหนเลยแม้แต่น้อย ถึงจะรู้ว่าเพราะอะไรแต่เขาเองก็อดที่จะเซ็งกับเพื่อนคนนี้ไม่ได้อยู่ดี

“ มึงคงต้องเจอหนุ่มน้อยน่ารักๆสินะถึงจะไม่เฉยๆเนี้ย “ พนาแดกดันเพื่อนสนิทอย่างประชด ซึ่งก็ได้คำตอบมาเป็นรอยยิ้มมุมปากของกุนแทน และใช่..กุนชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนก็ได้หรอกนะแต่ต้องเป็นผู้ชายน่ารักและตัวเล็กเท่านั้นถึงจะต้องตาต้องใจเพื่อนของเขาได้

“ รู้แล้วจะถามกูทำไม “ กุนตอบพนากลับไปอย่างกวนๆ ทิ้งให้พนาได้แต่จิ๊ปากด้วยความขัดใจ

“ วันนี้พวกพี่ได้รับมอบหมายจากรุ่นพี่ปีสามให้มาบอกกับน้องๆว่า.. “ เพียงดาวหันไปหาเพื่อนอีกคนนึงเพื่อให้เพื่อนพูดประโยคของปีขาลที่สั่งมา

“ ให้น้องๆทุกคนลงการแข่งขันกิจกรรมทุกชนิด ห้ามไม่ลงแม้แต่กิจกรรมเดียว ไม่ออย่างนั้น..ปีสามจะลงมาพูดคุยกับน้องๆเอง “ เธอพูดจบก็ส่งยิ้มไปให้น้องปีหนึ่ง

“ เผด็จการสัสๆ “ พนาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ

“ เงียบก่อนมึง “ กุนพูดปราม เมื่อเสียงของเพื่อนสนิทค่อนข้างดังไม่น้อย

“ เอาเป็นว่าเรื่องที่พวกพี่แจ้งก็มีเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณค่ะ “ เพียงดาวส่งยิ้มให้กับน้องๆเป็นครั้งสุดท้าย เธอและเพื่อนเดินออกนอกห้องไปทันที

“ เอาละคะนักศึกษา งั้นเรามาเรียนกันต่อเลยนะคะ “ อาจาร์ยสาวเดินเข้ามาและเริ่มการเรียนการสอนของเธอต่อเพื่อไม่ให้เสียเวลา

“ มึงจะลงอะไรวะ “ พนาหันไปถามกุนด้วยความอยากรู้

“ ถ้าให้กูเดานะ..มึงต้องลงว่ายน้ำแน่เลยใช่ปะ มึงถนัดนี่ “ พนาพูดต่อ

“ อาจจะ “ กุนตอบสั้นๆ สายตายังคงจับจ้องไปที่อาจาร์ยที่สอนอยู่ตรงหน้า

“ นักกีฬาเหรียญทองอย่างมึงมีคำว่าอาจจะด้วยหรอวะ “ พนาส่ายหัวอย่างขำๆ

“ กูหมายถึงอาจจะลงอย่างอื่นด้วย “ กุนหันมาตอบเพื่อน

“ อย่าบอกว่ามึงจะลงบาสด้วยอะ “ พนาหรี่ตาถามเพื่อนกลับไป เพราะกีฬานี้กุนก็ทำได้ดีอยู่ไม่น้อย

“ อืม “ กุนพยักหน้านิดๆ

“ กะจะเอาแชมป์ของคณะเลยว่างั้นเถอะ “ พนาแซวกุนอย่างขำๆ

“ ไม่ขนาดนั้น กูแค่จะลงให้มันครบๆ “ กุนบอกปัด

“ หึหึหึ อย่างนี้เฮดว๊ากของมึงคงภูมิใจน่าดูเลยนะเนี้ยย “ พนาลอยหน้าลอยตาแซวกุนยิ้มๆ กุนหันไปมองขวางเพื่อนสนิทนิดๆ

“ อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้นครับคุณกุน ผมแค่แซวเล่นขำๆเองครับบ “ พนายกมือห้ามเมื่อเห็นสายตาพิฆาตของเพื่อนที่มองมา

“ เงียบปาก “ กุนบอกพนาสั้นๆและหันไปทางด้านหน้าต่อ

พนาได้แต่อมยิ้มมองเพื่อนที่เขินหน้านิ่งอยู่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทคิดอไรเพียงแค่กุนไม่ได้แสดงออกหรือบอกกับใครก็เท่านั้นแม้แต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทเองกุนก็ไม่ได้บอก แต่พนาที่สนิทกับกุนมานานย่อมมองการกระทำของเพื่อนออกอยู่แล้ว และเขาเองก็รู้ด้วยว่าเพื่อนตัวสูงคนนี้เริ่มรู้สึกดีกับรุ่นพี่สุดโหดนั่นเข้าแล้ว อาจจะเป็นเพราะหน้าตารุ่นพี่ที่ถูกสเปคเพื่อนเขาเข้าอย่างจังก็ว่าได้

.

.

.

“ เออไอขาล มึงไปบังคับพวกน้องๆมันแบบนั้นมันจะทำตามกันหรอวะ “ นุถามเสียงเครียด

“ ทำไม่ทำเดี๋ยวมึงก็รู้ “ ปีขาลบอกเสียงนิ่งและจ้องไปทางด้านหน้าที่มีอาจาร์ยสอนอยู่

“ ทำไมมันดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลยวะ “ ฟิวกันไปถามป้องด้วยความสงสัย

“ มันสนใจแค่มันไม่ได้บอกพวกมึง “ ป้องบอก เพราะเขาเองก็รู้นิสัยของปีขาลดีว่าเป็นยังไง

“ มันก็น่าจะบอกพวกเราหน่อยปะวะ มีอะไรจะได้ช่วยกันแก้ “ ฟิวพูดขึ้นมาอีก

“ มึงคิดว่าภาระที่มันได้รับมันต้องเจอกับอะไรบ้าง ถ้ามันบอกพวกมึง พวกมึงจะช่วยอะไรมันในเมื่อการตัดสินใจทั้งหมดเป็นของมันคนเดียว ที่มันไม่บอกพวกมึงก็เพราะมันรู้ว่าตัวมันพอจะแก้ไขได้มันเลยไม่ได้ขอความช่วยเหลือพวกมึงไง พวกมึงไม่ต้องไปคาดคั้นมันหรอก ถ้ามันอยากบอกเดี๋ยวมันก็บอกมึงเองนั่นแหละ “ ป้องมองหน้าเพื่อนคนอื่นๆนิ่ง และหันไปทางด้านขวาตัวเองที่มีปีขาลนั่งฟังที่อาจาร์ยสอนอยู่

“ กูเห็นด้วยกับที่ไอป้องมันพูดนะ ไอขาลมันเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดอะไรพวกมึงก็รู้ มันจะพูดก็ต่อเมื่อมันอารมณ์ดีหรือไม่ก็ต้องมีเรื่องห่าอะไรสักอย่างนี่แหละมันถึงยอมพูด กูว่าพวกเราอย่าพึ่งไปถามอะไรมันเลยว่ะ เพราะถ้ามันไม่อยากบอกมึงง้างปากมันยังไงมันก็ไม่บอกพวกมึงหรอก “ พอสที่นั่งอยู่ข้างหลังป้องพูดขึ้นเบาๆ

“ หูกูไม่ได้หนวก “ ปีขาลพูดขึ้นเสียงเรียบโดยที่ไม่ได้หันหน้ามองไปทางเพื่อนที่มองตัวเองอยู่เลยแม้แต่น้อย

“ อุ๊ย! “ นุสะดุ้งเฮือกและทำทีเป็นตั้งใจเรียนตามเดิม คนอื่นๆก็หันหน้าไปทางอาจาร์ยทันทีอย่างพร้อมเพรียง

“ เอาหน่า ไอพวกนี้มันแค่ห่วงมึงเท่านั้นแหละ “ ป้องตบไหล่ปีขาลเบาๆ

“ ขอบใจ แต่กูคุมได้พวกมึงไม่ต้องห่วง “ ปีขาลยิ้มมุมปากนิดๆ ป้องพยักหน้ากลับไปและหันไปทางอาจาร์ยต่อ

ปีขาลถอนหายใจออกมานิดๆจู่ๆใบหน้าของเด็กปีหนึ่งเมื่อวานก็แวบเข้ามาในหัวของเขา

“ นี่กูไปนึกถึงหน้ามันทำไมวะเนี้ย “ ปีขาลพูดกับตัวเองเบาๆด้วยความไม่เข้าใจ

ใบหน้าคมของเด็กปีหนึ่งที่ชื่อวากุนดูกวนไม่น้อยในสายตาของปีขาล ผิวเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากแดงระเรื่อเหมือนไม่เคยดูดบุหรี่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของปีขาลไม่น้อย

“ นี่เราไปคิดถึงไปเด็กบ้านั่นทำไมวะเนี้ย มันก็แค่เด็กที่ทำผิดกฎคนนึงก็เท่านั้น ไม่ต้องไปคิดถึงแม่งหรอก “ ปีขาลได้แต่บอกกับตัวเองในใจ

“ ไอขาล “

“ ไอเชี้ยขาล “

“ ไอห่าปีขาล!! “

เสียงของป้องและคนอื่นๆตะโกนใส่ปีขาลเสียงดังลั่น จนเจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์ด้วยความตกใจ

“ อะไรของพวกมึงวะ อยู่กันแค่นี้จะตะโกนหาอะไร “ ปีขาลขมวดคิ้วถามกลุ่มเพื่อนสนิทที่มองเขาเป็นตาเดียว

“ พวกกูเรียกมึงตั้งนานแล้วแต่มึงนั่นแหละมัวแต่เหม่ออะไรของมึงอยู่ “ ฟิวบอก

“ ละ..แล้วพวกมึงเรียกกูทำไม “ ปีขาลเลิ่กลั่กถามกลับไป

“ ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว มึงจะไปไหนต่อ “ ป้องถาม

“ โรงยิม “ ปีขาลตอบกลับไปสั้นๆ

“ ไปทำไรวะ “ ป้องถามด้วยความสงสัย

“ ดูบรรยากาศ “ ปีขาลตอบสั้นๆ เพื่อนๆได้แต่ลอบมองหน้ากันด้วยความงง

“ ดูบรรยากาศหรือดูน้องปีหนึ่งกันแน่ “ ป้องพูดออกมายิ้มๆอย่างรู้ทัน

“ รู้แล้วจะถามกูทำไม “ ปีขาลปลายตามองป้องนิดๆ ทำให้ป้องยิ้มขำออกมาทันทีที่เดาถูก ลึกๆปีขาลนั้นก็แอบกลัวอยู่เหมือนกันว่าเด็กปีหนึ่งจะไม่ทำตามคำสั่งของเขา เขาจึงอยากจะเข้าไปดูให้แน่ใจ

โรงยิม

“ ไงปาย “ ป้องเอ่ยทักรุ่นน้องปีสองที่ทำหน้าที่ให้น้องๆลงชื่อเซ็นเข้าร่วมกิจกรรม แต่เมื่อป้องและคนอื่นๆไปถึงนั้นก็มีเพียงแค่ปีสองกลุ่มรุ่นน้องของเขาเพียงแค่นั้น

“ สวัสดีครับพี่ป้อง พี่นุ พี่พอส พี่ฟิว เฮียขาล “ ปาย หนุ่มหน้าหวานยกมือไหว้รุ่นพี่ที่สนิท

“ เออดีดี “ ฟิวพยักหน้ารับ ส่วนคนอื่นๆก็พยักหน้ารับไหว้รุ่นน้องเช่นกัน

“ ยังไม่มีคนมาลงชื่อเลยหรอไอปาย “ ปีขาลขมวดคิ้วถามรุ่นน้องเสียงเครียด

“ ยังเลยเฮียนี่ผมรอมาครึ้งชั่วโมงแล้วเนี้ย “ ปายบอกปีขาลเสียงเครียดไม่ต่างกัน

รุ่นน้องปีสองส่วนมากที่รู้จักกับปีขาลจะเรียกว่าเฮียแทบทั้งนั้น โดยให้เหตุผลว่าลักษณะของปีขาลนั้นเหมาะสมมากที่จะเป็นผู้นำและควรที่จะโดนเรียกว่าเฮียมากกว่าพี่ ซึ่งปีขาลนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะคิดว่าเรียกแบบนี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรเท่าไหร่

“ เอาไงต่อวะมึง “ ป้องถามปีขาลเสียงเครียด พลางถอนหายใจเพราะมันไม่ต่างอะไรจากที่เขาแอบคิดเท่าไหร่นัก

“ เดี๋ยวกูมา “ ปีขาลพูดจบก็หันหลังพร้อมกับหยิบใบสมัครเข้าชมรมกิจกรรมไปด้วย

“ เอ้า ไอขาลมันไปไหนของมันวะมึง “ ฟิวหันไปถามป้องด้วยความสงสัย

“ คงไปหาเด็กปีหนึ่งให้เข้าชมรมละมั้ง “ ป้องถอนหายใจออกมานิดๆพร้อมกับมองตามทางที่เพื่อนกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปด้วย

“ กูทึ้งกับความทุ่มเทของแม่งฉิบหาย นี่ถ้าเป็นกูนะ กูช่างแม่งตั้งนานละไม่มาลงทุนอะไรขนาดนี้หรอก “ ฟิวส่ายหัวนิดๆ

“ ก็เพราะพี่เขารู้ไงครับว่ามึงเป็นแบบนี้เขาเลยไม่ให้มึงเป็นเนี้ยไอเวร “ นุพูดสวนฟิวด้วยความหมั่นไส้ ฟิวถลึงตาใส่นุนิดๆ

“ พอๆๆพวกมึงอย่าพึ่งวางมวยกัน ตามไปขาลมันไปดีกว่า เผื่อแม่งไปวางมวยกับน้องเดี๋ยวจะไม่มีใครห้าม “ พอสรีบเข้ามาห้ามทับ

“ ไป “ ป้องพยักหน้าบอกกับเพื่อนนิดๆพร้อมกับเดินตามทางที่ปีขาลเดินออกไป

“ แล้วมันไปหาน้องที่ไหนวะ “ พอสกระซิบถามฟิวด้วยความสงสัย

“ กูจะรู้กับแม่งมั้ยเนี้ย มึงเดินตามมันไปเงียบๆเหอะ ไอป้องมันสนิทกับไอขาลมันคงรู้แหละว่าเพื่อนมันจะไปตามน้องมันที่ไหน “ ฟิวบอก

“ อยู่กับมึงกูได้สาระห่าอะไรบ้างเนี้ยไอห่าฟิว “ พอสได้แต่กรอกตามองบนด้วยความเหนื่อยใจ

เป็นเมียผมนะ

เป็นเมียผมนะ

ปวดหัวกับหน้าที่ที่โดนยัดเยียดไม่พอยังต้องมาปวดหัวกับไอเด็กปีหนึ่งที่ชอบแหกกฎอีกงานนี้เขาจะรับมือกับไอเด็กตัวแสบไหวมั้ยนะหรือว่าจะต้องทำโทษให้มันตายไปข้างนึงดีแต่ทำไมยิ่งอยู่ใกล้ใจเขามันถึงเต้นแปลกๆนะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset