เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 103 เปิดศึก

ทั่วทั้งบริเวณลานประหารเงียบสงัดประดุจป่าช้าแห่งหนึ่ง มีเพียงเสียงของหลงเฉินที่ดังสะท้อนไปทั่วทั้งฟ้าดิน วาจาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเย้ยหยัน ความแข็งแกร่ง อีกทั้งยังเชือดเฉือนจิตใจของผู้คนอย่างถึงที่สุด

หลงเฉินปักคมกระบี่หนักฝังลงไปบนพื้นดินจนพลังทำลายสะเทือนเลือนลั่นไปถึงผืนฟ้าด้านบน  อาภรณ์ของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อนๆ ที่พัดอยู่โดยรอบ พลันก็ได้จ้องมองไปยังพื้นแผ่นดินอย่างเงียบเชียบราวกับว่าเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกยำเกรงได้

“ซูม”

กระบี่หนักในมือถูกตวัดออกไปด้านข้างจนเกิดเป็นสายลมกรรโชกออกมาอย่างรุนแรง คราบโลหิตที่ติดอยู่บนตัวกระบี่หนักสาดกระเซ็นออกไปจนหมดสิ้น จากนั้นฝีเท้าของหลงเฉินก็ค่อยๆ ย่ำกรายไปยังทิศทางที่องค์ชายสี่ยืนอยู่

กระบี่หนักถูกลากมาตามพื้นจนเกิดพลังอันน่าหวาดกลัวระเบิดขึ้นมาตามหลัง อีกทั้งยังทิ้งร่องรอยจมลึกเป็นทางยาวติดตามมา เสียงดังครืนครืนกึกก้องจนกระทบเข้าไปยังแก้วหูของทุกผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น

องค์ชายสี่ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ปฏิกิริยาตอบกลับชัดเจนขึ้นเมื่อหลงเฉินมองมาที่เขาด้วยสายตาที่แฝงเอาไว้ด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าประดุจเทพแห่งความตายที่หมายจะตัดศีรษะของเขา จนภายในจิตใจมีความหวาดหวั่นไลทะลักออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“พวกเจ้าไปจัดการหลงเฉินซะ”

ทันใดนั้นเองชายหนุ่มชุดขาวที่ไม่เคยกล่าววาจาอันใดมาโดยตลอด กลับรีบร้อนวางแก้วชาในมือลงแล้วกล่าวออกมา หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่อีกครู่หนึ่งก็กล่าวต่ออีกว่า “หากฆ่าเขาไม่ได้ พวกเจ้าก็อย่าได้มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเลย”

เซี่ยโหยวอวี่เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างมหาศาล ทว่าก็ไม่หาญกล้าพอที่จะขัดขืนต่อชายหนุ่มชุดขาวได้ พลันก็ได้ทอดสายตาอย่างเย็นเยียบไปที่องค์ชายสี่ ก่อนจะเปล่งวาจาบอกต่อกับเงาร่างทั้งสองที่อยู่ด้านหลังว่า

“ไป”

ในขณะที่หลงเฉินกำลังมุ่งหน้าไปยังองค์ชายสี่อยู่นั้น จู่จู่ร่างของชายสามคนก็ได้ทะยานลงมาจากเบื้องบนอย่างรวดเร็ว เซี่ยโหยวอวี่กับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอีกสองคนที่หนึ่งในนั้นได้สูญเสียจมูกจากการถูกคมศรของหลงเทียนเซียวไปนั่นเอง

“ตายซะเถิด”

ชายทั้งสามคนหวังจะใช้เพียงสามกระบวนท่าเพื่อสำเร็จโทษต่อหลงเฉินที่ได้สังหารยิงฮวาลงไปเมื่อครู่นี้ ผู้ที่เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอันเลื่องชื่อมาหลายสิบปี เช่นนั้นพวกเขาจึงไม่อาจเกิดความประมาทไปได้เลยแม้แต่น้อย

ในมือของเซี่ยโหยวอวี่มีหอกยาวที่หลอมขึ้นมาจากเหล็กกล้าด้ามหนึ่งที่ทอประกายสีดำทมิฬออกมา ก่อนที่จะฟาดลงมาพร้อมกับมีเสียงระเบิดดังอยู่กลางอากาศ

หลงเทียนเซียวตกใจขึ้นมายกใหญ่ เซี่ยโหยวอวี่ผู้นั้นมีบรรดาศักดิ์เป็นองค์จักรพรรดิอันสูงส่งแห่งจักรวรรดิต้าเซี่ย อีกทั้งพลังฝีมือก็สูงล้ำไปด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองจักรวรรดิได้เกิดศึกครั้งยิ่งใหญ่ต่อกัน หลงเทียนเซียวก็เคยประมือกับชายผู้นี้มาก่อน

ในครั้งนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่ ไม่มีผู้ใดได้ชัยเหนือกว่ากันเลย ภายหลังที่เซี่ยโหยวอวี่ได้ขึ้นครองบัลลังก์ทำให้ทั้งสองจักรวรรดิเริ่มสานสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน และยุติการก่อสงครามตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

เมื่อเห็นเซี่ยโหยวอวี่ลงมือในวันนี้ หลงเทียนเซียวก็ตระหนักได้ว่าถึงแม้ชายผู้นั้นจะเป็นถึงองค์จักรพรรดิไปแล้ว ทว่าพลังฝีมือของเขากลับไม่ได้สูญสิ้นไปเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังกลับเจิดจรัสเสียยิ่งกว่าครั้งนั้นอย่างมาก

เซี่ยโหยวอวี่มีบุตรชายเพียงสองคนเท่านั้น ถึงแม้ว่าภายในวังหลวงจะมีสนมอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าเขากลับไม่เคยหลงใหลในสตรีเพศมาก่อน จึงกล่าวได้ว่าความเด็ดเดี่ยวของเขาถือเป็นสิ่งที่น่าตกใจอย่างถึงที่สุด

ทางด้านหลงเทียนเซียวเองก็รักบุตรชายประดุจแก้วตาดวงใจ เขาเกรงว่าบุตรชายจะไม่มีที่ค้ำจุน จึงได้ขยับดาบยาวในมือครั้งหนึ่งเพื่อหมายจะสยบคู่ต่อสู้ที่อยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนให้ได้โดยเร็วเพื่อสามารถเข้าไปสนับสนุนอยู่ข้างกายของหลงเฉินได้

ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะทำให้เขาตกตะลึงในกระบวนท่าเมื่อครู่นี้ได้ด้วยการใช้ทักษะยุทธ์ระดับพสุธาออกมาติดต่อกันถึงสามครั้ง ทว่าหลงเฉินก็ยังคงเยาว์วัยจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นเพียงแค่เจ้าหนูน้อยที่มีพลังขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น

การใช้ทักษะยุทธ์ระดับพสุธาติดต่อกันถึงสามครั้งก็อาจทำให้เขาสูญเสียพลังลมปราณไปเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน อาจถึงขั้นตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างถึงที่สุดได้อย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งต่อให้เขาเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งก็ยังต้องจำกัดพลังลมปราณเอาไว้ นี่จึงเป็นสิ่งที่หลงเทียนเซียวกำลังเป็นห่วงอยู่ลึกสุดหัวใจ

“ตูม”

หวูโหวและยอดฝีมือจากต้าเซี่ยได้ผสานพลังกันเข้าต้านทานกระบวนท่าของหลงเทียนเซียวเอาไว้อย่างต่อเนื่องจนกลางทรวงอกได้รับกระทบกระเทือนจนอวัยวะภายในพลิกผันไปมาอย่างรุนแรง

ชายทั้งสองเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาในจิตใจ จากเดิมที่เคยร่วมมือกันถึงสามคนก็พอที่จะฝืนต่อกรกับหลงเทียนเซียวได้อย่างเสมอภาค ทว่าในขณะนี้ยิงฮวาได้ตายไปแล้วทำให้พวกเขาพบกับอุปสรรคอันใหญ่หลวงในทันที

และเป็นที่น่าเสียดายว่าพวกเขาไม่อาจที่จะถอยหลังได้อีกแล้ว หากว่าจะต้องถอยก็มีแต่ต้องถอยสู่ความตายไปข้างหนึ่ง ไม่ขอให้สังหารหลงเทียนเซียวลงได้แต่เพียงขอให้ยังสามารถฉุรั้งเขาไม่ให้เข้าไปช่วยเหลือหลงเฉินได้ก็เพียงพอแล้ว

ในแววตาของหลงเฉินสบเข้ากับคมหอกของเซี่ยโหยวอวี่ที่กำลังแทงทะลุอากาศเข้ามา ก็ไม่คิดที่จะประมาทไปแม้เพียงเสี้ยวเดียว พลันก็ได้กุมกระบี่หนักมุ่งสู่อากาศเบื้องหน้าด้วยเช่นกัน

หอกยาวและกระบี่หนักประสานงานกันจนเกิดเป็นเสียงดังระเบิดขึ้นมาจนสองเงาร่างต่างก็ถอยหลังออกไปหลายก้าว บนใบหน้าของทั้งคู่แสดงอาการหวาดหวั่นและกำลังจ้องมองกันไปมา

หลงเฉินไม่คิดว่าชายหนุ่มที่สวมอาภรณ์เลิศหรูผู้นี้จะมีความน่าเกรงกลัวถึงเพียงนี้ เขาจึงได้เพิ่มพลังขึ้นไปอีกขั้นทว่าก็ยังเป็นพลังที่เสมอกับชายผู้นั้นอยู่

เซี่ยโหยวอวี่สามารถต้านกระบี่หนักของเขาเอาไว้ได้ ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้ใช้พลังที่มีออกมาทั้งหมด ทว่าหลงเฉินก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าชายผู้นี้คงจะแข็งแกร่งกว่ายิงฮวามากถึงมากที่สุด

“ยอดมาก หลายปีมานี้นอกเสียจากหลงเทียนเซียวแล้ว เจ้าถือเป็นคนแรกที่สามารถรับกระบวนท่าของข้าเอาไว้ได้” เซี่ยโหยวอวี่สะบัดฝ่ามือที่ชาด้านแล้วกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

ถึงแม้ว่าเซี่ยโหยวอวี่จะมีบรรดาศักดิ์อันสูงส่ง ทว่าเขาก็หมั่นฝึกยุทธ์มาเรื่อยตั้งแต่ยังจำความได้ ฉะนั้นเขาจึงไร้ซึ่งที่เปรียบในด้านพลังการต่อสู้ด้วย

นับตั้งแต่เกิดมานอกจากหลงเทียนเซียวแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานพลังของเขาได้ เช่นนั้นตำแหน่งองค์จักรพรรดิที่ได้มาครอบครองนั้นจึงใช้เพียงกำปั้นเดียวในการแย่งชิงมันมานั่นเอง

ทว่าเมื่อครู่กลับต้องมาถูกทลายกระบวนท่าจากหลงเฉินจนแขนชาขึ้นมา ภายในจิตใจจึงเกิดความตกใจอย่างถึงที่สุด ทว่าบนใบหน้ากลับไม่อาจแสดงออกถึงความหวาดหวั่นขึ้นมาได้ จึงกลบเกลื่อนด้วยคำพูดเช่นนั้นออกไป

“แต่นั่นก็ไม่ได้บ่งบอกว่าเจ้านั้นมีความแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนั้น เพราะเจ้ายังมีข้อจำกัดอยู่ เพียงแต่ยังไม่เห็นก็เท่านั้น”

หลงเฉินมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ในทันที เขาช่างรังเกียจคนที่มักจะเสแสร้งแกล้งทำเช่นนี้เป็นที่สุด ไม่มีพลังแล้วยังจะมาทำปากแข็งอยู่อย่างนั้นหรือ

“หาที่ตาย ให้ข้าดูเสียหน่อยว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้ามีคุณสมบัติอย่างไรจึงได้เหิมเกริมเช่นนี้ออกมาได้”

คำพูดของหลงเฉินทำให้ใบหน้าของเซี่ยโหยวอวี่เกิดอาการแสบร้อนขึ้นมาอย่างรุนแรง เขาเป็นถึงองค์จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย ทว่ากลับต้องมาถูกดูแคลนอย่างไม่สมควรต่อความสูงศักดิ์เช่นนี้ จึงได้ระเบิดเสียงตะโกนออกมาจนดังกึกก้องไปทั่วพร้อมกับขยับหอกยาวในมือครั้งหนึ่งแทงไปยังหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

เซี่ยโหยวอวี่ใช้กระบวนท่าเมื่อครู่ออกมาเพียงเพื่อทดสอบหลงเฉินก็เท่านั้น ด้วยกระบวนท่าทั้งสามของหลงเฉินที่ได้ใช้สังหารยิงฮวาลงไปนั้นเขาเองก็ได้ประจักษ์อยู่เต็มสองตาแล้ว

เขาก็เคยตรึกตรองอยู่กับตัวเองช่วงหนึ่งว่าคงจะสามารถเอาชนะยิงฮวาได้อย่างแน่นอน ทว่าย่อมไม่อาจจัดการได้ภายในสามกระบวนท่า เพราะยิงฮวานั้นเป็นถึงยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับที่เจ็ดผู้หนึ่งนั่นจึงไม่ใช่เรื่องที่จะสังหารลงได้อย่างง่ายดาย

ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงกลายเป็นผู้ที่น่าหวาดกลัวผู้หนึ่งภายในจิตใจของเขาในตอนนี้ ความรู้สึกของเขาห่างไกลจากคำว่าผ่อนคลายไปหลายร้อยลี้จนแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจน

อีกทั้งหอกด้ามนี้ยังแฝงด้วยกระบวนท่าอันพิสดารชนิดหนึ่งเอาไว้ ไม่เคยมีผู้ใดมองถึงการเคลื่อนไหวของปลายหอกออก หากเดาผิดขึ้นมาแล้วเขาก็สามารถคว้าโอกาสของความผิดพลาดได้ทันทีด้วยการปลิดชีพภายในกระบวนท่าเดียว ด้วยเหตุนี้กระบวนท่านี้จึงเป็นความภาคภูมิใจของเขาอย่างมากที่สุด

หลังจากที่เซี่ยโหยวอวี่ได้แทงหอกด้ามนั้นออกไป เพียงพริบตาเดียวต่อจากนั้นยอดฝีมือทั้งสองคนก็ได้โจมตีเข้ามาจากสองทิศทางด้วยเป็นดาบยาวเล่มหนึ่งและเป็นตะขอทองอันหนึ่งเข้าสู่จุดตายของหลงเฉินจนไม่อาจที่จะหลบหนีไปได้

การเผชิญหน้ากับการโจมตีของยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นทั้งสามคนในเวลาเดียวกัน ทำให้แววตาของหลงเฉินได้ทอประกายคมกล้าขึ้นมาอย่างพุ่งพล่าน พลันก็ได้พลิกด้ามกระบี่หนักที่จับไว้ด้วยสองมือให้กระชับขึ้น แล้วไหลเวียนพลังไปยังตัวกระบี่ พร้อมทั้งตะโกนออกมาจนเสียงดังกึกก้อง

“ท่าฟันตัดวายุ”

ระหว่างที่หลงเฉินกู่ร้องออกมานั้น กระบี่หนักก็คล้ายกับหอบสายลมขุมหนึ่งฟันออกไปอย่างไร้ความปราณี ทั้งผืนดินและผืนฟ้าเกิดการสั่นไหวไปมาประดุจมังกรคลั่งตนหนึ่งกำลังแหวกว่ายอยู่กลางอากาศ

“ตูม”

หลังจากการระเบิดครั้งใหญ่ที่สุดได้ผ่านพ้นไป เงาร่างสามสายก็ได้กระเด็นออกไปไกลจนทำให้ผู้คนที่พบเห็นแตกตื่นกันเสียยกใหญ่ เพราะหนึ่งในสามเงาร่างนั้นเป็นของเซี่ยโหยวอวี่ หอกยาวของเขาปักลงไปกับพื้นจนมิดคมหอก

เซี่ยโหยวอวี่ปะทุพลังทั้งหมดที่มีอยู่หยุดร่างกายของตัวเองเอาไว้หลังจากที่ลอยออกไปไกลกว่าสิบจั่ง เมื่อร่างกายนั้นหยุดลงบนใบหน้าของเขาก็ได้ปรากฏสีแดงก่ำของโลหิตที่ฝาดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส

ส่วนยอดฝีมืออีกสองคนที่ไม่ได้มีพลังลึกล้ำเท่าเซี่ยโหยวอวี่ก็ได้กลิ้งออกไปไกลถึงสามสิบจั่ง แล้วค่อยหยุดร่างลงได้ มีอยู่ผู้หนึ่งที่ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมาแล้วกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งในทันที

ส่วนชายหนุ่มที่ถูกหลงเทียนเซียวช่วยทำการเปลี่ยนแปลงใบหน้าให้นั้นก็ได้กระแทกลงกับพื้นอย่างแรงแล้วกระอักโลหิตออกมาหลายครั้งติดต่อกันจนหมดสติไป

เมื่อพายุคลั่งจากกระบวนท่าของหลงเฉินได้หยุดลง เงาร่างของหลงเฉินก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมาจากกลุ่มม่านหมอกของละอองฝุ่น ทุกผู้คนที่มองไปยังเงาร่างสายนั้นบังเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นจนแทบจะลืมหายใจออกมาเลยก็ว่าได้

ก่อนหน้านี้หลงเฉินใช้เพียงสามกระบวนท่าในการสังหารยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นไปผู้หนึ่งก็ถือว่าน่าตกใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว ทว่าในขณะนี้กลับใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการทำให้ยอดฝีมือถึงสามคนต้องพ่ายแพ้ลงไป หลงเฉินเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดอย่างแท้จริงไปแล้ว

ชายหนุ่มชุดขาวที่อยู่ในบริเวณที่ห่างไกลได้มองไปที่หลงเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแตกตื่นเป็นครั้งแรก พลังการต่อสู้ของหลงเฉินทำให้เขานึกถึงสิ่งที่ทางสำนักเรียกกันว่า ‘เจ้าวายร้าย’ ขึ้นมาได้ในทันที

เขาเองก็อยู่ในสำนักแห่งหนึ่ง ทว่าก็ยังเป็นได้แค่ศิษย์สายนอกผู้หนึ่งเท่านั้น อีกทั้งการแย่งชิงจักรวรรดิในครั้งนี้กลับต้องมาพบกับอุปสรรคอันใหญ่หลวงเข้าให้ จึงขอเพียงสามารถบรรลุภารกิจจากทางสำนักได้จนสำเร็จ เขาก็จะสามารถเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายในได้แล้ว

เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะสามารถเข้ารับการสั่งสอนที่เข้มงวดจากเหล่าอาจารย์ อีกทั้งยังถูกยกย่องให้เป็นศิษย์รักผู้สูงส่งเสียยิ่งกว่าศิษย์วายร้ายไปอีกขั้นหนึ่ง

เนื่องจากพวกเขาเหล่านั้นถูกเรียกขานว่าเป็นการคงที่ไร้ผู้เทียมทานเลยทีเดียว เพราะพรสวรรค์ของเจ้าวายร้ายเหล่านั้นถือเป็นพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งจนสามารถทำให้ผู้คนที่ได้พบเจอต้องคลั่งใจตายได้เลยทีเดียว

ด้วยพลังการต่อสู้ของหลงเฉินในขณะนี้ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มชุดขาวเกิดหวาดกลัวขึ้นมาได้อย่างมากมาย นั่นก็เพราะหลงเฉินยังมีพลังอยู่ในขอบเขตขั้นก่อโลหิตเท่านั้น ทว่าด้วยพรสวรรค์ของเขานั้นสามารถเทียบเท่ากับระดับเจ้าวายร้ายทั้งหมดได้เลย

ภายในจิตใจของชายหนุ่มชุดขาวกลับไม่ได้หวาดกลัว ทว่าเป็นเพียงความไม่สบายใจชนิดหนึ่งหรือที่เรียกว่าความอิจฉาประเภทหนึ่งซึ่งอยู่ในระดับที่ลึกล้ำลงไปจนถึงก้นบึ้งของความรู้สึกริษยาอาฆาต

ศิษย์สายในนั้นถือเป็นเป้าหมายขั้นสูงสุดทั้งชีวิตของเขา อีกทั้งการเป็นศิษย์รักนั้นก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ถ้าหากสำนักได้ทราบถึงการคงอยู่ของหลงเฉินในตอนนี้ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่สนใจว่าจะต้องสูญเสียสิ่งใดไปมากน้อยเท่าใด อย่างไรก็ต้องชักจูงหลงเฉินให้เข้าสำนักมาให้ได้อย่างแน่นอน อีกทั้งด้วยพลังเช่นนี้คงจะกลายเป็นศิษย์รักได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องพยายามอันใด

ภายในดวงตาของชายหนุ่มชุดขาวสาดประกายความเกลียดชังขึ้นมาเป็นสาย หากทุกสิ่งอย่างเป็นไปตามที่เขาคิดเอาไว้ เช่นนั้นหลงเฉินก็จำเป็นที่จะต้องตายไปโดยเร็วที่สุด หากปล่อยเขาไว้แล้วตัวเองคงจะต้องกลายเป็นตัวหมากตัวใหม่ อีกทั้งยังต้องปล่อยผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับเจ้าวายร้ายให้มีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อเป็นมารขวางเส้นทางแห่งศิษย์รักของเขาอย่างแน่นอน

“ฮูว”

หลงเฉินพ่นลมหายใจที่อัดแน่นอยู่ภายในอกออกมาอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าท่าฟันตัดวายุจะแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็ทำให้สูญเสียพลังไปมหาศาลเกินกว่าที่จะคาดเดาได้

กระบวนท่าเหล่านี้เป็นกระบวนท่าที่หลงเฉินได้คิดค้นขึ้นมาเอง โดยทำการแปรเปลี่ยนจากลี้ลมสามรูปแบบจนเป็นกระบวนท่ามากมายจนนับไม่ถ้วน

หลังจากที่เขาคุ้นเคยกับการใช้ลี้ลมสามรูปแบบแล้วก็ถือได้ว่าเป็นกระบวนท่าที่มีประโยชน์มาก ช่างแตกต่างกับกระบวนท่าอื่นที่เขาเคยใช้ออกมาจนตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงตาย อีกทั้งพลังของมันยังอยู่ในระดับสูงทว่าใช้ออกมาได้ง่ายดายกว่า

เพียงแค่ไหลเวียนพลังปราณขึ้นมาก็สามารถเข้าถึงระดับการเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มพูนขึ้นมาของลี้ลมตัด ในเวลาเดียวกันก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของพละกำลังได้อีก จากนั้นก็ไหลเวียนเข้าไปยังยุทโธปกรณ์จนกลายเป็นพายุมังกรเข้าจู่โจมไปโดยรอบ

ก่อนหน้านี้หลงเฉินเคยทดสอบกระบวนท่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีการโจมตีเข้ามาพร้อมกันถึงสามทาง เขาจึงเกรงว่าพลังทำลายจะไม่เพียงพอจนไม่สามารถต้านทานการโจมตีของยอดฝีมือทั้งสามคนเอาไว้ได้จึงใช้พลังที่มีออกมาทั้งหมดเพื่อให้จบสิ้นภายในกระบวนท่าเดียว

ทว่าผลลัพธ์ของพลังทำลายในครั้งนี้กลับเป็นที่น่าตกใจจนเกินไปแล้ว เขารู้สึกได้ว่ากระบวนท่าเมื่อครู่นี้ทำให้เขาต้องสูญเสียพลังลมปราณภายในร่างกายไปกว่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

“ตึก”

หลงเฉินขยับเท้าครั้งหนึ่งจนหลงเหลือไว้เพียงเงาร่างสายหนึ่ง เพียงชั่วพริบตาเดียวกระบี่หนักก็ได้ฟันเข้าไปยังร่างของเซี่ยโหยวอวี่ในทันที

เซี่ยโหยวอวี่ยังไม่ทันจะฟื้นคืนจากกระบวนท่าเมื่อสักครู่ กลับถูกการโจมตีด้วยกระบวนท่าที่สองของหลงเฉินเข้ามาอีกระลอกหนึ่งจึงอดสะดุ้งตัวโยนขึ้นมาไม่ได้ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันเหนื่อยล้าโรยแรงหรืออย่างไรกัน?

เซี่ยโหยวอวี่สูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง หากเขาไม่ใช้พลังทั้งหมดออกมา เกรงว่าคงจะต้องจบชีวิตลงตอนนี้เสียแล้ว ทันใดนั้นเองตลอดทั้งร่างของเขาก็ได้ปะทุพลังลมปราณขึ้นมาอย่างรุนแรงพร้อมทั้งไหลเวียนพลังเข้าไปยังหอกยาวอย่างบ้าคลั่ง

“กร๊อบ”

พลังทำลายปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจนพื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของเซี่ยโหยวอวี่ปรากฏรอยแตกแยกขึ้นมาชัดเจน ภายในดวงตาของเซี่ยโหยวอวี่กลับเข้าสู่ความสงบนิ่ง ความเชื่อมั่นถูกเติมเต็มจนเต็มเปี่ยมขึ้นมาอย่างท่วมท้น แล้วมือข้างหนึ่งก็ได้แทงหอกยาวแหวกม่านอากาศออกไป

“หอกทลายศิลา”

นี่เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดของเซี่ยโหยวอวี่ ประกายจากคมหอกประดุจดาวตกท่ามกลางแสงจันทราพุ่งทะยานเข้าไปยังเงาร่างของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

หลงเฉินเองก็สัมผัสได้ถึงพลังที่น่ากลัวขุมหนึ่งได้ตั้งแต่แรก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยดูแคลนเซี่ยโหยวอวี่ผู้นี้แม้แต่ครั้งเดียว ทว่าก็ยังไม่เคยคิดว่าชายผู้นี้จะใช้กระบวนท่าที่แฝงเอาไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งออกมาได้มากถึงเพียงนี้ จนหลงเฉินรู้สึกได้ถึงสภาวะที่กำลังคุกคามชีวิตของเขาอยู่

ทันใดนั้นจุดดารากักวายุที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าก็ได้ไหลเวียนพลังลมปราณจนทะลวงเข้าไปยังจุดรวมพลังทั้งเก้าตำแหน่งอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด บนกระบี่หนักในมือของหลงเฉินเกิดประกายแสงอันคมกล้าขึ้นมาสายหนึ่ง

“เช่นนั้นก็มาตัดสินผลแพ้ชนะกันด้วยกระบวนท่านี้กันเถิด”…

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset