เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 104 ชายหนุ่มชุดขาว

บนกระบี่หนักของหลงเฉินปรากฏประกายแสงสีแดงเข้มขึ้นมาสายหนึ่ง จากนั้นก็ได้กลายเป็นพลังอันแรงกล้าปะทุขึ้นมาจนน่าหวาดกลัว ตลอดความยาวของกระบี่หนักปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนขึ้นมาอย่างรุนแรง

รอบกระบี่หนักราวกับว่ามีมังกรเพลิงตัวหนึ่งเคลื่อนไหวไปโดยรอบ แม้ว่ารูปร่างภายนอกของมันจะแตกต่างไปจากเครื่องมือเพลิงของปรมาจารย์หวินฉีอยู่หลายส่วน ทว่ากลับเกิดพลังความร้อนขึ้นมาเฉกเช่นเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน

หลังจากที่หลงเฉินทะลวงเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตได้แล้ว เดิมทีช่องเล็กที่ได้เป็นที่เพาะเลี้ยงเพลิงสัตว์เอาไว้ก็ได้กว้างใหญ่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

นี่เป็นอีกหนึ่งกระบวนท่าที่อยู่ภายในความทรงจำของหลงเฉิน หากเป็นไปตามภาพอันเลือนรางในห้วงความทรงจำของเขาแล้วกระบวนท่านี้สามารถเพิ่มพูนพลังการโจมตีให้เพิ่มมากขึ้นไป อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เขาใช้มันออกมาด้วย

“ตูม”

กระบี่หนักเพลิงกาฬของหลงเฉินคล้ายกับปลดปล่อยมังกรให้เคลื่อนไหวเข้าไปยังหอกยาวของเซี่ยโหยวอวี่จนเกิดการปะทุเสียงดังขึ้นมา จากนั้นเพลิงกาฬอันน่าหวาดกลัวนั้นก็ได้กลืนกินทั้งสองเงาร่างเข้าไปในทันที

“อา”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นมาเป็นสาย จู่จู่เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็ได้ลอยออกมาจากใจกลางของเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอยู่อย่างร้อนระอุ พลันร่างสายนั้นก็ได้กลายเป็นมนุษย์ที่พยายามตบไปยังเพลิงกาฬบนร่างอย่างไม่คิดชีวิต

หลังจากที่หลงเฉินใช้กระบวนท่านี้ออกมาผนวกเข้ากับพลังของเซี่ยโหยวอวี่ที่ปลดปล่อยออกมาก็ได้ทำให้เขาถอยหลังออกไปติดต่อกันอยู่หลายก้าว อีกทั้งโลหิตยังตีกลับไปมาอยู่ภายในร่างจนรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างถึงที่สุด เซี่ยโหยวอวี่ผู้นี้ถือได้ว่าแข็งแกร่งจนน่ากลัวอย่างแท้จริง

ไม่คิดเลยว่ากระบวนท่านี้จะเป็นกระบวนท่าที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง เขาก่อรวมเพลิงโอสถเอาไว้บนกระบี่หนักเข้าปะทะกับศัตรู ซึ่งแตกต่างไปจากที่เขาคิดไว้โดยสิ้นเชิง สิ่งนั้นไม่ใช่การเสริมเพลิงโอสถเข้าไปยังยุทโธปกรณ์ ทว่าเป็นการปะทุพลังลมปราณที่อยู่ภายในยุทโธปกรณ์ขึ้นมาเพื่อหนุนเสริมเพลิงโอสถ

จากการปะทะกันเมื่อครู่นี้เพลิงโอสถบนกระบี่หนักของหลงเฉินนั้นคล้ายคลึงกับการจุดโอสถเพลิงขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น เพียงพริบตาเดียวก็ได้ระเบิดจนกลืนกินเซี่ยโหยวอวี่เข้าไป อันเป็นวิธีการโจมตีที่ไร้ซึ่งเหตุผลโดยสิ้นเชิง ขอเพียงอีกฝ่ายพยายามต้านทานพลังนี้เอาไว้ เพลิงโอสถก็จะปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนทำลายคนผู้นั้นให้ตายไปทั้งเป็น

หลงเฉินจ้องมองไปยังมนุษย์เพลิงอย่างเซี่ยโหยวอวี่ที่พยายามตบไล่เพลิงกาฬบนร่างอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าเขาคงจะไม่ทราบว่าเพลิงโอสถนั้นไม่ใช่เพลงิธรรมดาที่จะดับได้ด้วยการตบหรือด้วยสายน้ำ อีกทั้งหากว่าเขาคิดจะใช้พลังลมปราณเข้าต้านทานเอาไว้ก็จะถูกแผดเผาต่อไปเรื่อยๆ

“ผัวะ”

แต่เมื่อผ่านไปไม่นานเซี่ยโหยวอวี่ที่ดิ้นรนไปมาอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ที่ศีรษะและใต้ฝ่าเท้าเต็มเปี่ยมไปด้วยไอควันลอยฟุ้งขึ้นมาจากนั้นเพลิงกาฬก็ได้ดับลงไปจนหมดสิ้น

หลงเฉินตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงวิธีใช้เพลิงกาฬภายในร่างกายขึ้นมาได้ เขานั้นได้หยิบยืมพลังปราณฟ้าดินออกมาใช้จนกลายเป็นเพลิงกาฬที่เผาผลาญทุกสิ่งอันให้มอดไหม้ลงไป

ถึงแม้ว่าเพลิงโอสถจะน่าหวาดกลัว ทว่าเซี่ยโหยวอวี่ก็ยังเป็นยอดฝีมือพลังขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลายผู้หนึ่ง เพลิงกาฬเพียงเท่านี้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ย่อมไม่อาจมากมายจนคร่าชีวิตของเขาได้

ทว่าอาภรณ์ของเขากลับไม่อาจทนทานเปลวเพลิงได้ อาภรณ์นั้นถูกถักทอขึ้นมามาจากวัสดุชั้นสูง ถึงจะมีพลังป้องกันอันยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่อาจเผชิญหน้ากับเพลิงโอสถอันโชติช่วงเช่นนี้ได้

เมื่ออาภรณ์ถูกเผาจนไหม้เกรียมไปแล้วก็เผยให้เห็นผิวหนังชั้นนอกของเซี่ยโหยวอวี่ การเป็นถึงองค์จักรพรรดิผู้หนึ่ง อีกทั้งยังเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น จะเผยให้เห็นถึงเนื้อหนังมังสาเช่นนี้ต่อหน้าผู้คนมากมายย่อมเป็นเรื่องที่น่าอับอายเสียยิ่งกว่าเผชิญหน้ากับความตายเสียอีก

สายตาของเซี่ยโหยวอวี่จ้องมองไปยังท่อนล่างของตัวเอง หลงเฉินเกิดความงุนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพลิกฝ่ามือทั้งสองข้างที่กุมกระบี่หนักอยู่ฟันลงไปที่เบื้องหน้าอย่างรุนแรง

“ตูม”

พลังอันมหาศาลทะลุเข้าไปยังพื้นดินจนกลายเป็นทางยาวที่ลึก อีกทั้งยังทรุดตัวลงไปกลายเป็นหลุมบ่อจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนที่แผ่กระจายออกไปเป็นวงกว้างนับสิบจั่ง

“ตึง”

ดินโคลนจากใต้พิภพผุดขึ้นมาอย่างหนาแน่น เงาร่างสายหนึ่งก็ได้สลัดดินโคลนเหล่านั้นออกจากร่างกายอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าเซี่ยโหยวอวี่จะสามารถหลุดพ้นออกมาได้ ทว่าก็ได้กระอักโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง

ครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเซี่ยโหยวอวี่ ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ได้ล้มลงกับพื้น เขาไม่มีเรี่ยวแรงที่จะหลบรอดไปจากกระบวนท่าของหลงเฉินได้อีกแล้ว ภายในร่างกายบอบช้ำและบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนแทบจะไม่มีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว

“ฉับ”

ทันทีที่เซี่ยโหยวอวี่ผุดขึ้นมาจากหลุมโคลนอันใหญ่ก็ได้มีลูกศรสายหนึ่งทะลวงเข้าไปยังกลางทรวงอกของเขาจนเกิดเป็นฝนโลหิตสาดกระเซ็นออกมา

หลงเฉินตกใจขึ้นมายกใหญ่ พลันก็ได้หันหน้ากลับไปมองยังต้นสายของศรดอกนั้น ก็พบว่าบริเวณที่ไม่ห่างไกลออกไปนั้นเป็นมือของหลงเทียนเซียวที่ชักคันธนูยาวอยู่

ส่วนที่พื้นด้านข้างมีร่างของหวูโหวและยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งนอนแผ่อยู่ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและฝุ่นควัน

“การต่อสู้นี้เป็นการชี้เป็นชี้ตายชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะอย่างไรเจ้าก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปได้ อย่างน้อยที่สุดก็คือการสังหารอีกฝ่ายให้ได้ นั่นจึงจะเป็นชัยของผู้ชนะ”

หลงเทียนเซียวค่อยๆ กล่าวออกมาอย่างช้าๆ ในเวลานี้เขาเองก็ได้หอบหายใจอยู่เล็กน้อย ใบหน้าของชายฉกรรจ์ขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด การต่อสู้นั้นคงจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งไปได้ภายในพริบตาเดียว เช่นนั้นเขาจึงเป็นห่วงว่าหลงเฉินจะตกอยู่ในอันตราย

เมื่อใช้พลังออกไปจนหมดเพื่อจัดการกับยอดฝีมือทั้งสองคนลงไปได้ เขาจึงได้รับผลกระทบด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งพลังลมปราณที่มีอยู่ในตอนนี้เรียกได้ว่าร่อยหรอจนน่าหวาดหวั่นอย่างยิ่งยวด

ทว่าเมื่อมองไปยังกระบี่หนักที่ได้ทิ่มแทงลงไปยังพื้นดินของหลงเฉิน เขาก็พอที่จะคาดเดาถึงผลลัพธ์ขึ้นมาได้แล้ว จึงได้ตระเตรียมธนูเอาไว้บนมือเพื่อหาโอกาสที่จะได้ลงมืออย่างทันควัน

หากถกกันถึงเรื่องประสบการณ์การต่อสู้แล้วนั้นหลงเฉินยังมีประสบการณ์การต่อสู้แตกต่างกับหลงเทียนเซียวเพียงไม่ถึงเศษเสี้ยวหนึ่งเลยด้วยซ้ำไป

เซี่ยโหยวอวี่ที่หายใจโรยรินมองไปยังสายโลหิตที่ไหลออกมาจากกลางหน้าอกของตัวเอง ปลายลูกศรของหลงเทียนเซียวประจวบเหมาะเจาะเข้าไปที่ขั้วหัวใจของเขาพอดิบพอดี อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันแรงกล้าจนตัดรอนหนทางของการมีชีวิตของเขาลงไป

“เป็นเช่นนี้……ไปได้อย่างไร……”

“ฉับ”

“ซวบ”

เซี่ยโหยวอวี่ล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้ซึ่งพลังไปทั่วทั้งร่าง ดวงตาเบิกกว้างไปทั้งอย่างนั้น ภายในห้วงความคิดครั้งสุดท้ายของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสนและไม่อยากเชื่อว่าผู้ที่เป็นถึงองค์จักรพรรดิผู้หนึ่งจะต้องมาสิ้นชีพลงด้วยสภาพเฉกเช่นนี้หรือ

“ตึง”

ทันทีที่เซี่ยโหยวอวี่ล้มฟุบลงไป เหล่าทหารของจักรวรรดิต้าเซี่ยต่างก็แตกฮือกันไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะอย่างไรสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่อาจที่จะควบคุมเอาไว้ได้อีกแล้ว ทัพใหญ่ที่มีทหารนับสิบหมื่นนายแตกกระเจิงอย่างวุ่นวาย อีกทั้งยังหนีตายกันหัวซุกหัวซุน

อีกทั้งยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแห่งต้าเซี่ยก็ได้บาดเจ็บล้มตายไปทั้งหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้นำของจักรวรรดิกลับถูกสังหารไปเสียแล้ว จำเป็นจะต้องให้พวกเขาเข้าไปตายด้วยอย่างนั้นหรือ? ผู้คนที่เป็นถึงระดับผู้นำยังไม่อาจรอดพ้น แล้วระดับล่างอย่างพวกเขาจะเข้าไปหาที่ตายเช่นนั้นอีกด้วยเหตุอันใดกัน?

ความเกรียงไกรของจักรวรรดิต้าเซี่ยที่เคยสะพรั่งกลับถูกไล่ต้อนจนจนมุม อีกทั้งยังต้องตกอยู่สภาพที่ไม่ต่างไปจากสุนัขข้างทางตัวหนึ่ง ส่วนทหารของจักรวรรดิเฟิงหมิงเองก็ยังคงงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นไปตามๆ กัน

ขณะนี้พลังการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวของสองพ่อลูกตระกูลหลงช่างไม่อาจเทียมทัดได้อีกแล้ว แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นหลายคนก็ยังไม่อาจมีชีวิตรอดกลับมาได้

เหล่าทหารที่คิดจะสังหารคนของตระกูลหลงอยู่เมื่อครู่นี้ก็ได้ทอแววตาโง่งมขึ้นมาในทันที หากต้องแลกชีวิตกับการไร้ซึ่งโอกาสที่จะมีเงินทองและยศถาบรรดาศักดิ์เช่นนั้นก็เป็นตัวโง่งมผู้หนึ่งแล้ว

เมื่อคิดได้เช่นนั้นพวกเขาก็คิดที่หลบหนีกันไปอย่างชุลมุน ทว่าแท้ที่จริงแล้วพวกเขากลับไม่อาจหลบหนีไปได้ ต่อให้จากไปไกลทว่าญาติพี่น้องของพวกเขาก็ยังอยู่ ช่วงเวลานั้นภายในจิตใจของพวกเขาต่างก็เกิดความเสียใจขึ้นมาอย่างล้นพ้น จึงทำได้เพียงแยกย้ายกันออกไปยืนอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไป

หลงเฉินหันไปมองใบหน้าของบิดาแล้วยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เขาสัมผัสถึงความห่วงใยจากบิดาได้อย่างเต็มเปี่ยม ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งยิ่งไปกว่านี้ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าของหลงเทียนเซียวแล้ว เขาก็ยังคงเป็นทารกตัวน้อยที่มีน้ำมูกเลอะอยู่เต็มใบหน้าเท่านั้น

จากนั้นเขาก็ได้กวาดสายตามองไปยังสภาพโดยรอบหลังจากการต่อสู้ นอกจากสนามรบของปรมาจารย์หวินฉีแล้วก็ไม่มีศึกของผู้ใดได้ดำเนินต่อไปอีก ส่วนฉู่เหยาและพวกพ้องก็ยังคงคุ้มกันฮูหยินหลงและคนของตระกูลหลงอยู่ และเรียกได้ว่าปลอดภัยแล้ว

“ซูม”

ทันใดนั้นเองกระบี่หนักในมือของหลงเฉินก็ได้ถูกกวาดออกไป ในขณะที่เดินเข้าไปหาองค์ชายสี่ด้วยความเร็วอันสูงล้ำ

“ฉู่เซี่ย ต่อให้แผนการของเจ้าจะหมดจดสักเพียงใด ก็คงจะไม่ได้คาดเดาถึงผลลัพธ์เช่นนี้ใช่หรือไม่?” หลงเฉินถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

องค์ชายสี่ทอสีหน้าจำเจมองไปยังหลงเฉิน จากนั้นก็ได้กระแอมออกมาครั้งหนึ่งแล้วกล่าวออกมาว่า “แน่นอนว่าย่อมไม่ได้คาดคิดเอาไว้ ลิขิตชีวิตนั้นไม่สู้สวรรค์ลิขิต”

จู่จู่เขาก็นึกถึงคำพูดที่ปรมาจารย์หวินฉีได้ทิ้งท้ายเอาไว้ให้ประโยคหนึ่ง ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริงๆ เดิมทีแล้วแผนการของเขาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ ทว่ากลับต้องเกิดความผิดพลาดอย่างมหันต์เช่นนี้ไปได้ ต่อให้ไปถามผู้ใดก็คงไม่อาจพยากรณ์ได้ล่วงหน้า

เดิมทีแล้วในแผนการของเขาจะมีเพียงการต่อกรกับหลงเทียนเซียวเท่านั้น ส่วนหลงเฉินก็เป็นเพียงหมากตัวหนึ่ง ทว่าในทางกลับกันเขากลับสามารถสยบผู้คนได้ทั่วทั้งดินแดน อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ทำลายแผนการที่วางเอาไว้เป็นอย่างดีจนราบคาบและไม่เหลือชิ้นดี ครั้งนี้เขาคงจะต้องยอมรับแล้วว่าได้พ่ายแพ้จนแทบจะเลอะเลือนไปเลยก็ว่าได้

“เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าก็จะไม่ทำให้เจ้าต้องลำบากใจอีก จงบอกข้ามาว่าผู้ใดช่วงชิงรากปราณกระดูกปราณ และโลหิตปราณของข้าไป เช่นนั้นข้าก็จะรวบรัดความตายแก่เจ้าเอง” หลงเฉินจ้องมองไปยังดวงตาขององค์ชายสี่อย่างคาดคั้นเสียเต็มประดา

ถึงแม้ว่าพลังของเขาในตอนนี้จะมหาศาลจนน่าหวาดกลัวแล้ว ทว่าเขาก็ควรจะทราบเอาว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นการลงมือของผู้ใด ความอำมหิตอย่างร้ายกาจที่จัดการผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นเขาจนกลายเป็นเศษสวะอันไร้ค่า อีกทั้งคนผู้นั้นกระทำลงไปเพื่อสิ่งใดกัน?

หลงเทียนเซียวที่ยืนอยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไป จ้องมองไปที่แผ่นหลังของหลงเฉินด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ภายในดวงตาคู่นั้นปรากฏความสับสนขึ้นมาอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

เมื่อองค์ชายสี่ได้ยินวาจาไร้สาระของหลงเฉินที่ถามออกมา ก็อดงุนงงขึ้นมาไม่ได้ “เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอันใดกัน?”

ภายในจิตใจของหลงเฉินบังเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาชั่วครู่หนึ่ง ในช่วงที่เอ่ยวาจาถามไถ่ออกไป เขาก็ได้ผนึกพลังแห่งจิตวิญญาณส่วนหนึ่งเข้าสังเกตการเต้นของหัวใจขององค์ชายสี่เอาไว้

ด้วยพลังอันแกร่งกล้าของเขาย่อมไม่อาจปล่อยให้องค์ชายสี่ปฏิเสธหรือหลอกลวงได้ ทว่าจากการจับสังเกตแล้วเห็นได้ชัดว่าองค์ชายสี่ไม่ทราบถึงเรื่องนี้จริงๆ

เช่นนั้นเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่? แท้ที่จริงแล้วเขา ฉู่เหยา และฉู่ฟงนั้นไม่ได้ตกอยู่ในสภาวะเช่นเดียวกันอย่างนั้นหรือ? ส่วนผู้ที่ลงมือต่อร่างกายของเขากลับไม่ใช่ยิงฮวาหรอกหรือ? แล้วจะเป็นผู้ใดกันเล่า?

เมื่อไม่อาจทราบได้ หลงเฉินจึงสูดลมหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง ถึงแม้ว่าภายในจิตใจจะเกิดความสิ้นหวังขึ้นมาอย่างท่วมท้น ทว่าเขาก็ได้ทราบว่าองค์ชายสี่ไม่ได้พยายามจะหลอกลวงเขาเลย

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีเรื่องอันใดที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอีกแล้ว มีสิ่งใดอยากจะบอกเล่าอีกหรือไม่?” หลงเฉินจ้องมองไปที่องค์ชายสี่อย่างคาดคั้นอีกครั้ง

เขาปรารถนาที่จะสังหารองค์ชายสี่ให้ตายไปอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับความกระจ่างอันใด ทว่าโทษที่ลงมือต่อคนของตระกูลหลงย่อมไม่อาจปล่อยไปได้

องค์ชายสี่ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วแววตาที่ซ่อนเร้นบางอย่างมองไปที่หลงเฉิน “คิดไม่ถึงเลยว่าแผนการที่ข้าได้ทุ่มเทมานานหลายปีกลับต้องพลิกผันอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้ด้วยน้ำมือของเจ้า

ถึงแม้ว่าจะพ่ายแพ้จนอยากจะเลอะเลือนไป ทว่าข้าก็ยังไม่อาจยอมรับได้ หลงเฉิน เจ้าถือว่าเป็นบุคคลแรกที่ข้านับถือจากใจจริง”

“การได้ตายไปด้วยน้ำมือของผู้ที่เจ้ายอมรับ ข้าคิดว่าเจ้าก็คงจะตายตาหลับไปแล้ว” หลงเฉินพยักหน้าไปมาแล้วกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“ฮาฮาฮา จะฆ่าข้าอย่างนั้นหรือ? ฮาฮาฮา” องค์ชายสี่คล้ายกับกำลังยิ้มเย้ยสวรรค์อยู่อย่างไรอย่างนั้น ภายในดวงตาคู่นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความไม่แยแส

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะแล้วอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดผิดแล้ว ต่อให้ข้าต้องตาย เจ้าก็ต้องตายอยู่ต่อหน้าข้าด้วยเช่นกัน”

หลงเฉินไม่สนใจวาจาไร้สาระเช่นนั้นอีกต่อไป พลันก็ได้ชี้คมกระบี่จ่อไปยังองค์ชายสี่ในทันที ทันใดนั้นเองก็ได้มียอดฝีมือพลังขอบเขตก่อโลหิตนับหลายสิบคนทะยานลงรายล้อมหลงเฉินเอาไว้

คนเหล่านั้นต่างก็เป็นเดนตายที่องค์ชายสี่ได้ชุบเลี้ยงเอาไว้ ถึงแม้การเผชิญหน้ากับหลงเฉินจะไม่มีทางที่พวกเขาได้รับชัยชนะ ทว่าก็ยังไม่เกรงกลัวที่จะหันอาวุธมาที่หลงเฉิน

หลงเฉินกวาดกระบี่ออกไปด้วยรังสีสังหารอันมหาศาลขุมหนึ่ง ผู้คนเหล่านั้นก็ได้กระเด็นออกไปคนละทิศคนละทางในทันที ในสายตาของหลงเฉินนั้นพวกเขาแทบจะเป็นคนพิการนับสิบอย่างไรอย่างนั้น

หลังจากที่ฟาดคมกระบี่ออกไป ที่ใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ได้ขยับครั้งหนึ่ง หลงเฉินเดินหน้าเข้าไปหาองค์ชายสี่อย่างรวดเร็ว แล้วฟันกระบี่ออกไปอีกครั้ง

“ผัวะ”

จู่จู่ที่เบื้องหน้าขององค์ชายสี่ก็ได้มีคนผู้หนึ่งขวางเอาไว้ เพียงใช้มือแตะมาที่ปลายของกระบี่หนักของเขาเบาๆ ก็รู้สึกได้ว่ากระบี่นั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมานับหมื่นชั่งในทันที คนผู้นี้สามารถแก้กระบวนท่าของเขาได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset