เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 122 โอสถภายใน

หลงเฉินฟันคมกระบี่ออกไปหนึ่งครั้ง ประกายความเย็นเยียบก็ได้ไหลหลั่งออกไปยังศีรษะของกิ้งก่าเพลิงที่อยู่เบื้องหน้า

การจู่โจมของเขาทำให้ศีรษะของกิ้งก่าเพลิงเกิดเป็นรอยขีดข่วนขนาดเล็กเท่านั้น ด้วยพลังเช่นนี้กลับไม่อาจระคายไปถึงชั้นผิวหนังของมันได้เลย

“เป็นพลังป้องกันที่น่าเกรงขามอย่างยิ่ง”

ถึงแม้ว่ากระบี่ยาวในมือจะคมกริบอย่างไร้เทียมทาน ทว่ากลับทำให้หลงเฉินไม่อาจฟาดฟันออกไปอย่างคล่องตัวราวกับว่ามันไม่เหมาะกับเขาเลย

“ยังจะเข้ามาอีกหรือ?”

คมกระบี่ยังไม่ทันจะเลือนรางไป กิ้งก่าเพลิงตัวนั้นก็ได้สะบัดหางของมันออกมาอีกครั้ง หางอันหนาถึกกระแทกเข้าไปที่ร่างของหลงเฉินอย่างรุนแรง

หลงเฉินสบถเสียงดังชิออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ พลันก็ได้ก้าวเท้าไปด้านหน้าก้าวหนึ่งแล้วกระโดดขึ้นไปบนศีรษะใบโตของกิ้งก่าเพลิงในทันที

“ตูม”

หางขนาดใหญ่สะบัดไปมาอย่างไร้ทิศทาง เมื่อหลงเฉินกระโดดเหยียบอยู่บนนั้นได้ก็ใช้กระบี่ยาวแทงยังใจกลางศีรษะของกิ้งก่าเพลิงด้วยพลังทั้งหมดที่มี

หางของกิ้งก่าเพลิงกวาดเข้ามาที่ศีรษะของมันเองในทันทีที่มีของปลายแหลมทิ่มแทงเข้ามา จนหลงเฉินเกิดอาการสะดุ้งจนตัวโยน ทั้งตกใจทั้งอยากจะหัวเราะขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ไม่คิดเลยว่ากิ้งก่าเพลิงจะสามารถปัดหางมาถึงศีรษะได้

“กึง”

กิ้งก่าเพลิงเกิดโทสะขึ้นมายกใหญ่ ทันใดนั้นที่ท้องของมันก็พองลมขึ้นมาจนแทบจะปริแตกออก จากนั้นก็ได้อ้าปากที่เหม็นโฉ่แล้วปะทุเพลิงกาฬสายหนึ่งออกมา เพียงพริบตาเดียวประกายเพลิงสายนั้นก็ได้กลืนกินหลงเฉินเข้าไป

“เกราะกายาเพลิงโอสถ”

หลงเฉินเองก็ใช้เพลิงปราณทั้งหมดที่มีเข้าคุ้มครองร่างกายเอาไว้ในทันที เกราะกายาเพลิงโอสถสามารถลดทอนพลังการโจมตีจากเพลิงกาฬของเจ้าหนูน้อยเอาไว้ได้อย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่หลงเฉินไม่ให้เสี่ยวเสว่ยร่วมต่อสู้ด้วยนั่นเอง เพราะเจ้าหมาป่าของเขาย่อมไม่อาจทนต่อเพลิงกาฬระดับนี้ได้อย่างแน่นอน

แม้หลงเฉินจะมีเกราะกายาเพลิงโอสถ ทว่ากลับยังรู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุแผ่ซ่านเข้ามาราวกับว่าตอนนี้ร่างกายได้ถูกห่อหุ้มด้วยเพลิงบรรลัยกัลป์อยู่อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งยังสัมผัสได้ว่าเพลิงปราณของเขากำลังร่ำร้องด้วยความแสบซ่านอย่างรุนแรงเช่นเดียวกัน

“ซูม”

หลงเฉินกระโจนออกจากวงล้อมของเพลิงกาฬที่สุมรอบร่างกายอย่างทันควัน ด้วยสภาวะพลังเช่นนี้เขาไม่จำเป็นที่จะต้องต้านพลังเพลิงกาฬกับกิ้งก่าเพลิงอีกแล้ว

ทันทีที่หันร่างกายหลบหลีกออกมาได้แล้ว บนเงาร่างขนาดมหึมาก็ได้เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน ที่ผืนทรายเบื้องล่างก็ได้เกิดไอร้อนจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นมา จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังขึ้นคล้ายกับกระจกที่เกิดรอยแตกร้าว

หลงเฉินเกิดอาการตื่นเต้นอย่างลิงโลดจนหัวใจแทบจะทะลุออกมาจากอก เพลิงกาฬของสัตว์มายาระดับสามตัวนี้ช่างมากมายมหาศาลจนเหนือการคาดเดาของเขาไปมากเสียแล้ว

ถ้าหากได้สัตว์เพลิงของกิ้งก่าเพลิงตัวนี้มาอยู่ในครอบครอง แล้วทำการหล่อหลอมเขาไปในร่างกายได้สำเร็วแล้ว เขาคงจะสามารถไหลเวียนพลังเพลิงอันแสนวิเศษขึ้นมาได้อย่างไม่จำกัด อีกทั้งยังสามารถปะทุพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างไร้ที่เปรียบอย่างแน่นอน

ความแข็งแกร่งเช่นนี้จึงเป็นจุดแข็งที่น่าหวาดกลัวของผู้หลอมโอสถผู้หนึ่ง ในช่วงเวลาที่หยิบยืมพลังจากสัตว์เพลิงออกมาใช้ก็จะสามารถนำมาเพิ่มพูนพลังต่อสู้ให้สูงล้ำยิ่งขึ้นไปกว่าสัตว์มายาทั้งปวง

“ไม่เล่นด้วยแล้ว รีบรวบรัดกันเสียดีกว่า”

หลงเฉินตะโกนออกมาเสียงดัง พลันที่ด้านหลังก็ได้ปรากฏวงแหวนแห่งเทพขึ้นมา ทว่าเขากลับรีบฉุดรั้งพลังสภาวะกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เพราะว่าวงแหวนแห่งเทพจะซึมซับพลังปราณฟ้าดินที่อยู่โดยรอบเข้ามาไว้ทั้งหมดจนกลายเป็นขุมพลังการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่หลายเท่าตัว

ทว่าด้วยความเงียบสงบของทะเลทรายที่ไม่มีแม้แต่ใบไม้และพืชพรรณที่เป็นเสมือนกับแหล่งพลังชีวิต วงแหวนแห่งเทพจึงไม่อาจดูดซับพลังลมปราณเข้ามาได้เท่าที่ควร ฉะนั้นหลงเฉินจึงไหลเวียนพลังลมปราณจากจุดดารากักวายุภายในร่างกายออกมาใช้แทน

หากใช้พลังอันมหาศาลจากจุดดารากักวายุออกมาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาวงแหวนแห่งเทพอีกแล้ว ด้วยสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้การเลือกใช้พลังอันมหาศาลจากภายในจุดดารากักวายุถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

“กายากักวายุ——เบิก”

ภายในดวงตาของหลงเฉินปรากฏชั้นดาราที่สว่างเจิดจ้าขึ้นมากลุ่มหนึ่ง พลังสภาวะของร่างกายปะทุขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและท่วมท้นจนระเบิดเป็นพลังอันน่าหวาดกลัว จากนั้นแสงสว่างวาบสายหนึ่งก็ได้ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าแหวกผ่านบรรยากาศออกไปเป็นหมื่นสาย

กิ้งก่าเพลิงกวาดหางขนาดใหญ่เข้ามาอีกครั้ง ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้ส่งเสียงดังประดุจอัสนีบาตฟาดลงมาจากเบื้องบน จนเกิดเสียงสะท้อนสั่นไหวทุกสรรพสิ่งที่อยู่โดยรอบ พลันก็ได้กางแขนออกแล้วโอบไปที่ปลายหางของกิ้งก่าเพลิง

“ได้การล่ะ”

ทันทีที่หลงเฉินกระชับทั้งสองแขนเข้าไปยังหางของเจ้าหนูน้อย ร่างกายมหึมานั้นก็ได้ลอยละล่องขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ได้ถูกโยนจนกระแทกเข้ากับผืนทรายที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างรุนแรง

“ตูม”

ละอองสีเหลืองอร่ามลอยระบำคละคลุ้งไปทั่วทั้งผืนฟ้า เสี่ยวเสว่ยที่อยู่ในบริเวณที่ห่างไกลอยู่นั้นก็ได้รีบกระโดดหนีอย่างร้อนรน ทว่ากลับทันการเสียแล้ว ฝุ่นละอองสูงถึงสิบจั่งได้ถาโถมเข้าสู่ร่างของหมาป่าหิมะแดงเพลิงเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว

หลงเฉินโอบไปที่หางของกิ้งก่าเพลิงอีกครั้ง อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงพลังอันมหาศาลที่ปะทุออกมาอย่างเต็มเปี่ยมของตัวเอง และกำลังเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณอย่างต่อเนื่องจนร่างกายของเขาแทบจะระเบิดไปได้เลย

ด้วยผืนทรายที่อ่อนนุ่มจึงไม่อาจทำให้กิ้งก่าเพลิงได้รับบาดเจ็บเท่าที่ควร สายตาของหลงเฉินจึงสาดไปเห็นขุนเขาลูกเล็กที่อยู่อีกด้านหนึ่ง พลันก็ได้กระชับทั้งสองแขนเอาไว้ที่หางของกิ้งก่าเพลิงอีกครั้ง จากนั้นก็ถ่ายแรงไปยังฝ่าเท้าทั้งสองข้าง ไม่ว่ากิ้งก่าเพลิงตัวนั้นจะดิ้นทุรนทุรายอย่างไรก็ไม่อาจหลุดรอดจากเงื้อมมือของชายผู้นี้ไปได้อีกแล้ว

หลงเฉินไหลเวียนขุมพลังที่ฝ่าเท้าจนนิ่งสงบ ตลอดทั้งร่างก็ได้หมุนวนประดุจกังหันลม ยิ่งหมุนวนก็ยิ่งหมุนได้เร็วยิ่งขึ้น พลันก็ได้ผ่อนแรงกระชับของฝ่ามือ แล้วปล่อยให้กิ้งก่าเพลิงลอยกระเด็นประดุจดาวตกเข้าชนกับขุนเขาขนาดเล็กที่เล็งเอาไว้ในทันที

“ตูม”

กิ้งก่าเพลิงกระแทกเข้ากับเป้าอย่างรุนแรงจนขุนเขาขนาดเล็กสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ทว่าเป็นเพราะโชคร้ายของกิ้งก่าเพลิงหรืออย่างกันไร ขุนเขาลูกนั้นกลับไม่แตกร้าวเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับเป็นหนังด้านของกิ้งก่าเพลิงที่แตกออก ทั้งยังมีกระดูกหักไปอีกหลายท่อน เกร็ดหนังบางส่วนร่วงหล่นลงไปที่พื้น จากนั้นโลหิตสายหนึ่งก็ไหลรินออกมาไม่ขาดสาย

“โฮก”

ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัสถึงเพียงนั้น เจ้าหนูน้อยก็ยังคงไม่ตายลงไป ทั้งยังสามารถยันร่างกายขึ้นมาแล้วจู่โจมเข้ามาหาหลงเฉินในทันที

“ชิ เช่นนั้นก็ลองดูอีกสักตั้งหนึ่ง ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะไม่ตาย……หือ?” หลงเฉินสัมผัสได้ว่าพลังภายในร่างกายเริ่มลดทอนลงไปแล้ว

“ช่างเถิด ได้เวลาแล้ว”

หลงเฉินหลงลืมไปเสียสนิทเลยว่ากายากักวายุนั้นมีช่วงเวลาในการใช้ที่จำกัด เมื่อไม่มีวงแหวนแห่งเทพคอยเสริมพลังด้วยแล้วย่อมมีเวลาที่ลดทอนลงไปมากเสียยิ่งกว่าเดิม ชั้นดาราภายในดวงตาค่อยๆ สลายหายไปแล้วร่างกายของหลงเฉินก็กลับคืนสู่ระดับปกติ

“ตูม”

หลงเฉินปลดปล่อยคมหมัดออกไปด้วยพลังจากแรงกายทั้งสิ้น ทว่าด้วยพลังเช่นนี้ย่อมไม่อาจที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของสัตว์มายาระดับสามได้จึงถูกซัดจนกระเด็นออกไปไกล กลางหน้าอกเกิดความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสายจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา

“พลังชีวิตของสัตว์มายาน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

หลงเฉินแอบร่ำร้องขึ้นมาภายในใจ ถ้าหากมีพวกพ้องล่วงรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ได้ก็คงจะด่าทอในความโง่งมของเขาอย่างบ้าคลั่งแน่นอน

กิ้งก่าเพลิงเป็นสัตว์มายาระดับสามที่มีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นหลายคน อีกทั้งยังเป็นสัตว์มายาระดับสามชั้นแนวหน้า หลงเฉินในตอนนี้มีพลังอยู่ในขอบเขตก่อโลหิตเท่านั้น หากใช้พลังกายต่อกรกับกิ้งก่าเพลิงได้ เช่นนั้นร่างกายของเขากลับไม่ใช่ว่าอยู่เหนือกว่าสัตว์มายาไปแล้วอย่างนั้นหรือ?

“ตูมตูมตูม……”

หลงเฉินหลบเลี่ยงการโจมตีของกิ้งก่าเพลิงอย่างยากลำบาก เพราะบัดนี้กิ้งก่าเพลิงได้คลั่งขึ้นมาจนจู่โจมเข้ามาอย่างไร้ทิศทาง

“นี่มันบ้าเกินไปแล้ว ทั้งที่บาดเจ็บอยู่ยังมีพลังการต่อสู้ไม่ลดทอนลงไปเลยแม้แต่น้อย”

หลงเฉินด่าทอออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ กระบี่ยาวในมือไม่อาจสร้างผลกระทบจนถึงแก่ชีวิตให้กับกิ้งก่าเพลิงตัวนี้ได้เลย และเขาก็ใช้กายากักวายุออกไปแล้วด้วย ในเวลาเช่นนี้จึงได้แต่หลบหนีไปมาอย่างอับจนหนทางเสียแล้ว

“ใช่แล้ว”

ทันใดนั้นดวงตาของหลงเฉินก็เกิดประกายเจิดจ้าขึ้นมา เขาหลงลืมสิ่งของชิ้นสำคัญไปได้อย่างไรกันเล่า

เมื่อนึกถึงของสิ่งนั้นขึ้นมาได้ ภายในจิตใจของหลงเฉินเองก็ดีใจจนลิงโลดอย่างรุนแรง แล้วห้วงความคิดก็กลับคืนสู่สภาวะที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมาธิ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นกิ้งก่าเพลิงที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาก็ได้หลบร่างกายไปทางขวาอย่างรีบร้อน แล้วกระโดดขึ้นกลางอากาศพร้อมกับลูบไปที่แหวนมิติ วัตถุขนาดใหญ่โตชิ้นหนึ่งถูกดึงออกมาในทันที

ปลายหางรูปตะขออันยาวเหยียดที่เพิ่งได้มาถูกหลงเฉินทุ่มเทพลังทั้งหมดไปไว้ที่แขน แล้วออกแรงแทงตะขอนั้นเข้าไปที่บาดแผลของกิ้งก่าเพลิงอย่างรวดเร็ว

“ฉึก”

เมื่อปลายหางรูปตะขอแทงเข้าไปบนร่างกายของกิ้งก่าเพลิงแล้ว ร่างกายมหึมานั้นก็คล้ายกับว่าไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้อยู่ เห็นได้ชัดว่าพิษจากตะขอเริ่มไหลเข้าไปในเนื้อเยื่ออย่างบ้าคลั่งแล้ว

กิ้งก่าเพลิงหวีดร้องเสียงดังกังวาน จากนั้นก็สลัดจนปลายหางรูปตะขอร่วงหล่นลงพื้น เผยให้เห็นเนื้อที่เริ่มกลายเป็นสีดำที่ค่อยๆ แผ่วงกว้างออกไปเรื่อยๆ

ถ้าต่อสู้ตามปกติแล้วนั้นต่อให้เป็นแมงป่องทะเลทรายกลุ่มใหญ่ก็ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกิ้งก่าเพลิง ตัวนี้ เพราะอาวุธรอบกายของพวกมันคงไม่แกร่งกล้าพอที่จะแทงทะลุชั้นหนังที่แข็งประดุจเหล็กกล้าของกิ้งก่าเพลิงได้

และหางของกิ้งก่าเพลิงก็แข็งแรงพอที่จะทุบจนชั้นเกราะของพวกมันแหลกละเอียดไปได้ในครั้งเดียวอีกด้วย ที่สำคัญคือกิ้งก่าเพลิงมีพลังของเพลิงกาฬที่จะใช้ย่างพวกมันจนสุกไปถึงเนื้อในได้ในทันที

นี่จึงเป็นเหตุและผลที่แมงป่องทะเลทรายหวาดกลัวต่อกิ้งก่าเพลิงเป็นที่สุด ทว่าไม่ได้หมายความว่ากิ้งก่าเพลิงจะไร้ซึ่งผู้ต้านทานได้ เมื่อมันสูญเสียสภาวะการป้องกันตัวไปแล้ว พิษของแมงป่องทะเลทรายจึงกลายเป็นสิ่งคร่าชีวิตของมันได้เช่นกัน

เมื่อกิ้งก่าเพลิงหยุดดิ้นทุรนทุรายจนเหลือเพียงร่างที่สั่นเทาเล็กน้อย หลงเฉินก็ได้แต่เพียงยืนมองจากที่ไกลๆ กับเสี่ยวเสว่ยต่อไปอีกหนึ่งชั่วยาม แล้วจึงค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้

หลงเฉินลอกหนังท้องของกิ้งก่าเพลิงออกจนเผยให้เห็นสิ่งที่เป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเพียงหนึ่งเซียะที่อยู่ภายใน ก้อนกลมนั้นเป็นสีขาวโพลนทั้งหมด อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยสภาวะพลังที่น่าหวาดกลัวอยู่โดยรอบอีกด้วย

“หึหึ ได้โอสถมาครอบครองแล้ว”

หลงเฉินตื่นเต้นขึ้นมายกใหญ่ ของสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดของกิ้งก่าเพลิงเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่สัตว์มายาถือกำเนิดขึ้นมา ภายในร่างกายของมันจะมีผลึกแกนที่กักเก็บพลังอันมหาศาลเอาไว้

ทว่ามีสัตว์มายาส่วนหนึ่งที่ต่างออกไป สัตว์มายากลุ่มนี้จะมีผลึกแกนที่เป็นแก่นแท้อยู่ ซึ่งเรียกว่าโอสถภายใน สำหรับกิ้งก่าเพลิงนั้นถือเป็นจุดกักเก็บพลังเพลิงกาฬทั้งหมดเอาไว้นั่นเอง

โอสถภายในมีประโยชน์ต่อหลงเฉินอย่างมากมายมหาศาล ที่สำคัญที่สุดก็คือใช้หล่อหลอมเป็นสัตว์เพลิงที่สามารถเพิ่มพูนพลังเพลิงให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่หลงเฉินได้รับมันมาก็เกิดความรักต่อโอสถภายในชิ้นนี้จนแทบไม่อยากจะปล่อยให้คลาดสายตาไปได้เลย

ทว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถดึงพลังสภาวะของสัตว์เพลิงจากภายในออกมาได้ เพราะยังจำเป็นต้องใช้สิ่งของอีกมากมายเพื่อคอยสนับสนุน ไม่เช่นนั้นจะทำให้สูญเสียพลังดั้งเดิมของเพลิงนี้ไปเป็นอย่างมาก

“โบร๋วโบร๋ว……”เสี่ยวเสว่ยจ้องมองไปที่ซากศพของกิ้งก่าเพลิงแล้วร่ำร้องออกมาไม่หยุด

“ขอโทษด้วยนะ นี่เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยความเสียใจ เสี่ยวเสว่ยคล้ายกับบ่นกับเขาไปสักพักใหญ่ เพราะเจ้าหมาป่าน้อยไม่อาจกินสัตว์มายาระดับสามตัวนี้ได้

“ไปเถิด เข้าไปในถ้ำกัน อาจจะมีของดีซ่อนอยู่อีกก็เป็นได้”

หลงเฉินพาเสี่ยวเสว่ยเดินหน้าเข้าสู่ถ้ำอย่างระมัดระวัง กลุ่มความร้อนกลุ่มหนึ่งก็โชยออกมาตามสายลม บรรยากาศภายในราวกับสุมอยู่ในกองเพลิงขนาดใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

หลังจากที่สำรวจภายในถ้ำแล้วกลับพบเพียงความว่างเปล่าผืนหนึ่ง ทว่าเมื่อเดินเข้าไปอีกครู่หนึ่งก็พบว่าด้านหน้ามีไข่ใบใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่หลายใบ เสี่ยวเสว่ยกับหลงเฉินจึงสาดประกายดวงตาคมกล้าขึ้นมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset