เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 131 คำเชิญชวนของสาวงาม

เสียงเล็กแหลมดังเข้ามากระทบโสตประสาทของหลงเฉิน เสียงของหญิงสาวประดุจเสียงของไข่มุกหล่นลงบนจานหยกอย่างไรอย่างนั้น เมื่อได้ยินแล้วกลับรู้สึกเคลิบเคลิ้มอย่างบอกไม่ถูก ทว่าภายในน้ำเสียงนั้นกลับไม่ได้มีอารมณ์ใดแต่งเติมลงไปเลยแม้แต่น้อย

หลงเฉินและกัวเหรินมองหน้ากันไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาทันทีที่เห็นใบหน้าของเยี่ยจื่อชิว ผู้คนทั้งหมดต่างก็จับจ้องมาที่สาวงามแห่งน้ำแข็ง อีกทั้งยังหยุดบทสนทนาจนทั่วทั้งบริเวณเงียบสงัดลงในทันที

หลังจากที่เยี่ยจื่อชิวเอ่ยวาจาชักชวนหลงเฉินให้เข้าร่วมขุมกำลังด้วยตัวเอง ผู้คนที่ตกอยู่ในความเงียบงันต่างก็ร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตื่นตกใจอย่างถึงที่สุด

เพราะพวกเขาทราบดีว่าเยี่ยจื่อชิวนั้นมีชื่อเสียงด้านความเย็นชาเป็นอันดับหนึ่ง น้อยครั้งนักที่จะเห็นหญิงสาวสนทนากับผู้คน ราวกับทั้งชีวิตไม่มีเรื่องราวอันใดที่จะต้องสนทนากับผู้อื่น ไม่เช่นนั้นนางคงจะไม่ถูกขนานนามว่าสาวงามแห่งน้ำแข็ง

ผู้คนมากมายจับจ้องมาที่หลงเฉินด้วยอาการทั้งตกใจและอิจฉาริษยา พวกเขาไม่เห็นว่าหลงเฉินจะมีความโดดเด่นอันใด ทว่ากลับทำให้สาวงามแห่งน้ำแข็งถึงกับออกปากชวนได้ช่างน่ากระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องที่น่ายินดีเช่นนี้เกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งนัก หลังจากที่กัวเหรินตื่นตกใจอยู่ครู่ใหญ่ก็เริ่มมีปฏิกิริยากลับคืนมา แล้วถามกลับออกไปว่า “ข้ากับพี่ใหญ่ท่านนี้มาด้วยกัน ไม่ทราบว่า……”

“ย่อมได้” เยี่ยจื่อชิวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บนใบหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

กัวเหรินเกิดอาการลิงโลดขึ้นมาจนแทบจะกระโจนตัวออกไปโอบกอดหญิงสาวผู้นั้น ทว่าเมื่อดึงสติกลับมาได้ก็ใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่แขนของหลงเฉินแล้วเขย่าเบาๆ “พี่หลง รีบขอบคุณคุณหนูเยี่ยสิ”

หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าน้อยขอรับไว้แต่เพียงความหวังดีของคุณหนูเยี่ย เพราะข้าน้อยนั้นอยู่อย่างอิสระจนเคยตัว เกรงว่าหากเข้าร่วมกับท่านจะมีแต่นำพาเรื่องอันไม่เหมาะสมมาให้ ฉะนั้นต้องขอปฏิเสธ”

กัวเหรินแทบร้องไห้ออกมาเป็นสายโลหิต ภายในใจของเขาอยากจะตอบกลับไปว่าเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าบุคคลเช่นเขากลับไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกล่าวเช่นนั้น

เมื่อได้ยินคำตอบจากหลงเฉินแล้ว เยี่ยจื่อชิวก็ยังคงมีสีหน้าเฉกเช่นเดิม พร้อมทั้งพยักหน้าไปมาอย่างเข้าใจ ราวกับว่าการปฏิเสธของหลงเฉินอยู่ในความคาดหมายของนางตั้งแต่แรกแล้ว

“ถ้าอย่างนั้น…ท่านไม่ลองพิจารณาขุมกำลังของข้าดูสักหน่อยหรือ?”

น้ำเสียงอันอบอุ่นดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของเยี่ยจื่อชิว ซุ่มเสียงที่เปรียบเสมือนกับพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่มาจากสรวงสวรรค์ของถังหว่านเอ๋อนั่นเอง หญิงสาวปรากฏขึ้นมากะทันหันพร้อมทั้งส่งรอยยิ้มหวานมาที่หลงเฉิน

การชักชวนของหญิงสาวสร้างเสียงฮือฮาให้กับผู้คนมากเสียกว่าเมื่อครู่นี้หลายเท่าตัว เจ้าหนูผู้นั้นโชคดีมาจากที่ใดกัน ถึงกับได้รับการเชื้อเชิญจากทั้งสองโฉมงาม

เหร่ยเชียนซังจ้องมองไปที่หลงเฉินอย่างเย็นชา ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงท่าทีหรือกล่าวอันใดออกมา ทว่าภายในดวงตาคู่นั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยเพลิงโทสะที่ลุกโชนขึ้นมา

ชีซิ่งที่ยืนห่างออกไปก็ได้จ้องมองไปที่หลงเฉินด้วยเช่นกัน ชายหนุ่มที่สุขุมคล้ายกับเป็นหนอนหนังสือทอสีหน้าเรียบเฉย ทว่าที่มือทั้งสองข้างกลับกำหมัดเอาไว้จนแน่น

มีเพียงยวี่จื่อเฟิงที่มองไปทางหลงเฉิน ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากันคล้ายกับกำลังเข้าสู่ห้วงแห่งความคิดอันว้าวุ่นบางอย่างอยู่

“เหตุใดจึงเงียบไปเล่า? ไม่ยินดีหรือ?” ถังหว่านเอ๋อเอียงศีรษะเล็กน้อย แล้วฉีกรอยยิ้มอันอบอุ่นขึ้นมา ดวงตาคู่งามทั้งสองทอประกายหยาดเยิ้มจนทำให้จิตใจของผู้ที่มองอยู่แทบจะล้มทั้งยืน

“ยินดี ยินดี พวกเรายินดีเป็นอย่างยิ่ง” กัวเหรินตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ถังหว่านเอ๋อปรายสายตามองมาที่กัวเหรินอย่างเย็นชา แล้วส่ายหน้าไปมา “เจ้าไม่ใช่ผู้นำ วาจาที่กล่าวออกมานั้นจึงไม่อาจเชื่อถือได้”

เมื่อสิ้นเสียงนั้นกัวเหรินจึงสวดมนต์อ้อนวอนขึ้นภายในใจ แล้วจ้องมองไปที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย

เมื่อสาวงามมาปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้า หลงเฉินจึงไม่อาจหักห้ามจิตใจที่เต้นระรัวให้สงบลงได้ บนเรือนร่างของถังหว่านเอ๋อนั้นมีบรรยากาศที่พิเศษเฉพาะตัวอยู่ชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้คนเกิดความหลงใหลขึ้นมาเป็นอย่างมาก แม้แต่หลงเฉินก็ไม่มีข้อยกเว้น

และยิ่งได้เห็นถังหว่านเอ๋อแบบใกล้ชิดถึงเพียงนี้ เขาจึงยิ่งรู้สึกว่าคุ้นเคยกับนางเป็นอย่างยิ่ง ทว่าอีกความคิดหนึ่งกลับสะท้อนขึ้นมาว่าไม่สมควรเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย

หลงเฉินส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งมองไปยังกัวเหรินที่เกือบจะสลบเหมือดลงไปแล้วได้ทุกเมื่อ อีกทั้งยังเอาแต่กระตุ้นให้หลงเฉินตอบตกลงอย่างเอาเป็นเอาตาย

หลงเฉินถอนหายใจแล้วกล่าวกล่าวออกมาว่า “ข้ายินดี”

หลังจากที่ตอบรับออกไป หลงเฉินก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง แล้วหันไปมองถังหว่านเอ๋อ ที่ดวงตาคู่งามของนางเพิ่งจะสลายประกายเพลิงสีแดงฉานประดุจมารร้ายกลับไป

“วิชาควบคุมจิตใจ”

หลงเฉินตกใจขึ้นมายกใหญ่ เมื่อมีปฏิกิริยากลับคืนมาได้ก็เรียกว่าสายเกินไปเสียแล้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าถังหว่านเอ๋อจะเชี่ยวชาญวิชาปราณวิญญาณด้วย จึงไม่ได้ระมัดระวังตัว

“ยอดไปเลย ยินดีอย่างยิ่งที่เจ้าเข้าร่วมกลุ่มของพวกเรา” ดวงตาของถังหว่านเอ๋อทอประกายเจิดจ้าขึ้นมาประดุจแสงสว่างของดวงจันทรา

“เจ้าไม่สมควรทำเช่นนี้เลย” เยี่ยจื่อชิวมองไปที่ถังหว่านเอ๋อแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

“มีสิ่งใดไม่สมควรกัน ทุกคนต่างก็เห็นพ้องต้องกัน เขาตบปากรับคำออกมาด้วยตัวเอง เจี่ยเจี่ย ท่านคงไม่คิดจะแย่งชิงกับข้าหรอกนะ?” ถังหว่านเอ๋อยิ้มกริ่มให้กับสาวงามแห่งน้ำแข็ง

เยี่ยจื่อชิวหันกลับมามองหลงเฉินครู่หนึ่ง ทว่ากลับไม่ได้กล่าววาจาอันใดออกมา จากนั้นก็ได้เดินนำกลุ่มคนของตัวเองจากไป

หลงเฉินจ้องไปที่ใบหน้าแสนเจ้าเล่ห์ของถังหว่านเอ๋อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้าทำเกินเหตุไปแล้ว เหตุใดถึงใช้พลังฝีมือที่น่ารังเกียจเช่นนั้นออกมา”

ถังหว่านเอ๋อใช้ใบหน้าอันงดงามที่เปี่ยมไปด้วยความถือดียื่นเข้ามาใกล้หลงเฉิน แล้วเอ่ยด้วยซุ่มเสียงแผ่วเบาที่มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่จะได้ยิน

“เจ้าหนู ท่าทีโอหังที่ด่าทอข้าจนอับอายเมื่อก่อนหน้านี้หายไปไหนแล้วล่ะ? เหอะเหอะ……”

“ที่แท้ก็เป็นเจ้าเองหรือ”

หลงเฉินตกใจขึ้นมายกใหญ่ ในที่สุดเขาก็นึกขึ้นมาได้แล้วว่าเหตุใดถึงได้รู้สึกคุ้นเคยกับหญิงสาวผู้นี้ นางก็คือคนที่บินโฉบผ่านไปขณะที่หลงเฉินกำลังปลดปล่อยน้ำทิพย์อยู่บนสะพานนั่นเอง

เพราะเวลานั้นถังหว่านเอ๋อได้ใช้มือปิดใบหน้าเอาไว้ เขาจึงไม่อาจมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน อีกทั้งนางช่างมาเร็วไปเร็วเสียยิ่งกระไร อีกทั้งน้ำเสียงที่นางเคยด่าทอออกมากลับอู้อี้ไม่ชัดเจน และเปี่ยมไปด้วยความขุ่นเคือง ฉะนั้นหลงเฉินจึงนึกไม่ออกว่าได้พบเจอนางในสถานที่แห่งใด

ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะกล่าววาจาออกมานั้น ถังหว่านเอ๋อจึงชิงกล่าวขึ้นมาก่อนว่า “ในเมื่อเจ้าตอบรับแล้วย่อมไม่อาจถอดถอนคำพูดได้ และหากเจ้าคิดจะฝืนก็คงจะต้องโทษจนถูกขับไล่ออกไปจากสำนักพลิกสวรรค์เชียวนะ!”

หลงเฉินขมวดคิ้วเข้มเข้าหากัน มีกฎระเบียบที่แสนประหลาดอยู่ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ด้วยหรือ? เมื่อกัวเหรินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่ ท่านก็อย่าได้ดื้อดึงอีกต่อไปเลย โอกาสเช่นนี้ถือว่าได้มายากนัก”

“เอาเถิด ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้พวกเจ้าก็ได้เข้าร่วมขุมกำลังของข้าแล้ว หลังจากนี้พวกเราก็เป็นเสมือนคนกันเองแล้ว ข้าเองก็ไม่อยากทำให้พวกเราเสียเปรียบ เจ้าเองก็คงจะเข้าใจดีนะ” เมื่อถังหว่านเอ๋อกล่าวคำว่าเสียเปรียบขึ้นมา ดวงตาคู่งามก็ได้จงใจปรายมามองที่หลงเฉิน

“เช่นนั้นช่วงนี้เจ้าก็รอคอยจนข้าได้สถานที่ตั้งของขุมกำลังแล้วไปก่อน แน่นอนว่าข้าจะแบ่งสันปันส่วนให้แก่เจ้าด้วย สู้สู้นะ ข้าจะคอยจับตาดูเจ้าเอาไว้” ถังหว่านเอ๋อแสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ผู้คนที่มองอยู่โดยรอยส่งสายตาอิจฉาริษยามาที่หลงเฉินเป็นหลายร้อยสาย

หลังจากที่ถังหว่านเอ๋อได้เดินจากไปแล้ว หลงเฉินก็ครุ่นคริดขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง นี่เขาไปทำผิดอันใดต่อสรวงสวรรค์มา เหตุใดจะต้องมาอยู่ในเงื้อมมือของแม่หนูน้อยผู้นี้ด้วย?

เพียงเพราะไปปลดทุกข์บนสะพานกลับต้องสูญเสียอิสระไปชั่วชีวิต เหตุใดชีวิตของเขาจึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้กัน?

“พี่หลง อย่าได้สลดไปเลย สีหน้าของท่านในตอนนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างก็อยากจะเอาชนะ” กัวเหรินกวาดสายตาออกไปมองยังบริเวณโดยรอบแล้วกระซิบบอกหลงเฉิน เห็นได้ชัดว่ารอบกายของพวกเขามีความอิจฉาริษยาถาโถมเข้ามาอย่างบ้างคลั่ง

คำพูดของกัวเหรินไม่ได้ทำให้หลงเฉินแปรเปลี่ยนความรู้สึกไปเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังถามเปลี่ยนประเด็นว่า “ที่แม้หนูน้อยกล่าวออกมานั้นเป็นความจริงหรือไม่? ความที่บอกว่าหากเลือกขุมกำลังแล้วย่อมไม่อาจถอนตัวได้น่ะ”

“เป็นจริงอย่างแน่นอน ภายในหมู่ตึกแห่งสำนักพลิกสวรรค์แห่งนี้มีกฎเกณฑ์มากมายและโดยส่วนมากก็แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นข้าจะให้ท่านได้ศึกษาเอาไว้ ไม่เช่นนั้นผู้ใดก็ไม่สามารถช่วยท่านได้” กัวเหรินกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจังอย่างถึงที่สุด

แล้วลูบไปที่แหวนมิติครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ล้วงเอาม้วนตำรายื่นให้หลงเฉิน “นี่คือกฎเกณฑ์ทั้งหมดของสำนักพลิกสวรรค์ ทั้งหมดมีหนึ่งพันแปดสิบเจ็ดข้อ ท่านลองนำไปศึกษาดูก่อนเถิด จะได้ไม่ต้องถูกฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้อีก”

หลงเฉินกวาดสายตาไปตามตัวอักษรเหล่านั้น กฎเกณฑ์ของสำนักพลิกสวรรค์นั้นมีมากมายและแปลกประหลาดอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่เข้าร่วมขุมกำลังแล้วจะไม่อาจถอนตัวได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพื่อเป็นการทดสอบการตัดสินใจและความจงรักภักดี

ส่วนเรื่องความรักระหว่างบุรุษและสตรีนั้นก็ไม่อนุญาตให้แตะเนื้อต้องตัวกัน และการต่อสู้ในระดับเดียวกันย่อมไม่อาจจู่โจมจนถึงแก่ชีวิตหรือทำให้พิการไปตลอดชีวิตได้ ทว่าสามารถถอนตัวออกจากการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ

หลังจากที่หลงเฉินดูไปก็ครุ่นคิดไปนั้นก็เข้าใจขึ้นมาได้ว่ากฎเกณฑ์ทั้งหมดของสำนักพลิกสวรรค์ถูกตั้งมาเพื่อเพิ่มความรุนแรงในการแย่งชิงระหว่างเหล่าลูกศิษย์ด้วยกันทั้งนั้น

หรือกล่าวอย่างเข้าใจง่ายๆ ว่าเป็นวิธีการคัดคนออกอย่างหนึ่ง หากผู้ใดมีพลังการฝึกยุทธ์ไม่เพียงพอ ก็จะถูกกดขี่อยู่ในสถานที่แห่งนี้จนชีวิตอัปยศอดสูอย่างแน่นอน

อีกทั้งกฎเกณฑ์เหล่านี้นั้นตั้งขึ้นมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ฉะนั้นหากผู้ใดต้องการมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขก็ต้องทำให้ตัวเองมีพลังแข็งแกร่งขึ้นจนไปยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าผู้อื่นทั้งหมด

แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ชื่นชอบจุดยืนเช่นนี้อยู่แล้ว ทว่าก็ไม่ชื่นชอบที่จะให้ผู้อื่นขึ้นไปยืนอยู่ในจุดที่เหนือกว่าได้ด้วยเช่นกัน ในเมื่อสถานที่นี้เป็นเช่นนี้ เขาคงจะต้องยืนยันคำกล่าวเดิมที่ว่าผู้ที่จะสามารถอยู่ในยุทธภพได้ย่อมต้องตั้งใจอย่างถึงที่สุด

และที่หลงเฉินต้องการเข้าร่วมกับสำนักพลิกสวรรค์นั้นก็เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นก็คือการรวบรวมสมุนไพรสำหรับโอสถแปรแสง เพราะหากเขาอยู่ในสำนักที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้แล้วย่อมมีช่องทางในการค้นหาสมุนไพรหายากอย่างแน่นอน

จึงกล่าวได้ว่าสำนักพลิกสวรรค์แห่งนี้เป็นเสมือนบันไดสู่การฝึกเคล็ดกายานวดาราของเขาเลยก็ว่าได้ ถึงแม้จะไม่ทราบว่าเคล็ดกายานวดารานั้นอยู่ในระดับใด ทว่าเขากลับเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าเคล็ดกายานวดาราจะต้องอยู่ในระดับที่เกินกว่าจะคาดเดาได้

“พวกเราเปลี่ยนที่อยู่กันเถิด ถูกผู้คนจ้องมองมาด้วยสายตาเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก” ถึงแม้ว่าเยี่ยจื่อชิวกับถังหว่านเอ๋อได้จากไปแล้ว ทว่ากลุ่มคนทั้งหลายยังคงวนเวียนอยู่ที่เดิม อีกทั้งยังส่งสายตาอาฆาตพยาบาทมาที่พวกเขาไม่หยุดหย่อน

หลงเฉินเองก็ไม่ชอบใจนักที่เป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมาย พลันก็ได้พาเสี่ยวเสว่ยมุ่งหน้าไปยังอีกทางหนึ่ง ทว่าเมื่อเดินออกมาได้เพียงไม่กี่ลี้ก็ถูกชายหนุ่มผู้หนึ่งขวางทางเอาไว้

“เจ้าหนู ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง จงคุกเข่าขอขมาต่อสหายของข้าซะ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น”

ชายหนุ่มรูปร่างกำยำกำลังระเบิดพลังสภาวะขึ้นมาต่อหน้าหลงเฉิน ดวงตาของเขาจ้องเขม็งมาที่หลงเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย ถัดออกไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ได้มีเงาร่างของชายหนุ่มที่มีจมูกบวมเป่งยืนอยู่

“ท่านระวังตัวด้วย เขาเป็นคนที่อยู่เคียงข้างชีซิ่งมาโดยตลอด เรื่องระดับพลังนั้นคงจะไม่ต้องกล่าวถึง” กัวเหรินส่งเสียงทุ้มต่ำออกมา

หลงเฉินมองไปยังชายหนุ่มที่เพิ่งมาเยือน จากนั้นก็มองออกไปยังบริเวณที่ห่างออกไปเพียงไปกี่ก้าว ก็เห็นชีซิ่งยืนจ้องอยู่ด้วยใบหน้าที่ปรากฏรอยยิ้มอันเย็นเยียบ

“หากยังไม่อยากตายก็ไสหัวไปซะ เพราะตอนนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาแล้วตอบกลับไป

“อารมณ์ไม่ดีแล้วเกี่ยวอันใดด้วย ทว่าถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ข้าจะทำให้เจ้าอารมณ์ดีขึ้นมาเอง”

แล้วชายหนุ่มผู้นั้นก็เผยรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้นมา แล้วชักกำปั้นข้างหนึ่งที่คล้ายกับจะปิดทางหนีทีไล่ทั้งหมดของหลงเฉินออกมา…

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset