เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 145 อำมหิต

เหร่ยเชียนซังปล่อยหมัดที่ห่อหุ้มด้วยแสงสว่างจากพลังแห่งอัสนีบาตออกมา คมหมัดพุ่งทะยานสู่เบื้องหน้าของถังหว่านเอ๋อด้วยความรวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด

ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง พลันก็ได้โบกมืออันขาวผ่องขึ้นมาพร้อมด้วยกระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่กวาดออกไป

“ตึง”

เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาจนบรรยากาศสั่นไหว คมวายุที่รายล้อมร่างกายของถังหว่านเอ๋อถูกกระแทกเข้าอย่างแรง บางส่วนถูกทำลายลงไปเพราะไม่อาจต้านทานคมหมัดอันแข็งแกร่งของเหร่ยเชียนซังได้

คมหมัดของเหร่ยเชียนซังสั่นระริกขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น อีกทั้งยังก่อขุมพลังอันมหาศาลพุ่งตรงเข้าไปยังถังหว่านเอ๋ออย่างไม่ลดละ

แม้คมวายุจะถูกทำลายลงไป ทว่าสีหน้าของถังหว่านเอ๋อกลับยังคงสงบนิ่ง จากนั้นมืออันขาวผ่องของหญิงสาวก็ได้โบกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง คมวายุรอบกายปะทุขึ้นมามหาศาลประดุจท้องทะเลนับพันสายมารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าคล้ายกับเป็นกำแพงแห่งคมวายุอันแข็งแกร่ง

“ตูม”

คมหมัดของเหร่ยเชียนซังกระแทกเข้าไปที่กำแพงอย่างหนักหน่วงจนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นระลอก กำแพงแห่งคมวายุของถุงหว่านเอ๋อสั่นสะท้านเพียงไม่กี่ครั้งก็ได้หยุดลง อีกทั้งยังสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของคมหมัดจากเหร่ยเชียนซังเอาไว้ได้

เหร่ยเชียนซังทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมายกใหญ่ เขานั้นทราบดีว่าพลังในหมัดนี้ย่อมแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด หลังจากที่ไหลเวียนพลังแห่งอัสนีบาตรขึ้นมาแล้วย่อมไม่มีสิ่งใดต้านทานเอาไว้ได้ อีกทั้งยังไม่เคยมีผู้ใดหยุดคมหมัดของเขาได้มาก่อนแม้แต่คนเดียว

และเมื่อได้มองไปยังใบหน้าอันเย็นชาของถังหว่านเอ๋อที่คล้ายกับว่าไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง นี่เขาคงจะดูแคลนหญิงสาวนางนี้มากเกินไปแล้ว อย่างไรเสียนางก็เป็นหนึ่งในห้าของยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาด

ทันใดนั้นเองเหร่ยเชียนซังก็ได้แผดเสียงคำรามขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งแล้วพลิกหมัดทะลวงกำแพงนั้นไปอีกครั้งหนึ่ง ถังหว่านเอ๋อที่ยืนต้านอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ได้ถอยหลังออกไปเล็กน้อย

ถังหว่านเอ๋อผสานมือทั้งสองข้างเข้าหากันอยู่ที่กลางทรวงอก พลังแห่งจิตวิญญาณขุมใหญ่ปะทุขึ้นมาอย่างบ้างคลั่ง จากนั้นคมวายุมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้บังเกิดขึ้นมาเต็มผืนฟ้า

ในขณะนี้ทั้งสองยอดฝีมือได้อยู่ห่างกันกว่าร้อยเซียะ ผู้คนที่เคยต่อสู้กันอยู่ภายในบริเวณนั้นก็ได้ยุติการต่อสู้ลง เพราะฝ่ายของเหร่ยเชียนซังนั้นได้ถูกจัดการจนหมอบลงไปกับพื้นจนหมดสิ้นแล้ว บ้างก็ศีรษะแตก บ้างก็หน้าตาบวมพอง จนโลหิตไหลนองไปทั่วทั้งบริเวณ อีกทั้งยังแผ่ร่างอยู่บนพื้นพร้อมทั้งร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด

หลงเฉินจดจ้องไปที่การต่อสู้ของสองยอดฝีมืออย่างใจจดใจจ่อจากพื้นที่ที่ได้เปรียบแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังคำนวณพลังสภาวะของทั้งสองคนเอาไว้ ส่วนขุมกำลังคนอื่นของถังหว่านเอ๋อนั้นต่างก็ทอแววตาเลื่อมใสไปยังนางฟ้าของพวกเขา

นี้เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวของผู้ที่เรียกว่ามีพรสวรรค์ อีกทั้งยังเป็นระดับสัตว์ประหลาดที่ไร้ซึ่งผู้ต้านทานในรุ่นราวคราวเดียวกัน ฉะนั้นเขาจึงใคร่รู้ว่าทั้งสองคนนี้มีพลังการต่อสู้ที่แท้จริงเป็นเช่นไรกันบ้าง

บัดนี้พลังแห่งจิตวิญญาณของถังหว่านเอ๋อได้ถูกเบิกขึ้นมาอย่างท่วมทะลักจนทำให้หลงเฉินเกิดความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าพลังแห่งจิตวิญญาณของถังหว่านเอ๋อนั้นจะบริสุทธิ์ได้มากถึงเพียงนี้

หลังจากที่ถังหว่านเอ๋อได้เบิกพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมาอย่างท่วมท้นแล้ว คมวายุที่เคยลอยระบำอยู่รอบกายก็ได้ถูกปลุกปั้นราวกับมีชีวิตขึ้นมา อีกทั้งยังส่งเสียงดังฮึมฮึมออกมาได้เอง

“คมศรหงส์วายุ”

เสียงเจื้อยแจ้วดังออกมาจากฝีปากบางของถังหว่านเอ๋อ พลันก็ได้ปลุกระดมคมวายุรอบกายให้กลายเป็นลูกศรที่มีความยาวกว่าหนึ่งเซียะขึ้นมาหนึ่งดอก

ทันทีที่ศรดอกนั้นได้ปรากฏขึ้นมา บรรยากาศโดยรอบก็ได้เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรงคล้ายกับเป็นคันธนูขนาดยักษ์กำลังเหนี่ยวรั้งดึงศรวายุของถังหว่านเอ๋อเอาไว้ จากนั้นก็ถูกปลดปล่อยออกไปที่เหร่ยเชียนซังในทันที

เหร่ยเชียนซังทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคมศรอันมหึมาเช่นนั้น แม้จะผ่านการต่อสู้มามากมาย ทว่าในตอนนี้เข้ากลับรู้สึกว่ากำลังหายใจลำบาก เพราะคมศรที่ส่งออกมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

“หมัดผนึกอัสนี”

เหร่ยเชียนรีบเก็บงำสภาวะจิตใจอันวุ่นวายเอาไว้แล้วระเบิดเสียงตะโกนออกมา พลังแห่งอัสนีบาตทั่วทั้งร่างกายถูกกระตุ้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ที่ปลายของคมหมัดปรากฏประกายสายฟ้าแลบมากมายจนนับไม่ถ้วนกระแทกออกไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว

“ตูม”

คมหมัดกระแทกเข้ากับลูกศรวายุจนกลายเป็นประกายแสงสว่างวาบขึ้นมา จากนั้นคมวายุของถังหว่านเอ่อก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นพายุหมุนฝุ่นตลบอันรุนแรงถาโถมไปทุกสารทิศ

“ทุกคนถอยเร็ว!”

หลงเฉินส่งเสียงทุ้มต่ำขึ้นมาอย่างรีบร้อน เห็นได้ชัดว่าคมวายุของถังหว่านเอ๋อนั้นถูกสร้างมาจากสายลมที่โชยอยู่โดยรอบจนบังเกิดเป็นพลังอันแข็งแกร่งขึ้นมา

แม้ว่าผู้คนมากมายจะหนีออกไปจากบริเวณนั้นทันทีที่หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมา ทว่ากลับไม่อาจต้านทานของพลังได้ไว้จึงถูกสายลมกลืนกินเข้าไป ส่วนขุมกำลังของเหร่ยเชียนซังที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ก็ได้ถูกพัดเข้าไปด้วยเช่นกัน ทว่ากลับมีโลหิตคำโตหลั่งออกมาจากปาก

หลงเฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพราะพลังแห่งวายุเช่นนี้ย่อมไม่อาจคุกคามต่อร่างกายของเขาได้มากมายนัก ทว่านั่นก็เป็นกระบวนท่าที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่งที่เขาเคยเห็นมา

หลังจากที่คลื่นพายุได้ลดทอนกำลังลงไป บนใบหน้าของเหร่ยเชียนซังก็ปรากฏอาการแตกตื่นขึ้นมาขณะที่มองไปยังกำปั้นของตัวเอง บัดนี้บนกำปั้นของเขามีสายโลหิตชโลมไปทั่ว อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่ากระบวนท่าของถังหว่านเอ๋อนั้นทำให้เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปเสียแล้ว แม้จะเป็นพลังแห่งอัสนีบาตอันแกร่งกล้าที่สุดของเขา ทว่ากลับยังไม่อาจต้านทานคมวายุของถังหว่านเอ๋อได้

แม้ว่าบาดแผลเหล่านั้นจะไม่ได้ลึกมาก เรียกได้ว่าเป็นเพียงรอยถลอกของผิวหนังชั้นนอก ทว่าหากกล่าวในมุมของเหร่ยเชียนซังแล้วก็ยากที่จะยอมรับเหตุการณ์เช่นนี้ได้ เพราะนับตั้งแต่เขาออกท่องโลกจนถึงบัดนี้ยังไม่เคยได้รับบาดเจ็บด้วยกระบวนท่านี้มาก่อน

“จะสู้ต่อหรือไม่?” ถังหว่านเอ๋อใช้มือรวบเส้นผมยาวเหยียดไปทัดเอาไว้ที่หู พร้อมทั้งจ้องมองไปที่เหร่ยเชียนซังอย่างเย็นชา

“ชิ ถึงแม้ว่าเจ้าจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้ ทว่าคมวายุของเจ้าก็ถูกข้าทำลายลงไปด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้ถือว่าเสมอกัน” เหร่ยเชียนซังเอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงราบเรียบ

“หากเจ้าบอกว่าเสมอก็คือเสมออย่างนั้นหรือ? ผู้ติดตามของเจ้าต่างก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบกันไปหมดแล้ว หากเป็นไปตามข้อตกลง ใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ต้องตกเป็นของข้า” ถังหว่านเอ๋อกล่าว

สีหน้าของเหร่ยเชียนซังแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมาในทันที ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ตกลงกันเอาไว้ว่าผู้ใดที่แข็งแกร่งกว่าจะได้รับใบไม้เก้าแฉกแห่งความอุดมสมบูรณ์ไปครอบครอง

ซึ่งแน่นอนว่าต้องรวมเหล่าผู้ติดตามทั้งหมดด้วย เดิมทีฝ่ายของเหร่ยเชียนซังนั้นมีจำนวนมากกว่า จึงถือว่าได้เปรียบ ทว่าหลังจากที่หลงเฉินปรากฏตัวขึ้นมานั้นทุกอย่างก็คล้ายกับถูกเขียนขึ้นมาใหม่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อพบว่าหลงเฉินกำลังมองมาด้วยสีหน้าผ่อนคลายราวกับเป็นผู้ชมที่ซื้อตั๋วมาเพื่อมาชมการแสดง จนเพลิดเพลินบันเทิงใจขึ้นมากลับยิ่งทำให้เหร่ยเชียนซังเดือดดาลขึ้นมาจนถึงขีดสุด

“ปล่อยเจ้าไปย่อมไม่ใช่ปัญหา ทว่าเจ้าต้องรับกระบวนท่าหนึ่งของข้าเอาไว้ให้ได้ก่อน” เหร่ยเชียนซังกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมทั้งปะทุพลังอัสนีบาตทั่วทั้งร่างกายอีกครั้ง

“ก็มาสิ” ถังหว่านเอ๋อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกไป นางคิดไม่ถึงเลยว่าเหร่ยเชียนซังจะหน้าหนาถึงเพียงนี้ ภายในจิตใจของนางจึงบังเกิดโทสะขึ้นมาอย่างเปี่ยมล้น พลันก็รีบชักนำคมวายุขึ้นมาอีกครั้ง

บนฝ่ามือของเหร่ยเชียนซังปรากฏก้อนกลมของอัสนีบาตขึ้นมาลูกหนึ่งที่ผนึกพลังทั้งหมดเอาไว้แน่นหนา บรรยากาศบนนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวจนทำให้ผู้คนที่พบเห็นต้องหลั่งเหงื่อออกมา

“รับกระบวนท่า!”

ทันทีที่กล่าวจบ เหร่ยเชียนซังก็ได้ฟาดก้อนอัสนีบาตที่อยู่ในมือออกไปทางถังหว่านเอ๋ออย่างรุนแรง

ถังหว่านเอ๋อแสยะยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก้อนอัสนีบาตรลูกนั้นทั้งแข็งแกร่งทั้งน่าหวาดกลัว ทว่าน่าเสียดายที่เหร่ยเชียนซังไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยออกจากมือได้ จำเป็นที่จะต้องใช้มือของเขาเป็นตัวพลักดันขุมพลัง

ฉะนั้นหากถังหว่านเอ๋อควบคุมให้คมวายุทะลวงเข้าไปยังใจกลางของก้อนอัสนีบาต แน่นอนว่าพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในนั้นต้องแตกระเบิดออกมาอย่างแน่นอน นั่นจึงไม่ต่างอันใดไปจากการแสดงพลุอันงดงามฉากหนึ่งเลย

ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อกำลังไหลเวียนพลังเข้าสู่คมวายุอยู่นั้น ร่างกายของเหร่ยเชียนซังก็ได้หายวับไปภายในพริบตา แม้แต่นางก็ไม่อาจสังเกตเห็น ทันใดนั้นเองก็ได้นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

“หลงเฉิน ระวัง!”

นางนึกขึ้นมาได้ในทันทีว่าเหร่ยเชียนซังจะต้องเปลี่ยนทิศทางการจู่โจมไปหาหลงเฉินอย่างแน่นอน จึงรีบตะโกนออกไป

“เจ้าหนู ไปตายซะ”

หลงเฉินเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าเหร่ยเชียนซังจะโจมตีเข้ามาในเวลาเช่นนี้ กว่าที่จะเรียกปฏิกิริยากลับคืนมาได้ ก็พบว่าเหร่ยเชียนซังได้ปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คิดจะหลบเลี่ยงก็คงจะไม่ทันการณ์จึงได้แต่สูดลมหายใจเข้าแล้วพุ่งหมัดสวนออกไปในทันที

“ตูม”

เสียงระเบิดดังสนั่นเลือนลั่นไปทั่วทั้งผืนฟ้า ประกายแสงเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นมาจนผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต้องยกฝ่ามือขึ้นมาป้องใบหน้าเอาไว้

หลงเฉินสัมผัสได้ถึงขุมพลังอันมหาศาลกำลังกระจายไปทั่วร่างจนไม่อาจควบคุมได้ ในขณะเดียวกันทั่วทั้งร่างก็ได้เกิดเสียงดังเพี๊ยพะของระเบิดจากพลังแห่งอัสนีบาตอย่างบ้าคลั่ง คล้ายกับกำลังจะทำลายร่างกายของเขาให้แหลกเป็นจุล

“ซูม”

หลงเฉินลอยฝ่าสายลมออกไปไกลหลายสิบเซียะ อีกทั้งยังกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ผู้คนที่ยืนมองอยู่ต่างก็ส่งเสียงร้องด้วยความตกใจขึ้นมา

“เหร่ยเชียนซัง เจ้ารนหาที่ตาย”

ถังหว่านเอ๋อแผดเสียงที่เต็มเปี่ยมไปได้ด้วยความเกรี้ยวกราดขึ้นมา นางคิดไม่ถึงว่าเหร่ยเชียนซังจะเป็นคนเจ้าเล่ห์เช่นนี้ ถึงกับลอบโจมตีไปที่หลงเฉินโดยไม่ทันตั้งตัว

คมวายุที่เรียงรายอยู่รอบกายของถังหว่านเอ๋อไหลเวียนไปมาอย่างบ้าคลั่งจนกลายเป็นอาวุธมีคมขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง พุ่งทะยานฝ่าบรรยากาศไปที่เหร่ยเชียนซังอย่างรวดเร็ว

“ตูม”

คมวายุแหวกอากาศออกเป็นทางยาว ทว่าเหร่ยเชียนซังได้คาดเดาปฏิกิริยาของถังหว่านเอ๋อเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่คมวายุจะพุ่งเข้ามาถึง เงาร่างนั้นก็ได้ลอยออกไปไกลแล้ว

“หลงเฉิน เจ้าสังหารลูกน้องของข้า ฉะนั้นข้าขอมอบอัสนีบาตให้เจ้าก็แล้วกัน เจ้าจะต้องทนรับทัณฑ์แห่งอัสนีบาตไปทุกค่ำคืน นี่เป็นผลลัพธ์ที่เจ้าทำกับพี่น้องของข้า เรื่องในวันนี้ให้ถือว่าสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ พวกเรา…ไป!”

เมื่อพูดจบเหร่ยเชียนซังก็ได้โบกมือขึ้นมาแล้วนำพาพวกพ้องจากไป

“จะหนีอย่างนั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ หรือ?”

ใบหน้าของถังหว่านเอ๋อประดุจถูกชโลมไปด้วยน้ำแข็งชั้นหนึ่ง ดวงตาคู่งามจ้องมองไปยังเหร่ยเชียนซังอย่างเย็นชา

“หลงเฉิน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง……”

ชิงยวูวิ่งไปอยู่ที่ข้างกายของหลงเฉินในทันที จากนั้นก็ทำท่าทีจะช่วยพยุงหลงเฉินขึ้นมา ทว่าเมื่อแตะไปโดนตัวของหลงเฉินกลับรู้สึกชาแปล๊บไปทั่วทั้งฝ่ามือจนต้องกรีดร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ

บัดนี้ทั่วทั้งร่างกายของหลงเฉินถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยสายอัสนีบาต ไม่มีผู้ใดสามารถแตะต้องได้เลย ไม่เช่นนั้นก็จะต้องถูกอัสนีบาตคุกคามร่างกายด้วยเช่นกัน

“เหอะเหอะ ถังหว่านเอ๋อ ถึงแม้ว่าข้าจะชื่นชอบเจ้า ทว่าไม่ได้หมายความว่าข้าต้องเกรงกลัวเจ้าไปด้วย” เหร่ยเชียนซังแสยะยิ้มแล้วกล่าวขึ้นมา

การทดสอบในครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นขึ้นของการเข้าสู่หมู่ตึกเท่านั้น ฉะนั้นทุกคนย่อมต้องเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงของตัวเองเอาไว้ เมื่อถึงคราวที่จะต้องแย่งชิงตำแหน่งศิษย์รักจึงจะใช้พลังฝีมือที่มีทั้งหมดออกมา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่อาจใช้พลังฝีมือที่มีออกมาได้ทั้งหมด เพราะเกรงว่าผีกฝ่ายจะล่วงรู้ถึงความสามารถ

ถึงแม้ว่าในตอนที่ชักชวนหลงเฉินให้เข้าร่วมขุมกำลังด้วยนั้นจะเป็นเพียงการแก้แค้น ทว่าหลังจากที่หลงเฉินได้ผ่านพ้นฉากต่อสู้กับจ้าวหวู่มาแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อถึงได้มีเงาร่างอันเบาบางสายหนึ่งปรากฏขึ้นมา

เมื่อเห็นหลงเฉินได้รับบาดเจ็บ นางก็ไม่อาจระงับอารมณ์เอาไว้ได้เลย นี่เกิดอันใดขึ้นกับนางกันแน่ แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่ทราบว่าความรู้สึกเช่นนี้คืออะไร มีเพียงอย่างเดียวที่ชัดเจนนั่นก็คืออยากจะจัดการให้เหร่ยเชียนซังได้รับความเจ็บปวดสักครั้งหนึ่ง

“ปล่อยเขาไปเถิด”

เสียงอันแหบพร่าดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง ถังหว่านเอ๋อจึงรีบหันหน้ากลับไปดู แล้วก็พบว่าหลงเฉินกำลังเดินเข้ามา

หลงเฉินปาดหลังมือเช็ดไปที่คราบโลหิตตรงมุมปาก พลันก็ได้จ้องมองตามแผ่นหลังของเหร่ยเชียนซังแล้วกล่าวออกไปว่า “เป็นเพราะข้าดูแคลนเจ้ามากจนเกินไป”

“ชิ นั่นเป็นค่าตอบแทนที่เจ้าบังอาจสังหารคนของข้า” เหร่ยเชียนซังตอบกลับมาอย่างเย็นชา

“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าลิงยักษ์หัวสีฟ้าเช่นเจ้าจะมีความฉลาดเฉลียวคล้ายกับมนุษย์ได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับเรียนรู้วิธีการลอบกัดผู้คนได้ด้วย เห้อ กาลเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว สัตว์ป่าเริ่มมีความคิดมากขึ้น ช่างน่ากลัวเสียจริงๆ” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างอดสู

“คิดจะกระตุ้นโทสะของข้าอย่างนั้นหรือ? เหอะเหอะ ฝันไปเถิด จงทรมานกับความเจ็บปวดจากทัณฑ์แห่งอัสนีบาตไปเสียเถิด” เหร่ยเชียนซังระเบิดหัวเราะออกมา อีกทั้งน้ำเสียงยังแฝงเอาไว้ด้วยความเย้ยหยันอย่างรุนแรง

ทว่าเขากลับไม่ทันสังเกตเห็นว่าภายในดวงตาของหลงเฉินกลับไม่มีความโกรธแค้นแต่อย่างใด ในทางกลับกันกลับเป็นเพียงความเย้ยหยันชนิดหนึ่งเท่านั้น ….

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset