เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 152 ผลึกแห่งราชินีผึ้งหยก

เสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างรุนแรง พื้นดินที่อยู่โดยรอบเกิดการสั่นไหวจนทำให้ผู้คนแทบจะทั้งหมดล้มกลิ้งไปตามพื้นกันชุลมุน บรรยากาศทั่วทั้งบริเวณถูกกดดันด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวที่เพิ่มสูงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ปึง”

เสียงระเบิดดังขึ้นมาอีกครั้งจากใจกลางของรังผึ้ง ทันใดนั้นเองเงาร่างสายหนึ่งก็ได้เยื้องย่างออกมาด้วยสภาพซอมซ่อ

“อะไรกัน?”

ผู้คนทั้งหมดปากอ้าตาค้างไปตามๆ กัน เมื่อเห็นว่าเงาร่างขนาดมหึมานั้นกำลังพุ่งทะยานเข้ามาหาพวกเขาอย่างรุนแรง และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ชีซิ่งกำลังเดินทางมาถึงด้วย

“ตูม”

เงาร่างขนาดใหญ่สายนั่นพุ่งออกมาจากใจกลางของรังผึ้งประดุจฝนกระสุนอันรวดเร็ว อีกทั้งยังมุ่งหน้ามาที่ชีซิ่งพร้อมทั้งหอบบรรยากาศกดดันขุมใหญ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศจนทำให้ผู้คนมากมายเกิดความหวาดหวั่นจนเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

“สาม……สัตว์มายาระดับสาม”

คนผู้หนึ่งมีใบหน้าขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่มองเห็นเงาร่างขนาดมหึมานั้นอย่างเต็มตา น้ำเสียงที่กล่าวขึ้นมานั้นตะกุกตะกักจนไม่เป็นคำ การปรากฏตัวของสัตว์มายาระดับสามตัวนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือจากแผนการของพวกเขาไปเสียแล้ว

ทันทีที่ชีซิ่งปรากฏตัวขึ้นมาในบริเวณนั้นก็ได้พบกับราชินีผึ้งหยกกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง พลันก็ได้ส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้ววาดมือออกเป็นวงกลม วารีสายหนึ่งปกคลุมอยู่กลางอากาศคล้ายกับม่านใสขวางทางราชินีผึ้งตัวนั้นเอาไว้

“เพียะ”

ม่านวารีผืนนั้นแตกกระจุยกระจายเป็นละอองน้ำไปในทันที เพราะไม่อาจต้านทานการทะลวงของราชินีผึ้งหยกตัวนั้นได้ ทว่ายังดีที่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของสัตว์มายาระดับสามเอาไว้ได้ครู่หนึ่ง ชีซิ่งจึงรับออกทักษะยุทธ์

“วารีจันทราฟาดฟัน”

ชีซิ่งแผดเสียงดังกังวานพร้อมกับประกบฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน ภายในมือปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นครั้งหนึ่ง จากนั้นดาบใหญ่ที่มีความยาวเกือบห้าเซียะก็ได้ปรากฏขึ้นมา ทว่าเป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวารีที่ผนึกรวมกัน หลังจากที่ดาบใหญ่เล่มนั้นถูกเบิกขึ้นมา สภาวะอากาศโดยรอบก็ได้เกิดการบิดเบี้ยวจนปะทุประกายแสงสายหนึ่งกระแทกออกไปที่ราชินีผึ้งหยกตัวนั้นด้วยความรวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด

“ตูม”

คมวารีจากดาบใหญ่สะท้อนเข้าไปที่ศีรษะของสัตว์มายาระดับสามอย่างหนักหน่วง พร้อมทั้งปะทุพลังอันมหาศาลจนพื้นดินแตกระแหงแยกออกจากกัน

หลังจากที่ฝุ่นละอองเริ่มสงบลง ผู้คนทั้งหลายก็ต้องแตกตื่นกับฉากเบื้องหน้าอีกครั้งหนึ่ง ด้วยกระบวนท่าที่น่าหวาดกลัวจากชีซิ่งกลับไม่อาจทำให้ราชินีผึ้งหยกได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว ขาทั้งหกข้างเริ่มเหยียดออกแล้วเคลื่อนไหวมาที่ชีซิ่งด้วยความไวระดับสูงสุด

“พวกเจ้าเป็นคนตายหรืออย่างไรกัน รีบลงมือเร็วเข้า” หลงเฉินเอ็ดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว จนผู้คนเหล่านั้นดึงสติกลับคืนมาได้แล้วแยกย้ายกันออกไปรายล้อมราชินีผึ้งหยกเอาไว้

หลงเฉินควานหาสิ่งของภายในแหวนมิติอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะชักดาบยาวออกมา จากนั้นก็ได้ทำทีว่าจะมุ่งหน้าเข้าไปหาราชินีผึ้งหยกพร้อมกับผู้คนเหล่านั้น ทว่าแท้จริงแล้วในสายตาของเขากลับมีเพียงรังผึ้งที่อยู่ด้านหลังเท่านั้น

หลงเฉินนั้นทราบตั้งแต่เห็นเส้นสามสีที่อยู่บนรังผึ้งในตอนแรกแล้วว่าที่รังนี้จะต้องมีการคงอยู่ของราชินีผึ้งหยกที่เป็นสัตว์มายาระดับสามอย่างแน่นอน ทว่าน่าเสียดายที่ชีซิ่งและพวกพ้องกลับไม่เห็นสัญญาณเตือนแห่งความตาย ยังพยายามเข้าถ้ำเสือโดยไม่วางแผนอันใด

ขุมกำลังของชีซิ่งต่างก็เริ่มปะทุพลังการต่อสู้อันแข็งแกร่งของตัวเองออกมา ภายในมือกุมยุทโธปกรณ์เอาไว้จนแน่น แล้วพุ่งทะยานไปบนร่างกายของราชินีผึ้งหยกกันอย่างบ้าคลั่ง ทว่าด้วยพลังสภาวะอันแกร่งกล้าที่สุดของพวกเขาก็ยังไม่อาจทำลายการป้องกันของมันได้เลย

ราชินีผึ้งหยกไม่ใช่สัตว์มายาชนิดต่อสู้ได้ ทว่าจุดเด่นของมันก็คือพลังป้องกันอันแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์นับหลายสิบคนก็ยังไม่อาจทำลายพลังป้องกันเช่นนั้นได้

ทันใดนั้นเองราชินีผึ้งหยกก็ได้สยายปีกที่อยู่บนหลังแล้วค่อยๆ กระพือไปมาอย่างช้าๆ จนสายยลมโดยรอบเกิดเป็นพายุหมุนวนอันน่าหวาดกลัวขึ้นมา ผู้คนที่อยู่โดยรอบจ้องมองการเคลื่อนไหวนั้นด้วยท่าทีหวาดหวั่น ราชินีผึ้งหยกสามารถบินได้ด้วยหรือ?

หลงเฉินมองไปยังปีกที่กระพืออย่างรุนแรงของราชินีผึ้งหยก แล้วถอนหายใจออกมาอย่างอดสู จะถอยหลังไปให้ไกลก็คงจะไม่ทันกาลแล้ว พลันก็ได้มุดลงไปยังหลุมดินที่ชีซิ่งฟาดคมวารีมาเมื่อครู่นี้ในทันที

ในขณะที่หลงเฉินเพิ่งจะกระโดดลงไปในหลุมดิน ราชินีผึ้งหยกก็ได้ขยับปีกแรงขึ้นจนเกิดเป็นหมอกควันปกคลุมไปทั่วทั่งบริเวณแห่งนั้น

“อา”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ผู้คนมากมายต่างก็ไม่ทราบว่าได้ต้องกับสิ่งใดอยู่ ทว่าเพียงสูดดมหมอกควันเหล่านั้นกลับให้ความรู้สึกเจ็บปวดคล้ายกับถูกเหล็กในของผึ้งหยกต่อยเข้ามาอย่างไรอย่างนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะร้องโอดครวญขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

ความเจ็บปวดโลดแล่นเข้าไปภายในห้วงสมองและทุกอณูของร่างกายจนแทบจะอยากตายไปเสียยังดีกว่ามีชีวิตอยู่

“วารีสวรรค์คุ้มกาย”

ชีซิ่งเริ่มสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่กำลังคุกคามชีวิตของตัวเอง จึงเบิกพลังวารีเข้าคุ้มกันร่างกายเอาไว้ จากหมอกควันอันหนาแน่น นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีผู้ใดที่ยืนหยัดอยู่ในสนามรบแห่งนี้ได้เลย หลังจากที่ขุมกำลังทั้งหมดนอนแผ่ไปกับพื้นแล้วก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อีกทั้งยังดิ้นพล่านอยู่บนพื้นอย่างบ้าคลั่ง

มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ไหลเวียนพลังเข้ามาคุ้มกันเอาไว้ก่อนจึงไม่สลบเหมือดลงไป ส่วนคนที่ไม่อาจไหลเวียนพลังป้องกันขึ้นมาได้ทันก็ได้รับความทุกข์ทรมานไปโดยปริยาย

“สัตว์เดรัจฉานที่น่ารังเกียจ”

ชีซิ่งเกรี้ยวกราดขึ้นมายกใหญ่ ก่อนจะชักเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนร่างของราชินีผึ้งหยก เพราะมันเพิ่งจะใช้กระบวนท่าออกไปเมื่อครู่นี้จึงไม่อาจทำการป้องกันขึ้นมาได้ชั่วครู่หนึ่ง ชีซิ่งออกแรงเตะราชินีผึ้งหยกจนกลิ้งกระดอนไปตามพื้นไกลกว่าสิบเซียะ

ชีซิ่งสบถเสียงดังชิอย่างเย็นชา ในมือปรากฏหอกยาวที่สร้างขึ้นมาจากพลังวารี จากนั้นปลายหอก็ได้พุ่งทะยานฝ่าขุมอากาศไปยังราชินีผึ้งหยกในทันที

โดยมากแล้วราชินีผึ้งหยกมักจะมีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับต่ำ จุดที่เปราะบางที่สุดของร่างกายอยู่ที่ผิวหนังส่วนใต้คาง ด้วยร่างกายันมหึมาทว่าเทอะทะจึงไม่อาจทำให้มันตวัดปลายหางที่มีเหล็กในทิ่มแทงไปที่ศัตรูได้

ทว่าก็ยังมีข้อดีในด้านพลังการป้องกันที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นน่าหวาดกลัว ขาทั้งหกของมันสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วว่องไว รวมไปถึงปากขนาดใหญ่ที่สามารถตะปบผู้คนในทั้งร่าง

ถึงแม้ว่าชีซิ่งจะมีความมั่นใจในฝีมือของตัวเองเป็นอย่างมาก ทว่าเขากลับยังไม่หาญกล้าพอที่จะใช้กระบวนท่าออกไป เพียงแค่ส่งหอกยาวที่อยู่ในมือฝ่าอากาศออกไปยังราชินีผึ้งหยกที่อยู่ไกลออกไป

“ซูม”

จู่จู่หลงเฉินก็กระโดดขึ้นมาจากหลุมดิน เมื่อรู้สึกว่าที่ปลายจมูกเริ่มมีอาการเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย เขาจึงรีบปิดกั้นลมหายใจของตัวเองในทันที พลันก็ได้คว้าโอสถแก้พิษออกมาจากแหวนมิติแล้วกลืนลงไปอย่างร้อนรน

หลงเฉินกวาดสายตามองไปยังสนามรบที่กำลังวุ่นวายอยู่ครู่หนึ่ง ผู้คนแทบจะทั้งหมดของขุมกำลังต่างก็ดิ้นพล่านอย่างทุรนทุรายอยู่บนพื้น เมื่อเลื่อนสายตาไปยังอีกฟากหนึ่งก็พบว่าชีซิ่งกำลังต่อกรกับราชินีผึ้งหยกด้วยใบหน้าที่ขึงขังและเปี่ยมไปด้วยสมาธิ ชีซิ่งจึงไม่ได้หันกลับมามองที่หลงเฉินเลยแม้แต่น้อย

หลงเฉินเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาแล้วค่อยๆ เยื้องย่างเข้าไปในรังผึ้ง หลังจากที่เข้าไปได้แล้ว หลงเฉินก็รีบกระตุ้นพลังลมปราณขึ้นมาคุ้มกันทั่วทั้งร่างกาย เพราะถึงแม้ราชินีผึ้งหยกจะอยู่ด้านนอก ทว่าเขาก็ไม่ควรที่จะได้ใจมากจนเกินไป

ภายในรังผึ้งเต็มไปด้วยผึ้งหยกอาศัยอยู่กระจัดกระจายไปทั่ว ทว่าทุกตัวต่างก็ตัวแข็งทื่อกันไปหมด ขอเพียงไม่ไปปลุกมันขึ้นมา ก็คงจะอยู่ภายในนี้ได้อย่างปลอดภัยไปช่วงหนึ่ง

ที่ทำให้หลงเฉินเกิดประกายเจิดจ้าขึ้นมาภายในดวงตาก็คือสีเหลืองอร่ามจากของเหลวข้นที่กำลังทอเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมา

“น่าเสียดาย ภายในนี้มีผึ้งหยกมากเกินไป ไม่อย่างนั้นคงจะสามารถขนไปทั้งรังนี้ได้เลย”

ภายในแหวนมิติไม่สามารถเก็บสิ่งมีชีวิตลงไปได้ หากเขาปรารถนาที่จะยกรังผึ้งอันนี้ไปไว้ในแหวนมิติก็จำเป็นจะต้องจัดการกับผึ้งหยกที่อยู่ในนี้ไม่ให้หลงเหลือแม้แต่ตัวเดียว การกระทำเช่นนี้ย่อมสิ้นเปลืองเวลาเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะนี้เวลาของหลงเฉินมีอยู่อย่างจำกัดนัก ต่อให้ราชินีผึ้งหยกตัวนั้นจะมีพลังป้องกันที่แกร่งกล้ามาก ทว่าพลังการโจมตีของมันย่อมไม่อาจคุกคามต่อชีซิ่งได้ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็คงต้องพ่ายแพ้ลงไปอย่างแน่นอน

หลงเฉินละสายตาไปจากรวงน้ำผึ้งที่มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน พลันก็รีบจ้วงฝีเท้าเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด เพราะบริเวณภายนอกนี้ต่างก็เป็นน้ำผึ้งธรรมดาที่ไม่ได้มีราคาสูงส่งเท่าใดนัก

หลังจากที่เดินเข้ามาได้ประมาณห้าหกเซียะ บริเวณเบื้องหน้าสายตาของหลงเฉินก็ได้มีรวงน้ำผึ้งขนาดใหญ่กว่าเมื่อครู่อีกหลายจุด แต่ละร่วงจะมีช่องรูปหกเหลี่ยมประดับอยู่นับหลายสิบช่องคล้ายกับถังน้ำขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันอยู่จนละลานตา

ภายในช่องรูปหกเหลี่ยมถูกบรรจุด้วยของเหลวข้นอันแวววับจับตา แม้จะยังเดินเข้าไปไม่ถึงภายใน ทว่าจมูกของหลงเฉินก็สามารถได้กลิ่นอันหอมหวานโชยออกมาอย่างรุนแรง อีกทั้งยังเป็นกลิ่นที่สดใหม่ชวนให้ลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง

“ฮาฮา มีรวงน้ำผึ้งของราชินีผึ้งหยกมากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ”

หลงเฉินตื่นเต้นขึ้นมายกใหญ่ หลังจากที่นับจำนวนอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็พบว่ามีรวงน้ำผึ้งขนาดมหึมาจำนวนสี่อัน แน่นอนว่าต้องเป็นของราชินีผึ้งหยกที่มีความยาวหนึ่งเซียะจำนวนสี่ตัวที่พบเจอเมื่อก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

หลังจากเก็บรวงน้ำผึ้งขนาดใหญ่มาครบทั้งสี่อันแล้ว หลงเฉินก็ออกตามหาสมบัติชิ้นสำคัญในทันที ฝีเท้าทั้งสองข้างเดินสับไปมาอย่างรวดเร็วจนมุ่งเข้าสู่จุดบนสุดของรังผึ้ง เบื้องหน้าสายตาของหลงเฉินปรากฏสิ่งที่ทำให้ประหลาดใจขึ้นมาจนรู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองกำลังจะหลุดลอยออกไป

ภายในรังแห่งนี้ยังมีรวงน้ำผึ้งอยู่อีกแห่งหนึ่งหรือ? อีกทั้งยังเป็นรวงน้ำผึ้งขนาดมหึมากว่าที่ผ่านมา ดูไปแล้วน่าจะมีขนาดกว้างกว่าสิบเซียะเห็นจะได้

ทว่าภายในช่องรูปหกเหลี่ยมที่ควรจะใส่น้ำผึ้งสีเหลืองอร่ามเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมกลับกลายเป็นสิ่งที่คล้ายกับผลึกน้ำแข็งไปเสียได้

“ผลึกแห่งราชินีผึ้งหยก”

หลงเฉินเบิกดวงตาโพลงโตขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ของชิ้นนี้เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างถึงที่สุด ผลลัพธ์จากผลึกแห่งราชินีผึ้งหยกย่อมต้องมีค่างวดที่สูงส่งกว่าน้ำผึ้งของราชินีผึ้งหยกเป็นสิบเท่า

หลังจากที่สิตหลุดลอยออกไปครู่หนึ่ง หลงเฉินก็รีบรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อระงับจิตใจของตัวเองให้สงบลง พลันก็ได้อ้าวงแขนโอบไปที่รวงน้ำผึ้งแล้วเก็บลงไปในแหวนมิติ วันนี้ช่างเป็นวันที่โชคดีที่สุดแล้ว

หลังจากเก็บผลึกแห่งราชินีผึ้งหยกมาแล้ว หลงเฉินจึงผ่อนลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย จากนั้นก็ได้นำหอกยาวออกมาจากแหวนมิติเพื่อขุดเจาะผนังของรังผึ้งให้เป็นช่องขนาดพอดีตัว ก่อนที่จะย่องกลับไปยังทางที่เข้ามา

หลงเฉินใช้เวลาอันน้อยนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เขาสามารถครอบครองรวงน้ำผึ้งและผลึกแห่งราชินีผึ้งหยกเอาไว้ได้ทั้งหมด แม้ว่าจะมีรวงน้ำผึ้งอยู่อีกมากมายตรงบริเวณทางเข้า

เพราะเขาตระหนักได้ว่าน้ำผึ้งเหล่านั้นมาจากผึ้งหยกธรรมดา ทว่าในมุมมองของบุคคลอื่นนั้นย่อมต้องกวาดรวงน้ำผึ้งของผึ้งหยกธรรมดาไปด้วยอย่างแน่นอน ต่อให้ไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ์ก็สามารถนำน้ำผึ้งเหล่านั้นไปใช้บำรุงผิวพรรณได้

อีกทั้งบนรวงน้ำผึ้งเหล่านั้นก็มีผึ้งหยกนอนเกลื่อนกลาดอยู่ไม่น้อยเลย หากจะเก็บไปก็ต้องจัดการกับฝูงผึ้งเหล่านั้นเสียก่อน ทว่าเวลาอันน้อยนิดของหลงเฉินกลับไม่เพียงพอให้กระทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว

จู่จู่ภายในโสตประสาทของหลงเฉินก็ได้ยินเสียงชิดังขึ้นมาจากภายนอก เป็นเสียงที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง

“วันนี้ถือเป็นวันที่ดี คิดจะทำเรื่องอันใดก็เป็นต้องสำเร็จไปได้……”

เสียงนั้นค่อยๆ แผ่วลงเรื่อยๆ จนหลงเฉินรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างเริ่มไม่ถูกต้องแล้ว อีกทั้งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างวุ่นวายก็ได้เงียบหายไปด้วยเช่นกัน

ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะเอื้อมไปเก็บรวงน้ำผึ้งที่เหลืออยู่กว่าสิบอัน ทว่ากลับได้แต่ถอนลมหายใจออกมาอย่างอดสูแล้วบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “ข้าคิดว่าได้กระทำสิ่งที่พวกเขาคงจะพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว ฉะนั้นข้าจะหลงเหลือพวกนี้ไว้ให้พวกเจ้าเอาไว้รักษาบาดแผลก็แล้วกัน”

ถึงแม้ว่าเหล็กในของผึ้งหยกจะสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวเป็นอย่างยิ่ง ทว่าน้ำผึ้งของมันกลับเป็นเสมือนยาแก้พิษที่ดีที่สุดของมันเลยก็ว่าได้ และแม้ว่าจะไม่ร้ายแรงจนทำให้ผู้คนล้มตายลงไปได้ ทว่าอาจทำให้เจ็บปวดและดิ้นทุรนทุรายไปจนตายได้เลย

หลังจากกล่าวจบ หลงเฉินก็ได้ถอยหลังกลับไปยังส่วนบนสุดของรังผึ้ง ภายในโสตประสาทก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เพราะภายในนี้คล้ายกับเป็นถ้ำขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

“เอาเถิด กระทำการยิ่งใหญ่เช่นนี้แล้วจะไม่ทิ้งชื่อเสียงเรียงนามเอาไว้ก็คงจะไม่ใช่นิสัยของข้า”

เมื่อนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ หลงเฉินก็ล้วงมือลงไปควานหาสิ่งของจากแหวนมิติ แปรงชิ้นหนึ่งถูกดึงออกมา จากนั้นก็ได้ถูกกวาดไปตามผนังรังผึ้งประดุจมังกรร่ายรำอยู่บนนั้น ก่อนที่ฝีเท้าคู่นั้นจะลับหายออกไปอย่างเงียบเชียบ

ชีซิ่งเบิกพลังทั้งหมดออกมาเพื่อจัดการราชินีผึ้งหยกจนตายลงไปได้ ทว่าการสังหารสัตว์มายาระดับสามตัวหนึ่งกลับไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ชีซิ่งจะมีพลังต่อสู้มหาศาล ทว่าก็ถือว่าหนักหนาเอาการอยู่ไม่น้อยเลย ชุดเกราะที่สวมอยู่บนร่างกายเกิดรอยแตกและมีความเสียหายอยู่ประปราย บางแห่งถึงกับมีสายโลหิตไหลซึมออกมา

นี่ยังถือว่าโชคดีที่ราชินีผึ้งหยกไม่ใช่สัตว์มายาชนิดต่อสู้ หากเปลี่ยนมาเป็นสัตว์มายาระดับสามแบบเสี่ยวเสว่ยแล้วล่ะก็ พวกเขาคงจะต้องถอยหนีอย่างไม่คิดชีวิตแน่นอน

อีกทั้งร่างกายของราชินีผึ้งหยกยังไร้ประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีโอสถภายในและมีแกนผลึกเหมือนกับสัตว์มายาชนิดอื่น ที่พอจะมีราคาค่างวดก็เห็นจะเป็นน้ำผึ้งของมัน

ชีซิ่งค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปในรังผึ้งช้าๆ สายตากวาดมองไปยังรวงน้ำผึ้งที่อยู่โดยรอบ พลันก็ได้ผ่อนลมหายใจออกมา ทั้งหมดที่ได้ทุ่มเทกำลังลงไปนับว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นฝีเท้าคู่นั้นก็ได้ตรงเข้าไปยังส่วนที่ลึกขึ้นไปเรื่อยๆ ทว่าเมื่อเดินมาได้ครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง มีบางอย่างไม่ถูกต้องขึ้นมาเสียแล้ว ภายในนี้มีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีรวงน้ำผึ้งขนาดใหญ่อย่างที่เขาคาดคิดเอาไว้

ชีซิ่งเร่งฝีเท้าเดินมุ่งหน้าขึ้นไปยังจุดบนสุดก็พบว่าช่องรูปหกเหลี่ยมของรวงน้ำผึ้งมีแต่ความว่างเปล่าด้วยเช่นกัน

ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นประกายแวววาวสว่างไสวติดอยู่บนผนังรังผึ้ง หลังจากกวาดสายตามองไปครั้งหนึ่งโลหิตภายในร่างกายก็ถูกสูบฉีดขึ้นมาอย่างท่วมท้น ดวงตาทั้งสองราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอย่างแรงกล้า

“พรวด”

แม้จะมีพลังการฝึกยุทธ์อันสูงส่ง อีกทั้งยังมีพลังป้องกันต่ออวัยวะทั้งห้าส่วน ทว่าอารมณ์เดือดพล่านเช่นนี้ยังทำให้ชีซิ่งกระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

‘ข้า…..หลงเฉิน ได้มาท่องภายในสถานที่แห่งนี้แล้ว’

“หลงเฉิน ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เสียงคำรามของชีซิ่งดังสนั่นหวั่นไหวจนรังผึ้งขนาดมหึมาเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง พลังสภาวะอันร้ายกาจขุมหนึ่งถูกปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งจนผนังรังผึ้งทั้งหมดแตกสะบั้นออกเป็นเสี่ยงๆ ไปในทันที

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset