เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 190 หลอมโอสถรวมเส้นเอ็น

ทันใดนั้นเองที่ใจกลางฝ่ามือของหลงเฉินก็มีเปลวเพลิงสีฟ้าครามลุกโชนขึ้นมา ความร้อนแรงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้บริเวณห้องโถงใหญ่เกิดประกายแสงสีฟ้าส่องสว่างไปทั่ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ช่างเป็นเพลิงกาฬที่งดงามยิ่งนัก”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อเหม่อมองไปยังใจกลางของเพลิงกาฬด้วยความหลงใหล แววตาคู่งามสะท้อนเปลวเพลิงสีฟ้าคราม นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเพลิงกาฬอันสวยงามที่เริงระบำขึ้นมาประดุจสายวารี

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินแสยะยิ้มขึ้นมา หลังจากที่จับอักขระของสัตว์เพลิงได้แล้วก็ทำให้การควบคุมง่ายดายยิ่งขึ้น อีกทั้งยังทำให้พลังเพลิงโอสถแข็งแกร่งมากขึ้นด้วย แทบจะไม่ต้องพึ่งพาพลังแห่งจิตวิญญาณเข้ามาช่วยแต่อย่างใด

 

 

 

 

 

 

 

 

หากเปรียบเทียบกับสัตว์เพลิงของเสือดาวแล้ว หลงเฉินกลับต้องใช้พลังแห่งจิตวิญญาณคอยควบคุมเอาไว้อยู่ตลอด คล้ายกับว่ามันยังเป็นสัตว์ร้ายที่เลี้ยงไม่เชื่องตัวหนึ่ง หากไม่จัดการควบคุมให้อยู่หมัดก็พร้อมที่จะแว้งกัดได้ทุกเมื่อนั่นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

และการที่ครอบครองอักขระเอาไว้ได้ก็เปรียบเสมือนการประกาศตัวว่าเขานั้นเป็นเจ้านายของมันแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกพลังเหล่านั้นย้อนศรกลับมาทำร้ายตัวเองได้อีก

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในจิตใจหลงเฉินแอบรู้สึกชื่นชมความสามารถของตัวเองอยู่ไม่น้อย การควบคุมสิ่งนี้ได้ถือเป็นการกระทำที่คล้ายกับการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยทีเดียว มีเพียงผู้มีพรสวรรค์เท่านั้นที่จะทำได้ ทว่าหากเกิดความล้มเหลวก็คงจะถูกกร่นด่าว่าเป็นคนบ้าอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

เพราะภายใต้โลกหล้าแห่งนี้ คนบ้ากับผู้มีพรสวรรค์นั้นต่างกันแค่เพียงปลายพู่กันเท่านั้น อยู่ที่ว่าคนผู้นั้นจะมีวาสนามากน้อยเท่าใดก็เท่านั้นเอง

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูจดจ้องไปที่การเคลื่อนไหวของหลงเฉินอย่างสงบเสงี่ยม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเห็นผู้อื่นหลอมโอสถอยู่ตรงหน้าสายตา เพราะโดยทั่วไปแล้วผู้หลอมโอสถมักจะไม่ชมชอบให้มีผู้คนมาจดจ้อง เกรงว่าจะเป็นการรบกวนจิตใจ อีกทั้งยังเป็นเสมือนการลักจำวิชากันอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

ทว่าหลงเฉินกลับไม่ได้ใส่ใจถึงความข้อนี้แม้แต่น้อย พลันก็จดจ่ออยู่กับการอุ่นเตาหลอมให้ได้อุณหภูมิที่เหมาะสม ในช่วงเวลาเช่นนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด หากไม่ทำให้เตาหลอมอยู่ในสภาพที่เหมาะสมก็อาจทำให้แตกระเบิดได้ในขณะที่หลอมโอสถอยู่

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่ออุ่นเตาหลอมจนได้ที่แล้ว หลงเฉินก็เริ่มหย่อนสมุนไพรลงไปในเตาหลอมทีละชนิด พลันก็คอยควบคุมระดับของเพลิงกาฬเอาไว้ให้มั่นคง เพื่อกลั่นกรองให้ความบริสุทธิ์ออกมาให้ได้มากที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

นี่จึงเป็นช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งควบคุมความแรงของไปที่อยู่ภายในฝ่ามือ ทั้งคอยป้อนสมุนไพรลงไปตามลำดับอย่างไม่ตกหล่น หากว่าระดับเพลิงหรี่ลงไปก็จะต้องใช้เวลาในการหลอมเพิ่มขึ้น และแน่นอนว่ายังทำให้ความบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในสมุนไพรแต่ละชนิดเจือจางลงไปส่วนหนึ่งด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

และหากระดับเพลิงแรงเกินไปก็จะทำให้เกิดการเผาไหม้ขึ้นมาในทันที เช่นนั้นสมุนไพรที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ก็ถือว่าสูญเปล่า ทว่าหลงเฉินนั้นมีความทรงจำของจักรพรรดิโอสถอยู่ ฉะนั้นเขาจึงไม่กังวลกับเรื่องเช่นนี้เลยแม้แต่น้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

บัดนี้อักขระของสัตว์เพลิงได้ปรากฏขึ้นมาภายในเพลิงกาฬสีฟ้าครามสายนั้น อีกทั้งยังสามารถควบคุมเอาไว้ได้อย่างง่ายดายประดุจพลิกฝ่ามือ เพราะว่าหลงเฉินนั้นมีพลังแห่งจิตวิญญาณอันแรงกล้า

 

 

 

 

 

 

 

 

การหลอมโอสถดำเนินไปอย่างรวดเร็วอยู่ในการควบคุมของหลงเฉินทั้งหมด มือข้างหนึ่งหยิบสมุนไพรแต่ละชนิดใส่ลงไปจนบัดนี้ได้หลอมจนกลายเป็นผง หลังจากนั้นเขาก็ให้ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูนำกระดาษผืนเรียบแผ่นหนึ่งมารองผงเหล่านั้นเอาไว้

 

 

 

 

 

 

 

 

แล้วให้พวกนางกระจายผงเหล่านั้นออกเพื่อให้ความร้อนลดลง จากนั้นก็แบ่งออกเป็นส่วนเท่าๆ กันตามที่เขาสั่ง แล้วนำไปห่อด้วยกระดาษ

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะที่ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูพยายามจัดเก็บผงเหล่านั้นด้วยความระมัดระวังอยู่นั้น หลงเฉินก็ได้เริ่มต้นการหลอมสมุนไพรอีกชุดหนึ่ง เมื่อพวกนางทำตามที่หลงเฉินออกคำสั่งจนเสร็จสิ้นแล้วก็ประจวบกับช่วงเวลาที่หลงเฉินหลอมผงชุดที่สองเสร็จสิ้นพอดี

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูกระทำเช่นนี้วนอยู่ดังเดิมราวเจ็ดรอบ แล้วหลงเฉินก็หลอมสมุนไพรจนครบทั้งหมด ใบหน้าของหลงเฉินนั้นยังคงมีสภาพเฉกเช่นเดิม ทว่าทางถังหว่านเอ๋อกับชิงยวูนั้นกลับมีเหงื่อไคลไหลลงมามากมาย เพราะว่าพวกนางนั้นไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดเลยแม้แต่น้อยจึงจดจ่อด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้าหลอมสมุนไพรครบแล้ว จากนี้ไปให้พวกเจ้านำผงโอสถทั้งเจ็ดชนิดตระเตรียมเอาไว้ เมื่อถึงเวลาข้าจะเตือนพวกเจ้าอีกครั้งหนึ่งเอง ข้าจะเริ่มแล้วนะ” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน รอก่อน” ถังหว่านเอ๋อกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“หือ?”

 

 

 

 

 

 

 

 

“ข้ารู้สึกร้อนรนเล็กน้อย” ถังหว่านเอ๋อกล่าวขึ้นมาด้วยความไม่สบายใจ นางเกรงว่าหากทำมากกว่านี้จะทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมาอย่างแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินหัวเราะแล้วตอบกลับมาว่า “อย่าได้ร้อนรนไปเลย ต่อให้ล้มเหลวก็ยังถือว่าอยู่ในขอบเขตที่ข้ารับผิดชอบได้ เจ้าแค่คิดว่ากำลังเล่นห่อทรายเหมือนในวัยเด็กก็เพียงพอแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อได้ยินหลงเฉินกล่าวขึ้นมาเช่นนั้น ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อก็รู้สึกผ่อนคลายลง แล้วมองไปยังห่อผงโอสถเล็กๆ เหล่านั้นด้วยความคิดที่ว่าเล่นห่อทรายในสมัยเป็นเด็กน้อย

 

 

 

 

 

 

 

 

ซูม!

 

 

 

 

 

 

 

 

เพลิงกาฬสีฟ้าครามลุกโชนขึ้นมาที่ใจกลางฝ่ามือของหลงเฉินอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับร้อนระอุและเดือดดาลเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้เป็นอย่างมาก พลันก็ป้อนความร้อนแรงอันน่าหวาดกลัวสายนั้นเข้าไปใต้เตาหลอมโอสถ

 

 

 

 

 

 

 

 

“เริ่มกันเถิด เริ่มต้นด้วยการใส่ชนิดแรกลงไปช้าๆ”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อพยักหน้ารับแล้วค่อยๆ เทผงโอสถลงไปอย่างระมัดระวัง หลังจากที่สาวงามเทผงเข้าไปจนหมดแล้ว หลงเฉินก็ค่อยๆ ไหลเวียนพลังเพลิงกาฬขึ้นมาจนทำให้ผงเหล่านั้นกลายสภาพเป็นของเหลว

 

 

 

 

 

 

 

 

ที่ถังหว่านเอ๋อยังไม่ทราบก็คือผงโอสถที่นางเทลงไปนั้นเป็นความบริสุทธิ์ทั้งหมดของสมุนไพรแต่ละชนิด ไม่ใช่เป็นผงอย่างแท้จริงตามที่นางเข้าใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินจดจ่อไปที่เตาหลอมโอสถด้วยใบหน้าเคร่งเครียด นี่ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เขาหลอมโอสถระดับสาม ถึงแม้ว่าจะทราบวิธีการหลอมอย่างหมดจด ทว่าเขายังไม่เคยผ่านประสบการณ์หลอมเช่นนี้มาก่อนจึงไม่กล้าประมาทแม้แต่เสี้ยวเดียว

 

 

 

 

 

 

 

 

ต่อให้เป็นผู้หลอมโอสถที่อยู่ในระดับสูงส่งกว่านี้ก็ยังไม่อาจรับรองได้ว่าจะหลอมโอสถระดับสามได้สำเร็จเต็มสิบส่วน ฉะนั้นไม่ต้องกล่าวถึงหลงเฉินที่หลอมเป็นครั้งแรกเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

ดวงตาคู่งามจ้องมองไปที่ใบหน้าเคร่งขรึมของหลงเฉินที่กำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การหลอมโอสถด้วยความหลงใหล ท่วงท่าของหลงเฉินในตอนนี้กำลังดึงดูดจิตใจของผู้คนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่พึ่งพาได้อย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

“ใส่ชนิดที่สองลงไป”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ถังหว่านเอ๋อจึงมีปฏิกิริยากลับคืนมาในทันที เมื่อครู่นี้นางถึงกับสติหลุดลอยไปครู่หนึ่งเลยหรือ โชคดีที่ชิงยวูได้ตระเตรียมผงโอสถช่วยอีกทางหนึ่ง ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาพร้อมกับส่งสายตาขออภัยไปทางชิงยวู

 

 

 

 

 

 

 

 

เหตุผลที่หลงเฉินให้ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูอยู่ด้วยนั้น แท้จริงแล้วก็เป็นเพราะเขาจำเป็นที่จะต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการควบคุมความแรงของเพลิงกาฬเพื่อสัมผัสการเปลี่ยนแปลงภายในของผงโอสถ

 

 

 

 

 

 

 

 

หากเขาทำเองทั้งหมด เกรงว่าจะเกิดความผิดพลาดไม่น้อย อีกทั้งยังทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก เพราะโอสถเหล่านี้เกี่ยวข้องกับชะตาชีวิตของผู้คนทั้งขุมกำลัง เขาจึงประมาทไม่ได้ ในเมื่อใช้แต้มคะแนนของพรรคไปกับเรื่องส่วนตัวแทบจะทั้งหมดแล้ว ภายในจิตใจของเขาจึงเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาไม่น้อยเลย ฉะนั้นในครั้งนี้เขาจึงต้องหลอมออกมาให้ได้ประสิทธิภาพอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

เวลาผ่านไปแล้วกว่าหนึ่งชั่วยามอย่างไม่ทันรู้สึกตัว ผงโอสถทั้งเจ็ดชนิดก็ถูกเทลงไปในเตาหลอมโอสถจนหมดสิ้นแล้ว หลงเฉินจึงปิดฝาเตาลงแล้วเริ่มไหลเวียนเพลิงกาฬให้ร้อนแรงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

 

 

 

 

 

 

 

 

เพลิงกาฬสีฟ้าครามสายนั้นเกิดการสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย อักขระสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาที่ใจกลางของเพลงกาฬ อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูที่อยู่ข้างกายสัมผัสได้ถึงความร้อนระอุที่สูงล้ำจนน่าหวาดกลัว ใบหน้าของทั้งสองสาวทอสีแดงระเรื่อขึ้นมา แววตาจ้องมองไปยังเพลิงกาฬสีฟ้าครามที่กลางฝ่ามือของหลงเฉินด้วยอาการแตกตื่นตกใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

“พลังอักขระอย่างนั้นหรือ?”

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อร้องเสียงหลงขึ้นมา ก่อนหน้านี้นางเคยแสดงพลังอักขระของตัวเองให้หลงเฉินดู จนทำให้หลงเฉินอยากเรียนรู้พลังอักขระบ้าง ทว่าช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าพลังอักขระนั้นสืบทอดทางสายโลหิตเท่านั้น แล้วเหตุใดในตอนนี้เขาถึงสามารถผนึกพลังอักขระขึ้นมาได้กัน?

 

 

 

 

 

 

 

 

ถึงแม้ว่าร่องรอยของอักขระเหล่านั้นจะไม่ชัดเจนเท่ากับพลังของนาง ทว่าพลังบนอักขระกลับชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังไม่ได้ใช้หลักการเฉกเช่นเดียวกับที่นางเบิกพลังอักขระขึ้นมา ทว่าไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก นับแต่โบราณกาลมาแล้วยังไม่เคยมีผู้ใดกระทำการเช่นนี้ได้มาก่อน แม้แต่ในบันทึกต่างๆ ก็ยังไม่เคยถูกจดเอาไว้ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง? เพลิงกาฬที่ข้าใช้ย่างปลาดูดีไม่น้อยเลยใช่หรือไม่?” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย ทว่าบนใบหน้ากลับเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจที่แม้แต่คนตาบอดก็ทราบ

 

 

 

 

 

 

 

 

“เพลิงกาฬนี้เจ้าได้มาอย่างไรกัน?” ถังหว่านเอ๋อถามขึ้นมาด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

 

 

 

 

 

 

 

 

“ขโมยมา”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินยิ้มแล้วตอบกลับไป ขณะนี้ภายในเตาหลอมโอสถเริ่มสงบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเพ่งสมาธิทั้งหมดเหมือนช่วงเวลาก่อนหน้านี้อีกต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อจ้องเขม็งไปที่หลงเฉิน นางทราบได้ทันทีว่าเด็กน้อยผู้นี้กำลังกล่าววาจาโป้ปดอยู่ ไม่มีแม้แต่ครึ่งคำที่เป็นความจริง ทว่าในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่สมควรจะขุดคุ้ยความจริงออกมา ถึงอย่างไรก็เป็นพลังฝีมือที่แข็งแกร่งชนิดหนึ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์คงอยากจะเก็บเอาไว้เป็นความลับบ้าง

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อเห็นว่าถังหว่านเอ๋อไม่ถามไถ่อันใดต่อ หลงเฉินก็ทราบได้ทันทีว่านางกำลังกังวลอยู่ เขาจึงเอ่ยปากบอกถึงที่มาที่ไปของสัตว์เพลิงที่เพิ่งจะได้ครอบครองมา และทันใดนั้นเองที่เตาหลอมโอสถก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นมาเป็นสาย

 

 

 

 

 

 

 

 

“สำเร็จแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินเกิดอาการลิงโลดขึ้นมายกใหญ่ พลันก็เพิ่มพลังเพลิงกาฬบนฝ่ามือช้าๆ พร้อมทั้งใช้มือขวากดฝาครอบเตาเอาไว้จนแนบสนิท

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูมตูมตูม……”

 

 

 

 

 

 

 

 

ภายในเตาหลอมเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่หยุด พร้อมทั้งเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรงและรวดเร็วราวกับมีคลื่นพายุโหมกระหน่ำอยู่ภายใน

 

 

 

 

 

 

 

 

“นี่คือสภาวะก่อนที่จะสำเร็จเป็นโอสถ โอสถเหลวกำลังหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังเพลิงกาฬจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการแยกตัวออกจากกันของโอสถจนกลายสภาพเป็นเม็ดกลมขนาดเล็ก

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อได้เม็ดโอสถแล้ว ก็จะเริ่มทำการดูดซับพลังปราณฟ้าดินเข้าไปห้อหุ้มความบริสุทธิ์ที่อยู่ภายในไม่ให้ไหลทะลักออกมา จากผิวที่เคยกลมกลิ้งก็จะมีรอยหยักเพิ่มขึ้นมามากมาย ซึ่งผู้หลอมโอสถจะเข้าใจตรงกันว่าเป็นโอสถที่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อย่างถึงที่สุดแล้ว” หลงเฉินกล่าว

 

 

 

 

 

 

 

 

“ตูม”

 

 

 

 

 

 

 

 

ทันใดนั้นภายในเตาหลอมโอสถได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง แล้วก็ได้ค่อยๆ สงบลง หลงเฉินยกฝาครอบขึ้นมาช้าๆ กลิ่นหอมหวนอันเข้มข้นขุมหนึ่งโชยออกมาจนคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้องโถงใหญ่ ภายในนั้นมีเม็ดโอสถทั้งหมดเก้าเม็ดกลิ้งไปมาคล้ายกับลูกแก้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

“สวรรค์ โอสถบริสุทธิ์ โอสถระดับสูงถึงห้าเม็ดเชียวหรือ” ถังหว่านเอ๋อส่งเสียงร้องดังขึ้นมาด้วยความตกใจ

 

 

 

 

 

 

 

 

หลงเฉินเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ผลลัพธ์ที่มหาศาลถึงเพียงนี้ นี่เป็นเพียงการอุ่นเครื่องเท่านั้น เดิมทีเขาคิดว่าจะได้โอสถระดับสูงเพียงหนึ่งเม็ดเสียด้วยซ้ำไป ทว่าในตอนนี้กลับมีถึงห้าเม็ด

 

 

 

 

 

 

 

 

“หลงเฉิน เจ้าหลอมโอสถรวมเส้นเอ็นระดับสูงได้ถึงห้าเม็ดเลยนะ ที่เหลือนั้นมีร่องรอยของระดับกลางแฝงเอาไว้ด้วย เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้ว” ถังหว่านเอ๋อสำรวจไปที่เม็ดโอสถเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มกว้างประดุจพฤกษชาติกำลังเบ่งบาน

 

 

 

 

 

 

 

 

“เห้อ ถึงได้มีคนกล่าวว่าหมัดมวยนั้นหากไม่ขยันฝึกฝนก็ย่อมไม่อาจสร้างความเชี่ยวชาญได้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ฝึกฝนถึงสามวันเต็ม แน่นอนว่าหากเป็นก่อนหน้านี้ต่อให้หลับตาก็สามารถหลอมโอสถเหล่านี้ขึ้นมาได้แล้ว อีกทั้งยังเป็นระดับสูงทั้งหมดด้วย” หลงเฉินส่ายหน้าไปมาพร้อมทั้งแสร้งทอสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อกรอกตาขาวแล้วจงใจไม่สนใจต่อคำพูดของหลงเฉิน ดวงตาคู่งามจดจ้องไปที่โอสถรวมเส้นเอ็นที่เพิ่งออกมาจากเตาหลอมด้วยความเบิกบานใจอย่างถึงที่สุด

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่ผ่านพ้นการหลอมครั้งแรกไปได้ หลงเฉินก็พอจะมีประสบการณ์ขึ้นมาบ้างแล้วว่าควรจะปรับความแรงของเพลิงอย่างไรบ้าง ทำให้การหลอมในครั้งที่สองนี้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วยิ่งกว่าเดิม ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถหลอมโอสถรวมเส้นเอ็นได้สำเร็จอีกหนึ่งเตา

 

 

 

 

 

 

 

 

ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูทอสีหน้าแตกตื่นมองไปที่โอสถทั้งเก้าเม็ดที่กำลังทอประกายเจิดจ้าขึ้นมา เป็นโอสถรวมเส้นเอ็นระดับสูงทั้งหมดอย่างนั้นหรือ

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่ใช้ผงโอสถจนหมดแล้ว ถังหว่านเอ๋อก็เหม่อมองไปที่โอสถรวมเส้นเอ็นจำนวนหนึ่งร้อยกับอีกสิบเม็ด ด้วยแววตาโง่งม หลงเฉินผู้นี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจในการหลอมโอสถขึ้นมาได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ

 

 

 

 

 

 

 

 

ในขณะที่หลงเฉินกำลังเอ่ยปากกล่าววาจาโอ้อวดออกมาไม่หยุดว่าตัวเองยังสามารถหลอมโอสถระดับสูงเหล่านี้ได้อีกนับหมื่นสองหมื่นเม็ด ทว่าหลังจากที่กล่าวจบร่างกายของเขาก็สลบเหมือดลงไปในทันที พร้อมกับส่งเสียงกรนดังขึ้นมาเป็นสาย

 

 

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่พาหลงเฉินไปส่งที่เตียงนอนแล้ว ถังหว่านเอ๋อและชิงยวูนำโอสถรวมเส้นเอ็นระดับสูงไปแจกจ่ายให้กับผู้คนภายในขุมกำลัง

 

 

 

 

 

 

 

 

เมื่อถึงเช้าวันที่สอง หลงเฉินก็ลืมตาตื่นจากการหลับใหลมาหนึ่งวันเต็มๆ เขาล้วงเอาป้ายหยกออกมา ภายในห้วงสมองก็ปรากฏเงาร่างสีขาวขนาดใหญ่ขึ้นมา

 

 

 

 

 

 

 

 

“ถึงเวลาเบิกช่องว่างแห่งจิตวิญญาณแล้ว”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset