เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 247 : เผชิญหน้ากับความหวาดกลัว

ศิษย์ฝ่ายอธรรมกลุ่มใหญ่มุ่งหน้าเข้าสู่อาณาเขตที่เหล่าศิษย์ของทางหมู่ตึกกำลังคุ้มกันเอาไว้ ถังหว่านเอ๋อจ้องมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

 

“เตรียมรับมือศัตรู!”

 

ถังหว่านเอ๋อยืนอยู่ด้านหน้าสุดของทัพฝ่ายธรรมะ ทันทีที่เสียงเจื้อยแจ้วทอดลงไป เหล่าผู้คนทั้งหมดก็ปะทุพลังทั้งหมดขึ้นมาพร้อมกับชักอาวุธเข้าสู่สภาวะต่อสู้

 

หลงเฉินมองดูพวกพ้องจากบริเวณที่อยู่ห่างไกลออกมาแล้วส่ายหน้าอย่างอดสู การชิงลงมือก่อนถือว่าเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบกว่า ไม่ใช่เป็นกลยุทธ์ทว่าเป็นจิตวิทยาของการรบชนิดหนึ่ง เพราะว่าฝ่ายที่ชิงลงมือก่อนย่อมเป็นผู้ควบคุมการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความฮึกเหิมให้กับจิตใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี

 

หากเปลี่ยนเป็นหลงเฉินแล้วคงจะออกคำสั่งให้เหล่าพวกพ้องโจมตีศัตรูก่อน และขณะที่ชิงลงมือนั้นก็ปลุกเร้าความฮึกเหิมเสียหน่อยก็จะทำให้พวกพ้องมีกำลังใจที่ดีและไร้ซึ่งความกดดัน

 

ถึงแม้ว่าจะคิดเห็นเช่นนั้นทว่าหลงเฉินก็ไม่ได้กล่าวห้ามปรามหรือเข้าไปหยุดยั้งแต่อย่างใด ดวงตาคู่คมยังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้าอย่างสงบเสงี่ยมเท่านั้น

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้นมีมากกว่าหนึ่งพันห้าร้อยคน ทว่าเมื่อเข้าตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าคนเหล่านั้นมีพลังการฝึกยุทธ์อยู่ระดับปลายแถวเท่านั้น ถึงแม้ว่าบรรยากาศของพวกเขาจะดุดันและโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพลังการต่อสู้ที่แท้จริงกลับไม่อาจเทียบกับเหล่าศิษย์ของทางหมู่ตึกได้เลย

 

ในขณะนี้ศิษย์ของทั้งสองฝ่ายมีจำนวนที่ใกล้เคียงกันเป็นอย่างยิ่ง ขอเพียงศิษย์ของทางหมู่ตึกสามารถสยบความหวาดกลัวภายในจิตใจลงไปได้ แน่นอนว่าศิษย์ฝ่ายอธรรมเหล่านั้นย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมของพวกเขาแน่นอน

 

เพราะหลงเฉินเองก็ตระหนักดีว่าหากเขาไม่ได้อยู่ในกลุ่มก็เสมือนกับได้ทำลายความเชื่อมั่นของพวกเขาไปแล้วหลายส่วน ทว่านี่ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะฝึกฝนพลังจิตใจของพวกพ้องได้

 

เพราะต่อให้เขาจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปกป้องพวกพ้องได้ทั้งหมด ฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องทำให้พวกเขาเป็นผู้ช่วงชิงชีวิตของตัวเองมาด้วยกำลังของตัวเอง

 

“บุก”

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่มีรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ทางด้านหน้าสุดทอแววตาดุร้ายแล้วตะโกนขึ้นมาเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด ในมือของเขาถือดาบจันทร์เสี้ยวหันมาที่ถังหว่านเอ๋อ

 

“เด็กน้อยผู้นี้มอบให้ข้าจัดการเองเถิด”

 

กู่หยางทะยานขึ้นมาขวางทางด้านหน้าของถังหว่านเอ๋อด้วยความรวดเร็ว ทั่วทั้งร่างทอประกายแสงเจิดจ้าของอักขระ พลันก็ได้ปล่อยคมหมัดเข้าใส่เด็กน้อยผู้นั้นอย่างรุนแรงในทันที

 

กายเนื้อของกู่หยางเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์สายตรงของหมู่ตึกแล้ว หลังจากที่กระตุ้นพลังอักขระขึ้นมาก็ยิ่งทำให้กำปั้นของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะที่น่าหวาดกลัวมากขึ้น ทันทีที่กระแทกเข้ากับดาบจันทร์เสี้ยวสีโลหิตก็ได้สร้างความหวาดหวั่นให้กับศิษย์ฝ่ายอธรรมไม่น้อยเลย

 

หลังจากนั้นเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ได้พุ่งทะยานเข้ามาพร้อมกับอาวุธอันแหลมคมอย่างบ้าคลั่ง ทว่าภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อกลับอยู่ในอาการนิ่งสงบเป็นอย่างยิ่ง พลันก็เบิกพลังแห่งจิตวิญญาณกวาดผ่านเหล่าศัตรูไปอย่างรวดแล้วก็พบว่ามียอดฝีมือที่เป็นศิษย์สายตรงปรากฏตัวขึ้นมากกว่าฝ่ายของนางถึงสามคนด้วยกัน

 

“เตรียมพร้อมสู้รบ รุกและรับรวมเป็นหนึ่งเดียว!”

 

ถังหว่านเอ๋อตะโกนเสียงดังสนั่น นี่เป็นวิธีที่หลงเฉินมักจะใช้ปลุกเร้าจิตใจให้กับพวกเขานั่นเอง เพราะในขณะนี้ทั้งสองฝ่ายมีกำลังหลักแตกต่างกันอยู่ไม่น้อย

 

“ตูม”

 

คมวายุขนาดใหญ่ถูกฟาดออกไปทางศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่ด้านหน้าอย่างรุนแรง ภายในจิตใจของถังหว่านเอ๋อในตอนนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวเฉกเช่นครั้งก่อนหน้านี้ มีเพียงจิตสำนึกที่ต้องการจะสังหารอีกฝ่ายลงให้จงได้เท่านั้น

 

ดาบจันทร์เสี้ยวของศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมถูกพลังอันมหาศาลของถังหว่านเอ๋อทำลายจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภายในพริบตาเดียว เงาร่างสายนั้นจึงรีบถอยร่นกลับไปทางด้านหลังเพื่อตั้งหลักอย่างรวดเร็ว

 

“ศรสะบัดวายุ”

 

ทว่าหมู่คนเหล่านั้นกลับไม่มีโอกาสที่จะได้ตั้งตัวอีกต่อไปแล้ว ถังหว่านเอ๋อโจมตีออกไปอีกหนึ่งกระบวนท่าในทันที พลังแห่งวายุหอบหนึ่งรวมตัวกันเป็นลูกศรขนาดมหึมาพุ่งทะลุร่างของศิษย์สายตรงเหล่านั้นไป

 

“พรวด”

 

สายลมอันแหลมคมที่แฝงพลังอักขระเอาไว้นั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้าก็ได้ดับพลังชีวิตของศิษย์สายตรงผู้นั้นไปในทันที

 

ใบหน้าของหลงเฉินปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา แท้ที่จริงแล้วในหมู่ยอดฝีมือทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่มีพลังแฝงอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ เมื่อได้รับแรงกดดันอย่างที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ก็มีแต่จะต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีอยู่ปกป้องชีวิตของตัวเอง และหากไม่สังหารศิษย์สายตรงเหล่านั้นโดยเร็วก็จะต้องทำให้พวกพ้องที่อยู่ด้านหลังต้องตกอยู่ในอันตราย

 

ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าตกใจระคนตื่นเต้นมองไปทางศิษย์สายตรงที่ล้มลงไปต่อหน้า ถึงกับใช้เพียงกระบวนท่าเดียวในการสังหารศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมไปแล้วหนึ่งคนอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าจะตกใจเป็นอย่างมากทว่าตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะคิดสิ่งอื่นให้วุ่นวาย ขอเพียงสังหารศิษย์สายตรงเหล่านั้นลงไปได้โดยเร็วที่สุดก็เพียงพอแล้ว

 

ความเก่งกาจของถังหว่านเอ๋อทำให้ศิษย์ของฝ่ายอธรรมเกิดอาการแตกตื่นตกใจขึ้นมายกใหญ่ เพราะเพียงกระบวนท่าเดียวก็สามารถสังหารศิษย์สายตรงผู้หนึ่งของพวกเขาไปได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็มีศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมพุ่งเข้าหาถังหว่านเอ๋อพร้อมกันถึงสามคน

 

ถังหว่านเอ๋อตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง พลันสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลก็ส่องแสงสว่างสีโลหิตขึ้นที่กลางหว่างคิ้ว ในมือทั้งสองมีคมวายุขนาดใหญ่ที่ห่อหุ้มด้วยกระแสลมอันหนาแน่นหันเข้าไปทางศัตรูทั้งสามคนในทันที

 

“ตูม”

 

ศิษย์สายตรงทั้งสามคนถูกคลื่นวายุขนาดมหึมากลืนกินเข้าไปจนร่างกายเกิดบาดแผลฉกรรจ์ขึ้นมา ด้วยความรุนแรงของพลังอันน่าหวาดกลัวหอบนั้นจึงได้กวาดผู้คนของฝ่ายอธรรมลอยไปไกลกว่าสิบคน

 

“คลื่นหมอกวายุหมุน”

 

ถังหว่านเอ๋อกระตุ้นคมวายุขนาดใหญ่เท่าหนึ่งฝ่ามือขึ้นมานับหมื่นสายรายล้อมอยู่โดยรอบ พลันก็ยื่นมอกออกไปทางด้านหน้า คมวายุนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานแหวกบรรยากาศซัดเงาร่างของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนลอยกระเด็นออกไปตามๆ กัน

 

“พรวด พรวด พรวด พรวด พรวด……”
 

คมวายุที่แฝงพลังอักขระแหวผ่านร่างกายของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนแหลกสลายกลายเป็นชิ้นเนื้อบดไปในพริบตาเดียว ฝนโลหิตสีแดงสดปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า กลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนน่าสะอิดสะเอียน นอกจากศิษย์สายตรงสามคนแล้ว ยังมีศิษย์ฝ่ายอธรรมอีกกว่าสามร้อยคนถูกกวาดล้างไปด้วยกระบวนท่านี้ด้วยเช่นกัน

 

“ในที่สุดก็สามารถลงมือได้อย่างอำมหิตแล้ว” หลงเฉินมองไปที่ถังหว่านเอ๋อแล้วยิ้มขึ้นมา

 

ทว่าหลังจากที่ปลดปล่อยกระบวนท่าในครั้งนี้ออกไปก็ได้ทำให้ถังหว่านเอ๋อมีใบหน้าซีดขาวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นั่นคงจะเป็นผลกระทบจากการออกกระบวนท่าอันหนักหน่วงติดต่อกันถึงสามครั้ง

 

“บุกได้ จัดการเจ้าพวกโสมมเหล่านั้นให้หมด”

 

การกวาดล้างเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมของถังหว่านเอ๋อได้ทำให้พลังการต่อสู้ของผู้คนของหมู่ตึกเพิ่มสูงขึ้น ทันทีที่ได้ยินคำสั่งก็ได้แยกย้ายกันหอบอาวุธเร่งฝีเท้ามุ่งเข้าหาศัตรูกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

ในขณะนี้เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมได้ถูกถังหว่านเอ๋อสร้างความแตกตื่นจนจิตใจหวาดหวั่นกันไปทั้งหมด การลงมือเพียงไม่กี่กระบวนท่าถึงกับสังหารพรรคพวกของพวกเขาจนตายตกไปมากมายเป็นอย่างยิ่ง ทว่าพวกเขากลับไม่ได้ร่นถอยหนีไปเลยแม้แต่คนเดียว ในทางกลับกันกลับยิ่งปะทุความโหดร้ายและอาฆาตขึ้นมาจนถึงขีดสุด

 

ศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมจดจ้องไปยังใบหน้าที่ซีดขาวของถังหว่านเอ๋อแล้วแสยะยิ้มชั่วร้ายขึ้นมา เพียงแค่มองไปครู่เดียวก็ทราบได้ทันทีว่านางได้ใช้พลังทั้งหมดออกมาแล้วคงจะไม่สามารถรวบรวมพลังกันมหาศาลออกมาได้อีกครั้ง พลันก็รีบมุ่งหน้าเข้ามาหาถังหว่านเอ๋ออย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าพวกลูกเต่า ไสหัวมาหาบิดาของเจ้าซะ” ซ่งหมิงเหยียน หลี่ฉี และโหลวฉางตะโกนด่าทอขึ้นมายกใหญ่แล้วพุ่งทะยานเข้าสู่เบื้อหน้ากันโดยพลัน

 

ถังหว่านเอ๋อได้สังหารยอดฝีมือที่เป็นศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมลงไปถึงสี่คนติดต่อกันจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายมีศิษย์สายตรงมีจำนวนเท่ากัน ความได้เปรียบจึงเริ่มเอียงมาทางฝั่งของหมู่ตึกแทน

 

ถังหว่านเอ๋อกัดฟันแน่นขึ้นมาพร้อมกับหอบคมวายุพุ่งเข้าหาศิษย์สายตรงของฝ่ายอธรรมสองคนที่กำลังปลดปล่อยรังสีสังหารออกมา ถึงแม้ว่าพลังสภาวะของนางในตอนนี้จะอ่อนโทรมจนไม่อาจสังหารยอดฝีมือระดับศิษย์สายตรงให้ตายลงไปได้ภายในพริบตาเดียว ทว่าหากต้านทานเอาไว้เพื่อรอคอยให้พวกพ้องเข้ามาช่วยเหลือคงไม่เป็นปัญหาแต่อย่างใด

 

หลงเฉินเหม่อมองไปยังสนามรบที่เปี่ยมไปด้วยกระแสโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทุกหนแห่งอย่างวุ่นวาย บรรยากาศโดยรอบตลบอบอวลไปด้วยความหิวกระหายและประกายดาบเงากระบี่

 

ถึงแม้ว่าฝ่ายธรรมะจะสามารถชิงความได้เปรียบเรื่องจำนวนได้ ทว่าการเผชิญหน้ากับศิษย์ฝ่ายอธรรมที่โหดเหี้ยมก็ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าได้รอดพ้นจากความตายแล้ว จากนั้นเพียงไม่นานนักก็มีผู้คนได้รับบาดเจ็บกันเพิ่มมากขึ้น

 

ศิษย์จากศาลาการแพทย์มากมายต่างก็รีบขึ้นมาทำการรักษาให้ผู้คนที่ต่อสู้ในแนวหน้า ถึงแม้ว่าช่วงเวลาเช่นนี้จะเกิดความโกลาหลและวุ่นวายเป็นอย่างยิ่งทว่าก็ยังคงดำเนินต่อไปได้ ทั้งยังเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาบ้างแล้ว

 

การต่อสู้ในตอนนี้ทำให้ศิษย์สายตรงของฝ่ายธรรมะร่วมมือกันลงมือกันอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังลงมือด้วยความบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาเป็นห่วงว่าพวกพ้องที่อยู่ทางด้านหลังจะไม่อาจต้านทานเอาไว้ได้จนก่อให้เกิดการบาดเจ็บและล้มตายไปเป็นจำนวนมาก

 

ด้วยเหตุนี้พวกเขาแต่ละคนจึงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันฟาดฟันออกไปด้วยกระบวนท่าอันแข็งแกร่งที่สามารถทำให้บาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ราวกับว่าชีวิตก็ต้องแลกชีวิตอย่างไรอย่างนั้น ภายในห้วงสมองคิดเพียงว่าขอเพียงสังหารอีกฝ่ายให้เร็วที่สุดก็เพียงพอแล้ว

 

และในขณะที่พวกเขาใช้พลังทั้งหมดเข้าห้ำหั่นศัตรูอยู่นั้นก็ได้มีอยู่หลายคนที่ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นมาบนหน้าผาก เมื่อสิ่งนั้นปรากฏขึ้นมาก็ยิ่งทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาทวีความรุนแรงและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทว่าพวกเขาทั้งหมดอยู่ในสภาวะการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งจึงไม่อาจรับรู้ถึงแสงสว่างสายนั้นเลยแม้แต่คนเดียว

 

ส่วนศิษย์ธรรมดาทั้งหมดก็ได้ต่อสู้กับศัตรูกันอย่างวุ่นวายและเรียกได้ว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีผู้คนไม่น้อยเลยที่ต่อสู้จนดาบลอยกระบี่บินไปทั่วทั้งผืนฟ้าราวกับว่าสามารถทิ้งชีวิตไปได้ทุกเมื่อ

 

ทว่าในทางกลับกันแล้วพวกเขาทุกคนได้ลืมเลือนความหวาดกลัวที่อยู่ภายในจิตใจไปจนหมดสิ้น ตระหนักเพียงแต่ว่าจะต้องปกป้องแผ่นหลังของสหายเอาไว้ ต่อให้ต้องตายไปก็จะไม่ยินยอมให้คนอื่นโจมตีเข้าใส่พวกพ้องได้

 

“พรวด”

 

ศิษย์ของพรรคฟ้าดินผู้หนึ่งได้ใช้คมดาบสะบัดไปที่ศีรษะของศิษย์ฝ่ายอธรรมจนสิ้นใจไปในครั้งเดียว ทว่าเขากลับคาดไม่ถึงว่าศิษย์ฝ่ายอธรรมผู้นั้นจะยังกวาดดาบเข้ามาทางเขาอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย ทั้งยังมีศิษย์ฝ่ายอธรรมอีกคนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาจากอีกทางหนึ่งพร้อมกับแทงดาบจันทร์เสี้ยวมายังใจกลางหน้าอกของเขาอีกด้วย แม้แต่คิดที่จะหลบเลี่ยงก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว

 

ศิษย์ของพรรคฟ้าดินผู้นั้นจึงทอสีหน้าไม่ยินยอมขึ้นมา หากตัวเองตายตกไปในตอนนี้ เหล่าพวกพ้องที่อยู่ด้านหลังจะเป็นเช่นไรเล่า? ดวงตาฉายแววความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสายพร้อมกับมองดูดาบที่กำลังพุ่งเข้ามา

 

“พรวด”

 

ทันใดนั้นศีรษะลูกหนึ่งก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ หยาดโลหิตส่องแสงสว่างวาบขึ้นมาสายหนึ่ง จากนั้นดวงตาของเขาก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังยกนิ้วหัวแม่โป้งให้เขา

 

“หลง……”

 

หลงเฉินได้ซุ่มมองดูอยู่จากบริเวณที่ไกลออกไปได้ครู่หนึ่งแล้ว เขาเองก็เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าภายในกลุ่มกำลังวุ่นวายเป็นอย่างมาก ทว่าเขาก็ยังไม่คิดที่จะลงมือหรือเข้าไปช่วยเหลือแต่อย่างใด ได้แต่คอยจับตาดูสภาพการณ์ทั่วทั้งสนามรบเอาไว้ ขอเพียงมีพวกพ้องคนใดที่กำลังจะถูกสังหารค่อยลอบลงมือก็ยังไม่สาย

 

ในครั้งนี้เป็นครั้งที่เจ็ดที่เขาได้ลอบลงมือ ทว่าทุกครั้งที่เข้ามาก็ได้ส่งสัญญาณมือห้ามปรามไม่ให้พวกพ้องส่งเสียงตะโกนออกไป และก่อนที่จะจากไปก็ได้ฟาดศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่รอบข้างจนตายตกไปหลายคนแล้วเขาจึงค่อยลับหายไปอย่างรวดเร็ว

 

หลงเฉินไม่อยากจะเปิดเผยตัวให้พวกพ้องทราบเพราะเขาต้องการให้ทุกคนแบกรับสภาวะกดดันเอาไว้อย่างถึงที่สุดจนสามารถระเบิดพลังและความแน่วแน่ที่แท้จริงของตัวเองออกมา

 

เมื่อพบกับวิกฤติครั้งหนึ่งแล้วได้รับการช่วยเหลือ หลังจากนี้ไปพวกเขาเหล่านั้นก็จะไม่หวาดกลัวต่อความตายอีก อีกทั้งยังได้ค้นพบหลักแห่งความเป็นจริงของการฝึกยุทธ์ด้วย

 

หลงเฉินมองไปทางศิษย์สายตรงที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้าด้วยความรู้สึกปิติยินดี พวกเขาเหล่านั้นได้ปลุกสัญลักษณ์ประจำพลังจากต้นตระกูลขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัวเสียด้วยซ้ำไป จึงแน่ใจได้ว่าพวกเขาทั้งหมดมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาที่อยากจะปกป้องแล้ว

 

หลังจากที่การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมก็ลดทอนกำลังลงไปเรื่อยๆ และพลังการต่อสู้ของศิษย์ฝ่ายธรรมะกลับมีความมั่นคงมากขึ้นด้วยเช่นกัน ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับศิษย์ฝ่ายอธรรมที่โหดเหี้ยมมากกว่านี้ก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว

 

“ฮาฮาฮาฮา บุกเข้ามา อย่าได้คิดหนีไปเลย เพราะข้าจะเป็นคนตัดศีรษะของพวกเจ้าเอง”

 

หลงเฉินหัวเราะฮาฮาดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศจนถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องทั้งหมดเกิดความรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาเป็นสาย

 

“ตัดพายุคลั่ง”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset