เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 253 : เปิดฉากศึกครั้งใหญ่

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

 

แม้แต่ถู่ฟางก็ยังต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เมื่อเบื้องหน้าสายตาของเขามีศิษย์ฝ่ายอธรรมปรากฏตัวขึ้นมามากกว่าสองหมื่นคน!

 

ควรทราบว่านับตั้งแต่ประวัติศาสตร์ในแต่ละครั้งของศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรม จำนวนคนของฝ่ายธรรมะ ต่างก็มีมากกว่าฝ่ายอธรรมถึงเท่าตัว ศิษย์ของฝ่ายอธรรมในครั้งนี้ เพียงพริบตาเดียวถึงกับมีจำนวนคนที่มากกว่าศิษย์ฝ่ายธรรมะได้มากถึงสี่ห้าเท่า

 

“เคี๊ยกเคี๊ยกเคี๊ยก ถู่ฟาง สีหน้าของเจ้าทำให้ข้ารู้สึกชื่นใจเป็นอย่างยิ่งเลย ในตอนนี้คงจะทราบแล้วใช่หรือไม่ว่าคำพูดของข้านั้นหมายความว่าอย่างไร” เฒ่าประหลาดเนตรมารกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาด้วยความสะใจ

 

ถู่ฟางไม่ได้สนใจวาจาเย้ยหยันของเฒ่าประหลาดเนตรมารเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่จ้องมองไปยังเบื้องหน้าสายตาด้วยความแตกตื่นอย่างถึงที่สุด ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดศึกการต่อสู้ระหว่างธรรมะกับอธรรมถึงได้เกิดขึ้นกะทันหัน

 

ฝ่ายอธรรมได้ใช้วิธีการเช่นใดถึงได้รับศิษย์เข้ามาได้มากถึงเพียงนี้กัน? โดยปกติแล้วเหล่าพรรคมารมักจะปลุกปั้นศิษย์ฝ่ายอธรรมขึ้นมาได้ไม่มากนักเพราะพวกเขามักจะเข่นฆ่ากันเอง หรือว่าพวกเขาคิดที่จะหยิบยืมพลังของศิษย์ฝ่ายธรรมะในการคัดเหลือลูกศิษย์กัน?

 

“ผู้อาวุโสถู่ฟาง พวกเราจะทำอย่างไรกันดี? หากเป็นเช่นนี้คงจะไม่ดีแน่ ศิษย์ของพวกเราคงจะต้องถูกกวาดล้างไปจนหมดสิ้นแน่!” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างร้อนรน

 

“ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ คงทำได้แค่รอดูกันต่อไป” ถู่ฟางพยายามควบคุมสภาวะจิตใจให้สงบนิ่งที่สุดแล้วกล่าวออกไป พลันก็ได้จับจ้องไปทางหลงเฉินราวกับได้พบเห็นความหวังอันยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นมา

 

บนใบหน้าของหลงเฉินไม่แสดงอารมณ์ใดใด ทั้งยังมีสภาวะจิตใจที่สงบนิ่งมาโดยตลอด แววตาทั้งสองทอประกายเยือกเย็นจ้องมองไปยังฝ่ายอธรรมอย่างไม่ลดละ ให้ความรู้สึกเสมือนกับขุนเขาขนาดใหญ่ที่ไม่หวั่นเกรงต่อศัตรูที่แข็งแกร่งจำนวนมากมาย

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมและศิษย์ฝ่ายธรรมะต่างก็ประจันหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงสิบลี้แล้วเท่านั้น การเคลื่อนทัพของศิษย์ฝ่ายอธรรมค่อยๆ มุ่งหน้าเข้ามาช้าๆ พลันก็หยุดลง สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่ศิษย์ฝ่ายธรรมะราวกับเป็นหมาป่าพร้อมที่จะตะครุบเหยื่ออย่างไรอย่างนั้น

 

“หนี!”

 

จู่จู่ก็มีเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมาท่ามกลางเหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะนับพัน จากนั้นก็มีผู้คนอีกหลายสิบคนวิ่งตะยึงหนีออกไปทางด้านหลัง

 

ถู่ฟางมีใบหน้าดำคล้ำขึ้นมาในทันที เหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดต่างก็มีสีหน้าปากอ้าตาค้างขึ้นมาตามๆ กัน สายตาทุกคู่จ้องเขม็งไปทางศิษย์ของสำนักนรกโลหิตเหล่านั้นอย่างเอือมระอา

 

หลังจากที่ศิษย์ของสำนักนรกโลหิตที่เป็นผู้นำทัพสิบกว่าคนวิ่งหนีไปก็ได้มีพรรคพวกอีกกว่าร้อยคนวิ่งหนีตายตามไปด้วย การเผชิญหน้ากับศิษย์ฝ่ายอธรรมจำนวนมหาศาลทำให้พวกเขาหวาดกลัวอย่างหมดจด ฉะนั้นการหลบหนีจึงเป็นสิ่งเดียวที่สามารถทำให้พวกเขารอดพ้นจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้

 

“เจ้าพวกบัดซบ!” ถู่ฟางด่าทอขึ้นมาด้วยโทสะที่ท่วมท้น จากนั้นก็โบกมือขึ้นมาเพื่อเตรียมออกคำสั่งให้สังหารเหล่าศิษย์ที่กำลังหลบหนีไป

 

“ปล่อยพวกเขาไปเถิด” จู่จู่หลงเฉินก็กล่าวตัดบทขึ้นมา ทว่าในน้ำเสียงของเขานั้นกลับเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณอันมหาศาล ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นเสียงตะโกนดังกังวาน ทว่าก็ดังพอที่จะทำให้ผู้คนในระยะร้อยลี้ได้ยินกันอย่างชัดเจน

 

ถู่ฟางหันกลับไปทางหลงเฉินแล้วค่อยๆ ลดมือลง ทันใดนั้นก็ทราบขึ้นมาได้ว่าการสังหารผู้คนในเวลาเช่นนี้ย่อมไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ อีกทั้งยังอาจจะทำให้อีกฝ่ายหยามเหยียดขึ้นมา

 

ทว่าหากปล่อยให้พวกเขาหลบหนีไปก็มีแต่จะทำให้ผู้คนที่เหลือขาดความเชื่อมั่น ซึ่งไม่ต่างอันใดจากการทำลายพลังใจของพวกพ้องอย่างรุนแรง ต่อให้ถู่ฟางจะผ่านเรื่องราวต่างๆ มาชั่วชีวิตก็ยังรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ดี

 

“หากรู้สึกหวาดกลัวก็จากไปเถิด เพราะนี่เป็นศึกการต่อสู้ของเหล่าผู้กล้า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สมควรที่จะมีผู้อ่อนแอเข้าร่วมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

หลงเฉินทอสีหน้าเย็นเยียบมองไปทางด้านหน้า ไม่แม้แต่คิดที่จะหันกลับไปมองดูคนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เหล่าศิษย์จากสำนักอื่นที่เคยมีจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวก็ได้ถูกขจัดความรู้สึกเหล่านั้นไปทั้งหมด

 

ส่วนเหล่าศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์นั้นก็ได้มีใบหน้าเย็นเยียบ ไร้ซึ่งความหวาดกลัว ทั้งยังมีแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น จนทำให้ศิษย์ของสำนักนรกโลหิตที่กำลังวิ่งตะบึงหนีไปได้ระยะทางหนึ่งค่อยๆ หยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับไปมองหลงเฉิน

 

“วิถีแห่งการฝึกยุทธ์นั้นเป็นเส้นทางที่ไร้ซึ่งหนทางให้ถอยกลับ หากอยากที่จะเดินหน้าต่อไปก็จำเป็นที่จะต้องมีความกล้าหาญในการเผชิญหน้ากับความตาย ในเมื่อพวกเจ้าไม่กล้าเผชิญหน้ากับความตายแล้วจะทำลายโซ่ตรวนที่พันธนาการพวกเจ้าอยู่ได้อย่างไรกัน? แล้วเช่นนี้พวกเจ้าจะก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดได้อย่างไร?

 

ข้าสามารถบอกต่อพวกเจ้าได้เลยว่าถ้าหากพวกเจ้าหลบหนีไปในตอนนี้ ต่อให้ฝึกยุทธ์มากเท่าใดก็ไม่อาจทะลวงเข้าสู่ขอบเขตต่อไปได้อีกแล้ว และเหตุการณ์ในวันนี้จะทำให้พวกเจ้าเกิดจิตมารอันจะส่งผลต่อการดำรงชีวิตของพวกเจ้าไปชั่วชีวิต ทว่าความปรารถนาที่มีชีวิตอยู่ต่อไปของพวกเจ้าจะเป็นจริง ซึ่งนั่นก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าที่จะเลือกหนทางด้วยตัวเอง

 

ส่วนคนที่ยังอยู่ในที่นี้ ข้าจะขอบอกกล่าวกับพวกเจ้าว่ามีความเป็นไปได้สูงที่พวกเจ้าจะต้องตายในการต่อสู้ ทว่าถ้าหากพวกเจ้าสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ก็จะกลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงแห่งยุค ฉะนั้นผู้ใดที่อยากจะเป็นยอดฝีมือก็ให้อยู่ตรงนี้ หากรักตัวกลัวตายก็รีบไสหัวไปซะ เพราะอีกสักครู่ข้าจะไม่ให้พวกเจ้าหลบหนีไปได้อีกแล้ว” หลงเฉินกล่าว

 

ทันทีที่หลงเฉินกล่าวจบ เหล่าศิษย์กว่าครึ่งหนึ่งที่เดินจากไปแล้วก็กัดฟันกรอดแล้วเดินย้อนกลับมา

 

“ให้ตายเถิด ข้าเองก็จะเป็นวีรชน ข้าไม่ต้องการที่จะเป็นคนขี้ขลาด”

 

“มีสิ่งใดที่จะต้องกลัวกัน ก็แค่ตายไม่ใช่หรือ ต่อให้ต้องตายไปก็เป็นการตายเยี่ยงชายชาตรีผู้หนึ่งแล้ว”

 

“ข้าจะขอแลกชีวิตกับเจ้าพวกบัดซบฝ่ายอธรรมเหล่านั้นเอง ต่อให้ต้องตายไป ข้าก็จะลากพวกมันไปลงนรกด้วย เพื่อทำให้บิดาภูมิใจในตัวข้า!”

 

ถึงแม้จะวาจาที่กล่าวออกมานั้นจะไม่น่าฟัง ทว่าก็ทำให้พวกเขาเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาได้ไม่น้อย จึงทำให้ขณะนี้มีศิษย์ฝ่ายธรรมะที่พร้อมจะต่อสู้อยู่สามพันกว่าคน ส่วนที่เหลือพันกว่าคนนั้นได้หลบหนีไปจนไม่อาจที่จะรั้งเอาไว้ได้แล้ว

 

หลงเฉินฉีกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เขาได้รู้สึกเกลียดชังต่อผู้คนที่หลบหนีไปเลย เพราะไม่อย่างไรพวกเขาก็ได้ตัดสินใจชะตาชีวิตด้วยตัวเองแล้ว ในเมื่อคิดที่จะจากไปก็ย่อมทราบอยู่แก่ใจแล้วว่าตัวเองนั้นอ่อนแอ ทั้งยังไม่ได้เกิดมาเพื่อวิถีแห่งการฝึกยุทธ์

 

ศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์หลายคนเหลือบมองไปทางผู้คนที่วิ่งตะบึงหนีไป ทว่าภายในจิตใจของพวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธเกลียดต่อผู้คนเหล่านั้น ในทางกลับกันกลับยิ่งเกิดความภาคภูมิใจในตัวเองและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพวกพ้อง

 

หากไม่ใช่เป็นเพราะหลงเฉินทำให้พวกเขาหลอมรวมจิตใจจนกลายเป็นหนึ่งเดียว ทั้งยังได้เข้าร่วมศึกการต่อสู้ที่แท้จริงในครั้งนี้ พวกเขาก็อาจจะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่หลบหนีไปก็เป็นได้

 

“ยินดีกับพวกเจ้าด้วยที่ยังยืนกรานที่จะอยู่ตรงนี้ หากผ่านพ้นวันนี้ไปได้ด้วยดี พวกเจ้าจะกลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริงแล้ว

 

เหล่าศิษย์จากสำนักอื่นให้ติดตามอยู่เบื้องหลังของศิษย์จากหมู่ตึกพลิกสวรรค์ จงชักอาวุธของพวกเจ้าแล้วกำเอาไว้ให้แน่น เมื่อใดที่เจอเจ้าเด็กน้อยที่ไม่คล้ายมนุษย์หรือผีสางก็ให้เข้าห้ำหั่นให้สิ้นซาก อย่าได้คิดที่จะหยุดมือแม้แต่ครั้งเดียว

 

และหากเมื่อใดที่ฟาดฟันอยู่แล้วพบว่าคนรอบข้างได้ลดน้อยถอยลงไป ก็ให้พวกเจ้าหยุดมือได้เลย เพราะว่านั่นหมายความว่า——เจ้าได้ตายไปแล้ว” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าว

 

“ฮา ฮา ฮา ฮา……”

 

กู่หยางและพวกพ้องส่งเสียงหัวเราะขึ้นมากันยกใหญ่ จากนั้นทั่วทั้งสนามก็เกิดมีเสียงหัวเราะดังระงมไปทั่วทั้งหมดจนทำให้ผู้คนที่อยู่ในอาการร้อนรนรู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย

 

ถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสมองไปที่หลงเฉินด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น ชายหนุ่มผู้นี้ช่างสมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาด ไม่ว่าปัญหาใหญ่อันใดก็ถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายและชาญฉลาด

 

เพียงคำพูดไม่กี่ประโยคก็ทำให้ผู้คนที่ขี้ขลาดและหวาดกลัวหวนย้อนกลับมาได้ ทั้งยังเปลี่ยนเป็นผู้กล้าหาญได้ภายในพริบตาราวกับพลิกฝ่ามือ หลงเฉินมีเสน่ห์ทางวาจาที่สามารถดึงดูดผู้คนเอาไว้ด้วยอย่างแท้จริง

 

“ไม่เลว เป็นการแสดงที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง พวกเราเองก็จะขอใช้อาวุธเข้าเชือดเฉือนไปที่เนื้อหนังของพวกเจ้าด้วยเช่นกัน ขอรับรองว่าโลหิตของพวกเจ้าจะต้องสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้าแน่นอน แม้แต่จะวิ่งหนีก็ไปก็ไม่ทันกาล เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก……” เฒ่าประหลาดเนตรมารกล่าววาจาที่ระคายหูแล้วหัวเราะเสียงดัง

 

“เคี๊ยกเคี๊ยกอยู่ได้ มารดาเจ้าเถิด มีชีวิตอยู่จนมาถึงวันนี้แล้วยังไม่เคยพบเห็นคนที่อัปลักษณ์เช่นเจ้ามาก่อนเลย ข้าเองก็ครุ่นคิดใคร่ครวญอยู่หลายครั้งหลายคราก็ยังหาคำตอบไม่ได้ เจ้าถูกขุดออกมาจากหลุมศพใดกัน? เหตุใดถึงมีสภาพน่าขยะแขยงเช่นนี้?

 

หรือเป็นเพราะการเลี้ยงดูของบิดาและมารดาบังเกิดเกล้าของเจ้าที่ทำให้เกิดเรื่องผิดธรรมชาติเช่นนี้ขึ้นมา บิดาและมารดาของเจ้าคงจะขยันทำงานบ้านกันหนักจนเกินไปกระมังจึงได้ให้กำเนิดคนที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมเช่นเจ้าออกมาได้”

 

ในขณะที่หลงเฉินเพิ่งจะกล่าวจบ ทันใดนั้นก็ทอหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงแล้วกล่าวต่ออีกว่า “หรือเป็นเพราะตอนที่มารดาของเจ้าให้กำเนิดเจ้าออกมาไม่ทันได้ระวังตัวจนเผลอโยนเจ้าออกไป!”

 

เหล่าพวกพ้องที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลงเฉินต่างส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาไม่หยุด ส่วนถังหว่านเอ๋อได้แต่ทอสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาพยายามที่จะอดกลั้นเอาไว้เพราะเป็นกุลสตรีก็ควรสงวนท่าทีต่อหน้าผู้คนเอาไว้

 

ถู่ฟางและเหล่าผู้อาวุโสที่ประจำการอยู่ในบริเวณที่ห่างไกลออกไปก็อดไม่ได้ที่จะทอสีหน้าตกตะลึงมองมาทางหลงเฉิน เหตุใดจู่จู่เขาถึงได้กล่าววาจาหยาบคายเช่นนั้นออกไปได้?

 

ส่วนอีกฝากหนึ่งก็ได้มีศิษย์ฝ่ายอธรรมไม่น้อยที่ได้แต่ทอใบหน้าโง่งมขึ้นมา เพราะพวกเขาทราบดีว่าเฒ่าประหลาดเนตรมารเป็นหนึ่งในมารผู้ยิ่งใหญ่ ทั้งยังเป็นบุคคลที่สูงส่งผู้หนึ่งของพรรคมารอีกด้วย

 

ต่อให้เป็นผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมก็ยังไม่มีผู้ใดหาญกล้าที่จะกล่าววาจาหรือกระทำการที่ไร้มารยาทต่อเขา ไม่เช่นนั้นคนผู้นั้นจะต้องถูกถลกหนังเลาะกระดูกออกมาจนไม่เหลือชิ้นดี ความโหดเหี้ยมของชายชราผู้นี้ย่อมไม่มีผู้ใดในฝ่ายอธรรมที่ไม่ทราบ

 

“เจ้าหนูผู้บัดซบ เหล่าฟู่จะเลาะกระดูกของเจ้ามาสังเวยให้กับจิตมารเอง สังหารมันมาให้ข้า เอาชีวิตของมันมาให้ข้า!” เฒ่าประหลาดเนตรมารด่าทอขึ้นมาเสียงดังประดุจอัสนีบาตฟาดลงมากลางจิตใจของผู้คน

 

เมื่อได้ยินเสียงคำสั่งที่เปี่ยมไปด้วยโทสะอันแรงกล้าของเฒ่าประหลาดเนตรมารดังเข้ามาในโสตประสาท ศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดก็ส่งเสียงคำรามเป็นการตอบรับแล้วชักอาวุธออกมามุ่งหน้าวิ่งตะบึงไปสังหารศิษย์ฝ่ายธรรมะในทันที

 

“มือธนูแห่งเทพเตรียมพร้อม”

 

หลงเฉินเอ่ยวาจาทุ้มต่ำ พลันก็มีศิษย์ของทางหมู่ตึกยกคันธนูขึ้นมา จากนั้นพวกเขาก็ง้างสายธนูจนกลายเป็นรูปจันทราเต็มดวง

 

“หันไปทางทิศเหนือแล้วเบี่ยงสี่สิบห้าองศา หลับตาแล้วยิงออกไปได้”

 

“ฟิ่ว ฟิ่ว ฟิ่ว……”

 

ลูกศรหลายดอกพุ่งทะลวงบรรยากาศประดุจห่าฝนขนาดมหึมามุ่งหน้าไปทางศิษย์ฝ่ายอธรรมในทันที แม้แต่ศิษย์ของสำนักอื่นๆ ยังตกตะลึงขึ้นมาตามๆ กัน

 

“มือธนูแห่งเทพอย่างนั้นหรือ? กระสุนศิลาหรือ?”

 

แม้แต่ถู่ฟางยังอดไม่ได้ที่จะทอสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมา เพียงคมศรธรรมย่อมไม่อาจทำร้ายศิษย์ฝ่ายอธรรมได้อยู่แล้ว แม้แต่จะทำให้บาดเจ็บก็ยังยากที่จะเป็นไปได้

 

“ตูม ตูม ตูม ตูม……”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่หยุด ทั้งยังมีหมอกควันคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณจนมองไม่เห็นเงาร่างใดใดเลย

 

“อา……ในหมอกมีพิษ”

 

เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นมาเป็นสาย บ้างก็ร่ำร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด เมื่อสิ้นเสียงเหล่านั้นก็ได้มีศิษย์ฝ่ายอธรรมรีบกลืนโอสถถอนพิษลงไป ทว่าหารู้ไม่ว่าผลของโอสถถอนพิษเหล่านั้นใช้ไม่ได้ผลกับพิษชนิดนี้

 

“พรวด พรวด พรวด……”

 

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง พลันก็มีกระแสโลหิตและเนื้อหนังลอยคว้างไปทั่วบรรยากาศ ผู้อาวุโสฝ่ายธรรมอธรรมที่จับตามองอยู่ที่ห่างไกลต่างก็สอแววตาโง่งมขึ้นมาเหมือนเห็นว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นมานี้ไม่ได้ตรงกับที่พวกเขาคิดเอาไว้เลยแม้แต่น้อย

 

“หลบไป รีบออกไปซะ ออกไปจากหมอกพิษซะ”

 

เฒ่าประหลาดเนตรมารแผดเสียงตะโกนดังสนั่นไปทั่วทั้งขุนเขา ทว่าเขากลับไม่ทราบเลยว่าเหล่าศิษย์ที่อยู่ในม่านหมอกเหล่านั้นกำลังเจ็บปวดมากเพียงใด และที่ยังออกมาจากหมอกพิษไม่ได้นั้นต่างก็ถูกพิษกัดกร่อนจนตายไปแล้ว บางส่วนที่คิดว่าโชคดีที่หลบหนีออกมาได้ทว่าก็ยังต้องออกมาตายอยู่ดี

 

เพียงแค่ชั่วครู่เดียวของการเปิดศึกก็ได้มีศิษย์ฝ่ายอธรรมถูกโค่นไปแล้วมากมาย เมื่อดูจากศพที่นอนเกลื่อนอยู่เต็มพื้นแล้วคงไม่ต่ำกว่าหลายพันคนแน่นอน ส่วนโอสถพิษของหลงเฉินก็ได้ถูกใช้ออกไปทั้งหมดแล้วเช่นกัน

 

โชคยังดีที่ศิษย์ฝ่ายอธรรมค่อยๆ เรียงแถวกันบุกโจมตีเข้ามาจึงถูกหมอกพิษกลืนกินไปไม่มาก เพราะบริเวณนี้กว้างใหญ่จนเกินไปจนทำให้ฤทธิ์ของพิษที่ล่องลอยออกไปอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ

 

“บุกเข้าไป สังหารพวกมันให้หมด!” เฒ่าประหลาดเนตรมารทอใบหน้าดุร้ายแล้วตะโกนออกไปอย่างเดือดดาล

 

ศิษย์ฝ่ายอธรรมจึงรีบเร่งฝีเท้ากันออกไปจากพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset