เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 259 ช่วงชิงสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูล

ชายหนุ่มชุดแดงถอยร่นออกไปทางด้านหลังด้วยความหวาดกลัว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจหลบเลี่ยงการโจมตีอันน่าหวาดกลัวที่อยู่เบื้องหน้าสายตาได้อีกแล้ว

ทว่าจู่จู่ในมือของเขาก็มีบางอย่างที่คล้ายกับโล่ปรากฏขึ้นมา ขุมพลังอันมหาศาลไหลเวียนเข้ามาไม่หยุด กระดองชิ้นนั้นปกคลุมด้วยเปลือกแข็งสีขาวประดุจหิมะที่มีร่องรอยของสัญลักษณ์ประหลาดบางอย่างสลักเสลาเอาไว้ ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะที่แข็งแกร่งเต็มสิบส่วน เพียงได้พบเห็นก็ทราบได้ทันทีว่าโล่ชิ้นนั้นได้มาจากสัตว์มายาชนิดมีเปลือกที่อยู่ในระดับสามขั้นสูงสุดตัวหนึ่ง

“เพล้ง”

ดาบทลายมารฟาดลงมาที่กระดองสีขาวอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงแตกร้าวขึ้นมาเป็นสาย ทว่าที่ทำให้ชายหนุ่มชุดแดงต้องเกิดอาการตกใจอย่างถึงที่สุดก็คือกระดองของเขาถูกกระแทกจนแตกละเอียดไปในทันที อีกทั้งยังเป็นการโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว นี่เป็นถึงกระดองของสัตว์มายาระดับสามที่มีพลังการป้องกันอันแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบเชียวนะ!

หลังจากที่กระดองสีขาวแหลกสลายหายวับไปในพริบตา ชายหนุ่มชุดแดงก็ได้รู้สึกตัวว่าแขนทั้งสองข้างของตัวเองขาดไปแล้ว พลันก็กระอักโลหิตออกมาอย่างรุนแรงจนทราบได้ทันทีว่าอวัยวะภายในได้ถูกทำลายจนกลายเป็นเศษชิ้นเนื้อไปทั้งหมดอีกด้วย

เพียงกระบวนท่าเดียวของหลงเฉินก็สามารบดขยี้ชายหนุ่มผู้นี้จนอวัยวะภายในแหลกละเอียดไปทั้งหมด ซึ่งคนผู้นี้เป็นถึงการคงอยู่ที่เรียกว่าผู้อยู่เหนือขอบเขต หากเปลี่ยนเป็นยอดฝีมือทั่วไปแล้วคงจะกลายเป็นเนื้อบดไปตั้งแต่แรกแล้ว

“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงชมชอบที่จะสวมหมวก แท้ที่จริงแล้วเพราะเจ้าเป็นลูกเต่าที่ชอบหดหัวอยู่แต่ในกระดองนั่นเอง” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแล้วค่อยๆ ย่างก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มชุดแดงที่กำลังอยู่ในสภาวะปางตาย

“จงตายไปซะ”

ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะลงมือสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมผู้นั้น จู่จู่ทั่วทั้งร่างก็สั่นเทาขึ้นมาเพราะความหนาวเหน็บแปลกประหลาด เสียงอันเกรี้ยวกราดของชายชราผู้หนึ่งดังกังวานไปทั่วทั้งผืนฟ้า พลันก็มีประกายแสงสีแดงสายหนึ่งมุ่งหน้าเข้าอย่างรวดเร็ว ทว่าประกายแสงสีแดงสายนั้นกลับหยุดอยู่แค่เพียงครึ่งทาง เพราะมีคมกระบี่สายหนึ่งพุ่งเข้าไปขวางเอาไว้

“ตาเฒ่าดวงตาผี เจ้าคิดจะลงมืออย่างนั้นหรือ?” ถู่ฟางกวาดกระบี่ยาวแล้วกล่าวขึ้นมา แท้ที่จริงแล้วก็เป็นการลอบลงมือของเฒ่าประหลาดเนตรมารนั่นเอง

แววตาของเฒ่าประหลาดเนตรมารเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารอันเย็นเยียบแผ่ซ่านออกมา เนื่องจากในขณะนี้ศิษย์ฝ่ายอธรรมลดทอนลงไปเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่าศิษย์ฝ่ายธรรมะจะเป็นเพียงแมลงฝูงหนึ่งทว่าพลังการต่อสู้นั้นกลับห้าวหาญมากยิ่งขึ้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปฝ่ายอธรรมคงจะต้องวอดวายไปทั้งกองทัพอย่างแน่นอน

หากเป็นแค่ศิษย์ทั่วไปก็คงจะปล่อยให้ตายตกไปโดยไม่เสียดาย ทว่าเขาไม่อาจยินยอมให้ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้หนึ่งตายตกไปต่อหน้าต่อตาได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงลอบลงมือออกไปเพื่อให้พลังอันมหาศาลของยอดฝีมือขอบเขตเชื่อมชีพจรเช่นเขาสังหารหลงเฉินไปได้ในทันที

การลงมืออย่างรวดเร็วและเฉียบคมของเขาย่อมสามารถปลิดชีพของหลงเฉินได้แน่นอน ทว่าเมื่อครู่นี้กลับถูกถู่ฟางเข้ามาขวางเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าเฒ่าชราของฝ่ายธรรมะผู้นี้ได้เตรียมการป้องกันเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

“รีบสังหารพวกขาดเขลาเหล่านั้นให้หมดสิ้น โดยเฉพาะเจ้าหนูผู้บัญชาการ จงสังหารมันให้ข้าซะ!” เฒ่าประหลาดเนตรมารแผดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างถึงที่สุด

หลังจากที่หลงเฉินโค่นผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมลงไปได้ บรรยากาศภายในสนามรบก็เปลี่ยนไปในทันที ผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมคนอื่นๆ ต่างก็รับรู้ได้ถึงการคุมคามของชีวิต ฉะนั้นมีแต่จะต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดสังหารหลงเฉินและพวกพ้องตามคำสั่งของเฒ่าประหลาดเนตรมารให้เร็วที่สุด

ผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมที่เหลืออยู่ต่างก็รับรู้ได้ว่าพลังการต่อสู้ของหลงเฉินนั้นน่าหวาดกลัวเสียยิ่งกว่าหยินหลอเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าม่อเนี่ยนผู้นั้นเสียอีก นั่นก็เป็นเพราะหลงเฉินเป็นเพียงยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตก่อโลหิตขั้นสูงสุดเท่านั้น

หากเทียบพลังสภาวะกับพวกเขาแล้วแทบจะไม่ต่างไปจากผักปลาทั่วไปเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นการสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้หนึ่งลงไปได้ ย่อมไม่ใช่เป็นเพียงกลยุทธ์ที่เหนือกว่า ทว่าเป็นสิ่งที่เรียกว่าพรสวรรค์ที่สามารถพลิกสวรรค์ได้เลยก็ว่าได้

“ทุ่มเทพลังทั้งหมดโจมตีออกไป อย่าได้กลายเป็นหินลับมีดให้กับผู้เยาว์เหล่านั้น”

ถู่ฟางตะโกนเสียงดังกึกก้องไปทั่วทั้งขุนเขา จากนั้นเหล่าผู้อาวุโสและยอดฝีมือระดับศิษย์พี่จากสำนักต่างๆ ก็รีบกระโจนเข้าไปยังสนามรบเบื้องล่าง ในเมื่อฝ่ายอธรรมชิงลงมือก่อน พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องขัดขวางเหล่ายอดฝีมือของฝ่ายอธรรมเหล่านั้นเอาไว้

หลงเฉินสามารถพลิกสถานการณ์ภายในสนามรบทั้งหมดได้อย่างหมดจดงดงาม นอกจากจะดึงความเชื่อมั่นของศิษย์ทั้งหมดออกมาแล้วยังทำให้โลหิตภายในร่างกายของยอดฝีมือฝ่ายธรรมะพุ่งพล่านขึ้นมาอย่างท่วมท้น

ท่ามกลางสนามรบอันวุ่นวายเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เหล่ายอดฝีมือของฝ่ายธรรมะและอธรรมปะทะกันอย่างดุเดือด ถู่ฟางและเฒ่าประหลาดเนตรมารเองก็เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาเป็นคู่แค้นกันมาเนินนานแล้ว

การลงมือของผู้คนทั้งหมดเป็นกระบวนท่าที่ใช้พลังทั้งหมดออกมาอย่างบ้าคลั่ง ด้วยพลังอันมหาศาลจนน่าหวาดกลัวของยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายถึงกับทำลายภูเขาสูงใหญ่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าจนแหลกลานไปในพริบตาเดียว กระแสยุทโธปกรณ์นับหลายพันสายสาดประกายคมกล้าออกไปทั่วทุกสารทิศ สายลมกรรโชกแรงจนเกิดเป็นคลื่นพายุคลั่งสูงเสียดฟ้า

ห่างจากบริเวณที่เหล่าศิษย์ของทั้งสองฝ่ายประมือกันอยู่นั้นก็มีเหล่าผู้อาวุโสกำลังปะทะกันอย่างเผ็ดร้อนด้วยเช่นกันราวกับว่านี่เป็นศึกครั้งสุดท้ายของพวกเขาแล้วอย่างไรอย่างนั้น นอกจากผู้อาวุโสของทั้งสองฝ่ายแล้วยังมียอดฝีมือระดับศิษย์พี่ปะปนอยู่ด้วยไม่น้อยจึงทำให้ศึกนี้ดูจะวุ่นวายยิ่งขึ้นไปอีก

เหล่ายอดฝีมือระดับศิษย์พี่ของฝ่ายธรรมะต่างก็ทอดวงตาแดงฉานขึ้นมา ขอเพียงเป็นฝ่ายศัตรูแล้วก็ไม่คิดที่จะหยุดห้ำหั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเลยแม้แต่น้อย ความหวาดกลัวที่เคยมีถูกแปรเปลี่ยนเป็นรังสีสังหารไร้อนันต์

วาจาและการกระทำของหลงเฉินได้เข้ากระตุ้นบางอย่างที่อยู่ภายในจิตใจของพวกเขาจนในที่สุดก็ทราบแล้วว่าเหตุใดตัวเองถึงได้อ่อนหัดกว่าศิษย์รุ่นนี้เป็นอย่างมาก ไม่ใช่เป็นเพราะพรสวรรค์ที่ต่ำต้อยกว่าทว่าเป็นจิตใจที่หวาดเกรงต่อความตายมากจนเกินไป ฉะนั้นตอนนี้พวกเขาจึงลงมือด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวมากขึ้น

หลงเฉินมองดูสนามรบอันวุ่นวายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ แค่จัดการผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมลงไปได้ก็ถึงกับเปลี่ยนแปลงบรรยากาศโดยรอบได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ทว่าทันใดนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่าควรจะเร่งลงมือให้จบสิ้นโดยเร็วที่สุด พลันก็ยกดาบทลายมารพุ่งเข้าหาผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นอีกครั้งหนึ่ง

“หลงเฉิน ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของเจ้าช่วงชิงพลังของต้นตระกูลนั้นมาเสีย หากเจ้าทำได้ก็จะมีโอกาสสำเร็จเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขต” จู่จู่เสียงของถู่ฟางก็ดังขึ้นมาในโสตประสาทของหลงเฉิน

เมื่อหลงเฉินได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าปากอ้าตาค้างขึ้นมาในทันที ฉู่เหยาเคยบอกกล่าวต่อเขาว่าผู้อยู่เหนือขอบเขตนั้นต่างก็เป็นผู้ที่กำเนิดมาพร้อมกับโชควาสนาแห่งฟ้าดิน แล้วเช่นนี้เขาจะช่วงชิงวาสนาของคนผู้นั้นมาได้อย่างไรกัน?

ดาบใหญ่ถูกกระชับเอาไว้ในมือแล้วหันเข้าไปทางเบื้องหน้าของชายหนุ่มชุดแดงที่กำลังอยู่ในอาการแตกตื่นจนลนลาน คนผู้นั้นพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดพยุงร่างกายขึ้นเพื่อใช้กระบี่ยาวเข้าต้านการโจมตีของหลงเฉิน

ทว่าร่างกายที่พร้อมจะแหลกสลายได้ทุกเมื่อก็ไม่อาจทนคมดาบของหลงเฉินได้จนขาดออกจากกันเป็นสองส่วนในทันที พลังชีวิตอันริบหรี่ก็ได้สูญไปอย่างช้าๆ แล้วใจกลางหว่างคิ้วของคนผู้นั้นก็มีสัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลปรากฏขึ้นมาให้เห็น

“หลงเฉิน รีบลงมือเข้า อีกไม่นานพลังนั้นก็จะหายไปแล้ว” ถู่ฟางกล่าวพร้อมกับพลิกกระบี่ยาวไปมาอย่างบ้าคลั่ง อีกทั้งยังต้องแบ่งจิตมาบอกกล่าวกับหลงเฉินอีก เรียกได้ว่าเป็นการผลาญพลังภายในร่างกายเป็นอย่างมาก

หลงเฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะยื่นมือเข้าไปโอบอุ้มร่างไร้วิญญาณครึ่งหนึ่งของชายหนุ่มชุดแดงขึ้นมา จากนั้นก็ออกตัววิ่งเข้าไปยังท่ามกลางสนามรบอันวุ่นวาย มุ่งตรงไปบริเวณที่ถังหว่านเอ๋อและศิษย์สายตรงบางส่วนกำลังเปิดศึกกับผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้หนึ่งอย่างเอาเป็นเอาตาย

ซึ่งผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นก็ช่างแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งจนสามารถสังหารเหร่ยเชียนซังและศิษย์สายตรงอีกสองคนลงไปได้ ทว่าในขณะนี้ที่เบื้องหน้าของเขาก็ยังมีถังหว่านเอ๋อ กู่หยาง และพวกพ้องที่กำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันจนร่างกายชุ่มโชกไปด้วยโลหิตสีแดง อีกทั้งยังมีบาดแผลน้อยใหญ่อยู่เต็มไปหมด

“รับดาบ”

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงดังสะท้านโสตประสาทของผู้คนราวกับเป็นเสียงสายฟ้าคำรณผ่ากลางวงต่อสู้ ประกายสีทองของดาบใหญ่แหวกอากาศผ่านเข้ามายังเงาร่างของผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมผู้นั้นจนตายตกไปในทันที

เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะถูกกู่หยางทำให้เสียหลักจนถอยร่นออกมาทางด้านหลัง และในขณะเดียวกันก็มีผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกผู้หนึ่งกำลังจะสังหารกู่หยางด้วยการขว้างหอกแบ่งวารีออกมา ทว่าจู่จู่เขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย แขน ขา และศีรษะราวกับถูกฉีกกระชากออกจากกันอย่างรุนแรง

“หลงเฉิน”

ถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องตะโกนขึ้นมาด้วยความยินดีกันยกใหญ่ เมื่อครู่นี้พวกเขาได้ทุ่มเทพลังสมาธิทั้งหมดอยู่กับการต่อสู้จึงไม่ทราบว่าสถานการณ์โดยรอบเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อได้พบเห็นหลงเฉินปรากฏตัวขึ้นมาก็จึงเกิดความลิงโลดกันอย่างบ้าคลั่ง

“หว่านเอ๋อ ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณของเจ้าดูดซับพลังของต้นตระกูลที่หว่างคิ้วของคนผู้นี้ซะ ส่วนพวกเจ้ารีบไปจัดการกับศัตรูทางนั้นก่อน เร็วเข้า!”

หลงเฉินโยนร่างไร้วิญญาณครึ่งท่อนของชายหนุ่มชุดแดงให้ถังหว่านเอ๋อแล้ววิ่งตะบึงออกไปจัดการกับผู้อยู่เหนือขอบเขตคนที่เหลือ ส่วนพวกพ้องคนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายกันออกไปตามคำสั่งของหลงเฉินในทันที

ถังหว่านเอ๋อมองไปยังร่างไร้วิญญาณที่อยู่บนพื้นแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก มืออันขาวผ่องแตะไปที่หว่างคิ้วของเงาร่างสายนั้น พลังแห่งจิตวิญญาณสายหนึ่งไหลเวียนเข้าไปที่สัญลักษณ์ประจำพลังของต้นตระกูลอันมืดมนแล้วแปรเปลี่ยนเป็นขุมพลังอันแสนอบอุ่น

“ตัดลี้สายลม”

หลงเฉินตะโกนเสียงดังแล้วพลิกดาบทลายมารที่เปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะอันน่าหวาดกลัวไปทางผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมผู้นั้นในทันที ผู้อยู่เหนือขอบเขตจ้องมองกระบวนท่าของหลงเฉินด้วยความหวาดกลัว ภายในจิตใจก็ทราบดีว่าพลังการต่อสู้ของหลงเฉินนั้นมหาศาลอย่างไร้ที่เปรียบ ถึงกับสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตไปแล้วถึงสองคนด้วยกัน ฉะนั้นการปะทะกันอย่างซึ่งหน้าย่อมมีแต่จะเสียเปรียบ

ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นจึงสะบัดหอกแบ่งวารีออกไปจนเกิดประกายเจิดจรัสแหวกผ่านบรรยากาศออกไป ทันทีที่ปะทะกับดาบใหญ่ของหลงเฉินที่ฟาดลงมา เขาก็รีบพึ่งพาสภาวะพลังอันมหาศาลของหลงเฉินกระแทกตัวเองจนลอยออกไปหมายที่จะถอยหลังกลับเข้าไปรวมตัวกับทัพใหญ่ของฝ่ายอธรรม

หลงเฉินไม่ได้มีความคิดที่จะติดตามไปแต่อย่างใด การลงมือในครั้งนี้เพียงเพื่อประวิงเวลาให้พวกพ้องของเขาได้พักบ้างก็เท่านั้น พลันก็มุ่งหน้าไปหาฉู่เหยาในทันที

ดวงตาคู่คมมองไปทางอาหมานอย่างวางใจ เขี้ยวหมาป่าของอาหมานนั้นคล้ายกับเป็นกังหันลมขนาดใหญ่ที่กำลังชักนำกระแสลมให้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งบนใบหน้าของเด็กน้อยผู้นั้นก็ยังไม่มีความเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย ส่วนผู้อยู่เหนือขอบเขตที่ถือขวานยักษ์นั้นก็รับการโจมตีของอาหมานไม่หยุดจนพ่นสายโลหิตออกมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะทนต่อไปได้อีกไม่นาน

ส่วนฉู่เหยานั้นก็เรียกได้ว่าเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่แล้ว ทว่าการที่จะสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นลงไปได้ย่อมต้องใช้เวลามากกว่าคู่อื่นๆ ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงคิดที่จะเข้าไปช่วยฉู่เหยาจัดการผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้น

ในขณะที่หลงเฉินกำลังวิ่งตะบึงตรงไปอย่างไม่ลดละ จู่จู่บรรยากาศรอบด้านก็เย็นยะเยือกขึ้นมา สิ่งนี้คล้ายกับเป็นพลังกดดันของยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกอย่างไรอย่างนั้น

“เจ้าหนู ตายซะเถิด”

ทันใดนั้นก็มียอดฝีมือระดับผู้อาวุโสของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งบุกเข้ามาโดยไม่ทราบว่าหลุดออกมาจากวงล้อมเหล่านั้นได้อย่างไรจนหลงเฉินตกใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด พลันก็มองดูโดยรอบแล้วก็ทราบว่าเป็นผู้อาวุโสซุนที่จงใจต้านทานผู้อาวุโสของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งเอาไว้ไม่อยู่จนปล่อยให้เขาหลุดเข้ามา

‘กล้าใช้ไม้นี้กับข้าอย่างนั้นหรือตาแก่ เจ้ารอข้าก่อนเถิด’

“จงตายไปซะเจ้าหนู!”

ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด แล้วโบกมืออันแห้งกร้านของเขาฟาดเข้ามาที่หลงเฉินอย่างหนักหน่วง

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset