เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 263 พลังของขอบเขตก่อฟ้า

หลังจากที่หลงเฉินมาถึงอาณาเขตการต่อสู้ของม่อเนี่ยนและหยินหลอแล้วก็ได้แต่ทอสีหน้าตกตะลึงขึ้นมา ภายในจิตใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ช่างเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา

คมหอกและประกายศรส่องแสงเจิดจ้าไปทั่ว อีกทั้งยังมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่หยุด บรรยากาศโดยรอบเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารอันเข้มข้นจนยากที่จะยืนหยัดอยู่ได้

ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะสังหารผู้อาวุโสขอบเขตปรือกระดูกไปได้แล้วถึงหนึ่งคน ทว่าบุคคลทั้งสองที่กำลังต่อสู้อยู่เบื้องหน้าสายตาของเขากลับเป็นการคงอยู่ที่แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่า เรียกได้ว่าไม่อาจจัดได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันได้เลย

“ศิษย์พี่ม่อเนี่ยน ท่านต้องการความช่วยเหลือหรือไม่?” หลงเฉินทอแววตาเป็นประกายเจิดจ้ามองไปยังสนามรบของยอดฝีมือทั้งสองคนด้วยความตื่นเต้นอย่างถึงที่สุดแล้วเอ่ยถามออกไป

“เป็นความคิดที่ดี เข้ามาเลย จัดการเขาให้เสร็จสิ้นแล้วไปหาที่ร่ำสุรากัน” ม่อเนี่ยนตอบรับพร้อมกับยกคันธนูขึ้น ทว่าลูกศรนับพันหมื่นของเขาไม่อาจสร้างภัยคุกคามให้กับหยินหลอได้เลยแม้แต่น้อย เขาจึงรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทีแล้ว

ม่อเนี่ยนไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหยินหลอผู้นี้มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้พบกันคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อกันถึงเพียงนี้ ทว่าการสังหารบุคคลที่อยู่ในระดับเดียวกันช่างยากเย็นแสนเข็ญจนเขารู้สึกเบื่อหน่ายกับการต่อสู้อันยาวนาน อีกทั้งยังใช้เรี่ยวแรงออกไปโดยเปล่าประโยชน์เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจล้มอีกฝ่ายได้ เมื่อได้ยินหลงเฉินยื่นข้อเสนอมาจึงรีบขานรับออกไปในทันที

หลงเฉินหัวเราะฮาฮาด้วยความชอบใจแล้วกระโจนเข้ามาท่ามกลางสนามรบอย่างรวดเร็ว ในขณะที่หลงเฉินกำลังจะกวาดคมดาบไปทางหยินหลออยู่นั้น จู่จู่ก็สัมผัสได้ถึงสนามพลังแปลกประหลาดบางอย่างที่กำลังรายล้อมอยู่รอบกาย และแท้ที่จริงแล้วก็คือพลังแห่งความแน่วแน่ที่ยอดฝีมือทั้งสองคนแผ่ออกมาตั้งแต่แรกแล้วนั่นเอง

ทว่าหลงเฉินกลับไม่รู้เลยว่าตัวเองก็แผ่พลังแห่งความแน่วแน่ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งพลังของเขานั้นแตกต่างกับยอกฝีมือทั้งสองคนโดยสิ้นเชิง เป็นพลังแห่งความแน่วแน่ที่ไม่ได้มุ่งเป้าไปหาผู้ใดผู้หนึ่งเป็นพิเศษ ทว่าเป็นพลังที่กระจายไปทั่วทั้งฟ้าดินราวกับหมายที่จะทำลายพันธนาการแห่งฟ้าทั้งเก้าชั้น

ทันทีที่หลงเฉินระเบิดพลังการต่อสู้ออกมา ทั้งม่อเนี่ยนและหยินหลอต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งความแน่วแน่ที่แรงกล้าจนต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง

“รับดาบ” ดาบทลายมารสาดประกายคมกล้าไปยังร่างของยินหลออย่างรุนแรงจนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งปฐพี

หยินหลอส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชาพร้อมกับกระตุ้นพลังอักขระเอาไว้บนคมหอกสีทองแล้วหันไปรับคมดาบของหลงเฉินที่ฟันลงมา

“ตูม”

ประกายแสงสีทองทั้งทองสายประสานเข้าด้วยกันจนปะทุเป็นแรงระเบิดอันรุนแรงที่สั่นสะเทือนไปทั้งผืนฟ้า หลงเฉินรับรู้ได้ทันทีว่าทั่วทั้งร่างกายของเขากำลังสั่นเทิ้ม โดยเฉพาะแขนทั้งสองข้างที่เกิดอาการชาซ่านขึ้นมาเป็นสาย

“ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” หลงเฉินทอสีหน้าแตกตื่นมองไปยังหยินหลอ

ในขณะที่หลงเฉินถูกกระแสลมกรรโชกแรงซัดจนลอยกระเด็นออกไป หยินหลอเองก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศด้วยเช่นกัน แววตาของชายหนุ่มฝ่ายอธรรมปรากฏอาการตกตะลึงขึ้นมาอย่างไม่เสื่อมคลาย พลังอันมหาศาลของเขาถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของศิษย์ฝ่ายอธรรมเลยก็ว่าได้

ต่อให้ศัตรูเป็นถึงยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกก็ยังสังหารมาแล้วนับไม่ถ้วน ทว่าเหตุใดตอนนี้ถึงได้ถูกการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเด็กน้อยขอบเขตก่อโลหิตซัดออกไปอีกทั้งยังรู้สึกชาไปทั้งตัวได้ หอกยาวสีทองที่ถืออยู่เกือบจะหลุดออกจากมือไปแล้ว

“หึ่ง”

ทันใดนั้นเองลูกศรดอกหนึ่งก็พุ่งแหวกสายลมเข้ามาอย่างรวดเร็ว หยินหลอจึงรีบสะบัดปลายหอกออกไปทลายคมศรสายนั้น ทว่าด้วยพลังอันมหาศาลของม่อเนี่ยนได้ทำให้เขาถูกกระแทกจนลอยออกไป และในขณะเดียวกันนั้นก็มีเงาของดาบใหญ่กวาดเข้ามาที่เขาอีกครั้งหนึ่ง

“ตูม ตูม ตูม……”

การโจมตีของหลงเฉินและม่อเนี่ยนกดดันจนหยินหลอต้องถอยร่นออกไปติดต่อกันหลายก้าว แม้ว่าเขาจะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ ทว่าก็ยังไม่เพียงพอที่จะต้านทานการจู่โจมจากยอดฝีมือทั้งสองคนได้

“ลงมือด้วยพลังที่มากขึ้นกันเถิด รีบรวบรัดให้แก่เขาเป็นดีที่สุด” ม่อเนี่ยนกล่าวขึ้นมาด้วยอาการลิงโลดเมื่อเห็นหลงเฉินปะทุพลังการต่อสู้อันดุเดือดขึ้นมา จากนั้นก็ใช้มือง้างสายธนูแล้วแผลงศรออกไปติดต่อกันไม่หยุด

ม่อเนี่ยนถนัดในการโจมตีจากระยะไกล ส่วนหยินหลอนั้นเป็นชอมชอบการต่อสู้ระยะประชิด เดิมทีเขานั้นตกเป็นรองอยู่หลายครั้งเพราะหยินหลอเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็วจนเขาไม่สามารถทิ้งระยะห่างออกไปได้เลย โชคดีที่มีหลงเฉินคอยต่อสู้ในระยะประชิด เขาจึงไม่ต้องพะวงการรักษาระยะห่างจากศัตรูอีกต่อไป

“คิดว่าการที่พวกเจ้าร่วมมือกันจะสามารถเอาชนะข้าได้อย่างนั้นหรือ? เหอะ เช่นนั้นจงรับมือกับกายาแห่งอเวจีของข้าดูหน่อยก็แล้วกัน” หยินหลอตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นก็มีเงามายาสีดำทะยานขึ้นมาจากด้านหลังของเขา พลันก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาไปในทันที

“หึ่ง”

บรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรงจนหลงเฉินและม่อเนี่ยนยืนหยัดเอาไว้ไม่อยู่ ดวงตาของทั้งคู่จ้องมองไปยังหยินหลอด้วยอาการตกตะลึง พวกเขาต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังแห่งฟ้าดินที่ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งที่กำลังโอบล้อมรอบกายของพวกเขาเอาไว้

“แย่แล้ว เจ้าตัวบัดซบผู้นี้ได้สำเร็จโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าแล้ว” ม่อเนี่ยนร้องเสียงหลงขึ้นมา

โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าเป็นโลหิตของยอดฝีมือขอบเขตเชื่อมชีพจรที่ได้เข้าสู่ขอบเขตก่อฟ้า ซึ่งเกิดจากการชำระเส้นเอ็นจนทำให้เกิดเป็นโลหิตบริสุทธิ์ขึ้นมานั่นเอง

ด้วยเหตุนี้ยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตก่อฟ้าจึงมีร่างกายที่บริสุทธิ์หมดจดราวกับได้รับการอวยพรจากฟ้าดิน สามารถชักนำพลังอันมหาศาลแห่งฟ้าดินมาใช้ได้ไม่จำกัด อีกทั้งยังมีอายุขัยได้นานนับพันปีเลยก็ว่าได้ ผู้คนจึงมักจะเรียกขานการคงอยู่ของบุคคลเช่นนี้ว่าสุดยอดฝีมือ

“ตายซะเถิด”

ใบหน้าของหยินหลอมีสีแดงก่ำอย่างถึงที่สุด แม้ว่าภายในร่างกายของเขาจะมีโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าไหลเวียนอยู่อย่างบ้าคลั่ง ทว่าด้วยพลังแห่งฟ้าดินเหล่านั้นกลับไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะสามารถควบคุมได้ ต่อให้เป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตเช่นเขาก็ยังไม่อาจทานรับความหนักหนาเช่นนั้นเอาไว้ได้

หอกยาวสีทองในมือของหยินหลอกวัดแกว่งไปมากลางอากาศจนเกิดเป็นกระแสลมกรรโชกรุนแรงออกไปกว่าพันจั่ง เพียงครู่เดียวทุกสิ่งอย่างโดยรอบก็ถูกกระแสคมหอกกวาดล้างไปจนหมดสิ้น

“คมหอกไล่วิญญาณ”

หอกยาวสีทองหันปลายอันแหลมคมพุ่งเข้ามาหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

“ศรเขย่าภูผาผันผวนจักรวาล”

ม่อเนี่ยนรีบกลับสู่สภาวะปกติแล้วไหลเวียนพลังทั้งหมดทั่วทั้งร่างกายเข้าสู่คันธนูยาวสีรุ้งของเขา พลันก็ง้างสายธนูแล้วแผลงคมศรสีแดงที่มีความยาวกว่าสิบจั่งออกไปในทันที

หลงเฉินไม่ทราบว่าโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าที่ม่อเนี่ยนกล่าวออกมานั้นหมายความว่าอย่างไร ทว่าที่เขาทราบนั้นก็คือเบื้องหน้าสายตาของเขาในตอนนี้จะต้องเป็นพลังอันน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดแน่นอน เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลงเฉินก็กระชับดาบทลายมารจนแน่น บนแผ่นหลังเกิดการไหลเวียนของพลังลมปราณมากมายมหาศาล จากนั้นพลังทั้งหมดก็หลั่งไหลเข้าสู่ดาบทลายมารที่อยู่ในมืออย่างบ้าคลั่ง

แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉู่เหยาได้มอบพลังมากมายให้แก่เขาแล้วทว่าเขาใช้ออกไปจนหมด พลังมากมายเหล่านั้นเรียกได้ว่ามหาศาลและแข็งแกร่งมากที่เขามีอยู่หลายเท่า ทว่าต่อให้เป็นพลังทั้งหมดของฉู่เหยาก็ยังไม่อาจกระตุ้นดวงดาราทั้งเก้าขึ้นมาได้อยู่ดี

ในขณะนี้หลงเฉินเริ่มก็รู้สึกได้ว่าเส้นลมปราณของเขาราวกับกำลังจะฉีกขาดออกจากกันจนสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่กำลังรุนแรงขึ้นทีละน้อย

“หึ่ง”

“เบิกสวรรค์!”

หลงเฉินตะโกนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดาบทลายมารทอประกายแสงสีทองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า พลันก็กวาดออกไปยังเบื้องหน้าอย่างหนักหน่วงจนบรรยากาศโดยรอบเกิดเสียงดังเพี๊ยะพ๊ะขึ้นมาไม่หยุด นี่เป็นการลงมือที่หลงเฉินปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาจนหมดสิ้นเลยก็ว่าได้

“ตูม”

กระแสคมกล้าของศาสตราวุธทั้งสามสายบรรจบกันอยู่ตรงใจกลางของสนามรบอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงระเบิดดังสะท้านเข้าไปในโสตประสาทของผู้คน แขนของหลงเฉินได้รับแรงกระแทกจากขุมพลังสายนั้นจนไม่อาจกุมดาบทลายมารได้อีกต่อไป ร่างกายไร้เรี่ยวแรงลอยคว้างอยู่กลางอากาศพร้อมกับกระอักโลหิตออกมาอย่างรุนแรง

ทันทีที่กระแทกลงกับพื้นดินแล้ว หลงเฉินก็มองเห็นว่าผืนดินอันกว้างใหญ่เมื่อครู่นี้ได้ถูกทำลายจนโล่งเตียนกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่มีสายน้ำทะลักออกมา

ภายในโสตประสาทไม่อาจได้ยินเสียงของสิ่งใดได้อีกแล้ว ทำได้แค่เพียงจ้องมองไปยังเงาร่างอีกสองสายที่ตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกันกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ใบหน้าของหยินหลอขาวซีดราวกับกระดาษแผ่นหนึ่ง พลังสภาวะทั้งหมดลดทอนลงไปจนหมดสิ้น ซึ่งก็ไม่ต่างไปจากม่อเนี่ยนในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย

หยินหลอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วล้วงเอาป้ายหยกแผ่นหนึ่งขึ้นมา หลงเฉินมองไปที่ป้ายหยกแผ่นนั้นแล้วทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ลักษณะของมันคล้ายคลึงกับป้ายหยกที่บิดาและมารดาบังเกิดเกล้าของเขาได้เหลือเอาไว้ให้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน มีเพียงสีของมันเท่านั้นที่แตกต่างกัน ของหยินหลอนั้นเป็นสีขาว ส่วนของเขานั้นเป็นสีม่วง

“ไม่ได้ เขากำลังจะหนีไปแล้ว หยุดเขาเอาไว้” ม่อเนี่ยนตะโกนเสียงดังหลังจากที่เห็นป้ายหยกแผ่นนั้น พลันก็ง้างสายธนูแล้วปล่อยคมศรออกไป ทว่าด้วยพลังที่แทบจะไม่หลงเหลืออยู่เลยจึงทำให้ลูกศรดอกนั้นเป็นเพียงลูกศรธรรมดาสายหนึ่ง

หยินหลอส่งเสียงดังชิขึ้นมาอย่างเย็นชาพร้อมกับขยับร่างเบี่ยงออกไปเล็กน้อยจนหลบคมศรสายนั้นได้ทันที จากนั้นเขาก็กระชับป้ายหยกสีขาวแล้วเค้นพลังลมปราณที่เหลืออยู่ทั้งหมดไหลเวียนเข้าสู่แผ่นป้ายนั้น ทันทีที่ป้ายหยกแผ่นนั้นทอประกายสว่างวาบแล้วก็พบว่าที่เบื้องหน้าของเขามีห้วงมิติโปร่งใสปรากฏขึ้นมาด้วย

หลงเฉินพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดยกดาบทลายมารที่อยู่ข้างกายขึ้นมาแล้ววิ่งตะบึงไปหาหยินหลออย่างรวดเร็ว หากไม่ได้จัดการเขาให้จบสิ้นไปในวันนี้ เขาคงจะต้องรู้สึกเสียใจไปอีกนานอย่างแน่นอน

หยินหลอมองมาที่หลงเฉินแล้วแสยะยิ้มเย้ยหยันขึ้นที่มุมปาก “หลงเฉิน ข้าจะขอจดจำเจ้าเอาไว้ ครั้งหน้าพวกเราจะได้พบเจอกันอีกครั้งแน่ และเมื่อนั้นข้าจะต้องเอาชีวิตของเจ้ามาให้ได้”

ถึงแม้ว่าหูของหลงเฉินจะไม่อาจได้ยินคำพูดของหยินหลอ ทว่าด้วยการขยับปากและสีหน้าที่แสดงออกมานั้นก็พอจะทราบได้ว่าคนผู้นั้นกำลังแสร้งทำเป็นยืนหยัดอยู่

‘เสี่ยวเสว่ย จัดการเขา’

ถึงแม้พลังลมปราณจะเหือดแห้งไปจนหมดสิ้นแล้ว ทว่าพลังแห่งจิตวิญญาณอันแกร่งกล้าของหลงเฉินก็ยังมีอยู่

“ฮูม”

เสี่ยวเสว่ยตอบรับคำสั่งของหลงเฉินแล้วรีบพุ่งตัวออกมาจากอีกทางหนึ่งด้วยความเร็วสูงสุดประดุจประกายสายฟ้าฟาด เมื่อวิ่งมาได้ระยะห่างที่พอดีแล้วก็ปลดปล่อยคมวายุขนาดใหญ่ออกมาในทันที

ทันทีที่หยินหลอกล่าวจบก็ได้มองหลงเฉินและม่อเนี่ยนสลับกันด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร จากนั้นก็กวาดมือไปยังต้นคอเป็นสัญญาณว่าพร้อมที่จะเดินทางกลับสู่ฐานทัพแล้ว

“ฮูม”

ทว่าจู่จู่คมวายุขนาดใหญ่สายหนึ่งก็ลอยเข้าใกล้ และไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหยินหลอเป็นสุดยอดฝีมือที่แม้จริง ถึงแม้ว่าพลังลมปราณจะสลายหายไปจนหมดสิ้นแล้วก็ยังสามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของคมวายุสายนั้นได้จึงกวาดหอกยาวสีทองออกมาขวางไว้อย่างรวดเร็ว

“ตูม”

หากเป็นช่วงเวลาที่หยินหลออยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็คงจะไม่สะท้านกับการโจมตีของเสี่ยวเสว่ย ทว่าตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยสภาพร่างกายที่อ่อนแออย่างถึงที่สุดก็ได้ถูกคมวายุสายนั้นซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล

หลงเฉินที่รอเวลานี้อยู่จึงรีบวิ่งตะบึงเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วฟาดดาบทลายมารเข้าไปที่ใบหน้าอันแตกตื่นของหยินหลออย่างรุนแรง

.

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset