เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 267 ประณาม

เมื่อหลงเฉินได้ฟังก็อดไม่ได้ที่จะตกใจขึ้นมา “เหตุใดถึงได้รีบร้อนเช่นนี้ เจ้าพูดเองว่าจะไปร่ำสุราด้วยกันไม่ใช่หรือ?”

ในมุมมองหลงเฉิน ม่อเนี่ยนที่เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับไร้ผู้ต้าน หลงเฉินย่อมต้องทราบถึงความเหงาของเขาเป็นอย่างดี ความรู้สึกที่ไร้ผู้ต้าน มันไม่ได้ดีอย่างที่คิด

อีกทั้งยังอยู่ในระดับรุ่นราวคราวเดียวกัน เมื่อมีโอกาสที่จะผูกมิตร ก็ไม่ควรปล่อยให้หลุดลอยไป

การเติบโตพร้อมกันระหว่างไก่และเหยี่ยว แม้ว่าจะใช้เวลาเท่าๆกัน แต่เหยี่ยวจำเป็นที่จะต้องเหินบินให้สูงขึ้น โฉบเฉี่ยวอยู่กลางเวหา ทะยานไปให้สุดหล้าฟ้าเขียว

ดังนั้นภายในจักรวรรดิเมืองเฟิงหมิง ซือเฟิง,เจ้าอ้วน,เจ้าลิงผอมและพรรคพวก ถึงแม้จะน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งก็ตาม แต่หลงเฉินกับพวกเขาก็ไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกันได้

เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์นั้นไร้ซึ่งหนทางย้อนกลับ ในเมื่อคิดที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางสายนี้ ก็มีแต่จะต้องมุ่งหน้าต่อไปเท่านั้น

แต่ว่าบนเส้นทางสายนี้ ถ้าหากมีคนที่พอจะคบหาดูแลซึ่งกันและกันได้ดุจดั่งพี่น้องย่อมเป็นเรื่องที่สมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง

บุคคลเช่นนี้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ถ้าหากข้างกายของหลงเฉินเป็นผู้อ่อนแอทั้งหมด เขาก็ย่อมไม่อาจที่จะดูแลพวกเขาทั้งหมดได้

เมื่อตกอยู่ในห้วงเวลาที่วิกฤติ หลงเฉินก็ย่อมไม่อาจที่จะปกป้องพวกเขาได้อย่างทั่วถึง มีแต่ต้องมองดูพวกเขาตายตกไปทีละคนๆ เช่นนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง

ม่อเนี่ยนถือเป็นคนแรกที่สามารถเทียบเคียงกับหลงเฉินได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้งสองคนยังได้ผนึกกำลังกันเพื่อต่อกรกับหยินหลอ จนท้ายที่สุดม่อเนี่ยนถึงกับใช้สมบัติประจำตระกูลออกมา จึงสามารถต้านทานพลังการโจมตีที่น่าหวาดกลัวของมือใหญ่ข้างนั้นได้ ทำให้ทั้งสองคนมีชีวิตรอดกลับมา

หลงเฉินนั้นมีใจคิดที่จะผูกมิตรกับม่อเนี่ยนอย่างแท้จริง ดังนั้นเมื่อพบว่าม่อเนี่ยนคิดที่จะจากไปเร็วถึงเพียงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกไปเช่นนั้น

ม่อเนี่ยนหัวเราะแล้วกล่าว “แต่ก่อนเหล่าตาแก่มักจะชอบว่าข้าไม่กระตือรือร้น ไม่ยอมตั้งใจฝึกฝน จะช้าจะเร็วคงจะต้องถูกผู้คนทิ้งห่างไปไกลแน่

ความจริงข้าเองก็ไม่อยากจะยอมรับ ในตอนที่ข้าพึ่งจะสิบขวบ ก็ได้ลอบหลบหนีออกมาเพียงคนเดียว ข้าขึ้นไปยังภูเขาหิมะและปราบโจรร้ายจนราบคาบ

ข้าเพียงแค่คนเดียวก็สามารถสังหารโจรร้ายไปกว่าสามร้อยคน ในตอนนั้นข้ายังอยู่ในขั้นก่อรวมขั้นที่เก้า แต่กลับสามารถสังหารโจรร้ายขอบเขตก่อโลหิตเหล่านั้นได้แล้ว ทั้งยังไม่ต่างอะไรไปจากการเชือดไก่ฆ่าสุนัข

แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเขาก็ยังดุด่าว่ากล่าวข้าแทบจะทุกเรื่อง จึงทำให้ข้าโกรธจนทนไม่ไหว จนต้องออกไปโลดแล่นที่โลกภายนอกอยู่เสมอมา หลายปีมานี้ ข้าเองก็ประสบกับวิกฤติมาอยู่บ้าง

ทว่าหากอยู่ในระดับเดียวกัน ยังไม่เคยมีผู้ใดที่พอจะสามารถต้านทานข้าได้ถึงสามดอก แต่ว่าวันนี้เมื่อเจ้ากับหยินหลอได้ปรากฏตัว จึงทำให้ข้าเกิดความคิดที่ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า

โดยเฉพาะหลงเฉิน เจ้าแทบจะไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์ประหลาดตนหนึ่งเลย ถึงแม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเจ้าจะได้รับพลังสนับสนุนมาจากสหาย แต่ว่าด้วยพลังทำลายของเจ้า เรียกได้ว่าแทบจะไร้ขีดจำกัด ช่างเป็นที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก

การต่อสู้ในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์ต่อข้าเป็นอย่างมาก ข้าเองก็จะกลับไปเพื่อเก็บตัวฝึกฝน ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องถูกเจ้าทิ้งห่างไปไกลแน่”

ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าคนที่มีความแข็งแกร่งอย่างม่อเนี่ยน จะรู้สึกเกิดแรงกดดันเช่นนี้ขึ้นมาได้

ตั้งแต่ที่ม่อเนี่ยนปรากฏตัวก็ได้ทำให้ทุกผู้คนแตกตื่นกันมากพอแล้ว ทั้งๆที่มาแค่คนเดียว แต่กลับสามารถต่อกรกับผู้มีพรสวรรค์ที่ยากจะพบได้ในรอบหมื่นปีของฝ่ายอธรรม อีกทั้งยังมีพลังการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

หลงเฉินพยักหน้าไปมา เขาเข้าใจในความหมายของม่อเนี่ยนดี ขณะนี้ม่อเนี่ยนพึ่งจะผ่านศึกใหญ่มา จึงได้ใช้โอกาสที่หาได้ยากครั้งนี้เป็นแรงผลักดันให้ก้าวต่อไปข้างหน้า

ในเวลาเช่นนี้การเก็บตัวเพื่อฝึกฝนจิตใจ ย่อมต้องมีส่วนช่วยเหลือเขาได้มากเป็นอย่างยิ่ง เวลาที่มีค่าดั่งทองคำเช่นนี้ยังไงซะก็ย่อมไม่อาจที่จะปล่อยผ่านไปได้

“หลงเฉิน สหายอย่างเจ้าข้าม่อเนี่ยนต้องรับเอาไว้อยู่แล้ว หากมีเวลาก็ไปหาข้าที่รัฐชิงโจวได้ แล้วถามหาสำนักตระกูลม่อ ไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จักกันอยู่แล้ว”

ม่อเนี่ยนนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวเพิ่มเติมว่า “ทว่าข้าหวังว่าเจ้าอย่าพึ่งไปไหนในช่วงนี้ เพราะอีกไม่นานขอบเขตแดนลับนพเก้าก็จะเปิดออกมาแล้ว ทางด้านรัฐซูโจวของพวกเจ้าเองก็มีทางเข้า เจ้าจะต้องเข้าร่วมให้ได้ล่ะ

ถึงแม้พลังการต่อสู้ของเจ้าจะแข็งแกร่ง ทว่าครั้งนี้ผู้กล้าจากทั้งเจ็ดรัฐจะมารวมตัวกัน ยอดฝีมือฝ่ายธรรมะและอธรรมมีอยู่มากมาย ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ ย่อมต้องเสียเปรียบเป็นอย่างมากแน่นอน เจ้าคงจะต้องรีบทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว”

หลงเฉินงันงงขึ้นมา ขอบเขตแดนลับนพเก้าเขาคล้ายกับเคยได้ยินมาก่อน อีกทั้งยังคล้ายกับมีความลึกลับบางอย่างอยู่ คิดไม่ถึงว่าม่อเนี่ยนเองก็ทราบเรื่องนี้เช่นกัน

หลงเฉินเมื่อทราบความหมายของม่อเนี่ยนดี หลังจากที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าเปิดขึ้น ยอดฝีมือทั้งเจ็ดรัฐใหญ่คงจะเข้าร่วมอย่างพร้อมหน้า

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถามว่ารัฐที่ม่อเนี่ยนพูดถึงหมายความว่าอะไร ทว่าหากใช้สมองขบคิดหน่อยก็พอที่จะทราบได้ว่า จะต้องเป็นพื้นที่แห่งหนึ่งแน่ เกรงว่าคงจะต้องกว้างใหญ่จนเป็นที่น่าตกใจ

หลงเฉินฝืนยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าว “ข้าเองก็จะพยายามให้ถึงที่สุด”

เขาเองก็คิดที่จะทะลวงเขาสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นให้ได้แต่เนิ่นๆ แต่ก็ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร หลงเฉินกลับรู้สึกว่าตนเองเหมือนติดอยู่ที่ปากขวดไม่อาจทะลวงขึ้นไปได้

อีกทั้งปากขวดนี้ยังกักหลงเฉินเอาไว้อย่างแน่นหนา ที่แทบจะทำให้หลงเฉินเป็นบ้าขึ้นมาเลยก็คือ เขาไม่ทราบว่าสิ่งที่อยู่ปากขวดนี้คืออะไรกันแน่ ยิ่งไม่อาจที่จะทราบได้เลยว่าจะทะลวงออกจากปากขวดนี้ไปได้อย่างไร

หลงเฉินรู้ความลับเกี่ยวกับเคล็ดวิชากายานวดาราน้อยเป็นอย่างยิ่ง เขายังจำเป็นที่จะต้องทำการทดลองอีกหลากหลายรูปแบบจึงจะเข้าใจได้

“หยินหลอผู้นั้นถือได้ว่าน่ากลัวอย่างถึงที่สุด ที่น่าหวาดกลัวที่สุดกลับมิใช่พรสวรรค์ของเขา แต่กลับเป็นความโหดเหี้ยมของฝ่ายอธรรม

ข้ารู้สึกสงสัยว่า สำนักของเขาได้ทำเพื่อเขาถึงขนาดนี้ ทั้งยังถึงกับยอมที่จะเสียสละยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าผู้หนึ่ง เพื่อมอบโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าฉีดเข้าไปภายในร่างกายของเขา

เพราะการฝึกปรือนั้นยังมีข้อจำกัดอยู่ เขาจึงได้ใช้พลังจากโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้ามาช่วยอีกทาง ทว่าโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้าถือเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก

แต่ในระหว่างที่วันเวลาได้ผ่านพ้นไป พลังการฝึกปรือของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งทำให้เขาเกิดความคุ้นเคยกับการควบคุมโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้ามากขึ้นตาม เมื่อเวลานั้นมาถึงเมื่อไร ก็คงจะได้เห็นถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของเขา

แม้ตอนนี้ขาของเขาจะขาดไปแล้วข้างหนึ่ง แต่หากยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูก ปราณโอสถยังสามารถส่งผลต่อร่างกายของเขาได้อยู่ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูกลับคืนมา

ถ้าหากพวกเรายังไม่รีบฉวยโอกาสในการฝึกปรือ ครั้งต่อไปที่ได้พบกันที่ขอบเขตแดนลับนพเก้า คนที่ตายจะต้องเป็นพวกเราเองอย่างแน่นอน”

น้ำเสียงของม่อเนี่ยนทุ่มต่ำอย่างถึงที่สุด บนใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความเคร่งเครียดขึ้นมาเป็นสาย ทุกผู้คนที่อยู่ท่ามกลางสนามรบ รวมไปจนถึงผู้อาวุโสถู่ฟางเองก็ด้วย ต่างก็อดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นตูมตามขึ้นมา

เพื่อผู้มีพรสวรรค์เพียงคนเดียว ถึงกับยอมเสียสละยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้าไปถึงคนหนึ่ง ด้วยการลงมือเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมมีแค่เพียงฝ่ายอธรรมเท่านั้นที่สามารถทำได้

แม้แต่ถู่ฟางที่อยู่ในขอบเขตเชื่อมชีพจรระดับสูงสุด ก็ยังทำได้เพียงแค่รู้สึกสัมผัสถึงพลังแห่งฟ้าดินเท่านั้น อย่าว่าแต่จะควบคุมเลย แค่การจับต้องก็ยังไม่อาจที่จะทำได้ด้วยซ้ำ

นี่ก็เป็นเพราะโลหิตบริสุทธิ์ภายในร่างกายของพวกเขา ยังไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ โดยการใช้พลังฟ้าดินในการช่วยหล่อหลอม

ยอดฝีมือขอบเขตขั้นก่อฟ้า หากกล่าวถึงคนเหล่านี้ แทบจะเรียกได้ว่าเป็นการคงอยู่ในระดับเทพเซียนเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อศิษย์เพียงคนเดียว ถึงกับยอมเสียสละการคงอยู่ในระดับเช่นนี้ไป มันทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะเกิดความเย็นเยียบขึ้นมาจนถึงแกนกระดูก

ในเวลาเดียวกันก็ยิ่งเกิดความหวาดกลัวต่อหยินหลอมากยิ่งขึ้น ยังไม่ทันจะฝึกปรือเข้าถึงโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า ยังร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ หากว่ารอคอยปล่อยให้เขาสามารถเข้ากันได้กับโลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า ยังจะมีผู้ใดกันบ้างที่จะเอาชนะเขาได้อีก?

แม้แต่หลงเฉินเองก็ยังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ครั้งนี้หลงเฉินสามารถที่จะยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับม่อเนี่ยน หยินหลอและพวกได้ นั้นก็เป็นเพราะพลังที่หนุนเสริมมาจากฉู่เหยาโดยทั้งสิ้น

ถ้าหากมิใช่เป็นเพราะฉู่เหยาได้แบ่งปันพลังลมปราณของตนเองให้แก่หลงเฉิน หลงเฉินก็คงจะต้องตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมผู้นั้นไปแล้ว

“เอาล่ะ ข้าคงต้องขอตัวแล้ว ยังไงพวกเราก็คงจะต้องเจอกันที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าอยู่ดี เมื่อถึงเวลานั้นค่อยมาร่ำสุรากันอีกคราเถอะ”

เมื่อม่อเนี่ยนกล่าวจบ ก็ได้หยิบป้ายหยกขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ทั้งยังเป็นป้ายหยกสีขาวเฉกเช่นเดียวกัน ที่ด้านบนป้ายหยกยังแผ่พลังจิตวิญญาณออกมา

เมื่อม่อเนี่ยนเห็นหลงเฉินจ้องมองไปที่ป้ายหยกของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็อดไม่ได้ที่จะงันงงขึ้นมา เขาคิดว่าหลงเฉินน่าจะยังไม่เคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน จึงได้หัวเราะแล้วกล่าว

“ป้ายหยกแผ่นนี้ มีนามว่าหยกเคลื่อนย้าย ภายในนั้นได้ถูกสร้างขึ้นมาจากพลังแห่งจิตวิญญาณของยอดฝีมือระดับก่อฟ้า อีกทั้งยังได้ใช้การสลักวาดยันต์ที่แข็งแกร่งเข้าไปอีกด้วย เมื่อได้เบิกใช้ขึ้นมา ก็จะสามารถเปิดประตูเคลื่อนย้ายออกมาได้ เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่ห่างไกลออกไป

ป้ายหยกชิ้นนี้มีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะสามารถทำการเคลื่อนย้ายได้แล้ว ยังส่งผลต่อการควบคุมจิตวิญญาณด้วย มันสามารถทำให้จิตใจอยู่ในสภาวะที่สงบได้เร็วขึ้น จึงได้เรียกอีกชื่อหนึ่งที่ว่า หยกวิญญาณสงบ ซึ่งสำนักใหญ่ต่างก็มักจะมีกันอยู่

เพียงแต่ว่าของเล่นชิ้นนี้มีราคาที่สูงลิบ จึงทำให้คนส่วนมากจะรักและถนอมมันมาก จึงมักจะไม่ค่อยนำออกมาให้ผู้อื่นเห็นเท่านั้นเอง”

ม่อเนี่ยนกล่าวจบ ก็ได้ถ่ายเทพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าสู่ป้ายหยก ป้ายหยกทอประกายคมกล้าขึ้นเป็นวงกว้าง จากนั้นประตูมิติที่กระจ่างใสก็ถูกเปิดขึ้นมาท่ามกลางอากาศ

ประตูบานใหญ่นั้นมีความสูงประมาณสิบจั้ง ทั้งยังปรากฏออกมาจนเป็นภาพที่กระจ่างชัด ที่ด้านบนปกคลุมไปด้วยอักขระ คล้ายกับประตูจริงๆบานหนึ่งเลยทีเดียว

“แล้วพบกันใหม่”

ม่อเนี่ยนไม่ได้สนใจใครเลย เพียงแต่กล่าวกับหลงเฉินเพียงคนเดียว แล้วก็ได้ก้าวเข้าไปในประตู จากนั้นก็หายลับไป

หลังจากที่ม่อเนี่ยนได้หายไปแล้ว ห้วงมิติก็ได้เลือนหายไปด้วย หลงเฉินที่กำลังมองไปยังจุดที่ห้วงมิติสลายหายไป ก็อดไม่ได้ที่จะบ้าคลั่งขึ้นมาภายในใจ

เขาลองบีบไปที่ป้ายหยกแผ่นหยกในมือคราหนึ่ง ป้ายนั้นก็คือป้ายหยกที่บิดามารดาได้ทิ้งเอาไว้ให้แก่เขานั้นเอง และยังเป็นสิ่งที่จะบอกถึงชาติกำเนิดของเขารวมไปจนถึงเป็นดั่งเครื่องรางเลยก็ว่าได้

หลงเฉินเองก็ได้กำป้ายหยกเอาไว้จนแน่น ขอเพียงเขาถ่ายเทพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าสู่ป้ายหยก เขาก็จะสามารถคลี่คลายความลับของชาติกำเนิดของตนเองออกมาได้แล้ว

แต่ว่าเมื่อหลงเฉินนึกถึงตอนที่หลงเทียนเซียวได้นำพาเขาไปยังหุบเขา ซึ่งเป็นที่เก็บซ่อนแผ่นหยก ที่นั่นมีรอยกระบี่ถูกทิ้งเอาไว้อยู่รอยหนึ่ง

หากเป็นไปตามที่หลงเฉินได้คาดคิดเอาไว้ คนผู้นั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือที่มีพลังเหนือกว่าขอบเขตขั้นก่อฟ้าอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่มีพลังทำลายที่แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นได้

บุรุษที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ผู้นั้น ได้ทำเพื่อที่จะปกปิดร่องรอยของตนเองเอาไว้ ทั้งยังมีคำกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า หากว่าตนเองยังไม่ได้ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของวิถีแห่งยุทธ์ จงอย่าได้ตามหาชาติกำเนิดของตนเองเด็ดขาด

หลงเฉินที่กำลังบีบไปที่ป้ายหยกแผ่นนั้น ก็ได้เกิดความรู้สึกอย่างหนึ่งขึ้นมา เขาหมายที่จะลองปลดผนึกมันออกดู แต่ว่าภายในส่วนลึกในจิตใจของเขา กลับมีเสียงเสียงหนึ่งกำลังบอกต่อเขาอยู่ว่า ถ้าหากเจ้ากระตุ้นป้ายหยกนี้ขึ้นมา เขาคงจะต้องตายตกไปอย่างไม่ต้องสงสัย

แค่ช่วงเวลาเพียงสองลมหายใจ แต่ในมุมมองของหลงเฉิน ราวกับว่าได้ผ่านพ้นไปนานหลายปีเลยก็ว่าได้ ในที่สุดหลงเฉินก็ตัดสินใจเลือกที่จะเชื่อความรู้สึกของตนเอง แล้วก็ได้เก็บป้ายหยกเอาไว้

“หว่านเอ๋อ ช่วยข้าซักเรื่องหนึ่ง ช่วยไปเอาโลหิตที่ไหลจากมือใหญ่นั้นกลับมาให้หน่อยเถอะ”หลงเฉินก็ได้หันไปกล่าวกับถังหว่านเอ๋อ

ถังหว่านเอ๋อถึงแม้จะเกิดความสงสัยอยู่บ้าง ทว่าก็ยังคงพยักหน้าไปมาด้วยความว่าง่าย แล้วก็ได้มุ่งหน้าไปยังทางด้านของสนามรบ

กระบี่ของหลิงหวินจื่อ ได้ทำให้มือใหญ่ข้างนั้นได้รับบาดเจ็บ จนต้องทิ้งโลหิตเอาไว้อยู่ไม่น้อย แต่การจะหาโลหิตนั้นก็คงจะไม่ง่ายซะทีเดียว

ฉู่เหยาที่ได้มองไปทางด้านหลังของถังหว่านเอ๋อ ก็ได้หันมายิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ต่อหลงเฉิน แล้วกล่าวว่า “ดูไปแล้ว เจียเจี่ยท่านนี้จะเชื่อฟังเจ้าเป็นอย่างยิ่งเลยนะ! ”

หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่ใบหน้าจะร้อนผาวขึ้นมา ตามปกติเขาก็รู้สึกว่าใกล้ชิดกับถังหว่านเอ๋อเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาเลยเอ่ยปากเรียกใช้นางขึ้นมาโดยไม่จำเป็นที่จะต้องคิดเลยด้วยซ้ำ เมื่อถูกฉู่เหยาถามลองเชิงพร้อมกับอมยิ้มขึ้นมา จึงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาอยู่ไม่น้อย

“เอาเถอะ ข้าเองก็ไม่ได้จะว่ากล่าวอะไร เจ้าจะหน้าแดงไปทำไมกัน? แล้วเจ้าจะรวบรวมโลหิตเหล่านั้นไปทำอะไรกัน?”ฉู่เหยาดึงมือของหลงเฉินเข้ามาเบาๆ ยิ้มน้อยๆ แล้วกล่าว

“จะไปทำวุ้นเส้นซุปเลือดเป็ด” เมื่อหลงเฉินทราบว่าฉู่เหยาไม่ได้มีโทสะ จิตใจจึงได้ผ่อนคลายลงมาในพริบตา กล่าวออกมาด้วยความหยอกเย้า

“เชื่อเจ้าก็บ้าสิ”ฉู่เหยาก็ได้ค้อนไปที่หลงเฉินคราหนึ่ง เมื่อทราบว่าหลงเฉินไม่คิดที่จะกล่าว ก็ไม่คิดที่จะถามไถ่ต่อไปอีก

หยาดโลหิตที่คนผู้นั้นได้ทิ้งเอาไว้ ถึงแม้จะไม่ใช่โลหิตบริสุทธิ์ก่อฟ้า ทว่าภายในนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยลมปราณก่อฟ้า แต่โดยปรกตินี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่มีประโยชน์แต่อย่างใด

แต่ว่าหลงเฉินเป็นถึงผู้หลอมโอสถผู้หนึ่ง ทั้งยังแฝงเอาไว้ความทรงจำจักรพรรดิโอสถ โลหิตเหล่านั้นย่อมไม่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น ทว่าในมุมมองของหลงเฉิน นี่ถือได้ว่าเป็นดั่งสมบัติที่ล้ำค่าจนประเมินไม่ได้เลยทีเดียว

เพียงแค่พริบตาเดียว ถังหว่านเอ๋อก็ได้วิ่งย้อนกลับมา ในมือก็ได้ถือไหใหญ่ใบหนึ่ง ภายในนั้นมีหยาดโลหิตอยู่กว่าครึ่งไห

ที่ทำให้ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงก็คือ หยาดโลหิตเหล่านั้นคล้ายกับเป็นดั่งไข่มุกก็มิปาน โลหิตเหล่านี้จริงๆแล้วไม่ได้ไหลลงจนถึงพื้น ทั้งหมดต่างก็ลอยอยู่เหนือพื้นดินเล็กน้อย เนื่องจากมันแฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายที่แข็งกล้า จนทำให้ผู้คนทำการหายใจลำบากได้เลย

ขณะที่หลงเฉินกำลังเก็บไหที่ใส่โลหิตก่อฟ้าใบนี้ ทันใดนั้นถู่ฟางก็ได้กล่าวขึ้นมาด้วยความเย็นชาว่า

“ขณะนี้พวกเราถือได้ว่าได้รับชัยชนะแล้ว ทว่าตอนนี้ข้ายังมีอีกเรื่องที่อยากจะถาม ผู้ใดกันที่ปล่อยให้ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมผู้นั้น เข้ามาถึงด้านหลังของหลงเฉินได้”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset