เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 268 เหนือความคาดหมาย

คำพูดของถู่ฟางทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดมีสีหน้าเปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้อาวุโสซุน ภายในแววตาก็ได้ปรากฏความหวาดเกรงขึ้นมา

ก่อนหน้านี้ก็เป็นเขาเองที่ต่อสู้อยู่กับผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมผู้นั้น อีกทั้งยังแสร้งทำเป็นพ่ายแพ้ สู้พลางถอยพลาง ไม่ให้ตกเป็นจุดสังเกตของผู้อาวุโสผู้นั้น เพื่อชักนำไปยังด้านของหลงเฉิน

หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายมาถึงเป้าหมายแล้ว ผู้อาวุโสซุนก็ได้แสร้งทำเป็นถูกซัดจนกระเด็นออกไป และใช้จังหวะนั้นเพื่อเข้าไปพัวพันกับยอดฝีมือฝ่ายอธรรมอีกคน

ภายใต้สนามรบที่วุ่นวาย เขาคิดว่าสิ่งที่เขากระทำนั้นแทบจะไม่มีช่องโหว่เลยด้วยซ้ำ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะถูกถู่ฟางจับพิรุธได้

ทว่าผู้อาวุโสซุนเองก็ไม่ได้โง่งม เรื่องเช่นนี้ย่อมไม่ยอมรับง่ายๆอย่างแน่นอน ถู่ฟางคงเพียงแค่คาดเดา เพื่อที่จะลองใจดูเท่านั้น หากว่าตนเองเกิดยอมรับผิดขึ้นมา เช่นนั้นก็จะกลายเป็นตัวโง่งมทันที

ในเมื่อเขาเชื่อว่าผู้อื่นจะไม่มีหลักฐาน ว่าเขาเป็นคนที่จงใจปล่อยให้ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมเข้าไปเล่นงานหลงเฉิน เขาเพียงแค่เสแสร้งแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็พอ

“ผู้อาวุโสซุน เจ้าไม่ต้องการจะกล่าวอะไรหน่อยหรือ?”ถู่ฟางมองไปทางผู้อาวุโสซุน ภายในแววตาทั้งคู่ก็ได้ปรากฏรังสีฆ่าฟันขึ้นมา

ถึงแม้ถู่ฟางจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการต่อสู้กับเฒ่าประหลาดเนตรมาร แต่ว่าทั้งสองคนก็ทราบว่า หากคิดที่จะสังหารอีกฝ่าย แทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย และในเวลาที่กำลังต่อสู้กันอยู่ พวกเขาก็ได้ทำการตรวจดูทั่วทั้งสนามรบ

ถึงแม้จะไม่ได้เห็นกับตาว่า ผู้อาวุโสซุนเป็นผู้ที่ชักนำผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมผู้นั้นเข้าไป แต่ว่าในเวลาที่หลงเฉินและผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมผู้นั้นได้ต่อสู้กันอยู่ ผู้อาวุโสซุนกลับเป็นคนที่อยู่ในระยะทางที่ใกล้กับหลงเฉินมากที่สุด ถึงแม้จะรีบเข้าไปสู้กับยอดฝีมือฝ่ายอธรรมอีกทางด้านหนึ่งในทันทีก็ตาม ทว่าก็ยังไม่อาจที่จะรอดพ้นสายตาของถู่ฟางไปได้

เมื่อได้นึกถึงเรื่องที่ผู้อาวุโสซุนได้มุ่งเป้าไปที่หลงเฉินก่อนหน้านี้ มีหรือที่จะไม่ทราบว่าครั้งนี้ก็คงจะไม่พ้นผู้อาวุโสซุน?

ที่ทำให้ถู่ฟางอดทนมาโดยตลอด นั่นก็คือหลงเฉินคืออี่ซู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เขาไม่ควรที่จะยื่นมือเข้าไปยุ่งกับชะตาของหลงเฉิน

แต่ว่าเขาสามารถที่จะแสร้งทำเป็นว่าตนเองไม่ทราบว่าหลงเฉินคืออี่ซู่ แต่เป็นเพียงศิษย์ที่มีความโดดเด่นคนหนึ่งเท่านั้น เช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมถือว่าไม่เป็นการเข้าไปยุ่งกับชะตาของอี่ซู่

หากใช้เหตุผลเช่นนี้ในการจัดการกับผู้อาวุโสซุน ก็จะถือว่าไม่ส่งผลกระทบขึ้นมาอย่างแน่นอน ดังนั้นในที่สุดถู่ฟางก็เตรียมที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู โดยใช้ผู้อาวุโสซุนเป็นตัวเบิกทาง

ผู้อาวุโสซุนมีสีหน้าเปลี่ยนไป เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความตกใจ “ผู้อาวุโสผู้คุมกฎเหตุใดท่านถึงกล่าวเช่นนี้? ”

ทุกคนที่อยู่ท่ามกลางสนาม ต่างก็ตกใจขึ้นมายกใหญ่ ทอสีหน้าไม่เข้าใจมองไปยังทางถู่ฟางกับผู้อาวุโสซุน โดยที่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

ในบรรดาผู้คนในสนามรบมีเพียงหลงเฉินเท่านั้นที่ทราบถึงความเป็นมา ทว่าหลงเฉินเองก็ได้คิดทบทวนดูแล้ว เขาจึงคิดว่ายังไม่ควรกล่าวอะไรออกมาในตอนนี้

“ตัวเองทำอะไรลงไป เจ้าเองก็ยังไม่ทราบอย่างนั้นหรือ?”ถู่ฟางส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา

“ศิษย์ไม่กระจ่าง ขอโปรดให้ผู้อาวุโสผู้คุมกฎให้ความจ่างด้วย” ถึงแม้ผู้อาวุโสซุนจะรู้สึกตกใจจนเนื้อเต้น ทว่าเขาก็ยังแสร้งทำสีหน้าสับสนออกมา

ผู้อาวุโสถู่ฟางถึงแม้จะเป็นผู้อาวุโสเช่นเดียวกัน ทว่าภายในหมู่ตึกพลิกสวรรค์ เขาถือได้ว่ามีคุณวุฒิที่มากที่สุด ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งมากที่สุด ผู้อาวุโสคนอื่นๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา โดยส่วนมากต่างก็มักจะแทนตนเองว่าศิษย์ เพื่อแสดงถึงความเคารพ

“ถ้างั้นข้าขอถามเจ้า ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมผู้นั้น เดิมทีแล้วเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้า เหตุใดเจ้าถึงได้ล่าถอยออกไปกัน? เจ้าเองก็อยู่ในระดับเดียวกับเขา ซึ่งเป็นระดับปรือกระดูกแปดบวงสรวงเช่นเดียวกัน อย่าได้บอกข้านะว่า เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”ถู่ฟางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ

ผู้อาวุโสซุนเองก็กล่าวออกมาด้วยความละอายใจ “ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ศิษย์ได้เกิดปัญหาขึ้นในการฝึกปรือ สภาวะภายในจึงได้เกิดปัญหาขึ้น จนชักนำให้เส้นลมปราณได้รับบาดเจ็บ จึงไม่อาจจะแสดงพลังสูงสุดออกมาในการต่อสู้ครั้งนี้ได้

ถ้าหากผู้อาวุโสผู้คุมกฎไม่เชื่อแล้วล่ะก็ ก็เชิญเข้ามาตรวจด้วยตัวเอง ศิษย์เองก็เป็นศิษย์ของหมู่ตึก ทั้งยังมีบุญคุณจากการเลี้ยงดูของหมู่ตึก มีหรือที่จะกระทำเรื่องที่คล้ายกับการปองร้ายศิษย์ของหมู่ตึกเช่นนี้ได้?”

ผู้อาวุโสซุนกัดฟันอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วกล่าวว่าสิ่งที่ตนกระทำลงไปนั้นเป็นเหตุสุดวิสัย เขาเองก็ถือได้ว่าเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว จึงได้มีการเตรียมการเอาไว้มาตั้งแต่แรก ก่อนหน้าที่จะเกิดการต่อสู้ขึ้น เขาก็จงใจทำให้เส้นลมปราณของตนเองได้รับบาดเจ็บ เพื่อเป็นการรับมือกับเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้

เมื่อเส้นลมปราณได้รับบาดเจ็บ มันแทบจะแยกแยะไม่ออกเลยว่ามันบาดเจ็บด้วยเหตุอันใด หรือจะกล่าวก็คืออย่างไรก็คงไม่มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าเขาผิดได้ ดังนั้นผู้อาวุโสซุนจึงได้มั่นใจได้ถึงเพียงนี้

บนใบหน้าถู่ฟางมีรอยยิ้มอันเย็นชาปรากฏขึ้นมา เขาทราบตั้งแต่แรกแล้วว่าผู้อาวุโสซุนจะต้องมาไม้นี้แน่ ทว่าเขาเองก็มีเคล็ดลับของตนเอง ที่จะสามารถตรวจสอบว่าผู้อาวุโสซุนพูดปดหรือไม่

ผู้อาวุโสซุนเองก็ได้มองดูใบหน้าที่เย็นเยียบของถู่ฟาง จนอดไม่ได้ที่จะหัวใจเต้นตูมตามขึ้นมา ถ้าเรื่องครั้งนี้เกิดความแตกขึ้นมา เขาก็ต้องรับผิดชอบในการทำให้หลงเฉินตกอยู่ในอันตราย อีกทั้งผู้อาวุโสถู่ฟางยังเป็นผู้ที่มีความเป็นธรรมอยู่แล้ว เขาก็คงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

ใบหน้าของผู้อาวุโสซุนมีเหงื่ออันเย็นเยียบไหลรินออกมา ถู่ฟางพึ่งจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้กล่าวออกมาว่า

“เรื่องนี้ไม่อาจที่จะกล่าวโทษผู้อาวุโสซุนได้ ในสนามรบย่อมต้องมีความแปรผันนับหมื่น ไม่ว่าใครก็ไม่อาจที่จะควบคุมสถานการณ์ได้อยู่แล้ว

ข้าเองสามารถเป็นพยานได้ ผู้อาวุโสซุนได้คิดที่จะเข้ามาช่วยศิษย์อยู่หลายครั้ง ทว่ากลับถูกยอดฝีมือฝ่ายอธรรมปิดล้อมเอาไว้ เขาจึงไม่อาจจะกระทำได้

ดังนั้นขอผู้อาวุโสถู่ฟาง อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเช่นนี้เลย แม้จะเป็นความรับผิดชอบของผู้อาวุโสซุน ทว่าผู้อาวุโสซุนก็พยายามเต็มที่แล้ว น้ำใจนี้ข้าหลงเฉินย่อมต้องจดจำเอาไว้ไม่มีวันลืม”

วาจาของหลงเฉิน ได้ทำให้ถู่ฟางอดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้างขึ้นมา เขาเองก็ไม่ทราบว่าหลงเฉินนั้นโง่งมหรือไม่ การปองร้ายมันเห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ มีหรือที่เขาจะมองไม่ออก? ทั้งยังกล่าวว่าติดค้างผู้อาวุโสซุนอยู่อีก

แม้แต่ผู้อาวุโสซุนเองก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่านี่มันเหนือความคาดหมาย เขาคิดไม่ถึงว่าหลงเฉินจะกล่าวออกมาเพื่อช่วยเหลือเขา

ทว่าเขาเองก็ไม่ได้เกรงกลัวอยู่ ขอเพียงเขายังกัดฟันและยืนกรานว่าร่างกายตนเองมีปัญหา ยังไงเสียก็ไม่มีหลักฐานอะไรมาเอาผิดเขาอยู่แล้ว

ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าหลงเฉินทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ทว่าเมื่อได้พบว่าหลงเฉินไม่สืบสาวเอาความ ถู่ฟางเองก็ทำอะไรไม่ได้

“ศึกครั้งใหญ่ระหว่างฝ่ายธรรมะและอธรรมในครั้งนี้ หากไม่นับสำนักอื่นแล้ว ก็ถือได้ว่าทุกคนแสดงความสามารถออกมาได้ดีเป็นอย่างยิ่ง”ถู่ฟางหันไปกล่าวต่อทุกผู้คน

ทว่าในเวลาที่เขาได้เอ่ยถึงคำว่า “สำนักอื่น” แววตาของทุกผู้คน ต่างก็ได้หันไปมองยังทางด้านของรองเจ้าสำนักนรกโลหิตกันโดยมิได้นัดหมาย

ศิษย์ของสำนักนรกโลหิตเรียกได้ว่าหลบหนีไปจนไม่หลงเหลือเลยแม้แต่คนเดียว ถึงแม้ว่าศิษย์สำนักอื่นเองจะมีพวกขลาดเขลากันอยู่บ้าง ทั้งยังหลบหนีกันไปไม่น้อย

แต่ก็ไม่ถึงกลับหนีไปจนหมดไม่มีเหลืออย่างสำนักนรกโลหิต เพียงแต่ว่าจะมากหรือจะน้อยก็เท่านั้นเอง ทว่าไม่ว่าจะเหลืออยู่มากน้อยเท่าไหร่ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นเกียรติยศสำหรับพวกเขาแล้ว

รองเจ้าสำนักของสำนักนรกโลหิตผู้นั้นแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี วันนี้ช่างถือได้ว่าเสียหน้ามากจนเกินไปแล้ว

“หลงเฉิน เจ้าถือเป็นผู้บัญชาการศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรมในครั้งนี้ ต่อจากนี้เจ้าก็มาประกาศผู้เข้าเงื่อนไขการรับรางวัลเถอะ” ถู่ฟางก็ได้กล่าวขึ้นมา

“ข้า? ”หลงเฉินงงงันขึ้นมา

“มิผิด เจ้าสำนักออกคำสั่งให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการ เจ้าจึงถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีสิทธิ์นี้ แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่อาจที่จะฝ่าฝืนได้” ถู่ฟางอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าว

หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะตกใจขึ้นมา เดิมทีเขายังคิดว่าตนเองเป็นเพียงคนที่คอยออกคำสั่งกับเหล่าศิษย์ตัวเล็กๆของหมู่ตึกพลิกสวรรค์เท่านั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่ากลับต้องมาแบกรับภาระที่หนักหนาสาหัสขนาดนี้

เมื่อพบว่าทุกคนต่างก็หันมามองทางด้านของตนเองด้วยความหวัง หลงเฉินเองก็ไม่อาจที่จะบ่ายเบี่ยงได้ เขาจึงได้กล่าวออกมาด้วยความตรงไปตรงมา “งั้นเรามากล่าวถึงบทลงโทษกันก่อนเถอะ แม้ว่าวันนี้จะมีศิษย์จำนวนมากหนีตายโดยทิ้งสหายไว้ด้านหลัง ทว่าข้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่น่าให้ลงโทษ อีกทั้งไม่ว่าใครก็คงจะต้องมีความหวาดกลัวต่อความตายอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

การสอนสั่งที่ไม่เข้มงวดหรืออาจารย์ที่เกียจคร้าน ย่อมไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะความกลัวตายนั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ ข้าเองก็ไม่อาจที่จะกล่าวโทษพวกเขาได้

เพราะพวกเขายังไม่ถือเป็นพี่น้องของพวกเราอย่างแท้จริง ดังนั้นการกระทำเฉกเช่นนี้ หาใช่การทรยศไม่ ในส่วนนี้ในแต่ละสำนักจะจัดการอย่างไร ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของสำนักพวกท่านเอง หมู่ตึกพวกเราจะไม่เข้าไปก้าวก่าย”

ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นขึ้นมาในจิตใจ เกี่ยวกับเรื่องผู้หนีทัพ ไม่ว่าจะประเพณีของที่แห่งหนใด หรือว่าจะเป็นโลกของผู้ฝึกยุทธ์ โดนส่วนมากก็มีโทษถึงตายกันเลยทีเดียว แต่ว่าหลงเฉินกลับไม่กล่าวถึงบทลงโทษในเรื่องนี้

เหล่าผู้อาวุโสสำนักอื่นๆต่างก็รู้สึกตื้นตันกันขึ้นมา เมื่อได้ยินคำกล่าวของหลงเฉิน ในเวลาเดียวกันก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความอับอาย เหล่าผู้อาวุโสของสำนักที่ศิษย์หนีไปเป็นจำนวนมาก ต่างก็เกิดความอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

“เกี่ยวกับรางวัลน่ะหรือ ยังไงก็ได้แหล่ะ ยังไงซะคนที่สามารถยืนอยู่ข้างกายข้าได้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นพี่น้องของข้า พวกเราเป็นพี่น้องที่ถือว่าตายแทนกันได้ แล้วรางวัลเหล่านั้นจะยังมีค่ามากแค่ไหนกันเล่า? ”หลงเฉินอมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยแล้วกล่าว

ในระหว่างที่ได้สิ้นเสียงของหลงเฉิน ภายในจิตใจของเหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความภาคภูมิใจขึ้นมา การที่ถูกคนอย่างหลงเฉินมองว่าเป็นพี่น้องได้ เพียงแค่ครู่เดียวก็ได้ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาเป็นอย่างมากแล้ว

หลงเฉินที่อยู่บนสนามรบ แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเทพสวรรค์ลงมาจุติ ทั้งยังสามารถเข่นฆ่าสุดยอดฝีมือติดต่อกันไปหลายคน แม้แต่ผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมก็ยังถูกสับจนเป็นชิ้นๆ

หรือแม้กระทั่งหยินหลอที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในรอบหมื่นปีของฝ่ายอธรรม ก็ยังต้องถูกเขาตัดขาจนขาดไปข้าง จนทำให้ทุกคนแทบจะสรรเสริญหลงเฉินไม่ต่างอะไรไปจากเทพสงครามเลยทีเดียว

การที่สามารถถูกบุคคลเฉกเช่นนี้มองว่าเป็นพี่น้อง ย่อมไม่มีคนใดที่ไม่รู้สึกปลาบปลื้มขึ้นมาอยู่แล้ว พวกเขาต่างก็ยินยอมที่จะเป็นตายไปพร้อมกับหลงเฉิน แม้ว่าต้องสละชีวิตก็ไม่ลังเลอย่างแน่นอน

เมื่อถู่ฟางได้มองไปยังเหล่าศิษย์รุ่นเยาว์เหล่านั้น ในใจก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา นี่ก็คือเสน่ห์ดึงดูดของหลงเฉิน ที่สามารถทำให้คนข้างกาย ยินยอมพร้อมใจที่จะต่อสู้ไปพร้อมกับเขา

แม้แต่ยอดฝีมือระดับผู้อาวุโสคนอื่นๆ ภายในใจก็เกิดความยอมรับนับถือกันขึ้นมา หลงเฉินถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เกิดมาเพื่อเป็นผู้นำได้อย่างแท้จริง ด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ถือได้ว่าไม่มีใครสามารถเทียบเคียงได้

ขณะนี้เหล่าผู้อาวุโสเหล่านั้นไม่เห็นว่าจะมีรางวัลอะไรที่จะสำคัญมากกว่านี้อีกแล้ว เพราะพวกเขาเองก็ได้เล็งเห็นว่า ภายในแววตาของเหล่าลูกศิษย์ต่างก็เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

พวกเขาเชื่อว่า เมื่อผ่านศึกในวันนี้ไปแล้ว วันข้างหน้าพวกเขาจะต้องมีความสำเร็จที่น่าตกใจกันอย่างแน่นอน ทั้งยังเป็นอย่างที่หลงเฉินได้กล่าวออกมาก่อนที่จะเปิดการต่อสู้ขึ้น

ขอเพียงพวกเขามีชีวิตรอดกลับมาได้ อนาคตข้างหน้าจะต้องสำเร็จเป็นยอดฝีมือที่บันลือลั่นอย่างแน่นอน

โดยเฉพาะศิษย์สายตรงที่ยังมีชีวิตรอดมาได้เหล่านั้น แต่ละคนต่างก็ปลุกพลังจากต้นตระกูลขึ้นมากันได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรอนาคตของพวกเขาก็คงจะสดใสแน่

ท้ายที่สุดแล้วยังคงเป็นถู่ฟางที่เป็นคนตัดสินใจ หากเป็นไปตามกฎระเบียบจากที่ผ่านๆมา เขาจะขอใช้จำนวนคนที่มีชีวิตรอด มาเพื่อแบ่งรางวัลกันอย่างเท่าเทียม

ทว่ารางวัลเหล่านี้ มิใช่สิ่งที่จะแจกจ่ายออกไปได้ในทันที เพราะจำเป็นต้องรอให้ศีรษะของศิษย์ของฝ่ายอธรรมทั้งหมด ถูกส่งกลับไปยังสาขาของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ จากนั้นค่อยแจกจ่ายรางวัลอีกที

เรื่องที่ต้องทำต่อจากนี้ ก็คือการเก็บกวาดสนามรบ เหล่าศิษย์ต้องทำการเก็บกวาดศพของศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดมา

เพราะถ้าหากทำเพียงแค่ตัดศีรษะมาโดยไม่เก็บกวาด ศพที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ก็จะต้องเน่าเปื่อยไป ซึ่งก็คงจะทำให้เกิดโรคร้ายแผ่ออกเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องนำกลับไปเสาะหาสถานที่เพื่อทำการเผา

หลังจากที่เก็บกวาดสนามรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสผู้หนึ่งก็ได้หอบศพร่างหนึ่งเข้ามา เมื่อได้มองไปยังศพร่างนั้น ทุกคนต่างก็กล่าวอะไรไม่ออกอยู่เป็นเวลานาน

ซากศพนั้นก็คือผู้อาวุโสฝ่ายอธรรมขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวงที่หลงเฉินได้สังหารไปนั้นเอง

ยอดฝีมือในระดับนี้ มีแต่เพียงหมู่ตึกพลิกสวรรค์เท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติที่จะสร้างขึ้นมาได้ อีกทั้งยอดฝีมือปรือกระดูกแปดบวงสรวงทางด้านของหมู่ตึกเอง ก็มีเพียงแค่แปดคนเท่านั้น

ด้วยความแข็งแกร่งระดับยอดฝีมือปรือกระดูกแปดบวงสรวง กลับต้องมาตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของหลงเฉินไปเฉกเช่นนั้น จึงไม่มีผู้ใดที่ไม่อาจที่จะไม่ตกใจกันขึ้นมาได้

ยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวง มีพลังชีวิตที่แข็งกล้า เมื่อกระดูกทั้งแปดส่วนในร่างได้ถูกเบิกขึ้นมา ก็ย่อมต้องทำให้เกิดพลังในการต่อสู้ที่ไร้ที่เปรียบ จนยากที่จะตายตกได้

ต่อให้เป็นยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวงเช่นเดียวกัน แล้วมาต่อสู้กับอีกฝ่าย มีหรือที่จะไม่อาจหลบหนีได้พ้นกัน? การต่อสู้ระหว่างธรรมะอธรรมได้ผ่านมานับครั้งไม่ถ้วน นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ยอดฝีมือในระดับนี้ต้องมาตายตกไป

และที่คาดไม่ถึงมากที่สุดก็คงจะเป็น ยอดฝีมือเฉกเช่นนี้ กลับไม่ได้ถูกยอดฝีมือระดับเดียวกันสังหาร แต่กลับต้องมาตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของศิษย์เพียงคนหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งยังตายภายใต้เงื้อมมือของศิษย์ที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ขั้นก่อโลหิต

ถู่ฟางเองก็ได้ตระเตรียมที่จะส่งศพนี้กลับไปยังสาขาใหญ่ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ ถ้าหากสาขาใหญ่ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ทราบว่าภายในหมู่ตึกสาขาเกิดยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดขึ้นมาเช่นนี้ จะต้องออกคำสั่งมอบทรัพยากรมาเพื่อเลี้ยงดูหลงเฉินอย่างนับไม่ถ้วนแน่นอน

หลังจากที่ได้ทำการเก็บกวาดสนามรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสจากสำนักใหญ่ต่างๆ ต่างก็ได้แยกย้ายนำพาศิษย์จากไป ทว่าก่อนหน้าที่จะจากกันไป พวกเขาต่างก็ยกมือทำการคารวะเพื่อแสดงความเคารพไปยังทางด้านของหลงเฉิน

ศึกในครั้งนี้ได้ทำให้พวกเขารู้สึกนับถือและตื้นตันขึ้นมา เป็นเพราะหลงเฉินที่ทำให้พวกเขาได้ทราบว่า คนเฉกเช่นไรจึงจะเหมาะสมถูกเรียกว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง หลงเฉินถือได้ว่าเป็นเหมือนดั่งตะเกียงที่สาดส่องในเส้นทางวิถีการฝึกยุทธ์ของพวกเขา จนทำให้พวกเขาสามารถมองเห็นเส้นทางสายนั้นขึ้นมาได้อย่างชัดเจน ไม่ตกเข้าสู่ความลุ่มหลงอีก

การต่อสู้ที่นองเลือดเพิ่งจะจบหยกๆ การแยกจากกับเหล่าพี่น้องที่ใกล้ชิดกันก็ทำให้หลงเฉินรู้สึกใจหายขึ้นมาเช่นกัน จึงได้โบกมือให้พวกเขาเพื่อเป็นการอำลา

หลังจากที่ทุกคนได้จากกันไปแล้ว ก็หลงเหลือแต่เพียงศิษย์และผู้อาวุโสของทางหมู่ตึกเท่านั้น ทันใดนั้นหลงเฉินก็ได้หันไปกล่าวต่อถู่ฟางว่า

“ผู้อาวุโสถู่ฟาง ข้าเกิดความรู้สึกคิดถึงบ้าน ขอข้ากลับไปเยี่ยมหน่อยได้หรือไม่”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset