เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 279 วัตถุดิบมาถึงมือ

เมื่อได้มองไปภายในแหวนมิติ ที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบ หลงเฉินก็ได้พยักหน้าอย่างพอใจ กล่าวได้ว่าผู้อาวุโสซุนนั้นดำเนินการได้ว่ารวดเร็วจนเกินคาด

แต่ที่หลงเฉินไม่ทราบก็คือ เวลานี้ผู้อาวุโสซุนเจ็บปวดจนแทบเป็นแทบตาย เพราะเงินที่สะสมมาทั้งชีวิต เพียงแค่ชั่วครู่เดียวก็ละลายหายไปกว่าครึ่งแล้ว

“หลงเฉิน เจ้าควรที่จะเอาวิชาทักษะส่วนล่างมอบให้แก่ข้าได้แล้วละ” ผู้อาวุโสซุนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ แต่น้ำเสียงยังแฝงเอาไว้ด้วยความสั่นเครืออยู่ เพราะสิ่งที่ได้รับถือได้ว่าเป็นวาสนาที่ยากจะหยิบจับได้

หลงเฉินได้ตรวจสอบโอสถภายในแหวนมิติอยู่ครู่หนึ่ง ก็เป็นดั่งที่ได้ระบุไว้ในใบรายการโดยทั้งสิ้น ทำให้หลงเฉินดีใจขึ้นมายกใหญ่

ถึงแม้ศึกใหญ่ธรรมะอธรรมครั้งนี้ ทุกคนต่างก็ได้รับรางวัลมาแบ่งกันแล้ว ยกตัวอย่างคนที่อยู่ในระดับศิษย์สายตรงเช่นถังหว่านเอ๋อ ต่างก็ได้รับการแบ่งสันปันส่วนที่มากถึงพันหมื่นแต้มคะแนน

หรือต่อให้เป็นศิษย์สายในโดยทั่วไป ต่างก็มีสวัสดิการนับร้อยหมื่นแต้มคะแนน แต้มคะแนนเหล่านี้ในมุมมองของพวกเขา ถือได้ว่าเป็นดั่งโชคลาภที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียว ทว่าในมุมมองของหลงเฉิน น้ำน้อยยังคงย่อมต้องแพ้ไฟ ดังนั้นหลงเฉินจึงได้มุ่งเป้าไปที่แพะอ้วนอย่างผู้อาวุโสซุน

เพราะแต้มคะแนนกับแต้มคุณประโยชน์ของผู้อาวุโสย่อมเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อมีสิ่งเหล่านี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะใช้แต้มคะแนนมาแลกเปลี่ยนได้

ต่อให้สามารถที่จะแลกเปลี่ยนได้ วัตถุดิบล้ำค่าภายในแหวนมิติวงนี้ ย่อมต้องมีค่ามากหนึ่งอี้* แต้มคะแนนแน่นอน

*亿 อี้ ร้อยล้าน

อีกทั้งยังมีวัตถุดิบอีกมากมาย ที่ภายในหมู่ตึกเองก็ไม่มี ผู้อาวุโสซุนจึงได้ไปถึงสาขาหลักเพื่อแลกเปลี่ยน หลงเฉินในเวลานี้จึงอดไม่ได้ที่จะต้องทอดถอนใจออกมา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ต่างก็สามารถที่จะแลกเปลี่ยนเป็นทรัพยากรได้หมดแล้ว ที่เหลือก็สุดแล้วแต่เจ้าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร

“เป็นไรไป เจ้าเกิดเสียใจขึ้นมาหรือไง ? ” เมื่อได้พบเห็นใบหน้าของหลงเฉินที่ยิ้มขึ้นมาอย่างเลวร้าย ผู้อาวุโสซุนก็อดไม่ได้ที่จะจิตใจหวั่นไหวขึ้นมา แล้วกล่าวขึ้นด้วยโทสะ

เพราะการแลกเปลี่ยนของทั้งสองคนต่างก็เป็นการแอบไปมาหาสู่กันเท่านั้น มิได้มีผู้ใดเป็นประจักษ์พยาน ถ้าหากหลงเฉินไม่ยินยอมทำตามข้อตกลง เช่นนั้นก็คงจะต้องยุ่งยากขึ้นมาแล้ว

“ผายลม เห็นคนเช่นข้าเป็นอย่างไรกัน ? ” หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา แล้วก็ได้สะบัดเพทายทมิฬชิ้นหนึ่งลอยเข้าหาผู้อาวุโสซุน

ผู้อาวุโสซุนมองด้วยความร้อนรน สิ่งนี้มีความคล้ายคลึงกับเพทายทมิฬที่อยู่ในมือของเขาอันก่อนหน้านี้ราวกับแกะ ที่เบื้องหน้าก็ได้สลักเอาไว้ด้วยลวดลายบางอย่าง และที่ด้านหลังก็ยังได้สลักเอาไว้ด้วยตัวอักษรโบราณอยู่ตัวหนึ่ง

“สังหาร”

เพทายทมิฬอีกชิ้นหนึ่งที่ด้านหลังสลักเอาไว้ด้วยตัวอักษร“สังหาร” หากรวมเข้ากับตัวอักษร “เย้ย”ชิ้นก่อนหน้านี้เข้าด้วยกัน ก็จะเป็นเย้ยสังหารแล้วอย่างงั้นหรือ ? หรือว่าเป็นสังหารเย้ยกัน ?

ทว่าไม่ว่าจะประกอบอย่างไร ตัวอักษรนี้ก็ทำให้ภายในจิตใจของผู้อาวุโสซุนได้ดีใจขึ้นมายกใหญ่

“เหอะเหอะ ขอบคุณมาก ข้าขอตัวกลับไปก่อนนะ”

หลงเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าว “ได้ เจ้ากลับไปก่อนเถอะ หากมีอะไรข้าจะไปหาเอง”

เมื่อได้พบเห็นหลงเฉินโบกมือขึ้นมาเบาๆ ราวกับเหมือนกำลังสนทนากับชนชั้นรุ่นเยาว์กว่าอยู่ นี่ก็ทำให้จิตใจของผู้อาวุโสซุนเกิดความไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง

“นั้นย่อมแน่นอน ข้าต้องมาหาท่านอีกครั้งอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสซุนยิ้มขึ้นมาด้วยความอบอุ่น ทว่าภายในส่วนลึกของแววตาก็ได้เผยความอาฆาตเอาไว้

ถึงแม้เขาจะได้รับวิชาพลัง ทว่าการที่ถูกหลงเฉินลงดาบนี้เข้าไป ก็ทำให้เขาเกิดความไม่สบายเนื้อสบายตัวเป็นอย่างยิ่ง อีกส่วนก็ต้องการที่จะรักษาความลับเอาไว้ ย่อมต้องมาหาหลงเฉินอีกครั้งอย่างแน่นอน

เมื่อได้มองเงาหลังของผู้อาวุโสซุนจากไป มุมปากหลงเฉินก็ได้ปรากฏความเย้ยหยันขึ้นมา ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องกลับมาหาข้าอีกแน่ ทว่าการสนทนาระหว่างพวกเราหาได้เป็นดุจเดิมไม่

หลงเฉินเมื่อได้ย้อนกลับมายังถ้ำที่พัก ก็ได้พบว่าถังหว่านเอ๋อกำลังยืนพิงอยู่ด้านหน้าประตูถ้ำอยู่ ทอใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่ลึกล้ำขึ้นมาแล้วกล่าว “เจ้าแอบทำเรื่องอะไรลับๆล่อๆ อีกแล้วอย่างงั้นหรือ ? ”

“ใส่ร้าย นี่จะต้องเป็นการใส่ร้ายกันอย่างแน่นอน ข้ามีโทสะแล้ว เจ้ารีบมาปลอบข้าเร็ว” หลงเฉินกล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เชอะ คิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือยังไงกัน ? บอกมา เมื่อครู่เจ้ากับผู้อาวุโสซุนทำตัวลับๆล่อๆ กำลังแลกเปลี่ยนอะไรกันอยู่ ? ” ถังหว่านเอ๋อหาได้ใส่ใจความเจ้าเล่ห์ของหลงเฉินไม่ จึงเอ่ยถามออกไป

เดิมทีถังหว่านเอ๋อที่พึ่งออกมาจากการเก็บตัว ก็ได้พบหลงเฉินกับผู้อาวุโสซุนกำลังสนทนากันอย่าง“สนิทสนม” กันอยู่ที่ด้านล่างของหุบเขา ดังนั้นนางจึงได้เกิดความสงสัยขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าเองก็ทราบดี ว่าข้านั้นเป็นคนที่ซื่อตรงเปิดเผย ทำสิ่งใดไม่เคยปกปิดซ่อนเร้น ย่อมไม่คิดแค้นผู้ใดมาก่อนอยู่แล้ว” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าว

“เชื่อเจ้าก็แปลกแล้ว ที่เจ้าไม่เก็บมาคิดแค้น ก็เป็นเพราะแค้นนั้นได้ชำระไปแล้ว ไม่เช่นนั้นแม้แต่การปล่อยให้ผ่านไปเพียงคืนเดียวก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว บอกมาเลยนะ ว่าผู้อาวุโสซุนแท้จริงมาทำอะไรกันแน่ ? ” ถังหว่านเอ๋อทอแววตาคู่งามจ้องไปที่หลงเฉิน แสดงสีหน้าบ่งบอกเอาไว้ว่า หากเจ้าไม่บอกข้าก็จะไม่เลิกรากับเจ้าแน่

“ต้องบอกจริงๆงั้นหรือ ? ” หลงเฉินถามกลับไปด้วยความรู้สึกลำบาก

“รีบบอกมา”

หลงเฉินถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา สตรีเพศถือเป็นสิ่งที่น่ารำคาญ เขาจึงกล่าวออกไปตามความจริงว่า “ความจริงหลังจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ ผู้อาวุโสซุนพบว่าข้านั้นมีพรสวรรค์ทั้งยังมีวิสัยทัศที่กว้างไกล ยากที่จะได้พบเจอคนที่มีพรสวรรค์ในด้านวิทยายุทธ์ในรอบหมื่นปี……”

“เข้าเรื่องได้แล้ว” ถังหว่านเอ๋อขมวดคิ้ว นางทราบว่าหลงเฉินกำลังเริ่มที่จะแกล้งนางอีกแล้ว

“อือ เขาคิดที่จะกราบข้าเป็นอาจารย์” หลงเฉินกล่าวออกไปด้วยความสัตย์ซื่อ

“กร๊อบแกร๊บ”

ถังหว่านเอ๋อเริ่มที่หักข้อมือเบาๆ กล่าวขึ้นมาว่า “อย่าได้เอาแต่ล้อข้าเล่น บอกเรื่องจริงมาได้แล้ว”

“เป็นความจริงนะ แม้แต่ของขวัญในการกราบไหว้อาจารย์ก็ยังมอบมาแล้ว แต่ข้าบอกว่าข้าขอใคร่ครวญดูก่อน จึงได้ให้เขากลับไปก่อน ทว่าในส่วนของของขวัญ ข้าเองก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธไปได้ ถ้าหากไม่รับไว้ก็เหมือนกับเป็นการตบเข้าไปที่ใบหน้าของผู้อื่น จนแม้แต่ไมตรีน้ำใจก็ยังไม่อาจมีอีกให้กันอีกต่อไปได้” หลงเฉินทอใบหน้ากล่าวออกมากด้วยความลำบากใจ ระหว่างที่กล่าวยังได้ยื่นแหวนมิติให้แก่ถังหว่านเอ๋อดู

ถังหว่านเอ๋อพยายามข่มใจไม่ให้หัวเราะออกมา แล้วก็รับแหวนมิติมาจากมือของหลงเฉินมาดู แต่หลังจากที่ได้พบเห็นวัตถุดิบล้ำค่าที่กองเท่าภูเขา รอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้สลายไปโดยพลัน ถึงกับยกมือขึ้นป้องริมฝีปาก ดวงตาคู่งามยังเผยอาการแตกตื่นตกใจขึ้นมาอีกด้วย

ถึงแม้ถังหว่านเอ๋อจะหาใช่ผู้หลอมโอสถ แต่ว่าวัตถุดิบระดับสูงบางส่วนย่อมต้องรู้จักอยู่บ้าง และจากการตรวจสอบดูอย่างคร่าวๆ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้แต้มคะแนนหลายพันไปจนถึงหลายหมื่นแต้มจึงจะแลกมาได้ซักชิ้น แต่ทว่าภายในนี้ถึงกับมีกองอยู่เป็นพะเนินเลยทีเดียว

“ที่แท้เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรือ ? ” ถังหว่านเอ๋อบ่นพึมพำอยู่กับตัวเอง

“ย่อมแน่นอน คิดว่าข้าหลงเฉินเป็นคนเยี่ยงไรกัน ขอเพียงข้าตะโกนขึ้นมา ก็ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากมายเท่าใดร้องร่ำไห้ ต้องการที่จะมากราบข้าเป็นอาจารย์ หากว่า……”

“ที่แท้ก็เป็นความจริง”

ในมือของถังหว่านเอ๋อก็ได้เพิ่มไข่มุกยาขึ้นมาเม็ดหนึ่ง แล้วก็ได้นำมาไว้ที่ด้านหน้าจมูก ทำการสูดดมเบาๆ กลิ่นนั้นถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว ย่อมต้องเป็นของจริงอย่างแน่นอน

หลงเฉินที่กำลังท่าทางประกอบระหว่างที่พูดอยู่ ก็พบว่าถังหว่านเอ๋อเหมือนไม่มองมาที่ตนเองแล้ว จึงได้แต่หยุดความเคลื่อนไหวของตัวเองเอาไว้ ทอแววตาทั้งสองข้างเหม่อมองไปที่เมฆหมอกที่อยู่บนฟากฟ้า

“ทำไมไม่คุยโว่อีกเล่า ? ” ถังหว่านเอ๋อเห็นใบหน้าของหลงเฉินเป็นเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่เกิดความขบขันขึ้นมา

“ไม่มีความหมายจะคุยโว่ต่ออีกแล้วละ แม้แต่ข้าเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อแล้ว” หลงเฉินส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา

“หลงเฉิน ข้าเองก็เริ่มที่จะทั้งเบื่อหน่ายแล้วนะ เจ้าไม่เคยจะกังวลเรื่องของเจ้าเองเลยหรือไง ? เพราะเหตุใดเจ้าถึงได้เอาแต่ทำตัวเอ้อระเหยลอยชายอยู่อย่างนั้นกันเล่า ? ”

ถังหว่านเอ๋อกล่าวจบประโยคนี้ ใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำขึ้นมา ประโยคนี้คล้ายกับมิใช่สิ่งที่ถูกกลั่นกรองมาจากสมองเลยก็ว่าได้ คำพูดเช่นนี้ มีอิสตรีที่ไหนกันที่สามารถกล่าวออกมาได้กัน

ทว่าหลงเฉินกลับไม่ได้ใส่ใจ ยังคงเหม่อมองไปที่เมฆหมอกที่อยู่บนท้องฟ้าแล้วกล่าว “เอ้อระเหยลอยชายก็หาได้กระทำเรื่องเลวทรามไม่ หากว่าเรื่องอะไรก็เอาแต่เก็บเอามาคิด ก็คงจะหลีกหนีไม่พ้นจากการที่ต้องกังวลไปจนตายหรอกหรือ ? ”

ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร หลงเฉินในเวลานี้ ถึงแม้บนใบหน้าจะแสดงอาการไม่สนใจสิ่งใด ทว่าภายในแววตา กลับยังเห็นได้ชัดว่ากำลังแสดงความโดดเดี่ยวออกมา

ถ้าหากก่อนหน้าที่จะเกิดศึกครั้งใหญ่ธรรมะอธรรม ถังหว่านเอ๋อคงยากที่จะสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวนั้นได้ แต่เมื่อนางได้รับพลังอักขระเพิ่มเข้ามา นางยิ่งสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้างในตัวของหลงเฉินชัดเจนยิ่งขึ้น

ความโดดเดี่ยวนี้กลับหาใช่เรื่องของจำนวนคนรอบตัวเขาไม่ ถึงแม้เขาจะอยู่ที่ใดก็ยังคงไม่อาจที่จะเข้ากับสังคมได้ทั้งหมด คล้ายกับว่าเขาได้ถูกขับไล่ออกจากโลกใบนี้ไปแล้ว หรืออาจจะเป็นว่าเขาเองที่ขับไล่ตนเองออกจากโลกใบนี้

ถังหว่านเอ๋อได้ยื่นมือดึงหลงเฉินเข้ามาเบาๆ กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หลงเฉิน ความจริงถ้าหากเจ้ามีเรื่องในใจ สามารถที่จะบอกต่อข้าได้นะ ข้ายินดีที่จะแบ่งเบาไปพร้อมกับเจ้า”

เมื่อถูกมือที่เล็กเรียวนุ่มละมุนของถังหว่านเอ๋อจับเอาไว้ หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวขึ้นในใจ เมื่อได้มองไปที่ถังหว่านเอ๋อ ที่มีคิ้วดุจวาดขึ้น รอยยิ้มที่คล้ายกับบุปผา ทั้งบนใบหน้ายังแฝงเอาไว้ความเขินอาย งดงามจนทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะไม่ทะนุทะนอมนางได้

ถึงแม้ตลอดมานี้จะคิดว่าถังหว่านเอ๋องดงามเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าในยามนี้ ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ กลับยิ่งรู้สึกได้ว่าถังหว่านเอ๋องดงามยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

หลงเฉินรู้สึกว่าจิตใจของตนเองเต้นระรัวมากขึ้นเรื่อยๆ ลมหายใจของถังหว่านเอ๋อเองก็เริ่มที่จะกระชั้นชิดเข้ามา

เมื่อถูกหลงเฉินจ้องมอง ถังหว่านเอ๋อก็เริ่มไม่กล้าที่จะสบตา ดวงตาคู่งามค่อยๆปิดลง ริมฝีปากก็ได้ขบกันจนแน่น ดูละมุนละไม จนหลงเฉินเองก็อดทนต่อไปไม่ไหว จึงได้จุมพิตลงไปอย่างลึกซึ้ง

“อื้ออืม”

ถังหว่านเอ๋อเองก็ได้ส่งเสียงออกมาเบาๆ ทั้งยังสวมกอดเข้าไปที่คอของหลงเฉินโดยที่ไม่รู้ตัว และทั้งตัวก็ได้ไร้เรี่ยวไร้แรงขึ้นมาทันที

หลงเฉินเองก็รู้สึกว่าสมองโล่ง สภาวะจิตใจทั้งหมดได้หยุดอยู่ที่สัมผัสจากรอยจุมพิตนี้ไปจนหมด

“แค๊กแค๊ก”

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงไอดังขึ้นมาเบาๆ ถึงแม้เสียงจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ในด้านของทั้งสองคนที่ได้ยิน ก็แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากเสียงฟ้าผ่าลงมาก็มิปาน

ทั้งสองคนได้แยกออกจากกันดุจมีไฟฟ้าแล่นผ่าน เมื่อได้พบเห็นชิงยวูกำลังมองมาที่พวกเขา ถังหว่านเอ๋อก็เกิดความเขินอายจนทำตัวไม่ถูก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาแล้ววิ่งกลับเข้าไปภายในห้องตนจากนั้นก็ได้ลงกลอนประตูปิดเอาไว้จนแน่น ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมที่จะเปิดออกมา

แม้แต่หลงเฉินที่หน้าด้านหน้าทน เมื่อถูกจับได้ว่ากระทำเรื่องเช่นนี้ ก็ยังอดไม่ได้ที่จะหน้าร้อนผ่าวดุจดั่งถูกน้ำร้อนลวกก็มิปาน

“ชิงยวูเจี่ย เหอะเหอะ ช่างบังเอิญยิ่งนัก”

“ชิงยวูเจี่ย ท่านอย่าได้เข้าใจผิดไป หลายวันมานี้ข้าร้อนใน จนลิ้นพองขึ้นมา ข้าเลยให้หว่านเอ๋อช่วยข้าดูดเลือดที่อยู่ด้านในออกมาก็เท่านั้น หาได้มีอะไรจริงๆ” หลงเฉินอธิบายขึ้นมา ทว่าเมื่ออธิบายจบ ก็รู้สึกว่าแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่อยากที่จะเชื่อเลยด้วยซ้ำ

ชิงยวูส่ายหน้าพร้อมกับถอยหายใจออกมาแล้วกล่าว “พวกเจ้าต่างก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ข้าทราบว่าพวกเจ้าต่างก็รักชอบกันอยู่แล้ว แต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างบุรุษสตรี ก็คล้ายกับฟืนและไฟ ถ้าหากหยุดเอาไว้ไม่ได้ เจ้าก็เหมือนกับทำร้ายถังหว่านเอ๋อรู้หรือไม่ ? ”

หลงเฉินพยักหน้าไปมา กล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง “ชิงยวูเจี่ย ข้าผิดไปแล้ว”

“ข้าทราบ พวกเจ้ายังไงก็เป็นคนที่อยู่ในเส้นทางเชิงยุทธ์ ย่อมไม่เลยเถิดกันอยู่แล้ว การกระทำเช่นเมื่อครู่นี่จะมีแต่ทำให้วิถีแห่งใจของพวกเจ้าเกิดผลกระทบ เกรงว่าจะทำให้พวกเจ้าต้องถลำลึกเข้าไป จนหลงผิดไปในวิถีแห่งยุทธ์ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าได้โทษชิงยวูเจี่ยที่มาขัดจังหวะละ” ชิงยวูกล่าวขึ้น

สำหรับอิสตรีถ้าหากยังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตขั้นก่อฟ้า หากว่าได้สูญเสียความบริสุทธิ์ไป จะไม่อาจคงสภาวะธาตุหยินภายในร่างกายเอาไว้ได้ เช่นนั้นต่อให้มีพรสวรรค์มากกว่านี้ก็เท่ากับว่าเสียเปล่าไปแล้วเท่านั้น

เป็นครั้งแรกเลยที่หลงเฉินไม่ได้รู้สึกว่าชิงยวูเจี่ยนั้นจุกจิกแต่อย่างไร การเล่นกับไฟในครั้งนี้ก็ช่างเย้ายวนมากจนเกินไปแล้ว หากว่าอดใจเอาไว้ไม่ไหว ก็คงจะต้องผิดหวังไปทั้งชีวิตอย่างแน่นอน

หลังจากที่ผ่านไปสามชั่วยาม ชิงยวูเองก็ไม่ทราบว่าเหนื่อยหรืออย่างไร หรืออาจจะเป็นเพราะว่ารู้สึกว่าหลงเฉินรู้สึกสำนึกผิดขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว จึงได้กลับไปยังถ้ำของตนเอง ทว่าหลงเฉินเมื่อได้พบว่านางไปเคาะที่ประตูห้องของหว่านเอ๋อ แต่ว่าต่อให้ตายยังไงหว่านเอ๋อก็ไม่ยินยอมที่จะเปิดประตูออกมา จึงได้ปล่อยไปเลยตามเลย หรือไม่ก็คงปล่อยให้ผ่านไปก่อน เมื่อสบโอกาส จะต้องทำการเทศนาหว่านเอ๋อกันอีกครั้ง

หลงเฉินหลังจากที่ได้กลับถึงห้องแล้ว ก็เริ่มทำการจัดแจงวัตถุดิบทั้งหมด เริ่มทำการอุ่นเตาหลอมยา และแยกส่วนจนกลายเป็นผง จากนั้นก็ค่อยบรรจุใส่เอาไว้ภายในขวดหยกแล้วทำการปิดผนึกเอาไว้

การหลอมโอสถหลังจากนี้ก็จะสะดวกขึ้นเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทำให้ขั้นตอนในการหลอมน้อยลงไปขั้นหนึ่ง ก็จะทำให้ประหยัดเวลาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

หลงเฉินอยู่ภายในห้องทำการหลอมยาไม่หยุด แต่ว่าพึ่งจะหลอมไปได้เพียงแค่สองวัน ผู้อาวุโสซุนก็ได้กลับมาหาเขาแล้ว

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset