เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 76.1 ความน่ากลัวของยิงฮวา

​“ตายซะ”

หลงเฉินตะโกนออกมาเสียงดัง ปลายแหลมของกระบี่หนักชี้ขึ้นสู่ฟากฟ้าด้วยสองมือที่กุมเอาไว้แน่น ตลอดทั่วทั้งร่างบังเกิดพลังที่เพิ่มสูงขึ้นจนไม่อาจหยุดยั้งได้ พลันก็ฟาดกระบี่ออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ที่มุมปากของยิงฮวาปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยันขึ้นมา ภายในแววตาทอประกายความเยือกเย็นออกมาเป็นสาย พลันก็ได้โบกฝ่ามือเต็มไปด้วยเส้นเอ็นขึ้นเหนือศีรษะ กระบี่ยาวในมือก็ได้กวาดผ่าอากาศออกไปรับประกายแสงจากอีกคมดาบหนึ่งที่กำลังฟันลงมา

“ตูม”

พลังมหาศาลอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศจนพื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งหุบเขา ขณะที่หลงเฉินกำลังจะออกไปอีกกระบวนท่าหนึ่ง ทันทีที่ขยับร่างกายออกไปก็รู้สึกเสมือนกับขุนเขาจะถล่มลงมาอย่างไรอย่างนั้น ตลอดทั่วทั้งร่างกลับล่องลอยออกไป

หลงเฉินปลิวไปไกลกว่าสิบช่วงตัว โลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาจากปากอย่างรุนแรง อีกทั้งแขนขาและศีรษะทั้งห้าส่วนก็รู้สึกร้อนรุ่มดุจมีเพลิงสุมเข้ามา

ก่อนหน้านี้ยิงฮวาไม่ได้ข่มขู่หลงเฉิน ทว่าคำพูดเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องจริง เมื่อพลังกายและพลังลมปราณผสานเข้าอย่างสมบูรณ์ ก่อเกิดเป็นพลังที่มีอานุภาพแรงกล้าขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรียกได้ว่าทำให้ผู้คนสิ้นหวังไปทั้งหมดได้เลย

“ไสหัวไป”

หลงเฉินที่เพิ่งจะถูกผละออกจากพลังโจมตีอันรุนแรง อาหมานก็ได้คำรามอย่างเกรี้ยวกราดออกมาเสียงดัง สันขวานสีทองฟาดออกตามไปติดๆ ยิงฮวาพลิกกระบี่ยาวครั้งหนึ่งจู่โจมเข้าไปที่สันขวานของอาหมานในทันที

วินาทีนี้อาหมานรู้สึกถึงขุมพลังปะทะเข้าที่ร่างกายประดุจไปกระแทกเข้ากับศิลาก้อนใหญ่อย่างไรอย่างนั้น พลันร่างก็กระเด็นหมุนรอบอยู่กลางอากาศติดต่อกันหลายครั้ง ก่อนจะดิ่งลงสู่พื้นพสุธาอย่างรุนแรง

ถึงแม้ว่าอาหมานจะลอยออกไปไปไกลกว่าหลงเฉิน ทว่าเขากลับไม่ได้กระอักโลหิตออกมาเลยแต่อย่างใด จึงได้สร้างความประหลาดใจให้แก่ยิงฮวาเป็นอย่างยิ่ง

“พวกเจ้าควรจะเชื่อได้แล้วกระมังว่าการเผชิญหน้ากับพลังที่มีอานุภาพร้ายกาจของข้านั้นเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์ ยอมแพ้ซะ” ยิงฮวาหยุดการจู่โจม อีกทั้งยังกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่เฉยชาประดุจมหาจักรพรรดิจ้องมองมายังสามัญชน

กระบี่หนักในมือคู่ใหญ่ได้ปักจมลงไปในพื้นดิน ร่างหนึ่งถูกดันขึ้นมาอย่างทุลักทุเล หลงเฉินปาดเช็ดโลหิตที่ไหลกลบปาก พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา “การยอมแพ้กลางคันนั้นไม่ใช่นิสัยของข้า ข้ายังไม่ทันจะได้ตัดศีรษะของเจ้าออกมาเลยนะ”

ยิงฮวาจ้องมองไปยังใบหน้าของหลงเฉินด้วยเพลิงโทสะที่สุมอยู่เต็มอก แล้วหัวเราะสวนกลับไปพร้อมกับกล่าวว่า “ดี สมแล้วที่เป็นบุตรชายของหลงเทียนเซียว กระดูกช่างแข็งเฉกเช่นเดียวกัน หวังว่าในตอนที่ข้าเลาะกระดูกของเจ้าออกไปเป็นชิ้นส่วนแล้ว เจ้าจะยังคงปากแข็งได้เช่นนี้อยู่นะ เจ้าหนู จงไปเสียใจต่อในลงนรกเสียเถิด” ทันทีที่กล่าวจบยิงฮวาก็ได้ขยับร่างกายครั้งหนึ่ง ทิ้งเอาไว้แค่เพียงเงาร่างซ้อนทับสายหนึ่ง ว่องไวปราดเปรียวจนไม่อาจที่จะใช้ความคิดตามได้ทัน เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นชายฉกรรจ์ก็ได้มาถึงเบื้องหน้าของหลงเฉินแล้ว

หลงเฉินเห็นว่ายิงฮวากำลังกวาดคมกระบี่ออกมา ทว่าแววตาของเขากลับไม่ได้สะท้อนภาพของประกายกระบี่เล่มนั้นเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว เพียงแต่ฟันกระบี่หนักในมือออกไปเฉกเช่นการต่อสู้ในครั้งแรก

นี่เป็นกลวิธีของผู้ที่ไร้ซึ่งหนทางอันใดแล้ว ทั้งความเร็วไปจนถึงพลังสภาวะ ไม่มีอย่างใดที่สามารถทัดเทียมกับยิงฮวาได้เลย

ขณะนี้จึงทำได้แค่เพียงเพิ่มพลังสภาวะให้แก่กระบี่หนัก อีกทั้งยังใช้กลวิธีที่แยบคายเข้าคลี่คลายการจู่โจมของยิงฮวา ถึงแม้ว่าการกระทำเช่นนี้จะนับว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ทว่าก็เป็นวิธีเดียวที่จะยื้อลมหายใจออกไปได้อีกสักเล็กน้อย

ยิงฮวาฉุกคิดขึ้นมาว่าคงจะต้องเสี่ยงใช้วิธีการแตกหักกับชายหนุ่มผู้นี้ดูบ้างแล้ว ทว่าเมื่อเห็นความไม่ลังเลใจของหลงเฉินที่ออกกระบวนท่ามานั้น ก็ทำให้เขารีบรั้งกระบี่ยาวกลับมา แล้วเสาะหามุมอับในการโจมตีอีกครั้ง

“ตูม”

ขณะเดียวกันอาหมานก็ได้ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ฟาดขวานศึกเบิกภูผาลงมาท่ามกลางการต่อสู้ของสองผู้กล้า ด้วยร่างกายที่คล้ายกับว่าไม่ได้ถูกโจมตีมาก่อน ไม่ก่อเกิดผลกระทบอันใดเลยสักนิดเดียว ช่างเป็นร่างกายที่แข็งแรงดั่งเหล็กกล้าจนน่าตกใจจริงๆ

หลงเฉินเกิดความปลื้มปิติขึ้นมาอย่างท่วมท้น นึกไม่ถึงเลยว่าอาหมานจะเฉลียวฉลาดขึ้นมาได้ถึงเพียงนี้ เพียงครู่เดียวที่ได้มองการเคลื่อนไหวของหลงเฉิน ก็ไม่แม้แต่จะมองไปที่กระบี่ยาวของยิงฮวาเลยสักนิด กลับใช้กระบวนท่าออกมาแลกกับชีวิตของตัวเอง

“ตูมตูมตูม”

เสียงระเบิดจากการปะทะดังขึ้นมาต่อเนื่อง กึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาจนเกิดการสั่นไหวขึ้นมาไม่หยุดหย่อน

ในขณะที่หลงเฉินและอาหมานรวมแลกชีวิตเข้าต่อสู้อยู่นั้น ยิงฮวาที่เคยเหนือชึ้นกว่ากลับไม่อาจใช้กระบวนท่าออกมาได้ เพราะถูกชายหนุ่มทั้งสองคนต้านทานเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย

ด้วยพลังและความเร็วของเขาย่อมเหนือกว่าเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งการโจมตีของหลงเฉินและอาหมาน นั้นแทบจะไร้ซึ่งตรรกะโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะออกกระบวนท่าใดไปนั้น เขาก็จะใช้ได้เพียงร่างกายเข้าทานรับเอาไว้ ในขณะที่เด็กน้อยทั้งสองคิดแต่จะใช้ชีวิตเข้าแลกกับเขามาโดยตลอด

ยิงฮวาปะทุเพลิงโทสะขึ้นมาจนใบหน้าชาด้านไปจนหมดสิ้น มีอยู่หลายครั้งที่เขาคิดว่าต่อให้ต้องบาดเจ็บก็ต้องฆ่าสังหารทั้งสองคนให้ได้ ทว่าเหตุใดเขากลับยังคงอดทนเอาไว้อยู่เรื่อยมา

อย่างแรกก็คือพลังของหลงเฉินและอาหมานนั้นมีมากมายจนน่าตกใจ เกิดเป็นสภาวะที่คล้ายกับการคุกคามถึงชีวิตของเขา หากว่าผิดพลาดไปแม้เพียงน้อยนิด ไม่ใช่แค่การบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย ทว่าจะกลายเป็นการมุ่งสู่ความตายไปด้วยกันทั้งคู่

อย่างที่สองก็คือเขามีพลังที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดอยู่แล้ว การเก็บกวาดชายหนุ่มทั้งสองคนเป็นปัญหาในเรื่องของเวลาก็เท่านั้น เขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรวบรัดโดยเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง

หลงเฉินมองออกถึงความในใจของยิงฮวาในข้อนี้ จึงได้ใช้ชีวิตเข้าแลก อันเป็นกลวิธีสุดท้ายของผู้ที่ไร้หนทางเอาชนะ หากไม่แลกชีวิตก็คงจะไม่มีทางเหลือรอดอีกแล้ว

อาวุธในมือกระเด็นลอยออกไป ในระหว่างที่กรอกตาไปมากว่าครึ่งชั่วยาม หลงเฉินก็มีปฏิกิริยากลับคืนมา เขาตรวจพบว่าพลังภายในร่างกายไม่อาจไหลเวียนไล่ตามการใช้พลังได้ทันท่วงทีแล้ว กระบี่หนักในมือที่ยิ่งถือก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนอาหมานเองก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก สันขวานเบิกภูผาอันแกร่งกล้าเริ่มที่จะมีรอยแตกร้าวขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็เริ่มมาถึงขีดจำกัดของร่างกายด้วยเช่นกัน

มุมปากของยิงฮวายังคงปรากฏรอยยิ้มที่แสนเยือกเย็น ภายในจิตใจของหลงเฉินก็เย็นวาบขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมเอาไว้ได้อีกแล้ว ยิงฮวาคิดที่จะทำอะไรกับพวกเขาต่อไป? จะจับไปทรมานทั้งเป็นในขณะที่หมดเรี่ยวแรงอย่างนั้นหรือ?

หลงเฉินหรี่ดวงตาเล็กลง ต้องการชีวิตของข้าอย่างนั้นหรือ ได้สิ…เช่นนั้นก็มาดูกันว่าเจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่

เมื่อยิงฮวาเห็นว่าร่างของหลงเฉินและอาหมานเริ่มจะโรยแรงลงไปเต็มทีแล้ว การโจมตีที่พุ่งทะยานเข้ามาก็เชื่องช้าลง จนภายในจิตใจเกิดความยินดีอย่างยิ่งยวด

ทันใดนั้นเองกระบี่หนักของหลงเฉินก็ได้ผ่ากลางลงมา ทว่ากลับไม่มีแรงหนุนตามมาแม้แต่สายเดียว ร่างกายโงนเงนไปมาจนขาข้างหนึ่งต้องก้าวค้ำออกมาทางด้านหน้า เผยให้เห็นช่องว่างของจุดอ่อนบนร่างกายที่ไม่อาจซ่อนเร้นเอาไว้ได้อีกแล้ว

ปฏิกิริยาตอบสนองอันรวดเร็วของยิงฮวาปะทุขึ้นมาในทันที ชายฉกรรจ์หลบเลี่ยงออกมาจากคมขวานของอาหมาน จู่โจมกระบี่ยาวเข้าไปยังช่วงเอวของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว ที่หลงเฉินคาดเดาเอาไว้นั้นไม่มีผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยิงฮวายังต้องการที่จะเก็บชีวิตของเขาเอาไว้อยู่ ไม่เช่นนั้นปลายกระบี่คงจะแทงทะลุหัวใจไปแล้ว

แววตาของหลงเฉินจึงสาดประกายความเย็นเยียบขึ้นมาหลายสาย จุดดารากักวายุก็ได้ไหลเวียนพลังทั้งหมดขึ้นมาอย่างรุนแรง พลังอันมหาศาลพุ่งพล่านประดุจน้ำในมหาศาลซัดซาดสู่ชายฝั่งอย่างไรอย่างไร แล้วไหลเวียนเข้าสู่ภายในจุดตันเถียน

พลังหนุนทั้งสิบสองสายหมุนวนขึ้นมาหลายร้อยรอบภายในจุดตันเถียน ผ่านไปเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นก็ได้เพิ่มพูนขึ้นมามากกว่าเดิมนับสิบเท่า ความเร็วของการหมุนวนประดุจพายุอันบ้าคลั่งหอบหนึ่ง ลมปราณที่มีหมุนเป็นวงกลมขนาดใหญ่กว่าร้อยลี้ก็ถูกดูดซับเข้าไปจนหมดสิ้น

“สำเร็จหรือไม่ ก็เบิกตาดูในครั้งนี้เถิด”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset