เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 76.2 ความน่ากลัวของยิงฮวา

หลงเฉินสวดภาวนาขึ้นมาพร้อมทั้งไหลเวียนพลังหนุนทั้งสิบสองสาย แล้วชักนำพลังลมปราณทั้งหมดมารวมกันจนถักทอคล้ายกับเป็นเชือกเส้นหนึ่ง ไหลไปตามเส้นทางของจุดเย่าเสว่ยจนกรองเข้าไปยังจุดฮุยหมิงอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็ไปรวมกันที่จุดเหลากงเสว่ย

* 耀穴 (จุดเย่าเสว่ย) แสงสว่าง อยู่ตรงบริเวณท้ายทอย 慧明穴 (จุดฮุยหมิง) ช่วงแขน 劳宫穴 (จุดเหลากงเสว่ย) จุดลมปราณใจกลางฝ่ามือ

ในช่วงเวลาที่ลมปราณได้ทะลักเข้าสู่จุดลมปราณแรกนั้นคล้ายกับประตูที่กักน้ำเอาไว้อย่างมหาศาลที่ถูกทลายจนเปิดกว้างออกไป ไหลเข้าสู่ช่องว่างด้วยพลังและความเร็วที่เพิ่มขึ้นไปยังจุดถัดไป

เมื่อลมปราณเพิ่มพูนขึ้นมาอย่างรุนแรงจนถึงจุดเหลากงเสว่ยใจ หลงเฉินก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอันยากจะอธิบายขึ้นมา

“แย่แล้ว เส้นลมปราณทนรับเอาไว้ไม่อยู่แล้ว”

หลงเฉินรู้สึกได้ว่าจุดเหลากงเสว่ยไม่อาจที่ทานรับพลังที่ทะลวงเข้ามาได้อีกแล้ว จนเริ่มที่จะปริแตกออกมาทีละเล็กทีละน้อย

“รับฝ่ามือจากข้าซะ”

การชักนำพลังอันมหาศาลเข้าสู่กระบี่หนักที่กุมอยู่แน่นนั้นกลับทำให้กระบี่สั่นไหวไปมาอย่างรุนแรงคล้ายกับจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ

เดิมทีกระบี่ยาวของยิงฮวากำลังจะแทงเข้าที่ช่วงเอวของเขาอยู่นั้น จู่จู่รูขุมขนตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ลุกชูชันขึ้นมาแทบทั้งสิ้น เขาหยิบยืมประสบการณ์การต่อสู้เข้ามาแล้วรีบถอยออกไปทางด้านหลังก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีในครั้งนี้ออกไป

“เบิกสวรรค์”

สีหน้าของยิงฮวาเต็มเปี่ยมไปด้วยหวาดหวั่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาเบิกกว้างคู่นั้นกำลังจดจ้องไปยังกระบี่ในมือของหลงเฉิน ที่กำลังสาดรังสีสังหารเข้ามากดดันร่างกายของเขาประดุจจะพาเข้าสู่หนทางแห่งความตายอย่างไรอย่างนั้น

เพียงแค่ผักปลาที่อยู่ในขอบเขตขั้นก่อรวมเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถปลดปล่อยพลังสภาวะออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้ รังสีสังหารอันแรงกล้าที่สามารถกดดันยอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นที่สูงส่งเช่นเขาได้ถึงสองขั้น

กระนั้นเรื่องราวเฉกเช่นนี้ไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นต่อยิงฮวาผู้ยิ่งใหญ่ได้ ฉะนั้นเขาจึงรีบฟื้นคืนกลับจากอาการแตกตื่นตกใจในทันที ด้วยสภาวะที่เหมือนกับกำลังเผชิญหน้าอยู่กับความตายจึงไม่อาจที่จะจมปรักอยู่กับห้วงความคิดได้อีกแล้ว

หลงเฉินยกกระบี่ในมือที่แฝงเอาไว้ด้วยจิตสัมผัสที่พิสดารชนิดหนึ่ง ประดุจศาสตราวุธของเทพจากสรวงสวรรค์กำลังฟาดฟันลงมาอย่างไร้เยื่อใย

“ฟันคลื่นแตกหัก”

เมื่อเห็นกระบี่ของหลงเฉินผ่ากลางอากาศลงมา ยิงฮวาก็ได้ตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน ระเบิดเส้นโลหิตทั่วร่างขึ้นมาอย่างดุเดือด พลังโดยรอบเพิ่มสูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง พลันก็ได้กวาดคมกระบี่ออกไปยังเบื้องหน้าด้วยเช่นกัน

“ตูม”

สองคมของกระบี่ปะทะเข้าหากันอย่างเต็มแรง จนเกิดการระเบิดครั้งที่เท่าใดก็ไม่อาจนับได้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ความรุนแรงของพลังได้พัดโบกต้นไม้ใบหญ้าให้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งบรรยากาศ ก้อนกรวดเม็ดทรายแหลกละเอียดจนกลายเป็นผงฝุ่นตลบอบอวนไปทั่ว

เงาร่างทั้งสามสายกระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง พลังทำลายอันมหาศาลของทั้งสามคนทำให้พื้นดินที่เคยแตกร้าวกลายเป็นหลุมลึกกว่าสิบช่วงตัวท่ามกลางหุบเขาแห่งนี้

หลงเฉินรู้สึกร้าวรานไปทั่วทั้งร่างราวกับว่ากระดูกได้แตกหักกระจุยกระจายไปทั้งหมดแล้วอย่างไรอย่างนั้น มือขวาที่เคยจับด้ามกระบี่ก็เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ด้วยความกว้างของเส้นลมปราณของเขาในตอนนี้ยังไม่สามารถใช้เบิกสวรรค์ออกมาได้

เมื่อครู่เขาฝืนใช้พลังอันน่าหวาดกลัวของเบิกสวรรค์ออกมาจนทำให้เส้นลมปราณเกิดรอยแตกร้าวขึ้นโดยรอบของจุดเหลากงเสว่ย ยังดีที่ในช่วงท้ายยังพบว่ามีบางอย่างไม่ค่อยจะถูกต้องนัก จึงเข้าควบคุมพลังจากวิชาเบิกสวรรค์ให้ออกมาเพียงเล็กน้อย

แม้จะได้ควบคุมพลังให้ออกมาเสียงส่วนน้อย ยังกลับทำให้เส้นลมปราณบนฝ่ามือถูกทำลายไปได้ถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมด เส้นลมปราณคงจะต้องขาดสะบั้นไปจนหมดสิ้นกลายเป็นเพียงเจ้าเศษสวะผู้หนึ่งอย่างแน่นอน

ภายใต้ความหวาดหวั่นของหลงเฉินก็เกิดความตื่นเต้นขึ้นมาด้วยส่วนหนึ่ง พลังทำลายอันน่าหวาดกลัวของเบิกสวรรค์นั้นแท้จริงแล้วจัดเป็นทักษะยุทธ์ในระดับใดกันแน่?

“ไม่เสียทีที่เกิดมาเป็นบุตรชายของหลงเทียนเซียว เยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมมาก ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ฮาฮาฮา”

เสียงหัวเราะดังสนั่นขึ้นมาอย่างสะใจ หมอกควันรอบบรรยากาศก็เริ่มจะจางหายไปแล้วเช่นกัน เผยให้เห็นเงาร่างสายหนึ่งกำลังยืนอยู่ไม่ไกล

ทว่ายิงฮวากลับตกอยู่ในที่นั่งลำบากอย่างถึงที่สุดเท่าที่เคยพบมา ร่างกายที่เคยสวมอาภรณ์คลุมยาว ทว่าบัดนี้กลับฉีกขาดไม่เป็นชิ้นดี บริเวณหน้าอกเกิดเป็นรูกว้างขนาดใหญ่ที่มีโลหิตไหลรินออกมาช้าๆ

กระบี่ยาวในมือหลงเหลือแค่เพียงด้ามจับ การโจมตีเมื่อครู่นั้นได้ทำให้กระบี่คู่ใจที่เปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่าของเขาแตกหักออกเป็นเสี่ยงๆ

หลงเฉินหรี่ตามองไปยังร่างที่ทรุดโทรมของยิงฮวา ทว่ากลับยังสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่ได้ลดทอนลงไปเลยแม้แต่น้อย เพียงเท่านี้ก็บอกได้แล้วว่ายิงฮวานั้นเป็นผู้ที่มีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

“เชอะ”

มือใหญ่ข้างหนึ่งฉีกกระชากอาภรณ์ที่ขาดหลุดลุ่ยออกจนเผยให้เห็นบางอย่างที่อยู่ภายใน แสงสะท้อนวิบวับของเกราะเหล็กกล้าชิ้นหนึ่งนั่นเอง

เกราะชิ้นนั้นมีสีทองอร่าม ทว่ากลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการฟาดฟันจากการต่อสู้ จนเกิดบาดแผลลึกเป็นทางยาวขึ้นมาสายหนึ่ง นั่นก็คือร่องรอยที่มาจากกระบี่ของหลงเฉินที่โจมตีไปในครั้งสุดท้ายนั่นเอง

“เป็นทักษะยุทธ์ที่น่ากลัวยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะมีเกราะตัดทองคำชิ้นนี้อยู่ ขุนนางอย่างข้าก็คงจะสิ้นชีพไปแล้ว” ยิงฮวาลูบคลำไปที่บาดแผลกลางทรวงอก แล้วกล่าวออกมาด้วยเสียงราบเรียบ

“ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง ถ้าหากเจ้าส่งมอบทักษะยุทธ์ออกมา ข้าก็จะรวบรัดเวลาให้พวกเจ้าให้เอง ว่าอย่างไรล่ะ?”

หลงเฉินเปลี่ยนถ่ายกระบี่หนักไปไว้ที่มือซ้าย เพราะมือขวาไม่อาจที่จะกุมกระบี่หนักเอาไว้ได้อีกแล้ว พลันก็ได้ฝืนยันกายลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่แต่งแต้มรอยยิ้มเล็กน้อย “ก็ไม่ว่าอย่างไร?”

“หลงเฉิน เจ้าควรคิดให้ดีก่อนจะพูด ความตายนั้นไม่ได้น่ากลัว การมีชีวิตที่ไม่สู้ตายไปนั้นช่างเจ็บปวดเสียยิ่งกว่า ฉะนั้นเจ้าจงคิดให้ดีจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง” ยิงฮวายื่นคำขาดออกมา

“ข้ายังไม่เคยเสียใจต่อสิ่งที่เคยกระทำมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว” หลงเฉินปรายตามองไปยังอาหมานที่ยืนอยู่ข้างกายของเขาครั้งหนึ่ง

หลงเฉินควบคุมไม่ให้แสดงอาการออกมาจนเห็นได้ชัดเจนนัก หลังจากที่ส่งสายตาไปแล้วนั้นที่มือซ้ายก็ค่อยๆ ยกกระบี่ขึ้นมา “ยิงฮวา กระบวนท่าเมื่อครู่นั้น เป็นแค่การทดสอบแรกเท่านั้น ต่อจากนี้——ได้เวลาที่จะเอาชีวิตสุนัขอย่างเจ้าแล้ว”

เมื่อกล่าวจบ หลงเฉินก็ได้ฟันคมกระบี่ลงไปบนพื้นดินจนเกิดระเบิดของพลังอันรุนแรงขึ้นมา หมอกควันปกคลุมไปทั่วทั้งผืนนภาอย่างรวดเร็ว

“ชิ ขุนนางอย่างข้าก็อยากจะดูเหมือนกันว่าเจ้าจะทนต่อไปได้อีกสักกี่น้ำกัน” ยิงฮวาแผดเสียงเย็นชาออกมาพร้อมกับลูบไปที่แหวนมิติ ในมือข้างหนึ่งก็มีกระบี่ยาวเล่มใหม่ปรากฏขึ้นมา พลันก็ได้ชี้ปลายอันแหลมคมออกไปทางด้านหน้า

ทว่าเมื่อฝุ่นควันได้จางหายไปจนหมดสิ้น ยิงฮวาที่อยู่ในสภาวะพร้อมต่อสู้ ก็พบว่าเบื้องหน้าของเขาไร้ซึ่งเงาร่างของหลงเฉินเสียแล้ว หลงเหลือแค่เพียงอาหมานที่ยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอาการแตกตื่นตกใจ

ยิงฮวาทอสีหน้าฉุนเฉียวขึ้นมา พลันก็ได้กวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างรีบร้อน ก็พบเห็นร่างของหลงเฉินที่วิ่งห่างออกไปไกลนับร้อยช่วงตัวแล้ว ยังคงมุ่งหน้าวิ่งต่อไปยังใจกลางของภูเขาลูกใหญ่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย  . . . .

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset