เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 79.1 ปรุงรส

ใจกลางป่าลึกลับแห่งหนึ่งในเทือกเขาหนานหลี่ ยิงฮวามองไปยังรอยแยกบนพื้นดินอันเกิดจากฝีมือของเขาเองสีหน้าดำคล้ำปนหวาดกลัว เขาเพิ่งจะตรึกตรองได้ไม่นานมานี้ว่าเขาติดกับหลงเฉินผู้มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเสียแล้ว ชายหนุ่มผู้นั้นจงใจที่จะทิ้งรอยเท้าบางเบาในบางจุดเพื่อทำให้เขาสับสน

เมื่อเดินไปตามรอยเท้าของหลงเฉินไปได้สักพักก็จะพบว่ามันหายไปเมื่อลองเดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทางที่มาก็พบว่าตัวเองวกย้อนกลับมายังรอยเท้าเดิม ยิงฮวาเดินวกไปวนมาอยู่ในบริเวณแห่งนั้นนับหลายสิบรอบได้ก่อนจะกระโดดหนีไปยังเส้นทางอื่น

ทุกครั้งที่เจอรอยเท้าแรกนั้นจะดูชัดเจนเล็กน้อย เป็นการจงใจให้ยิงฮวาสะดุดตาแล้วออกตามหา และผลสุดท้ายก็ต้องค้นหาร่องรอยใหม่

ในตอนนี้ยิงฮวารู้สึกว่าเพลิงโทสะที่อัดแน่นอยู่ในท้องน้อยของเขาต้องการจะระบายออกมาอย่างถึงที่สุด หลงเฉินผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์เสียเหลือเกินทว่าจะให้หยุดติดตามก็ไม่อาจจะกระทำได้ เพราะสัมผัสได้ว่าหลงเฉินอยู่ในที่ที่ไม่ห่างไกลจากเขามากนัก แต่ไม่ว่าจะเสาะหาอย่างไรก็ไม่พบก็ยิ่งทำให้โทสะที่แน่นอยู่ในท้องแทบจะแตกระเบิดออกมา

นับตั้งแต่เหยียบย่ำเข้ามาในเขตป่านี่ก็ครบหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ยิงฮวาสบถวาจาต่างๆ นานาอย่างรำคาญใจจะวางมือก็ไม่ได้ กระทำได้แต่เพียงเสาะหาร่องรอยต่อไป

หลงเฉินและยิงฮวาต่างก็ดำเนินชีวิตไปเช่นนี้จนข้ามคืนข้ามวันท่ามกลางผืนป่าอันเงียบสงบ ถึงแม้ว่าหลงเฉินจะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบอยู่ ทว่าเขาเองก็ไม่กล้าที่จะได้ใจขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย คอยรักษาระยะห่างสิบกว่าลี้จากยิงฮวามาโดยตลอด

เนื่องจากระยะห่างเพียงเท่านี้ช่างพอดีกับระยะการตรวจจับที่ไกลที่สุดที่ยอดฝีมือพลังขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นผู้หนึ่งจะสามารถตรวจพบได้ ทว่ากลับไม่อาจระบุตำแหน่งได้อย่างแน่ชัด

เขาได้สังหารเซี่ยฉางเฟิงและองค์ชายสี่ก็ส่งยิงฮวามาสังหารเขา เช่นนี้ก็บอกได้แล้วว่าองค์ชายสี่ไม่ได้กังวลเรื่องราวของบิดาอีกแล้ว

ตอนนี้ที่จวนตระกูลหลงคงกำลังเข้าสู่ช่วงวิกฤตแล้ว ยิงฮวาถูกเขารั้งเอาไว้อยู่ในป่าอีกทางหนึ่งก็เพื่อซื้อเวลาให้แก่อาหมานรีบกลับไปยังจักรวรรดิให้เร็วที่สุด

ในช่วงเวลาที่ยิงฮวาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา หลงเฉินก็ได้แอบออกคำสั่งลับต่ออาหมานไว้แล้วว่าหากมีผู้ใดหลบหนีออกไปได้ก็ให้กลับไปยังจักรวรรดิก่อน

นำพาคนในจวนไปยังชุมนุมผู้หลอมโอสถ ปรมาจารย์หวินฉีย่อมไม่สามารถนิ่งดูดายได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้เป็นองค์ชายสี่ที่คิดจะแตะต้องตระกูลหลงก็จำเป็นจะต้องพิจารณาดูใหม่อีกทีแล้ว

อีกทางหนึ่งก็ขอเพียงยิงฮวายังไม่ยอมแพ้แล้วกลับไปยังจักรวรรดิก่อน หากองค์ชายสี่ไม่รับทราบความเป็นตายของเขาได้ก็คงจะยังไม่ลงมือต่อจวนตระกูลหลงอย่างแน่นอน

ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงพยายามแบกรับความเสี่ยงเอาไว้ให้ถึงที่สุด การรั้งยิงฮวาเอาไว้เช่นนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ทว่าก็เป็นเพียงหนทางเดียวที่กระทำได้ในตอนนี้

เขายังคงมุ่งหน้าเข้าสู่ก้นบึ้งของป่าใหญ่ต่อไปอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นเขาก็พบแมลงเต่าทองที่มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือกำลังปีนป่ายขึ้นไปบนต้นสนต้นใหญ่อย่างช้าๆ

เมื่อเห็นแมลงเต่าทองตัวนั้นหลงเฉินก็ทอประกายแววตาเจิดจ้าขึ้นมา ‘วัวเขาเดียว’ นั่นคือชื่อเสียงเรียงนามของมัน เพราะว่าที่ใบหน้าของมันมีเขาคล้ายวัวงอกขึ้นมาทว่ากลับมีเพียงอันเดียว

เจ้าแมลงเต่าทองชนิดนี้มีนิสัยนุ่มนวลและเป็นมิตรมีการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้ายิ่งเต่า ทว่าอย่าได้ดูแคลนมันจากขนาดเพียงหนึ่งฝ่ามือเท่านั้นเพราะพลังของมันเป็นสิ่งที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

อีกทั้งยังสามารถแบกวัตถุที่หนักถึงยี่สิบสามสิบชั่งได้อย่างไม่อิดโรย ด้วยเหตุนี้ผู้คนจึงขนานนามให้กับมันว่า ‘วัว’ เพราะพลังอันมหาศาลของมันที่เทียบเท่ากับวัวตัวหนึ่ง

หลงเฉินเอื้อมมือไปจับเจ้าวัวเขาเดียว พลันมุมปากก็ได้ปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นมาแล้วกระซิบออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “เหอะเหอะ ไอ้หนู ช่วยข้าหน่อยนะ”

เขาไม่รีรอที่จะให้แมลงเต่าทองมีปฏิกิริยาตอบกลับ เมื่อคว้าจับมาได้เขาก็ยัดมันเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทันที จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินต่อไปพร้อมกับสอดส่องสายตาไปทั่ว หลงเฉินพยักหน้าไปมา‘สถานที่แห่งนี้ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว’

เมื่อเดินไปได้สักพักใหญ่เขาก็ได้นำแผ่นบางๆ แผ่นหนึ่งออกมาจากแหวนมิติ สิ่งนั้นก็คือผ้าไหมดำถึงแม้ว่ามันจะบางมากทว่ากลับแข็งแรงเป็นอย่างยิ่ง ผ้าไหมดำแผ่นหนึ่งสามารถรองรับน้ำหนักได้กว่าร้อยชั่ง นักผจญภัยโดนมากจึงมักจะพกติดตัวเอาไว้ในขณะที่เดินทาง ประโยชน์ที่ทราบโดยทั่วกันก็คือการใช้สำหรับดักจับศัตรู อีกทั้งยังสามารถดัดแปลงไปใช้ประโยชน์ได้อีกมากมาย ที่สำคัญก็คือมีราคาถูกเป็นอย่างยิ่ง

หลงเฉินชูผ้าไหมดำขึ้นไปแล้วสำรวจไปรอบด้านอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้พยักหน้าไปมาด้วยความพึงพอใจ สีดำสนิทของไหมช่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมที่มีแสงรำไรน้อยนิดของป่าโดยรอบได้เป็นอย่างดี หากไม่อยู่ใกล้ๆ เช่นนี้ก็คงจะไม่ง่ายเลยที่จะมองเห็น

หลงเฉินเดินต่อไปเรื่อยๆ จนเห็นพุ่มไม้ที่เป็นกลุ่มก้อนคล้ายกับลูกไก่ตัวหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ก็ได้แหวกเข้าไปเบาๆ จากนั้นก็กางผ้าไหมดำครอบเอาไว้ด้านบนของพุ่มไม้

เมื่อพุ่มไม้ได้รับการฉุดรั้งดั่งสายของธนูด้วยผ้าไหมเส้นบางก็มีลักษณะเหมือนกับด้ามธนูหนึ่ง อย่างไรอย่างนั้นผ้าไหมสีดำถูกทำให้สูญเสียคุณสมบัติของผ้าไปเล็กน้อยจนสามารถยืดหยุ่นได้

หลงเฉินกระทำการต่างๆ ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้นเพียงเล็กน้อยก็จะก่อซุ่มเสียงดังขึ้นมาจนเป็นการชักนำยิงฮวาให้เข้ามาพบเจอได้

ห้วงแห่งความคิดได้ตรึกตรองอย่างรอบคอบ หากสรรสร้างหลุมพรางนี้สำเร็จแล้วด้วยผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้นย่อมเต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยงอย่างแน่นอน ทว่าก็ยังถือว่าคุ้มค่าอยู่หลายส่วน

เมื่อ ‘คันธนู’ เสร็จสมบูรณ์แล้วหลงเฉินก็ได้ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบอีกครั้งหนึ่ง พุ่มไม้เขียวขจีทั้งสองด้านแหวกออกจากกันจนเกิดเป็นเส้นทางตามธรรมชาติที่กว้างขวางสายหนึ่ง ฉะนั้นการติดตั้งกับดักในที่แห่งนี้ถือได้ว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว

หลงเฉินบรรจงปูผ้าไหมดำจนเต็มทั่วทั้งพื้นที่แถบนั้น เพื่อยืนยันว่าในระยะทั้งหมดที่ศัตรูย่างก้าวเข้ามาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็จะต้องติดกับอย่างแน่นอน โปรดยิงฮวาจงวางใจได้เลย

หลงเฉินล้วงมือเข้าไปหยิบแมลงเต่าทองออกมา จากนั้นก็ใช้ผ้าไหมดำพันรอบขาข้างหนึ่งของมันไว้แล้ววางไว้บนต้นไม้ใหญ่ วัวเขาเดียวเริ่มอกปีนป่ายอีกครั้งทว่ากลับไม่ได้วุ่นวายเฉกเช่นเคย มันเพียงแต่ปีนขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้าบนต้นไม้สูงใหญ่

ตรงไปยังจุดที่หลงเฉินนำกอดอกกล้วยไม้ไปเสียบเอาไว้ ดอกกล้วยไม้เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่กลีบดอกของมันมีคุณลักษณะพิเศษก็คือสะสมความหวานเอาไว้มากที่สุด

และวัวเขาเดียวก็ชื่นชอบการกินกลีบดอกไม้เป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่ากอดอกกล้วยไม้กอนั้นจะเ**่ยวเฉาไปบางแล้ว ทว่าวัวเขาเดียวก็ยังปิติยินดีอย่างถึงที่สุดออกปีนป่ายขึ้นไปอย่างไม่คิดชีวิต เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นมันก็ไปถึงเรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่วัวเขาเดียวกำลังจะลิ้มลองอาหารชั้นเลิศที่อยู่เบื้องหน้า หลงเฉินก็กระตุกผ้าไหมดำจนเจ้าหนูตัวนั้นตกลงมาอย่างลงกะทันหัน ช่างน่าสงสารเสียจริง

หลงเฉินครุ่นคิดแผนการอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วางวัวเขาเดียวกลับไปที่ต้นไม้แล้วนำศิลาหนักห้าชั่งก้อนหนึ่งมาผูกติดกับขาของมันเอาไว้ พลันก็มองตามรอยเส้นทางที่วัวเขาเดียวปีนขึ้นไป จากการคาดการณ์เอาไว้ในช่วงเวลาที่วัวเขาเดียวปีนขึ้นไปจนถึงกอดอกกล้วยไม้แล้วนั้น เงื่อนที่ถูกผูกเอาไว้ก็จะคลายตัวออกทำให้ศิลาร่วงหล่นลงมายังพื้นดิน

หลงเฉินตรวจสอบหลุมพรางที่ปูไว้อีกรอบหนึ่ง บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มประหลาดขึ้นมาในทันที จากนั้นก็ค้นหาใบไม้สดจำนวนมากมากองหนึ่ง จากนั้นก็ก้มลงไปด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ด้วยท่าทีลับลับล่อล่อ

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้นำแมลงเต่าทองกลับไปปล่อยที่ต้นไม้ต้นเดิมอีกครั้งพบว่าแมลงเต่าทองยังคงปีนป่ายขึ้นไปในเส้นทางเดิมอยู่ ทว่ากลับเชื่องช้ากว่าเดิมเพราะมีศิลาก้อนหนึ่งถ่วงเอาไว้อยู่

ยอดเยี่ยมหลงเฉินพยักหน้าไปมาอย่างพึงพอใจ แล้วก้าวถอยออกมาจากบริเวณนั้นทันที ดูตามทิศทางของสายลมในตอนนี้นั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับยิงฮวาแล้วว่าจะเคลื่อนไหวหรือจะหายสาบสูญไปในป่าลึกทึบแห่งนี้กัน

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ยิงฮวาก็ยังคงตรวจสอบรอยเท้าของหลงเฉินอย่างละเอียด ทันใดนั้นก็มีเสียงดังตุบดังขึ้นมาครั้งหนึ่ง

เสียงของศิลาก็มีความดังปกติ ทว่าประสาทการรับรู้ของยิงฮวากลับลึกล้ำมาก เขาสามารถได้ยินอย่างชัดเจนราวกับมันดังอยู่ข้างกายของเขา แล้วตะบึงหน้าตั้งตรงไปยังต้นเสียงด้วยความว่องไวประดุจสายฟ้าแลบ

“ตุบ”

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset