เคล็ดกายานวดารา – ตอนที่ 92 บวงสรวงสู่อีกโลก

“ตึง”

พยัคฆ์ร้ายที่มีลวดลายสวยงามและมีลำตัวยาวกว่าสองจั่งตัวหนึ่งหมอบร่างฟุบลงกับพื้นดิน ศีรษะขนาดใหญ่ของมันถูกเสียบเอาไว้อยู่บนคมกระบี่หนักที่มีความยาวกว่าเจ็ดเซียะของชายหนุ่มผู้หนึ่ง

“ฝุบ”

ปลายกระบี่ถูกดึงออกจากศีรษะอย่างไม่แยแสจนสายโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่วทั้งผืนฟ้า

หลงเฉินปาดหยาดเหงื่อที่ไหลรินออกมาเต็มใบหน้าแล้วก็มองไปยังร่างของสัตว์มายาที่นอนแผ่อยู่ด้านหลังอีกหลายตัว พลันก็ได้ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ

สองวันมานี้หลงเฉินหมกมุ่นอยู่กับการโยกย้ายร่างที่ไร้ชีวิตของเหล่าสัตว์มายาเพื่อเดินทางเข้าไปในป่าลึก ด้วยโลหิตที่หลั่งไหลออกมาจากร่างสัตว์มายาตัวหนึ่งก็ได้ชักนำสัตว์ร้ายตัวอื่นเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน และหลงเฉินก็กลายเป็นเป้าหมายอันแสนโอชะไปโดยปริยาย

เหล่าสัตว์ร้ายในป่าลึกเป็นสัตว์จำพวกมีประสาทการรับกลิ่นที่เฉียบคมเป็นอย่างมาก กลิ่นคาวโลหิตจากสัตว์มายาที่ได้รับบาดเจ็บจะโชยตลบอบอวนไปทั้งบรรยากาศทำให้สัตว์มายาตัวอื่นปะทุความดุร้ายขึ้นมาเพื่อต่อสู้และแย่งชิงเขตแดนกัน

ท่ามกลางป่าลึกมักจะมีกลิ่นอายของความตายโบกพัดไปทั่วทำให้เหล่าสัตว์มายาทั่วไปไม่กล้าล้ำเส้นเข้ามาท้าทายเจ้าถิ่นที่แสนดุร้าย ทว่าในตอนนี้กลับเข้ามาหาถึงที่

พยัคฆ์ร้ายตัวนี้เป็นสัตว์มายาตัวที่แปดที่เข้ามาเยือนสถานที่แห่งนี้ ทำให้พื้นที่เบื้องหลังของหลงเฉินเต็มไปด้วยซากศพของสัตว์มายาเรียงรายกันเป็นแถวเป็นแนว

มีทั้งพยัคฆ์ เสือดาว และกิ้งก่ายักษ์ ทุกร่างต่างก็ถูกหลงเฉินฉีกเอากล้ามเนื้อของมันมัดต่อกันเป็นทางยาวแล้วลากมาพร้อมกันตลอดทาง

ส่วนเสี่ยวเสว่ยก็เอาแต่หมอบคลานอยู่บนร่างไร้ชีวิตของสัตว์มายาพร้อมทั้งแยกเขี้ยวกัดกินเนื้อสัตว์อย่างบ้าคลั่ง เมื่อกินอิ่มแล้วก็จะนอนหลับอยู่บนนั้น และพอตื่นขึ้นมาก็กัดกินเข้าไปใหม่

ร่างไร้ชีวิตของสัตว์มายาที่ผูกติดกันเป็นทางยาวราวกับขบวนรถลากอันน่าความตระการตาขบวนหนึ่ง สำหรับเสี่ยวเสว่ยแล้วพวกมันคือมื้ออาการอันโอชะที่กินได้ไม่มีวันหมด

หลงเฉินกวาดสายตามองไปยังขบวนซากศพ ขณะนี้มีสัตว์มายาระดับสองอยู่ถึงสามตัว และสัตว์มายาขั้นสูงสุดของระดับหนึ่งอีกหกตัว นี่คงจะเพียงพอสำหรับการตอบแทนบุญคุณของเทพแห่งพงไพรได้แล้วกระมัง

หากนำสัตว์มายาระดับสองหนึ่งตัวไปเทียบกับสัตว์มายาระดับหนึ่งสิบตัวยังถือว่ามีโลหิตและเนื้อที่ดียิ่งกว่าหลายเท่าตัว ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงไม่ได้รวบรวมตามคำขอของเทพแห่งพงไพร ทว่าต้องการให้เทพแห่งพงไพรสมความปรารถนาอย่างรวดเร็ว

หลงเฉินเป็นผู้ที่รู้จักบุญคืนคน และไม่ชื่นชอบการติดค้างน้ำใจของผู้อื่น อีกทั้งในช่วงเวลาที่เขาต้องพบเจอกับทัณฑ์จากสวรรค์ก็ได้เทพแห่งพงไพรเข้ามาช่วยเหลืออีกครั้ง การตอบแทนบุญคุณจึงต้องมากขึ้นเป็นหลายเท่าทวีคูณ

เดิมทีหลงเฉินต้องการสังหารให้มากกว่านี้ ทว่ากลับไม่มีสัตว์มายาตัวใดที่โผล่ออกมาให้เห็นเลย ยิ่งเป็นสัตว์มายาระดับสองก็ยิ่งหายากขึ้นและแทบจะสูญสิ้นไปทั้งหมดแล้ว

และในตอนนี้รอบบริเวณป่าลึกก็ได้ตลบอบอวนไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตอย่างเข้มข้นทำให้เหล่าสัตว์มายาระดับหนึ่งที่ถือว่ายังอ่อนแออยู่ไม่กล้าที่จะย่ำกรายเข้ามาแม้แต่ตัวเดียว ต่างจากก่อนหน้านี้ที่กลิ่นอายโลหิตของสัตว์มายาระดับสองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ได้หนาแน่นมาก พวกมันก็ยังหาญกล้าพอที่จะเข้ามาสังหารได้

เวลาล่วงเลยผ่านไปถึงหนึ่งวันเต็ม เมื่อเห็นว่าไม่อาจเก็บเกี่ยวสัตว์อื่นได้อีกแล้ว หลงเฉินจึงออกแรงลากซากไร้ชีวิตของสัตว์มายาที่ผูกติดกันเป็นสายออกเดินทางไปยังยอดเขาที่เทพแห่งพงไพรอยู่ในทันที

เมื่อเขามาถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ก็ได้มีร่างของหญิงสาวที่สวมอาภรณ์สีขาวอันคุ้นตาปรากฏตัวอยู่ก่อนแล้ว สายตาคู่เล็กของนางได้มองไปเห็นขบวนรถลากของหลงเฉินที่มีสัตว์มายามากมายหลายตัว ทว่ากลับไม่มีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด

“ท่านมาแล้ว”

“อือ มาคืนหนี้ที่ติดค้างไว้” หลงเฉินยิ้มน้อยๆ แล้วตอบกลับไป

“สิ่งที่ท่านนำมาตอบแทนนั้นมากเกินกว่าที่ได้ตกลงกันเอาไว้ ฉะนั้นย่อมไม่เกิดความความยุติธรรมต่อท่านนัก” หญิงสาวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“โลกแห่งนี้ไม่มีการคงอยู่ของความยุติธรรมอีกแล้ว ที่ข้าทำเช่นนี้ก็เป็นเพียงความต้องการของตัวเองเท่านั้น ข้าไม่ชื่นชอบการติดค้างน้ำใจของผู้ใด” หลงเฉินยังคงยิ้มพร้อมกับกล่าวออกมา

หญิงสาวพยักหน้าไปมาอย่างไม่อาจต่อรองได้อีก “หากเป็นเช่นนั้นก็ขอขอบคุณอย่างยิ่ง โลหิตและเนื้อที่ท่านนำพามาด้วยทั้งหมดเพียงพอสำหรับการบวงสรวงสู่อีกโลกหนึ่งได้แล้ว ข้าจึงสามารถเบิกช่องว่างเพื่อกลับไปยังดินแดนหลิงเจี่ยได้เช่นกัน”

เมื่อสิ้นเสียงอันแผ่วเบาของหญิงสาว ต้นไม้ใหญ่ก็ได้สั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย พลันร่างไร้ชีวิตของสัตว์มายาที่เรียงรายอยู่บนพื้นบริเวณด้านหลังของหลงเฉินก็ได้ถูกซูบลงไปด้วยความรวดเร็วเพียงอึดใจเดียว

“ฮูม”

เสี่ยวเสว่ยที่กำลังหลับใหลอยู่บนร่างของสัตว์มายาตัวหนึ่งก็ได้สะดุ้งตื่นขึ้นมา เมื่อมองไม่เห็นเงาร่างของสัตว์มายาที่เคยแทะเล็มอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะร้อนรนขึ้นมายกใหญ่ คิดที่จะกัดลงไปอีกคำหนึ่ง ทว่ากลับกัดกินอากาศลงไปแทน  จากนั้นแววตาที่แสนดุร้ายก็ได้จ้องมองไปยังหญิงสาวนางนั้นทันที

“เสี่ยวเสว่ย อย่าได้วุ่นวาย”

เมื่อหลงเฉินเห็นว่าเสี่ยวเสว่ยกำลังโกรธจึงรีบเอ่ยวาจาห้ามปรามเจ้าหนูน้อยอย่างทันควัน

“เหอะเหอะ เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าแย่งชิงชิ้นเนื้อของเจ้าไปอย่างนั้นหรือ?”

หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วกล่าวต่ออีกว่า “การเติบโตของเจ้าย่อมต้องมีโลหิตและเนื้อ ทว่าข้าสามารถให้สิ่งที่ดียิ่งกว่าชิ้นเนื้อเหล่านั้นได้”

หญิงสาวยื่นมืออันเรียวเล็กออกมาข้างหนึ่งสะท้อนประกายคมกล้าเข้าไปยังหว่างคิ้วของเสี่ยวเสว่ยอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเจ้าหนูน้อยต้องกับประกายคมกล้าสายนั้นก็ทำให้ร่างกายขนาดสามเซียะของมันค่อยๆ ใหญ่โตขึ้นอย่างช้าๆ

หลงเฉินแตกตื่นตกใจเป็นอย่างมากกับขนาดของเสี่ยวเสว่ยที่ตอนนี้เติบโตไปถึงหนึ่งจั่งแล้ว อีกทั้งยังมีสูงเท่าหัวไหล่ของเขาอีกด้วย หลงเฉินได้แต่ปากอ้าตาค้างไม่รู้ว่าจะกล่าวออกมาเช่นไรดี นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน?

บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทุกอณูในร่างกายของเสี่ยวเสว่ยเต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแรงและแกร่งกล้าจนหลงเฉินแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองเลย

“ระดับที่สอง?”

บรรยากาศบนร่างกายของเสี่ยวเสว่ยที่แผ่ซ่านออกมาเป็นบรรยากาศของสัตว์มายาระดับสองอย่างแท้จริง

“เมื่อเจ้าเอาเนื้อของเจ้ามาให้ข้า ข้าก็ขอมอบความสามารถในการเติบโตให้กับเจ้าก็แล้วกัน เช่นนั้นพวกเราก็ไม่มีสิ่งใดที่ติดค้างต่อกันแล้ว” หญิงสาวยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย พลางลูบไปที่ศีรษะของเสี่ยวเสว่ยอย่างอ่อนโยน

ฉากเบื้องหน้าในตอนนี้ยิ่งทำให้หลงเฉินประหลาดใจมากขึ้นกว่าเดิม เสี่ยวเสว่ยไม่เคยให้ผู้ใดแตะต้องร่างกายของมันได้นอกเสียจากตัวเขาเอง หากว่าเสี่ยวเสว่ยจู่โจมไปที่หญิงสาวก็คงจะเป็นเรื่องที่ย่ำแย่มากอย่างแน่นอน

ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เสี่ยวเสว่ยในเวลานี้กลับแตกต่างกว่าช่วงปกติ เจ้าหนูน้อยมีท่าทีที่ยินดีกับการลูบไล้ของหญิงสาว อีกทั้งหมอบลงกับพื้นแล้วค่อยๆ ผลอยหลับไป

“ข้าทำให้มันสำเร็จในการสร้างลมปราณแล้ว ถือเป็นการชดเชยชิ้นเนื้อของมัน” หญิงสาวละสายตาจากเสี่ยวเสว่ยแล้วหันมาตอบหลงเฉิน

“ดูเหมือนว่าข้าต้องติดค้างน้ำใจของท่านอีกแล้วสินะ” หลงเฉินยิ้มออกมาอย่างขมขื่น พร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างอดสู

เดิมทีเขาคิดจะตอบแทนบุญคุณของเทพแห่งพงไพรให้หมดจดไปในครั้งเดียว ทว่าผลลัพธ์กลับกลายเป็นการติดค้างน้ำใจอีกแล้ว แต่ก็เป็นการติดค้างที่คุ้มค่าเป็นยิ่งนัก

เสี่ยวเสว่ยที่สามารถเข้าสู่ระดับที่สองได้แล้ว ฉะนั้นพลังต่อสู้ของมันย่อมไม่ด้อยไปกว่ายอดฝีมือขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นอย่างแน่นอน เมื่อมีสหายที่แข็งแกร่งแล้วเขาจึงมีโอกาสรอดจากภยันตรายรอบตัวเพิ่มมากขึ้น จุดยืนในตอนนี้ช่างมั่นคงกว่าเดิมมากถึงมากที่สุด

“ท่านเกรงใจไปแล้ว พวกเราเผ่าหลิงก็ไม่ชมชอบการติดค้างน้ำใจของผู้อื่นเช่นกัน เดิมทีข้านั้นยังต้องอยู่ในสถานที่แห่งนี้อีกหลายร้อยปีจึงจะสามารถกลับไปยังดินแดนหลิงเจี่ยได้

การมาของท่านทำให้ข้าสามารถเบิกเส้นทางกลับบ้านได้เร็วยิ่งขึ้น ที่สมควรจะต้องกล่าวขอบคุณคงต้องเป็นข้าจึงจะถูก” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างเกรงอกเกรงใจ

“อีกครู่หนึ่งข้าจะเปิดเส้นทางเพื่อบวงสรวงสู่อีกโลกหนึ่งแล้ว ทางที่ดีท่านถอยห่างออกไปสักเล็กน้อยก่อนเถิด”

เมื่อหลงเฉินได้ยินหญิงสาวตักเตือนก็ได้รีบปลุกเสี่ยวเสว่ยจากนิทราอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งฉุดลากร่างใหญ่ของหมาป่าเพลิงหิมะออกไปยังบริเวณที่ห่างไกลออกไป ในเวลาเดียวกันก็เกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยมว่าการบวงสรวงสู่อีกโลกของนางนั้นคือสิ่งใดกันแน่

“ตูม บรึม บรึม”

ทันใดนั้นเองเสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง หลงเฉินจึงรีบหันกลับไปมองยังต้นเสียงนั้นอย่างรวดเร็ว

ต้นไม้ใหญ่ที่สูงเสียดฟ้าต้นนั้นแตกระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ปลายยอดของมันก็ได้พุ่งสูงขึ้นไปสู่ชั้นเมฆหมอกที่อยู่เบื้องบน

ใบไม้ที่เคยปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่นก็ได้ถูกสะบัดออกจนปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ ปรากฏเป็นแสงสะท้อนของอักขระมากมายนับหมื่นสายคล้ายลูกศรที่ถูกยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ความน่าตื่นตาเช่นนี้ก็คงจะมีแต่เทพเท่านั้นที่จะกระทำได้

หลงเฉินตกอยู่ในภวังค์ที่เงียบงันไปในทันที ยังมีการคงอยู่ของสิ่งลี้ลับเช่นนี้อีกหรือ บนโลกหล้าแห่งนี้มีเทพอยู่จริง?

ถ้าหากไม่ใช่เทพแล้วผู้ใดจะสามารถสรรค์สร้างบรรยากาศเช่นนี้ออกมาได้กัน บรรยากาศที่มีกลิ่นอายของความขลังและเก่าแก่นับหมื่นเอาไว้ ความยิ่งใหญ่ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของหลงเฉินในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงแมลงตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

“เป็นเทพแห่งพงไพร”

หัวหน้าหมู่บ้านทอใบหน้าแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุดเมื่อมองไปยังทิศทางอันเป็นที่ตั้งของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของเทพแห่งพงไพร

ภาพทิวทัศน์อันตระการตาได้เปิดเผยให้ผู้คนเห็นได้ชัดเจน ทันใดนั้นเหล่านักล่าในหมู่บ้านต่างก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วหมอบกราบลงกับพื้นเพื่อแสดงความเคารพและสรรเสริญบารมีของเทพแห่งพงไพร

เทพแห่งพงไพรได้เปิดเผยร่างที่แท้จริงขึ้นมาแล้ว นั่นก็คือเรือนร่างของหญิงสาวที่สวมอาภรณ์สีขาว ร่างของหญิงสาวลอยขึ้นไปท่ามกลางอากาศ พร้อมกับพลิกมือทั้งสองข้างออกมาด้วยวิชาประหลาดชนิดหนึ่ง

“แด่ท่านบรรพบุรุษที่เคารพ โปรดรับการสรรเสริญจากประชาราษฎร์ของท่านด้วยเถิด ด้วยการชักนำจากสายโลหิตเพื่อให้ประชาราษฎร์ของท่านได้กลับคืนสู่เส้นทางแห่งบ้านเกิด——บวงสรวงสู่อีกโลก”

ระหว่างที่เสียงใสของหญิงสาวได้เอ่ยติดต่อกัน ก็ได้ปรากฏสัญลักษณ์บางอย่างจากหยาดโลหิตลอยอยู่ท่ามกลางอากาศอันสดใส หากดูอย่างละเอียดแล้วก็จะสามารถเห็นว่าตราสัญลักษณ์นั้นเป็นรูปใบไม้ใบหนึ่งนั่นเอง

หลงเฉินทราบได้ทันทีว่าโลหิตเหล่านั้นคงจะมาจากโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาที่นางได้กักเก็บเอาไว้มานานหลายร้อยปี จากที่เขาเคยสงสัยอย่างยิ่งว่านางมีความแข็งแกร่งประดุจเทพตนหนึ่ง แล้วเหตุใดจึงต้องยืมมือของมนุษย์สามัญเพื่อเก็บเกี่ยวโลหิตบริสุทธิ์ของสัตว์มายาด้วย

และวันนี้ก็เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าด้วยพลังอันน่าหวาดของนาง ต่อให้เป็นสัตว์มายาที่มีความแข็งแกร่งกว่านี้นับสิบเท่าก็ยังต้องถูกสยบด้วยลมหายใจที่พัดจนร่างสลายหายไปได้เลย แท้ที่จริงแล้วจิตมารที่นางได้กล่าวถึงนั้นช่างน่ากลัวถึงเพียงนี้เลยหรือ?

“ตูม”

ทั่วทั้งท้องฟ้าเกิดการสั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง แม้หลงเฉินจะไปยืนอยู่ในที่ที่ห่างไกลออกไปแล้วก็ยังไม่อาจทรงตัวได้ เขาซวนเซไปมาอยู่หลายครั้งพลันก็ได้เงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้าก็พบว่าสัญลักษณ์บนนั้นเริ่มเคลื่อนที่แล้ว

สัญลักษณ์ได้เคลื่อนออกจากกันจนเกิดเป็นช่องว่างตรงกลางอันมีรูปร่างคล้ายกับประตูขนาดใหญ่บานหนึ่ง จู่จู่ประตูที่มีความสูงกว่าร้อยลี้นั้นเริ่มเปิดออกอย่างช้าๆ

ทันทีที่ประตูบานนั้นถูกเปิดออกมา หลงเฉินก็ได้เห็นอีกโลกหนึ่งของหญิงสาว ภายในนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีเฉกเช่นเดียวกันกับผืนป่าแห่งนี้

ทว่าต้นไม้ที่อยู่ภายในนั้นกลับมีขนาดที่ใหญ่โตกว่ามากถึงมากที่สุด อีกทั้งยังมีสัตว์ปราณมากมายนับไม่ถ้วนกำลังโบยบินอยู่ด้านใน ร่างกายของสัตว์เหล่านั้นใหญ่โตเทียบเท่ากับภูเขาสูงลูกหนึ่งเลยทีเดียว

หลงเฉินสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณอันหนาแน่นที่ทะลักออกมาจากบานประตูนั้น หากเขาสามารถรับพลังเช่นนั้นเข้ามาได้เพียงหนึ่งลมหายใจ ก็คงจะเพิ่มพูนพลังขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วจนเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว “ข้าต้องไปแล้ว ต้องขอบคุณท่านยอดฝีมือมากที่ช่วยเหลือ พวกเราเผ่าหลิงจะรอคอยการมาของท่าน และข้าก็ทราบดีว่าว่าคงอีกไม่นานมากนัก” หญิงสาวกล่าวพร้อมกับโบกมือมาทางหลงเฉิน

“นี่เป็นของขวัญที่ข้าจะมอบให้แก่ท่าน สัญญาก่อนหน้านี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว นี่ถือเป็นข้อตกลงอื่นก็แล้วกัน”

กล่าวจบหญิงสาวก็ได้ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ไข่มุกสีเขียวนวลขนาดเท่าแก้วมังกรก็ได้ลอยเข้ามาหาหลงเฉินอย่างช้าๆ มือใหญ่ทั้งสองรีบยื่นออกไปคว้าจับไข่มุกเม็ดนั้นเอาไว้อย่างรีบร้อน

ภายในไข่มุกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชีวิตที่ไหลเวียนอยู่อย่างหนาแน่น หลงเฉินสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวจากพลังอันน่าหวาดกลัวได้จากภายนอกอย่างชัดเจน

หลังจากที่หญิงสาวได้มอบไข่มุกเม็ดนั้นให้หลงเฉิน เงาร่างของนางก็ค่อยๆ เจือจางลงไป ไข่มุกเม็ดนี้คงจะมีความสำคัญต่อนางเป็นอย่างมาก

“ข้ารับรู้ได้ว่าในวันข้างหน้า ท่านจะต้องกลายเป็นยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน พวกเราเผ่าหลิงยังจำเป็นที่จะต้องให้ท่านช่วยเหลือ

ในตัวของท่าน ความจริงแล้วยังมี……อา”

ในขณะที่หญิงสาวกำลังกล่าวบางอย่างออกมานั้น จู่จู่ก็ได้อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ อีกทั้งสีหน้าของนายังทอความหวาดกลัวขึ้นมาครู่หนึ่ง แล้วเงาร่างก็ลับหายเข้าไปในประตูใหญ่ทั้งที่ยังไม่ได้กล่าวลาต่อหลงเฉินเลย

“ตูม”

ทันใดนั้นเองผืนฟ้าอันสว่างไสวก็เกิดประกายอัสนีเจ็ดสีผ่ากลางประตูใหญ่จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

เหตุการณ์เมื่อครู่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและกะทันหันเป็นอย่างมาก กว่าหลงเฉินจะมีปฏิกิริยากลับคืนมาได้ ประตูใหญ่ก็เลือนหายไปจากสายตาแล้ว โลกอีกด้านหนึ่งที่ได้พบเห็นเมื่อครู่นี้คงจะไม่ได้พบเจออีกแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นความฝันเพียงฉากหนึ่งเท่านั้น

พื้นที่ต้นไม้ใหญ่เคยตั้งตระหง่านอยู่กลับกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่ ทว่าที่แห่งนั้นยังคงหลงเหลือพลังลมปราณที่เข้มข้นอยู่ไม่น้อยเลย หลงเฉินจึงช่วงชิงพลังนั้นเพื่อการฝึกปรืออีกครั้งหนึ่ง โดยมีเสี่ยวเสว่ยค่อยเฝ้าระวังอยู่ข้างกาย

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปเพียงสามชั่วยามเท่านั้น ภายในร่างกายของหลงเฉินก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมา ในที่สุดก็สามารถเข้าสู่ขอบเขตก่อโลหิตขั้นที่หนึ่งได้แล้ว บัดนี้เขาถือว่าเป็นยอดฝีมือพลังขอบเขตก่อโลหิตที่แท้จริงผู้หนึ่ง

พลังลมปราณที่หลงเหลืออยู่เมื่อครู่นี้ก็ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น หลงเฉินจึงไม่เสียเวลาอีกต่อไป  เขาได้มุ่งหน้ากลับไปที่หมู่บ้านอย่างรวดเร็ว นี่คงเป็นช่วงเวลาที่สมควรจะต้องบอกลาพวกเขาแล้ว

ทว่าตลอดเส้นทางกลับหมู่บ้าน หลงเฉินกลับเกิดคำถามมากมายขึ้นมาภายในห้วงแห่งความคิด ในตอนท้ายนั้นนางต้องการจะสื่ออันใดออกมากัน เหตุใดจึงไม่กล่าวให้จบแล้วค่อยจากไป?

นางบอกว่าบนร่างของข้ามีสิ่งใดอยู่อย่างนั้นหรือ? แล้วสิ่งใดกันที่ทำให้ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนางเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาได้?

คำถามผุดขึ้นมามากมายจนนับไม่ถ้วน รู้สึกตัวเองอีกทีก็เดินทางเข้ามาใกล้หมู่บ้านแล้ว ทว่าบรรยากาศโดยรอบกลับเปลี่ยนไป กลิ่นคาวของโลหิตสายหนึ่งโชยมาเตะที่จมูกของหลงเฉินอย่างรุนแรง

เขาทอสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที พลันก็ได้เร่งฝีเท้าไปยังทางเข้าหมู่บ้านอย่างรวดเร็วประดุจลูกศรที่ถูกยิงออกมาจากคันธนูอย่างไรอย่างนั้น…

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset