เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 309 หานเทียนยวู่

 

“ซูม”

 

ทันใดนั้นอากาศได้สั่นไหวขึ้นมา สายตาของทุกคนก็พร่ามัวขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้าได้เหยียบลงไปยังด้านบนของอิฐโบราณ

 

“ถึงแล้วงั้นหรือ ? ”

 

หลงเฉินมองไปโดยรอบ พบเห็นลานกว้างขนาดใหญ่อยู่ทางเบื้องหน้า ที่มีขบวนแถวอยู่นับร้อยแถว

 

แต่ละกลุ่มต่างก็ตั้งแถวจนกลายเป็นรูปพัดอยู่ใจกลางลานกว้าง บริเวณทางด้านล่างของแต่ละแถว ก็มีแผนภาพติดเอาไว้

 

เมื่อมองดูอย่างละเอียด หลงเฉินจึงพบว่านั่นเป็นตัวอักษรจำนวนโบราณของแต่ละตัว นับจากหนึ่งไปจนถึงร้อยแปด

 

ทุกคนก็อดที่จะนึกขึ้นมาไม่ได้ เดิมทีทุกคนต่างก็มีตำแหน่งที่แน่นอนของตนเอง แต่ขณะนี้มีเพียงตำแหน่งที่ร้อยแปดที่ยังว่างอยู่

 

เมื่อหลงเฉินและพวกปรากฏตัว ผู้คนต่างก็หันมามอง มีทั้งแปลกใจ มีทั้งเหยียดหยาม แววตาของผู้คนโดยส่วนมากต่างก็แฝงเอาไว้ด้วยความไม่แยแสอยู่ลึกๆ

 

แต่หลังจากที่พวกเขาได้เห็นพลังสภาวะที่อยู่บนร่างของทุกคนอย่างชัดเจนแล้ว ใบหน้าที่แสดงอาการเหยียดหยามอยู่ ก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นความงงงัน เห็นได้ชัดว่าถูกพลังสภาวะของทุกคนสะกดเอาไว้แล้ว

 

ผู้ที่มีพลังการฝึกปรือสูงสุดก็คือถังหว่านเอ๋อ เมื่อหลายวันก่อนนางก็ทะลวงจนเข้าถึงพลังเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นที่เจ็ดขึ้นมาแล้ว มีพลังสภาวะดุจมหาสมุทร จนทุกคนต่างก็เกิดความหวาดหวั่นกันขึ้นมา

 

นอกจากถังหว่านเอ๋อแล้ว พลังสภาวะของกู่หยาง เยี่ยจื่อชิว และพวกก็แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน คล้ายดั่งอาวุธที่แหลมคมที่หลุดออกมาจากคมฝัก ทั่วร่างแฝงเอาไว้ด้วยรังสีฆ่าฟันที่รุนแรง จนทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะมองเข้าไปตรงๆ

 

“เอ๊ะ ? มีพวกอ่อนแอขอบเขตก่อโลหิตอยู่คนหนึ่งด้วยอย่างงั้นหรือ ? ” แล้วก็ได้มีคนมองเข้าไปที่กลุ่มของหลงเฉิน ถึงแม้หลงเฉินจะหลบซ่อนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนก็ยังถูกผู้คนมองออก

 

แต่ก็ช่วยไม่ได้คนที่อยู่ท่ามกลางสนามก็มีเพียงแค่หลงเฉิน ที่มีพลังการฝึกปรือที่อ่อนที่สุด อย่างไรก็ไม่อาจที่จะซ่อนเร้นเอาไว้ได้

 

“นั้นก็คือผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่เขาได้กล่าวขานกันอย่างงั้นหรือ ? เหอะ ช่างคุยโวโอ้อวดจนสะเทือนไปทั้งฟ้าได้เลยมั้ง ต่อให้ข้าถูกทุบตีจนตายก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าเขาจะสามารถที่จะดวลกับยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวงได้” ศิษย์สายตรงผู้หนึ่งก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา

 

“แล้วยังล้มเจียงอี้ฝ่านได้อีก ข้าว่าคงจะเป็นเพียงการปล่อยข่าวลือแล้ว เจียงอี้ฝ่านเป็นถึงบุคคลระดับใดกัน คงคร้านที่จะไปใส่ใจเขาแม้แต่การที่จะไปแก้ต่างก็ยังถือว่าลดตัวเลย” แล้วก็ได้มีคนเห็นด้วยมองเข้ามา

 

แต่เพียงแค่ศิษย์บางส่วน ถึงแม้จะเป็นเสียงกระซิบกระซาบ แต่ทุกคนต่างก็เป็นถึงยอดฝีมือก็ย่อมได้ยินได้ฟังกันอย่างชัดเจนกันอยู่แล้ว

 

ตำแหน่งสูงสุดของหมู่ตึกที่หนึ่ง ผู้ที่มีใบหน้าดุจมงกุฎหยก เป็นชายหนุ่มแห่งวีรชนที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีสตรีงดงามอยู่หลายนางกำลังรายล้อมกันอยู่ คล้ายดั่งดาวล้อมเดือนเลยก็มิปาน

 

ชายหนุ่มผู้นั้นแท้จริงแล้วก็คือผู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งหมู่ตึกอันดับหนึ่ง ถือเป็นสุดยอดในหมู่สุดยอด หานเทียนยวู่ นั่นเอง

 

“คนผู้นั้นคือหลงเฉินอย่างงั้นหรือ ? ดูไปแล้วก็มีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าเมื่อเทียบกับเทียนยวู่เกอ(พี่เทียนยวู่) ยังถือได้ว่าห่างไกลกันมากนัก” ข้างกายของหานเทียนยวู่มีสตรีที่น่ารักน่าชังคนหนึ่ง จ้องมองไปที่หลงเฉินแล้วกล่าวขึ้นมา

 

สตรีผู้นั้นมีรูปร่างที่ผอมสูง ทรวดทรงองเอวถือได้ว่าน่าหวั่นไหวเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรวมเข้าด้วยกันกับใบหน้ารูปไข่ก็ถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียวถือได้ว่าเป็นสาวงามนางหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

แต่ว่าที่ด้านหน้าทรวงอกของสตรีนางนี้กลับดูใจกว้างไม่ธรรมดา เพียงแค่มองดูก็ไม่อาจที่จะละสายตาได้ แม้แต่แมลงวันก็ยังไม่อาจที่จะเข้าไปหยุดตอมได้

 

หานเทียนยวู่ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา “ศิษย์น้องยิน ในครั้งนี้เจ้ามองพลาดไปแล้วละ หลงเฉินผู้นี้ถือได้ว่าแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง คำเล่าลือเหล่านั้นต้องไม่เป็นเท็จอย่างแน่นอน”

 

สตรีนางนั้นมีนามว่ายินหวูซวง ถือได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่ง เพียงแต่ว่านางพึ่งจะเลื่อนระดับพลังขึ้นมาก็เท่านั้น

 

ที่ก่อนหน้านี้ถู่ฟางไม่อาจจะยื่นคำร้องขอให้หลงเฉินได้สำเร็จ ในวันต่อมาจึงได้ยินว่าหมู่ตึกที่หนึ่งมีศิษย์ได้รับแผ่นป้ายของผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศไป คนผู้นั้นก็คือยินหวูซวงผู้นี้เอง

 

ยินหวูซวงถือได้ว่าเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เป็นคนที่มีเบื้องหลังลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่เพิ่งจะเข้ากับหมู่ตึกที่หนึ่งได้ไม่นาน

 

กลับหาได้เหมือนผู้อื่นไม่ ยินหวูซวงมาหมู่ตึกที่หนึ่ง ก็เพื่อหานเทียนยวู่ เพราะนางเป็นคนที่เทิดทูนบูชาหานเทียนยวู่อย่างสมบูรณ์

 

หานเทียนยวู่ที่ถูกเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับหนึ่งแห่งหมู่ตึกพลิกสวรรค์ สง่างามดุจดั่งต้นสนหยกที่ลู่ไปตามลม มีสตรีเพศเทิดทูนเขาไม่รู้เท่าไหร่ และยินหวูซวงเองก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนั้น อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในคนที่หลงไหลที่สุดด้วย

 

“เทียนยวู่เกอ ท่านก็ช่างถ่อมตัวเกินไปแล้ว เขาย่อมไม่อาจที่จะต้านรับเทียนยวู่เกอได้ถึงสามกระบวนท่าได้ด้วยซ้ำ” ยินหวูซวงก็ได้ยิ้มแล้วกล่าวออกมาเบาๆ

 

หานเทียนยวู่ส่ายหน้าพร้อมกับกล่าวออกมา “ด้วยพลังการฝึกปรือของเขา ที่ถือได้ว่าสามารถล้มยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกแปดบวงสรวงลงได้ นั่นก็เป็นสิ่งที่บอกถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เป็นอย่างดีแล้ว หากข้าลงมือในตอนนี้ ก็เหมือนจะเป็นการข่มเหงเขาจนเกินไป รอเขาเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นก่อนเถอะ ข้าอาจจะเกิดสนใจเขาขึ้นมาก็เป็นได้ ส่วนตอนนี้งั้นหรือ……เหอเหอ”

 

หานเทียนยวู่ถึงแม้จะแสดงสีหน้าที่เฉยเมยตั้งแต่ต้นจนจบ ทว่าภายในแววตากลับแฝงเอาไว้ด้วยความหยิ่งทะนง ด้วยความทรนงที่สูงเช่นนั้น ย่อมต้องเป็นที่ชื่นชอบของสตรีกันอยู่แล้ว

 

“หึหึ เทียนยวู่เกอ ฮวาปี้ลั่วเจี่ยเจียเอาแต่จ้องมองหลงเฉินผู้นั้นมาตลอดเลย คล้ายกับว่านางมีความสนใจมากเลยนะ” ยินหวูซวงทันใดนั้นก็ได้ปรายสายตามองเข้าไปยังกลุ่มที่อยู่ทางด้านข้าง กล่าวออกมาด้วยคำพูดที่แฝงถึงความหมายบางอย่างเอาไว้

 

ด้านข้างของหมู่ตึกที่หนึ่งก็คือหมู่ตึกที่สอง หรือจะกล่าวได้ว่าทั่วทั้งหมู่ตึกเป็นฝ่ายที่ต่อกรกับหมู่ตึกที่หนึ่งมาโดยตลอด

 

ทว่าท่ามกลางการแย่งชิงในหลายพันปีมานี้ มีเพียงครั้งเดียวที่สามารถชิงความเป็นอันดับหนึ่งมาได้ จากนั้นก็ได้ถูกหมู่ตึกที่หนึ่งกำราบมาโดยตลอด

 

ถึงแม้จะถูกหมู่ตึกที่หนึ่งกำราบ แต่ว่ารากฐานของหมู่ตึกที่สอง ก็ถือได้ว่าลึกล้ำไม่แพ้กัน อีกทั้งยังมีความสามารถที่จะชิงความเป็นหนึ่งมาได้อีกด้วย

 

ดังนั้นหมู่ตึกที่สองจึงถือได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่แย่งชิงความเป็นหมู่ตึกที่หนึ่งมาโดยตลอด และปี้ลั่วที่ยินหวูซวงกล่าวขึ้นมา ก็คือสุดยอดฝีมือของหมู่ตึกที่สอง ที่มีนามว่าฮวาปี้ลั่ว

 

ฮวาปี้ลั่วผู้นี้ถือได้ว่าลี้ลับสุดยั้งคาด ที่ผ่านมานี้หมู่ตึกที่สองได้ปกปิดซ่อนเร้นเอาไว้ ช่วงระยะเวลาเกือบร้อยปีมานี้จึงค่อยปรากฏกายขึ้นมายังภายนอก

 

หรือจะกล่าวได้ว่าฮวาปี้ลั่วคืออาวุธลับของหมู่ตึกที่สอง ที่เป็นความแข็งแกร่งอย่างน่าหวาดกลัว ทว่าพลังการต่อสู้ที่แท้จริง หาได้มีผู้คนทราบได้เพราะแม้แต่ศิษย์ของหมู่ตึกที่สองเอง ต่างก็ยังไม่เคยพบเห็นนางลงมือมาก่อน

 

หานเทียนยวู่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อมองไปยังสตรีที่อยู่ทางด้านกลุ่มข้างๆ สตรีนางนั้นมีใบหน้าที่งดงาม ผมยาวถึงช่วงเอว ขนคิ้วเรียวงาม มีแววตาที่เปล่งเป็นประกายดุจหงส์ กำลังทอสีหน้าประหลาดใจมองไปยังหลงเฉิน

 

สตรีนางนั้นแท้จริงแล้วก็คือสุดยอดฝีมือของหมู่ตึกที่สองฮวาปี้ลั่วนั้นเอง สตรีผู้ที่มีความงดงามถึงเพียงนี้ ย่อมต้องเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มนับไม่ถ้วน

 

แม้แต่หานเทียนยวู่หลังจากที่ได้เห็นใบหน้าของฮวาปี้ลั่ว ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา เมื่อได้ยินวาจาของยินหวูซวง ก็ทำให้จิตใจของเขาเกิดความไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย

 

ทว่าเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะแสดงออกมา เพียงแต่อมยิ้มขึ้นมาแล้วกล่าว “จะแปลกใจไปทำไมกัน ไม่ว่าเป็นผู้ใดพบเจอกับเจ้าหนูที่มีพลังเพียงขั้นก่อโลหิตเพียงคนเดียว แต่สามารถที่จะเข้าร่วมเพื่อแย่งชิงภายในแดนลับนพเก้าได้ ต่างก็ต้องรู้สึกแปลกใจกันอยู่แล้ว”

 

“งั้นหรือ ? เช่นนั้นก็ดี ถ้าหากฮวาปี้ลั่วเจี่ยเจียต้องตาพ่อหนุ่มหน้ามนนั้นขึ้นมา เทียนยวู่เกอก็คงจะต้องเจ็บปวดใจไปแล้ว” ยินหวูซวงเหมือนจะรู้ใจทั้งยังเอ่ยออกมาอย่างไม่ใส่ใจ

 

หานเทียนยวู่อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ทว่าภายในส่วนลึกของแววตาก็ได้ปรากฏความไม่สบายใจขึ้น เพราะสิ่งที่ฮวาปี้ลั่วแสดงออกมาให้เห็นนั้นทำให้เขาเกิดความไม่สบายใจขึ้นมา

 

ไม่ทราบเหมือนกันว่าสาวงามผู้นี้จงใจทำหรือไม่ นับตั้งแต่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้จวบจนบัดนี้ ยังไม่เคยที่จะมองไปที่เขาแม้ซักครา แม้แต่ก่อนหน้านี้ที่เขาแสดงการทักทายที่มีมารยาท ยังถึงกับแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น จนทำให้จิตใจของเขาเกิดโทสะขึ้นมาอยู่บ้าง

 

แต่ว่าเมื่อหลงเฉินปรากฏตัวขึ้นมา นางก็รีบหันไปจ้องมองหลงเฉิน ถึงแม้ว่าเขาจะทราบว่าเป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้มีความประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ว่าเขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

 

“ไปเถอะ ไปยังตำแหน่งของพวกเรากันได้แล้ว”

 

หลิงหวินจื่อ เคยชินต่อสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว จึงได้นำพาทุกคนมุ่งหน้าเดินต่อไป

 

หลงเฉินและพวกต่างก็สังเกตเห็นแววตาของผู้คนบางส่วน ไม่เพียงแต่จะสบประมาทหรือเหยียดหยาม กระนั้นก็ยังคงแฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายของความท้าทายอย่างรุนแรง จนทำให้ทุกคนรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

 

ในเวลาเดียวกันก็นึกได้ว่า คำพูดที่หลงเฉินได้กล่าวออกมาก่อนหน้านี้ คนของฝ่ายธรรมะที่เคยชินอยู่แต่กับการแย่งชิงกันเองหากว่าไม่ถูกชะตากันขึ้นมา แต่เมื่อพบเจอกับศิษย์ของฝ่ายอธรรมก็ไม่ต่างอะไรไปจากเหยื่ออันโอชะเลยก็ว่าได้

 

ถังหว่านเอ๋อกวาดสายตามองไปยังผู้คนภายในกลุ่ม ก็ได้พบว่าที่ด้านหน้าของทุกๆกลุ่ม ต่างก็จะมีอยู่คนหนึ่ง ที่ถูกสตรีเพศรายล้อมเอาไว้ ยิ่งทำให้พวกเขาเกิดสะดุดตามากยิ่งขึ้น เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นสมควรที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาแล้ว

 

ถังหว่านเอ๋อก็ได้ลอบมองไปยังทางด้านของเยี่ยจื่อชิว ที่ปรากฏสีหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นมา แต่ทว่าก็ยังคงพยักหน้าไปมาอยู่ดี

หลงเฉินที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินอยู่ ทันใดนั้นก็ได้มีกลิ่นหอมโชยพัดเข้ามา แขนทั้งสองข้างก็ได้ถูกแขนอันเนียนนุ่มคล้องเข้ามา กลิ่นอันหอมหวนทั้งสองสายก็ได้แนบชิดติดอยู่กับร่างของหลงเฉิน

 

หลงเฉินถึงกับสั่นเทาขึ้นมา ทั้งยังมองถังหว่านเอ๋อกับเยี่ยจื่อชิวด้วยความแปลกใจ ไม่ทราบว่าทั้งสองคนกำลังเล่นอะไรกันอยู่ เหตุใดจู่ๆถึงได้เปลี่ยนแปลงจนดูสนิทสนมได้ถึงเพียงนี้ ?

 

“อย่าได้กล่าววาจา แล้วก็จงอย่าได้คิดอะไรวุ่นวายไป นี้เป็นเพียงการสร้างบารมีให้แก่หมู่ตึกเท่านั้น”ถังหว่านเอ๋อที่คล้องไปที่แขนอันกำยำของหลงเฉินก็ได้กล่าวขึ้นมาเสียงแผ่วเบา

 

ในเวลานี้ถังหว่านเอ๋อกลับแฝงเอาไว้ด้วยอาการเขินอาย ภายในดวงตาคู่งามทอเป็นประกายหยาดเยิ้มขึ้น ความอ่อนโยนเช่นนั้นสามารถที่จะทำให้ผู้คนละลายได้เลยทีเดียว

 

และเยี่ยจื่อชิวเดิมทีที่เป็นดั่งสาวงามหิมะน้ำแข็ง ขณะนี้บนใบหน้างามดุจหยกก็แฝงเอาไว้ด้วยความเขินอายขึ้นมา ยิ่งทำให้เน้นความงดงามได้ยิ่งกว่าเดิม

 

การที่ต้องมาถูกสาวงามสองนางควงแขนเอาไว้เช่นนี้ หลงเฉินก็รู้สึกได้ว่าเท้าของตนเองคล้ายกับก้าวเดินได้ไม่ค่อยจะดีนัก

 

กู่หยางและพวกเมื่อพบเห็นถังหว่านเอ๋อกับเยี่ยจื่อชิวควงไปที่แขนของหลงเฉิน ก็เข้าใจถึงความหมายของพวกนางขึ้นมาได้ในทันที ถึงกับแสดงท่าทีนอบน้อมแหวกออกเป็นทาง เพื่อให้พวกนางเดินขึ้นไปยังด้านหน้า

“ตัง”

 

ในมือของกัวหรานที่ไม่ทราบว่ามีฆ้องขึ้นมาตั้งแต่เวลาใด พร้อมทั้งได้เคาะค้อนเข้าไป จนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมา

 

หลังจากที่ได้เคาะฆ้องไปแล้ว ทันใดนั้นในมือกัวหรานก็ได้มีแผ่นป้ายขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมาสองชิ้น หนึ่งในนั้นเขียนเอาไว้ว่า เยือกเย็น อีกหนึ่งนั้นเขียนเอาไว้ว่า ยับยั้ง

 

หลงเฉินเมื่อได้หันกลับไปมองที่ใบหน้าที่เคารพนับถือของกัวหราน ก็เกิดความชิงชังเด็กน้อยผู้นี้แทบตายเลยทีเดียว หน้าตาของข้าต้องมาถูกเจ้าทำลายไปขนาดไหนกันแล้ว

 

ผลสุดท้ายผู้คนทั่วทั้งสนาม ไม่ว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับเจ้าสำนัก หรือว่าจะเป็นศิษย์เหล่านั้น ต่างก็อ้าปากตาค้างมองไปยังกลุ่มของหลงเฉิน

 

บนใบหน้าของหลิงหวินจื่อก็ได้ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ทั้งยังหาได้ใส่ใจอะไรมากมายนัก เหล่าทารกน้อยคิดจะสร้างความคึกคักเช่นไรก็ปล่อยให้คึกคักไปเช่นนั้น

 

เมื่อหลงเฉินถูกถังหว่านเอ๋อกับเยี่ยจื่อชิวคล้องไปที่แขน ก็เดินออกไปจากกลุ่มผู้คนชั่วขณะ มีสตรีไม่น้อยที่อดไม่ได้ต้องทอแววตาเป็นประกายมองไปทางเบื้องหน้า

 

หลงเฉินที่แสดงใบหน้าองอาจ ถึงแม้ว่าจะด้อยกว่าหานเทียนยวู่อยู่ส่วนหนึ่ง แต่บนร่างกายของหลงเฉิน กลับแฝงเอาไว้ด้วยความบ้าระห่ำที่เฉพาะตัวอยู่ชนิดหนึ่ง

 

หนึ่งนั้นเป็นความบ้าระห่ำที่อันตราย หนึ่งนั้นเป็นความบ้าระห่ำที่เร้นลับ ราวกับว่าหลงเฉินเป็นดั่งเสือดาวที่ไม่อาจฝึกให้เชื่องได้ ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความอันตราย ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความสง่างาม จนเป็นความทะเยอทะยานของผู้พิชิตมาตั้งแต่กำเนิด

 

ทว่าผู้คนโดยส่วนมากกลับหาได้คิดเช่นนั้นไม่ เพราะพวกเขาต่างก็เป็นบุรุษพวกเขามีแต่ต้องการที่จะฟาดหลงเฉินให้ตายแล้วไปสลับตำแหน่งกับเขา

 

ถังหว่านเอ๋อกับเยี่ยจื่อชิวต่างก็ถือได้ว่าเป็นสตรีที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือพวกนางทั้งสองถือได้ว่ามีความงามที่แตกต่างกันสุดขั้ว ทั้งสองคนต่างก็เปล่งประกายเกื้อหนุนกันและกัน ด้วยความงามเช่นนั้นเรียกได้ว่าเป็นความงามที่สั่นคลอนจิตใจ จนทำให้ผู้คนแทบหยุดหายใจได้เลย

 

ชายหนุ่มแต่ละคนที่อยู่ในสนาม ก็ได้เกิดความอิจฉาริษยาจนแทบบ้าคลั่งขึ้นมา บางส่วนยังพอที่จะข่มกลั้นความอิจฉาเอาไว้ได้ แต่ว่าอีกบางส่วนก็ได้ทอดวงตาเขียวคล้ำขึ้นมากันแล้ว

 

หรือแม้แต่หานเทียนยวู่ที่แสดงอารมณ์เฉยชามาโดยตลอด ภายในแววตาก็ได้เผยความอิจฉาออกมา เขาสังเกตเห็นว่าทั้งถังหว่านเอ๋อกับเยี่ยจื่อชิวต่างก็ถือได้ว่าเป็นสาวงามเช่นเดียวกัน งามหยดย้อยจนไม่ด้อยไปกว่าบุษผาเลยด้วยซ้ำ

 

เพราะตำแหน่งของพวกเขานั้นคืออันดับที่ร้อยแปด ประจวบต้องเดินผ่านหมู่ตึกทั้งหมดพอดี เรียกได้ว่าจากหัวจรดหางเลยทีเดียว

 

เมื่อในเวลาที่ได้เดินมาถึงยังหมู่ตึกที่หนึ่ง หลงเฉินก็ได้เกิดความรู้สึกขึ้นมา เมื่อมองไปทางหานเทียนยวู่คราหนึ่ง ทว่าหานเทียนยวู่กลับหาได้มองไปที่เขาเพียงแต่หลับตานั่งอยู่

 

“คนผู้นี้แข็งแกร่งมาก”

 

นี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่หลงเฉินมีปฏิกิริยาเช่นนี้ บนตัวของหานเทียนยวู่ หลงเฉินก็สัมผัสได้ถึงพลังแรงกดดันที่มหาศาลเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกถูกคุกคามขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

 

ในเวลาที่ได้เดินผ่านหมู่ตึกที่หนึ่ง ท่ามกลางหมู่ตึกที่สองก็ได้มีสตรีงดงามสวมเอาไว้ด้วยชุดแขนยาวสีเหลืองอมชมพูอยู่ผู้หนึ่งได้หันไปยิ้มต่อหลงเฉินเล็กน้อย

 

หลงเฉินงุนงงขึ้นมาเล็กน้อย เดิมที่ผู้อื่นมีมารยาทด้วยก็หมายที่จะส่งยิ้มน้อยๆกลับไปให้แก่นาง แต่ทันใดนั้นที่ข้างเอวก็ได้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาเป็นสาย

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset