เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 324 ไม่ชัดเจนก็ใช่ว่าจะไม่ผิด

 

“พรวด”

โลหิตซ่านกระเซ็นออกมา !

 

กัวหรานตกใจจนกระโดดขึ้นมา พร้อมกับกระบอกที่เขาเพิ่งจะล้วงออกมา แต่ไม่ทราบว่าในมือหลงเฉินได้มีหอกยาวเล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เวลาใด

 

ที่ส่วนปลายของคมหอกได้แทงเข้าไปที่หน้าอกของชายหนุ่มผู้หนึ่งอย่างแรง ดาบยาวในมือชายหนุ่มผู้นั้นก็กำลังยกขึ้นสูงทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังสภาวะในการโจมตีอยู่

 

ในเวลานี้ชายหนุ่มผู้นั้นก็ได้ทอสีหน้าไม่อยากจะเชื่อมองไปที่หน้าอกของตนเอง โลหิตที่ชโลมไปทั่วหอกก็ได้ค่อยๆที่จะไหลผ่านเข้ามา

 

“พรวด”

 

หลงเฉินขยับหอกยาวในมือคราหนึ่งพลังอันมหาศาลก็ได้ไหลเวียนปะทุผ่านตัวหอกยาว ร่างกายของชายหนุ่มผู้นั้นก็ได้แหลกเละจนกลายเป็นเศษเนื้อไปในทันที

 

“นี้เป็นศิษย์ของฝ่ายอธรรมเจ้าไปเก็บแหวนมิติมา พวกเราจะได้เดินทางกันต่อ” หลงเฉินสะบัดคราบโลหิตที่ติดอยู่บนหอกยาวออก พร้อมกับกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

ถึงกับฆ่าศิษย์สายตรงฝ่ายอธรรมไปคนหนึ่งในชั่วอึดใจด้วยสภาพที่เฉยชาเช่นนั้น ราวกับที่ฆ่าไปเป็นเพียงแค่กระต่ายตัวหนึ่ง ไม่สิ แม้แต่กระต่ายก็ยังไม่คู่ควร คงเป็นเพียงแค่แมลงตัวหนึ่งเท่านั้น อีกทั้งสีหน้าของหลงเฉินเรียกได้ว่าไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย

 

กัวหรานก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า หลังจากที่เลื่อนระดับพลังถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว พลังความแน่วแน่ของหลงเฉิน ก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีจนสามารถพลิกฟ้าสะท้านแผ่นดินได้เลย ยิ่งทำให้เกิดความโหดเหี้ยมรุนแรงยิ่งกว่าเดิม

 

เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของกัวหราน ที่ล้วงลงไปยังกองเนื้อเพื่อหาแหวนมิติออกมา หลงเฉินจึงกล่าวออกมาอย่างเคอะเขินว่า “ครั้งต่อไปข้าจะพยายามเบาๆหน่อยก็แล้วกัน”

 

“ทำไมถึงได้มีศิษย์ของฝ่ายอธรรมมาดักซุ่มในที่แห่งนี้กัน ? เขาไม่ไปช่วงชิงสมบัติหรือยังไงกัน ? ” กัวหรานรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมา

 

“พลังฝีมือของเขาแทบจะต่ำทรามที่สุดเลยก็ว่าได้ เมื่อเข้าไปแล้วอาจจะกลายเป็นต้องทิ้งชีวิตไว้ มิสู้มาลอบสังหารอยู่ในที่แห่งนี้ หากว่าโชคดีอาจจะจับแพะอ้วนมาไว้ในมือก็เป็นได้” หลงเฉินกล่าว

 

“การได้พบกับพี่ใหญ่ คล้ายกับว่าเขานั้นไร้โชคแล้ว” กัวหรานยิ้มแล้วกล่าว

 

“การปรากฏตัวของเขา ก็เป็นเหมือนกับการลั่นระฆังแจ้งเตือนต่อพวกเรา ว่าจากเส้นทางเมื่อครู่นี้ ที่ได้พบกับซากศพหลายศพนั้น ทั้งหมดต่างก็เป็นคนของฝ่ายธรรมะ คาดว่าคนของฝ่ายอธรรมที่อยู่ในที่แห่งนี้ น่าจะมีคนที่แข็งแกร่งรวมอยู่ด้วย” หลงเฉินกล่าว

 

ตามเส้นทางสายนี้ได้พบเจอซากศพถึงสิบกว่าศพเลยก็ว่าได้ ที่เป็นศิษย์ของฝ่ายธรรมะ ทั้งยังตายอย่างน่าอนาถที่สุด เนื่องจากศัตรูผู้ลงมือนั้นโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ดูเพียงคราเดียวก็ทราบได้แล้วเป็นการลงมือของศิษย์ฝ่ายอธรรม

 

หลงเฉินไม่กล้าที่จะหลงระเริงเลยก็ว่าได้ ถึงแม้สายตาของเขาจะแข็งแกร่งกว่ากัวหรานอยู่มาก แต่ว่าหลงเฉินก็ยังสามารถใช้จิตวิญญาณแทนประสาทสัมผัสได้ จึงสามารถที่จะมองเห็นสภาพแวดล้อมภายในหลายร้อยจั้งได้อย่างชัดเจน

 

เมื่อได้มุ่งหน้าต่อไปลึกกว่าร้อยจั้ง ก็พบเส้นทางเพิ่มขึ้นมาอีกสามทาง เมื่อหลงเฉินมองดูรอยเท้าที่อยู่บนพื้นอย่างละเอียดแล้ว

 

แม้ที่แห่งนี้จะไม่มีอะไรที่กัวหรานทำมาก่อน ทว่าหลงเฉินก็ยังสามารถที่จะใช้ร่องรอยเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ได้ โดยใช้การแยกแยะเทียบรอยเท้าว่าคนเหล่านั้นอยู่ด้านหน้าหรือด้านหลังได้

 

“ทางนี้”

 

หลงเฉินได้เลือกเส้นทางที่อยู่ทางด้านขวา แล้วทั้งสองคนก็เดินทางกันต่อ ขณะนี้ภายในถ้ำเรียกได้ว่ามืดมืดเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่กัวหรานเองก็ยังไม่อาจมองเห็นอะไรได้

 

ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งกล้าได้เช่นหลงเฉิน ต่อให้มีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แกร่งกล้า ก็ใช่ว่าจะสามารถผนึกรวมจนกลายเป็นประสาทสัมผัสขึ้นมาได้ มีแต่เพียงผู้หลอมโอสถ ที่ถือเป็นเงื่อนไขพิเศษที่จะสามารถใช้ได้เท่านั้น

 

เมื่อมุ่งหน้าเดินต่อไปอีกหลายลี้ บรรยากาศที่เยียบเยือกก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น ในขณะที่เดินอยู่ทันใดนั้นทางด้านหน้าก็ได้ส่องเป็นประกายขึ้นมา

 

ที่แห่งนั้นมีความกว้างขวางคล้ายกับห้องโถง ทั้งยังกว้างขวางเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีขนาดที่กว้างถึงหลายพันจั้งเลยทีเดียว ท่ามกลางห้องโถงมีเสาทั้งหมดสี่ต้น ที่ด้านบนได้สลักเอาไว้ด้วยภาพที่เก่าแก่

 

ภายในบริเวณโดยรอบห้องโถงใหญ่ ยังมีภาพประดับผนังอยู่หลายสิบภาพ แต่เนื่องจากกาลเวลาผ่านเลยมามากเกินไป ภาพส่วนมากต่างก็หลุดลอกเสียหาย ทว่าก็ยังสามารถที่จะให้คงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ได้อยู่อีกส่วนหนึ่ง

 

เมื่อหลงเฉินกับกัวหรานได้เข้าไปภายในห้องโถงใหญ่ ก็ได้พบเห็นผู้คนกว่าร้อยกำลังทำการสำรวจอยู่บริเวณโดยรอบ

 

บนพื้นยังมีศพอีกหลายสิบร่าง คราบเลือดยังอุ่นอยู่ทั้งยังกำลังไหลรินอยู่อย่างช้าๆ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะตายได้ไม่นาน

 

คนที่อยู่ภายในห้องโถง แบ่งออกเป็นสองฝ่าย โดยส่วนใหญ่แล้วต่างก็สวมชุดของฝ่ายธรรมะ ถือได้ว่ามีจำนวนคนกว่าถึงแปดส่วน

 

และในหมู่ศิษย์ฝ่ายธรรมะ ก็มีอยู่เกือบครึ่งที่สวมด้วยชุดของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ เมื่อพบเห็นหลงเฉินเดินเข้ามา สายตาของผู้คนไม่น้อยก็ปรากฏความแตกตื่นขึ้นมา

 

และศิษย์ของฝ่ายอธรรมเหล่านั้นมีเพียงห้าหกสิบคนทั้งหมดต่างก็รวมตัวกันขึ้น เมื่อได้มองดูภาพฝาผนังที่อยู่บนกำแพงอย่างละเอียด ทางด้านฝ่ายที่มีกำลังพลเยอะอย่างฝ่ายธรรมมะ ต่างก็ไม่มองมาแม้ซักครา ภายในแววตาเปี่ยมไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม

 

เหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะต่างก็ร้อนรนกันขึ้นมา ทั้งหมดต่างก็จ้องมองไปยังรอบข้างอย่างระแวดระวัง

 

บนพื้นของห้องโถงใหญ่ ได้มีหลุมอยู่หลายแห่ง ดูไปแล้วคล้ายกับเพิ่งขุดขึ้นมาใหม่ คาดว่าน่าจะพบเจอกับอะไรดีๆเข้า ผลสุดท้ายจึงทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการแย่งชิงกันขึ้น

 

แต่ว่าศพที่อยู่บนพื้นเหล่านั้น กลับมีคนที่เป็นศิษย์ของฝ่ายอธรรมเพียงแค่คนเดียว ที่เหลือต่างก็เป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะ คาดว่าฝ่ายธรรมะคงจะไม่อาจที่จะกอบโกยสมบัติอะไรไปได้แล้ว

“หลงเฉิน เจ้ายังไม่ตายงั้นหรือ ? ”

 

เมื่อหลงเฉินกับกัวหรานได้เข้ามา ทางฝ่ายอธรรมนั้นกลับหาได้มีปฏิกิริยาแต่อย่างไร กลับเป็นทางด้านศิษย์ฝ่ายธรรมะที่สีหน้าแตกตื่นขึ้นมาเสียแอง โดยเฉพาะศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์

 

จาก “วีรกรรมอันเลื่องลือ” ของหลงเฉิน ทำให้ผู้คนมากมายได้เห็น แต่ศิษย์ทั้งหมดของทางหมู่ตึก ต่างก็คงจะไม่ทราบกัน

 

ต่อให้เป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะก็น้อยที่จะทราบ จากข่าวลือที่หลงเฉินถูกยอดฝีมืออันดับหนึ่งฝ่ายอธรรม หยินหลอไล่ล่า หากกล่าวกันตามเหตุผลต่อให้หลงเฉินมีอีกร้อยชีวิต ก็ไม่พอที่จะให้หยินหลอฆ่าเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าหลงเฉินกลับสามารถที่จะปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แห่งนี้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ได้

 

ศิษย์ของฝ่ายอธรรมเมื่อได้ยินนามของหลงเฉินก็ทำสีหน้าแตกตื่นขึ้นมา โดยเฉพาะในฝ่ายอธรรม คนผู้หนึ่งที่มีเส้นผมยาวประบ่า มีดวงตาสีทองอร่ามมีพลังสภาวะที่เดือดพล่านขึ้นมาทั่วทั้งร่างดุจคลื่นมหาสมุทรของศิษย์ระดับชั้นเลิศก็ได้หรี่ตาลงเล็กน้อย

 

เขาถือได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งของฝ่ายอธรรม ถึงแม้ว่าเรื่องการที่หยินหลอได้พ่ายแพ้อย่างอับอาย จะถูกทางเบื้องบนจำกัดข่าวสารเอาไว้ ภายในฝ่ายอธรรมเองก็ยังมีคนที่ทราบอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

 

ทว่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศบางส่วน ผู้อาวุโสของพวกเขาย่อมต้องบอกเรื่องเช่นนี้ต่อพวกเขาไว้อยู่แล้ว

 

นี่กลับหาใช่เพื่อสร้างความอับอายให้แก่หยินหลอ เพียงแต่เป็นเป็นการสอนสั่งเหล่าผู้มีพรสวรรค์ในระดับสูงสุด ว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้าจงพึงสยบความหลงระเริงเอาไว้ แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์เฉกเช่นหยินหลอก็ยังพลาดท่าไปแล้วนั้นเอง

 

ทว่าชายหนุ่มผมยาวก็ได้ข่มอาการตกใจเอาไว้โดยพลัน บนใบหน้าหาได้ปรากฏอารมณ์ใดออกมาไม่ เพียงแต่มองไปยังภาพบนกำแพงต่อไป

 

เพราะเขาเองก็มองออกว่า ศิษย์ฝ่ายธรรมะเหล่านั้นหาได้อยู่ในท่าทีที่เป็นมิตรกับหลงเฉินไม่

 

หลงเฉินไม่แม้แต่จะมองไปที่คนผู้นั้นแม้เพียงหางตา ในมุมมองของหลงเฉินฝ่ายอธรรมก็คือศัตรู ฝ่ายธรรมะก็หาได้เป็นแม้แต่มิตรเลยด้วยซ้ำ ต่างก็เอาแต่วิจารณ์กันเองมาโดยตลอด

 

“หลงเฉินเจ้าโจรราคะ เจ้าคนบาปหยาบช้า ยังมีหน้ามีชีวิตอยู่บนโลกนี้อยู่อีก วันนี้พวกเขาจะคืนความเป็นธรรมให้เอง” ศิษย์สายตรงผู้นี้ก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมทั้งชี้หน้าด่าทอหลงเฉิน

 

กัวหรานก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป จนก่อเกิดเป็นเพลิงโทสะลุกโชนขึ้นมา เจ้าตัวโง่งมกลุ่มนี้ช่างน่าชังเกินไปแล้ว มารดาเจ้าเถอะ ศิษย์ฝ่ายอธรรมที่อยู่ตรงนั้นมากมาย พวกเขาสิเป็นศัตรูที่แท้จริง

 

พวกเจ้ากลับไม่ไปท้าทายพวกเขา แต่กลับชื่นชอบก่อศึกภายใน สมกับเป็นแบบฉบับที่เรียกกันว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าแต่กลับกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า จากที่ได้เห็นสายตาที่พวกเขามองไปที่ศิษย์ของฝ่ายอธรรมเมื่อครู่ ที่มีแต่ความหวาดกลัวซ่อนเร้นอยู่ ก็ทราบได้ว่าพวกเขาหวาดกลัวกันแล้ว

 

แต่ว่าเมื่อได้พบเห็นเขากับหลงเฉินเดินเข้ามา หากมีหางโผล่ก็คงจะชี้ขึ้นฟ้าไปแล้ว แล้วยังจะยกข้ออ้างขึ้นมาอย่างอกผายไหล่ผึ่งอีก ทั้งยังกล่าวอย่างเสียงดังองอาจว่าจะจัดการหลงเฉิน

 

“มารดาเถอะ โจรราคะเถอะ บรรพบุรุษโคตรเง้าของเจ้าสิจึงเป็นโจรราคะ เจ้าพวกที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวโง่งมเลยด้วยซ้ำ ผู้อื่นว่าอะไรก็เชื่อไปตามนั้น ในหัวของพวกเจ้า ใส่เอาไว้แต่ขี้เลื่อยหมดหรือไงกัน ? ดวงตาของพวกเจ้า ต่างก็ใช้มาเพื่อดื่มปัสวะหรือไงกัน ? ” กัวหรานด่าทอออกมายกใหญ่

 

หลงเฉินเป็นคนเช่นไร ? เปรียบเสมือนดั่งเทพในจิตใจของศิษย์หมู่ตึกลำดับที่ร้อยแปดเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่ากัวหรานจะสนิทสนมกับหลงเฉินมากที่สุดก็ตาม

 

เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อความนับถือของหลงเฉินอยู่แล้ว หากว่ามีคนมาเหยียดหยามหลงเฉินต่อหน้าเขา เขามีหรือที่จะทนรับได้กัน ?

 

“หาที่ตาย มารดาเจ้าจึงโง่งมสมองขี้เลื่อย หลงเฉินกระทำเรื่องบัดสี มีพยานหลักฐานอยู่ทั่วฟ้า ยังคิดที่จะแก้ตัวอีกอย่างงั้นหรือ ?

 

วันนี้การที่ได้มาพบเจอกับโจรราคะทั้งสองอย่างพวกเจ้า พวกเจ้าก็อย่าได้คิดที่จะมีชีวิตอยู่อีกเลย จะโทษก็โทษที่พวกเจ้าทำเรื่องเลวทรามมากเกินไป จึงสมควรที่จะต้องมาตายด้วยเงื้อมมือของพวกข้าแล้ว วันนี้พวกเราจะทวงคืนความยุติธรรมให้เอง ! ” ศิษย์อีกผู้หนึ่งได้ทอสีหน้าขึงขังกล่าวออกมาด้วยโทสะ

 

“ทวงคืนความยุติธรรมให้งั้นหรือ พี่ใหญ่ข้าเป็นบุคคลเช่นไรกัน ? มีหรือจะทำเรื่องต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนั้นได้กัน ?

 

คงจะมีแต่พวกมีแต่ตาหามีแววเท่านั้น ที่มองไม่ออกถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเป็นเพียงเล่ห์เพทุบายที่ใช้ต่อกรกับพี่ใหญ่หลงเฉิน พวกเจ้าถูกหลอกกันแล้ว ยังไม่รู้กันอีกอย่างงั้นหรือ ? ” กัวหรานก็ได้กล่าวออกมาด้วยโทสะ

 

“อย่าได้เอาแต่เล่นลิ้น ต่อให้เจ้ามีเหตุผลที่ดีกว่านี้ หรือชักแม่น้ำทั้งห้ามา ก็ไม่อาจที่จะพ้นจากบทลงโทษไปได้อยู่แล้ว

 

เจ้าคิดว่าจะใช้คำพูดจากทางด้านของเจ้า มาเพื่อยับยั้งพวกเราอย่างงั้นหรือ ? เจ้าช่างโง่งมเสียจริงนะ พวกเราที่มีพยานหลักฐานมีหรือที่จะเชื่อได้ จะให้ไปเชื่อคนที่กล่าววาจาเรื่อยเปื่อยเช่นนี้งั้นหรือ ? ”แล้วก็ได้มีอีกคนหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา จงใจที่จะเหยียดหยาม ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้แล้ว

 

กัวหรานมีโทสะระอุอยู่ภายในท้องจนแทบระเบิดออกมา เขาไม่อาจที่จะไม่นำเอาหน้าไม้ทลายพยัคฆ์ออกมา เพื่อจัดการเจ้าพวกโง่งมทั้งหมดให้หมดสิ้นไปภายในพริบตา

 

ศัตรูอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับเอาแต่ทำให้ฝ่ายเดียวกันลำบากใจ แล้วยังจะมามีหน้าทำตัวเป็นสุภาพชนอ้างว่าเป็นคนของฝ่ายธรรมะอีก ทำให้กัวหรานรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างรุนแรง

 

“พวกเจ้าก็ช่างสมกับเป็นคนที่ดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ศิษย์ของฝ่ายอธรรมทางนั้นพวกเจ้ากลับไม่กล้าที่จะสู้ ทั้งยังตายกันไปมากมายถึงเพียงนั้น คงจะตกใจจนปัสสาวะราดกันแล้วสินะ

 

ทั้งสองสุดยอดฝีมือทางด้านพวกเจ้า แล้วยังมีผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกสามสิบกว่าคน เรียกได้ว่ามีกำลังมากกว่าอีกฝ่ายถึงสิบเท่า

 

พวกเจ้าคงมีน้ำยากันแค่นี้สินะ แล้วยังจะบอกว่าตัวเองจะมาผดุงความยุติธรรมอีกอย่างงั้นหรือ ? ข้าว่าพวกเจ้าคงจะทำได้แค่เห่าหอนร้องเรียกความยุติธรรมมากกว่า” กัวหรานทอสีหน้าไม่แยแสขึ้นมา

 

ประโยคของกัวหราน เรียกได้ว่าทำให้ศิษย์ฝ่ายธรรมะทั้งหมดถูกตอกกลับไปจนหมดสิ้นเลยก็ว่าได้

 

“ไอ้หนูหาที่ตาย”

 

“ตัวโง่งมอย่างเจ้าจะทราบอะไร นี้จึงเรียกกันว่ายุทธศาสตร์”

 

“เจ้ามันก็แค่โจรราคะผู้หนึ่ง สมควรที่จะต้องถูกประณาม แล้วยังกล้าที่จะมาทำตัวยกตนข่มท่านอีกอย่างงั้นหรือ ? ”

 

ชั่วระยะเวลาหนึ่งศิษย์ฝ่ายธรรมะ ก็ได้พากันกร่นด่าขึ้นมา

“กัวหราน มาดูที่ภาพนี้สิ”

 

ในขณะที่กัวหรานกำลังเปิดศึกน้ำลายกับทุกคนอยู่ หลงเฉินกลับไม่แม้แต่จะมองไปที่คนเหล่านั้นสักครา ก็มาถึงเบื้องหน้ากระดานภาพแผ่นหนึ่ง แล้วตะโกนเรียกกัวหรานขึ้นมา

 

กัวหรานเองก็คร้านที่จะสนใจกลุ่มตัวโง่งมเหล่านี้อีกต่อไป ทั้งยังได้ขยับเข้าไปยังทางด้านข้างของหลงเฉิน แล้วก็มองไปที่ภาพสลักบนศิลาแผ่นนั้น

 

ภาพวาดที่อยู่ด้านบนก้อนศิลานี้ ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์อย่างถึงที่สุด เป็นภาพวาดของชายชราคนหนึ่ง ที่ในมือกำลังถือค้อนชิ้นหนึ่ง อยู่ในท่วงท่ายกค้อนขึ้นสูง เหมือนกับกำลังที่จะทุบลงมา

 

ถือได้ว่าเป็นภาพวาดที่ปกติธรรมดาเป็นอย่งยิ่ง แต่ว่ากัวหรานกับหลงเฉินก็ได้พบว่า ภายในใจกลางของภาพวาดนั้น ได้มีภาพทิวทัศน์ซ้อนกันอยู่อีกภาพ เรียกได้ว่าเป็นภาพวาดที่อยู่ภายในภาพวาด

 

ตอนแรกแม้ว่าจะดูไม่ออก แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียดแล้วกลับเป็นภาพแผนผังหมู่ดาราทั้งเก้า

 

ห้วงอวกาศมีดวงดาราทั้งหมดเก้าดวง รายล้อมโคจรอยู่รอบดวงดาราขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง ดั่งความเงียบสงบเป็นสุขบนท้องนภาลัย

 

แต่ที่ทำให้หลงเฉินเกิดความแตกตื่นขึ้นมาก็คือ เมื่อได้มองไปยังเบื้องหลังของภาพวาดชุดนี้ ก็ได้ทำให้หลงเฉินเกิดความรู้สึกอัดอั้นอย่างเจ็บปวดขึ้นมา ในระหว่างที่ไม่รู้ตัวที่หางตาก็ได้เอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาไหลรินลงมา ราวกับแฝงความคิดคำนึงเอาไว้

 

กัวหรานเองเมื่อมองไปยังภาพห้วงดารา ทว่าสิ่งที่เขามองเห็นกลับหาใช่สิ่งเดียวกับที่หลงเฉินมองเห็นไม่ ในสายตาของเขามีแต่เพียงค้อนที่อยู่ในมือของชายชราผู้นั้น

 

หากกล่าวตามภาพรวม ควรที่จะเป็นความเคลื่อนไหวที่โดดเดี่ยวและสงบในการทุบค้อนลง ถึงแม้จะเป็นท่าทางที่เรียบง่าย แต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยหลักเหตุผลที่เร้นลับไว้อยู่ ชั่วระยะเวลาหนึ่งทั้งสองคนกลับเอาแต่จ้องมองไปที่ภาพวาด ถึงกับเกิดความงงงวยขึ้นมาเลยทีเดียว

 

“หลงเฉินโจรราคะอย่างเจ้าเมื่อความตายได้ย่างกรายเข้ามา ยังมีกระจิตกระใจมาดูภาพวาดอยู่อีก หากรู้ตัวก็จบชีวิตตัวเองไปซะ” ได้มีเสียงที่น่าชังดังขึ้นมาอีกครา ทั้งยังดังมาจากทางด้านของศิษย์ฝ่ายธรรมะอีกด้วย

 

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset