เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 328 เอาพวกเจ้าให้ตาย

 

“ซูม”

สิ้นเสียงของกัวเหริน เงาร่างสายหนึ่งก็ได้เลียนแบบวิธีที่หลงเฉินใช้ไปก่อนหน้า มุ่งหน้าลอยเข้ามาภายใน

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของกัวเหรินเจิดจ้าขึ้นมา ในมือก็ได้มีไข่มุกเหล็กขึ้นมา แล้วก็ได้ซัดออกไป

 

“อา……”

 

ขณะที่คนผู้นั้นลอยมาถึงเพียงกลางทาง ไข่มุกเหล็กในมือของกัวเหรินก็ได้ถูกโยนออกไปกระแทกชนเข้ากับกำแพงอย่างรุนแรง

 

บนกำแพงก็ได้มีหอกยาวปรากฏขึ้นมานับไม่ถ้วน พริบตานั้นก็ได้แทงคนผู้นั้นจนกลายเป็นตัวเม่น มีเสียงที่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดสะท้อนไปมาอยู่ระหว่างสองข้างทาง จนสิ้นใจตายไปในทันที

 

“ตัวบัดซบ”

 

ด้านศิษย์ธรรมะอธรรมทั้งสองฝ่ายที่อยู่บนเส้นทาง อดไม่ได้ที่จะมีโทสะขึ้นมา กัวเหรินได้เลียนแบบสิ่งที่พวกเขากระทำ ใช้วิธีที่พวกเขาทำกับหลงเฉินกลับมาแก้แค้นพวกเขา ขณะนี้กลายเป็นว่าพวกเขาพลาดท่าไปเสียเองแล้ว

 

“เจ้าพวกตัวบัดซบไร้ยางอายทั้งหลาย พวกเจ้าทำร้ายพี่ใหญ่จนสิ้นใจตาย สมบัติที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ พวกเจ้าก็อย่าได้หวังจะได้ครอบครอง” กัวเหรินก็ได้ยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

หลงเฉินที่เมื่อได้กลืนโอสถรักษาอาการบาดเจ็บลงไปหนึ่งเม็ด บาดแผลก็ได้ฟื้นคืนกลับมาจนแทบจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะเป็นที่น่าแตกตื่น ทว่าต่างก็เป็นเพียงแค่ผิวชั้นนอกเท่านั้น ไม่นานนักก็สามารถที่จะฟื้นคืนกลับมาได้แล้ว

 

“เจ้าหนูเมื่อพวกเราไม่ได้ครอบครอง แล้วเจ้าคิดว่าจะสามารถครอบครองได้งั้นหรือ ? ถ้ามีพวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่ เจ้าก็ถามตัวเองก็แล้วกันว่าจะสามารถออกมาได้หรือไม่ ? ” แล้วก็ได้มีคนกล่าวขึ้นมา

 

“เหอะเหอะ ออกไปไม่ได้แล้วจะเป็นไรกัน? หากพวกเจ้าสามารถที่จะทนอยู่กับปู่กัวได้ก็ถือว่าไม่เลว งั้นก็อย่าได้หวังที่จะไปเสาะหาวาสนาอื่นเลย” กัวเหรินก็ได้กล่าวขึ้นมาอย่างไม่สนใจ

 

คำพูดของกัวเหรินทำให้ศิษย์ทั้งสองฝ่ายเกิดความวิตกกังวลขึ้นมา หากกัวเหรินคิดจะมาไม้แข็งกับพวกเขา ทั้งยังมีกลไกที่แข็งกล้าอยู่ในเส้นทางแห่งนี้ พวกเขาก็ไม่มีความหวังที่จะผ่านไปได้เลย

 

สุสานแห่งนี้ยังคงอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เช่นนี้ได้ แม้จะมีศิษย์บางส่วนได้เก็บอิฐศิลาล้ำค่าเอาไปได้ไม่น้อย

 

หากเป็นไปตามที่คาดไว้ อิฐศิลาเหล่านั้นเปรียบเสมือนดั่งขยะเลยก็ว่าได้ สามารถที่จะทิ้งไปได้ทุกเวลา เช่นนี้ภายในถ้ำจะต้องมีสมบัติซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน

 

แต่ในขณะนี้ที่กัวเหรินคุ้มกันเส้นทางสายนั้นอยู่ ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือเข้าไป แต่เมื่อมีกัวเหรินคอยป่วน พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากการย่างกรายไปหาความตายแล้ว ผู้ใดก็ไม่กล้าที่จะไปเสี่ยงอันตราย

 

ยิ่งไปกว่านั้นด้านนอกยังมีศิษย์ของธรรมะและอธรรมอยู่ ทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบาย จนต่างฝ่ายต่างก็ต้องระวังป้องกันกันเอง แทบจะไม่สามารถผนึกกำลังต่อกรกับกัวเหรินได้เลย

 

“เจ้าหนูที่อยู่ด้านในจงฟัง พวกเราได้หารือกันแล้วหลงเฉินฆ่าขืนใจสตรีเพศซึ่งขัดต่อหลักการของฝ่ายธรรมะ ขณะนี้เมื่อเขาตายไปแล้ว เช่นนั้นโทษทัณฑ์ทั้งหมดก็ให้เขารับไว้คนเดียวก็แล้วกัน

 

ข้าจ้าวหมิงซานมาจากหมู่ตึกลำดับที่สิบเจ็ดขอสาบานว่า ขอเพียงเจ้าไม่โจมตีใส่พวกเรา พวกเราก็จะเป็นพยานให้ว่าเจ้าไร้ความผิด ทั้งยังล้างมลทินให้แก่เจ้าอีกด้วย”

 

ในหมู่ฝ่ายธรรมะได้มีสุดยอดฝีมือผู้หนึ่งตะโกนออกมา เขาเป็นดั่งตัวแทนของหมู่ตึกที่สิบเจ็ด ทั้งยังมีสถานะภาพเป็นที่เคารพยกย่อง วาจาที่กล่าวออกมาจึงมีน้ำหนักเป็นอย่างยิ่ง

“นี่……เป็นเรื่องจริงอย่างงั้นหรือ ? ” เสียงของกัวเหรินที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เริ่มที่จะไขว้เขวขึ้นแล้ว

 

“แน่นอนว่าย่อมเป็นจริง ข้าจ้าวหมิงซานขอสาบาน จะไม่สืบสาวเอาความในความผิดของเจ้าออย่างแน่นอน ทั้งยังจะช่วยเป็นพยานให้แก่เจ้า ว่าทั้งหมดเป็นหลงเฉินกระทำเองที่เจ้าทำไปทั้งหมด ก็เป็นหลงเฉินที่ข่มขู่ให้เจ้ากระทำ” จ้าวหมิงซานกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

 

กัวเหรินได้ปรากฏรอยยิ้มที่เย็นเยียบขึ้นมา ถึงตอนนี้ยังจะมาเล่นลิ้นกับข้าผู้นี้อีก พวกเจ้าไม่สืบสาวเอาความ แต่เมื่อถึงเวลานั้นก็จับข้าโยนใส่ศิษย์ฝ่ายอธรรม จนข้ามิต้องกลายเป็นเจ็ดชิ้นแปดส่วนหรือไงกัน ?

 

“แต่ว่าข้ายังไม่อาจที่จะวางใจได้” กัวเหรินกล่าวด้วยความลังเลอยู่บ้าง ทว่าดวงตาทั้งสองข้างก็กำลังมองไปที่หลงเฉิน หลงเฉินได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ กำลังสมานแผลอยู่ เขาจึงต้องประวิงเวลาเอาไว้

 

ภายในสถานที่แห่งนี้มืดมิดเป็นอย่างยิ่ง เขาแทบไม่อาจจะมองเห็นสภาพแวดล้อมได้เลย หลงเฉินกำลังรักษาบาดแผล จนเขาเองก็ไม่กล้าที่จะขยับวุ่นวาย จึงได้แต่ถ่วงเวลาเอาไว้ เล่นกับพวกเขาซักคราเพื่อแก้เบื่อก็ดีเหมือนกัน

 

“เจ้าทำเช่นนี้ใช่ดูแคลนข้าอยู่หรือไม่ ? ข้าจ้าวหมิงซานเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ มีหรือที่จะต้องไปหลอกลวงศิษย์ธรรมดาเพียงคนเดียวกัน ? ” เสียงของจ้าวหมิงซานเริ่มจะมีโทสะขึ้นมาบ้างแล้ว

 

รอบนี้ยังไม่ทันให้กัวเหรินได้กล่าววาจา คล้ายกับว่ามีการวางแผนเอาไว้แล้ว จ้าวหมิงซานได้ส่งสายตาไปทางด้านของศิษย์สายตรงผู้หนึ่งไปในทันที

 

ศิษย์สายตรงผู้นั้นพยักหน้าไปมา ก็กระโดดออกไปจากพื้นทะลวงเข้าไปภายในเส้นทาง

 

“ฉึก……”

 

“อา”

 

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังออกมา ศิษย์ฝ่ายธรรมะผู้นั้นได้ถูกหอกแหลมแทงเข้าจนตายตกไป

 

กัวเหรินตะลึงขึ้นมา ไข่มุกที่อยู่ในมือยังไม่ทันที่จะได้โยนออกไปแล้วจะตายได้อย่างไรกัน

 

“เจ้า……คิดที่จะทำอะไร ? ”

 

จ้าวหมิงซานทอสีหน้าเกรี้ยวกราดขึ้นมา จ้องมองไปทางด้านของฝ่ายอธรรมอย่างเอาเป็นเอาตายที่สุดยอดฝีมือผู้นั้น

 

พริบตาที่ศิษย์ผู้นั้นได้เหินเข้าไป ยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งก็ทำการแผลงศรโจมตีออกไป เพื่อกระตุ้นการทำงานของกลไก จนทำให้ศิษย์ผู้นั้นต้องตายไปอย่างอนาถ

 

“แล้วเจ้าว่าไงละ ? ” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยชา

 

“เมื่อศิษย์ของฝ่ายพวกเจ้าได้เข้าไปแล้ว เช่นนั้นเมื่อน้ำมันน้ำดื่ม ก็คงต้องถูกพวกเจ้าเก็บไปหมดแล้ว แล้วทางด้านพี่น้องของพวกเรานี้ จะกินอะไรกันเล่า ? ”

 

ศิษย์ทางฝ่ายธรรมะก็ได้เกิดโทสะขึ้นมา ได้เข้าใจแล้วว่ายังมีปัญหาอีกอย่างหนึ่ง เพราะศิษย์ของฝ่ายอธรรม ย่อมไม่ปล่อยให้พวกเขาสมหวังแน่นอน

 

“เช่นนั้นเจ้าต้องการอย่างไร ? จะให้ศิษย์ของพวกเจ้าเข้าไปก่อนงั้นหรือ ? ” จ้าวหมิงซานกล่าวขึ้นมาด้วยโทสะ

 

“เช่นนี้เถอะ พวกเราส่งศิษย์ในกลุ่มไปคนหนึ่งในคราวเดียวกัน และต้องมีพลังฝีมือทัดเทียมกัน เข้าไปพร้อมกัน เช่นนี้ไม่ว่าผู้ใดก็คงไม่เสียเปรียบ” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นได้กล่าวออกมา

 

“ฝันไปเถอะ ! มีเหตุผลเช่นนี้ที่ไหนกัน ศิษย์ฝ่ายธรรมะเป็นฝ่ายค้นพบเส้นทางนี้ก่อน แล้วถืออะไรต้องมาแบ่งกับพวกเจ้าด้วย ? ” ผู้อยู่เหนือขอบเขตฝ่ายธรรมะผู้หนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะด่าทอออกมา

 

“หลงเฉินเป็นศิษย์ฝ่ายธรรมะงั้นหรือ ? เหอะเหอะ ข้าเหตุใดถึงดูไม่ออกเลยละ ? ว่าเป็นพวกเจ้าศิษย์ฝ่ายธรรมะ นี่กลับยังต้องมาตายด้วยน้ำมือของศิษย์ฝ่ายธรรมะด้วยกันอย่างงั้นหรือ ? พวกเจ้าฝ่ายธรรมะช่างหน้าด้านหน้าทนกันเสียจริงนะ” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมทอใบหน้ายิ้มแย้มแล้วกล่าว

 

คำพูดของคนผู้นั้นทำให้ศิษย์ฝ่ายธรรมะทั้งหมดต่างก็ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา ราวกับถูกตบเข้าไปอย่างแรงเลยก็มิปาน ศึกภายในของฝ่ายธรรมะกลายเป็นเรื่องขบขันของผู้อื่นไปเสียแล้ว

 

“หลงเฉินนั้นเป็นกบฏของฝ่ายธรรมะ ไม่ว่าผู้ใดก็สามารถที่จะสังหารเขาได้ เมื่อพวกเราสังหารเขาไป ก็หมายความว่าได้ช่วยชำระล้างสำนัก

 

แต่ว่าไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรหลงเฉินก็ยังคงเป็นศิษย์ของฝ่ายธรรมะ ความสำเร็จทั้งหมดของเขา ก็ยังเป็นของฝ่ายธรรมะอยู่ดี” จ้าวหมิงซานตอบกลับไปอย่างข้างๆคูๆ

 

“เหอเหอ ที่ข้าชื่นชอบที่สุดก็คงจะเป็นความหน้าด้านไร้ยางอายของพวกเจ้าศิษย์ฝ่ายธรรมะนี่แหล่ะยังจะมาอกผายไหล่ผึ่งแสดงท่าทีเช่นนี้ได้อีกนะ

 

พวกเราศิษย์ฝ่ายอธรรมต่อให้ศึกษาอีกหมื่นปี ก็ไม่อาจจะสามารถทำได้ แต่ยังไงเสียพวกเราก็ไม่ศึกษาวิชาขยะเหล่านี้อยู่แล้ว

 

พวกเราหาได้สนใจเหตุและผลของพวกเจ้าไม่ ข้าจะบอกแต่เพียงเท่านี้ หากพวกเจ้าไม่ยินยอม ก็เข้ามาได้เลย ผู้ใดมีชีวิตรอดไปได้ ผู้นั้นก็มาเป็นผู้ตัดสินสมบัติที่ซ่อนอยู่ข้างในเถอะ”

เมื่อสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมกล่าวจบ ก็ได้หันมองไปทางด้านหลัง ศิษย์ของฝ่ายอธรรมที่ด้านหลังของเขา ก็ได้พากันชักอาวุธออกมา และระเบิดพลังสภาวะขึ้นคล้ายกับหมาป่าหิวโหยกำลังกระหายเลือดอยู่ มองไปที่ศิษย์ฝ่ายธรรมะอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“เจ้าคิดว่าพวกเราศิษย์ฝ่ายธรรมะจะกลัวพวกเจ้าอย่างงั้นหรือ ? พวกเจ้าทำเช่นนี้ก็มีแต่จะทำให้บาดเจ็บล้มตายกันไปทั้งสองฝ่าย หาได้มีความหมายอะไร” ที่ข้างกายจ้าวหมิงซาน ก็ได้มีสุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่งที่อยู่ในระดับเดียวกันกล่าวขึ้นมาด้วยโทสะ

 

ศิษย์ฝ่ายธรรมะเหล่านั้น ถึงแม้ภายในแววตาจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ทว่าภายในส่วนลึกของแววตายังคงซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยความขลาดเขลา

 

ศิษย์ของฝ่ายอธรรมกับศิษย์ฝ่ายธรรมะนั้นกลับแตกต่างกัน พวกเขามีนิสัยโหดเหี้ยมกันอยู่แล้ว จึงหาได้หวาดกลัวความตายไม่ หากเกิดศึกขึ้นมาจริงคงจะต้องเป็นศึกที่น่าอนาถอย่างแน่นอน

 

ทุกคนต่างก็เข้ามาภายในแดนลับเพื่อเสาะหาวาสนา ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าจะมีโชคลาภวาสนาสะท้านฟ้าภายในแดนลับ จนสามารถเหาะเหินขึ้นสวรรค์กลายเป็นที่จดจำไปทั้งใต้หล้า

 

ดังนั้นพวกเขาจึงหาได้คิดที่จะเปิดศึกไม่ แม้ว่าคนข้างกายจะถูกฆ่าไปแล้ว ขอเพียงมิใช่ญาติมิตร ก็สามารถที่จะทำเป็นมองไม่เห็นได้

 

เนื่องจากเป็นเช่นนี้ ขุมพลังของฝ่ายธรรมะจึงแทบไม่ต่างไปจากเม็ดทรายในจาน ถึงแม้ว่าจะมีอยู่มาก แต่กลับหาได้มีใจสู้ไม่ จึงได้ถูกศิษย์ของฝ่ายอธรรมกดดันได้เช่นนี้

 

ในสายตาของจ้าวหมิงซานการต่อสู้เช่นนี้แทบจะไม่มีความหมายเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดชนะ ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมาเผชิญหน้ากับเส้นทางที่น่าหวาดกลัว ที่มีกัวเหรินคอยขวางเอาไว้อยู่นั่นเอง

 

ด้วยเหตุผลเช่นนี้แทบไม่อาจที่จะกล่าวกับสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งท่าทีของเขายังง่ายดายเป็นอย่างยิ่งหากไม่ก็ฟังเขาก็คงตายกันไปข้าง

 

“ศิษย์พี่จ้าว การเปิดศึกในเวลานี้ถือว่าโง่เขลาเป็นอย่างยิ่ง สู้ฟังพวกเขาเถอะ เมื่อพบเจอสมบัติที่ซ่อนอยู่จริง ค่อยลงมืออีกคราก็ยังไม่สาย” มีคนกล่าวโน้มน้าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

จ้าวหมิงซานเองก็ได้แต่สะกดเพลิงโทสะเอาไว้ในอก ถึงแม้ทางด้านของเขาจะมีสุดยอดฝีมืออยู่ถึงสองคนที่มีพลังที่สูงที่สุด แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถกดดันอีกฝ่ายได้อยู่แล้ว

 

แต่พวกเขาต่างก็ทราบถึงความโหดเหี้ยมของศิษย์ฝ่ายอธรรม ต่อให้ท้ายที่สุดจะสามารถสังหารสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นไปได้ แต่ก็จะทำให้เขาตายหรือไม่ก็ต้องอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ถึงขั้นที่จะสามารถตายร่วมกันได้เลย

 

นี่เป็นสาเหตุว่าเพราะอะไรศิษย์ของฝ่ายอธรรมถึงได้ทระนงเช่นนี้ พวกเขาที่ยอมอดทนมาโดยตลอด ก็เพราะว่าสุดยอดฝีมือทั้งสอง ยังไม่คิดที่จะเปิดศึกนั้นเอง

“เอาเถอะ ข้าจะถอยให้หนึ่งก้าว พวกเราต่างก็ส่งตัวแทนออกมาฝ่ายละหนึ่งคน ทว่าเจ้าต้องสาบานด้วย หากยังไม่ได้พบเห็นสมบัติลับอย่างแท้จริง ทุกคนจะต้องแบ่งกันอย่างทัดเทียม” จ้าวหมิงซานได้กล่าวข้อตกลงออกมา

 

“ไม่มีปัญหา”

 

บนใบหน้าสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นได้ปรากฏรอยยิ้มที่เย็นชาขึ้นมา ทว่าภายในส่วนลึกกลับปรากฏความรู้สึกเหยียดหยามออกมาจนสิ้น

 

จ้าวหมิงซานต้องข่มเพลิงโทสะเอาไว้ ในขณะที่ยังมิได้พบเห็นสมบัติที่แท้จริง ก็ยังคงไม่คิดที่จะเข้าแลกด้วย เพราะเขาไม่ทราบว่าคุ้มค่าหรือไม่

 

ทางหมู่ตึกเองถ่ายทอดความคิดเช่นนี้ให้แก่เขา พวกเขาต่างก็เป็นสุดยอดฝีมือ ที่ถือได้ว่าเป็นดั่งความหวังของทางหมู่ตึก มีชีวิตที่ล้ำค่ากว่าผู้อื่นอย่างมาก จึงไม่อาจที่จะเข้าแลกอย่างวุ่นวายไปได้

 

ในสายตาของพวกเขานอกเสียจากพวกเขาเอง คนอื่นต่างก็เป็น“กาฝาก” ไม่อาจที่จะสูงส่งเทียบเท่ากับพวกเขาได้ หากเกิดเข้าแลกกับผู้อื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเครื่องปั้นดินเผาที่ประณีต ไปขังพวกหนูสกปรกแล้ว

 

ไม่นานนักทั้งสองฝ่ายก็ได้คัดเลือกศิษย์สายนอกออกมาคนหนึ่ง ผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสองคนก็ได้ยื่นมือออกมา เพื่อที่จะโยนทั้งสองคนเข้าไปภายในเส้นทาง

“เหว่ยเหว่ย……รอก่อน”

 

“พรวดพรวดพรวดพรวด……”

 

ทันใดนั้นภายในก็ได้มีเสียงของกัวเหรินดังขึ้นมา พร้อมกับเสียงของไข่มุกเหล็กลอยออกมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงกลไกถูกกระตุ้นขึ้นมา จนเกิดมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นมาอีกครั้ง

 

“ตัวบัดซบ นี้เจ้าคิดที่จะทำอะไรกัน ? ”

 

จ้าวหมิงซานกับสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นมีโทสะขึ้นมายกใหญ่

 

“นั่นก็เป็นเพราะ……พวกเจ้านั้นรีบร้อนกันจนเกินไปแล้ว ข้า……ยังรู้สึกว่ายังไม่เหมาะสมอยู่บ้าง”กัวเหรินส่งเสียงดังออกมาด้วยอาการตะกุกตะกัก

 

“มีอะไรไม่เหมาะสมกัน”

 

ภายในแววตาของจ้าวหมิงซานแทบจะมีเปลวเพลิงพุ่งออกมา หากกัวเหรินอยู่หน้าเขา เขาจะต้องฟาดกัวเหรินให้ตายคามืออย่างแน่นอน

 

“นั้นก็……เป็นเพราะข้ายังหวาดกลัวอยู่บ้าง” กัวเหรินส่งเสียงวิตกกังวลออกมา

 

“กลัวอะไรกัน ? ” จ้าวหมิงซานได้กล่าวออกมาด้วยความอดกลั้น

 

“ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่ทำตามที่ลั่นวาจาไว้ หากพวกเจ้าเปลี่ยนใจขึ้นมา ข้ามิใช่ต้องตายสถานเดียวอย่างงั้นหรอกหรือ ? ”

 

จ้าวหมิงซานกับสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมก็ได้ทอประกายแววตาที่ดุร้ายขึ้นมา กัวเหรินผู้นี้คิดที่จะทำให้พวกเขาคลั่งจนตายกันเลยหรือไง

 

“เช่นนั้นเจ้าจะให้ทำอย่างไร ? ” จ้าวหมิงซานพยายามที่จะควบคุมโทสะของตนเองแล้วกล่าวออกมา

 

“นอกเสียจากว่าพวกเจ้าจะสาบาน” กัวเหรินก็ได้กล่าวออกมา

 

“ได้ พวกเราขอสาบาน”

 

ต่อมาจ้าวหมิงซานกับสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นก็ถูกบีบจนอับจนหนทาง มีแต่เพียงต้องสาบาน และก็เพื่อที่จะเร่งทำเวลา ต่างก็ได้ใช้คำสาบานที่รุนแรงเป็นอย่างยิ่งออกมา

 

ทว่าทั้งสองคนก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ฉลาดเป็นอย่างยิ่ง ตนเองได้สาบานจะไม่สืบสาวเอาความให้กัวเหรินรับผิดชอบ ยิ่งจะไม่ใช้เขาเป็นเครื่องระบายอยู่แล้ว

 

“ได้ ข้าจะเชื่อใจพวกเจ้า”

 

คำตอบของกัวเหริน ก็ทำให้จ้าวหมิงซานและสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรม ผ่อนลมหายใจออกมาได้ในที่สุด ทั้งสองคนต่างก็หันไปสบสายตากับคนที่อยู่ทางด้านหลังในเวลาเดียวกัน

 

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset